Blogger Widgets
Sporty Magazine official website | Members area : Register | Sign in

ค้นหาบล็อกนี้

คลังไฮไลท์แมตช์

ไฮไลท์คลิป สุภาษิตใหม่ ! เด็กเปลตายเพราะเปล 12bet 14/04/2555

วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555



ภาพอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็กยกเปล กำลังทำหน้าที่แบกนักเตะออกจากสนามฟุตบอล ในแมตช์การแข่งขันฟุตบอลลีกที่อิหร่าน ระดับดิวิชัน 3 ด้วยความเร่งรีบของเด็กยกเปลจนสะดุดขาตัวเองล้มไม่เป็นท่า จนสุดท้ายนักเตะต้องเดินออกไปเอง






ภาพเหตการณ์ ระหว่างพาผู้บาดเจ็บหามเปลออกจากสนามพากันร่วงไม่เป็นท่าไปด้วยกัน แล้วกลายเป็นว่าคนเจ็บกลับเป็นเด็กยกเปลเสียเองที่โดนขอบเปลทับตรงข้อเท้าเป็นเหตุให้ทีมงานสนาม ต้องพยุงตัวหิ้วปีกเด็กเปลผู้โชคร้ายเดินออกไปจากสนามไป ส่วนนักเตะที่ตกเปลก็ลุกเดินออกจากสนามไปเอง พร้อมแสดงอาการส่ายหัวแบบยิ้มๆ

ไฮไลท์คลิป ประตูแฟร์เพลย์ แสนชุลมุนจากลีกตุรกี 12bet 14/03/2555



ภาพเหตุการณ์ความวุ่นวายจากฟุตบอลลีกดิวิชัน 3 ตุรกี คู่ระหว่าง ดาร์เดเนลสปอร์ พบกับ เออร์ซูรัมสปอร์ จากจังหวะนักเตะทีมเยือนบาดเจ็บจนต้องเตะบอลทิ้งเพื่อให้มีเวลาปฐมพยาบาลแต่หลังจากเริ่มเกมต่อ อิลฮาน ฟารัค นักเตะทีมเจ้าบ้านเตะบอลโด่งจากครึ่งสนามหมายจะคืนลูกให้นายประตูทีมเยือนได้เตะเปิดเริ่มเกมแต่กลับกลายเป็นลูกบอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างไม่ตั้งใจ




       
จากจังหวะสกอร์ที่ได้โดยไม่ตั้งใจนี้ทำให้เกิดความวุ่ยวายจากความไม่พอใจของผู้เล่นเออร์ซูรัมสปอร์ อยู่หลายนาที แต่เกมก็ยังคงดำเนินต่อไปได้เมื่อทางสตาฟฟ์โค้ชทีม ดาร์เดเนลสปอร์ สั่งให้ลูกทีมยอมปล่อยให้ฝ่ายทีมเยือนยิงคืนได้ 1 ลูก แต่ดูเหมือนลูกแรกที่ยิงไปนั้นผู้ตัดสินยังไม่ยอมให้ประตูเนื่องจากมีผู้เล่นเออร์ซูรัมสปอร์ ทำผิดกติกายืนอยู่ในกรอบเขตโทษขณะที่ผู้รักษาประตูกำลังจะเตะเปิดเกม จนต้องมาเริ่มเตะกันใหม่และในท้ายที่สุดผู้ยิงประตูก็เป็นนักเตะของดาร์เดเนลสปอร์ เสียเองที่ได้บอลเตะมาจากนายประตูเพื่อนร่วมทีม เขาตัดสินใจลากบอลวิ่งเข้าไปยิงประตูทีมตัวเองส่งเข้าก้นตาข่ายอย่างตั้งใจ

ไฮไลท์คลิป เล่นกอล์ฟได้เข้าตามันเป็นอย่างนี้นี่เอง 12bet 14/04/2555



ภาพเก็บตกจากการแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์แรกของพีจีเอทัวร์ ศึก เดอะ มาสเตอร์ส 2012 ที่สนามออกัสตา เนชันแนล กอล์ฟ ปรากฏว่า มีแฟนกอล์ฟชายรายหนึ่งสุดโชคร้ายโดนลูกกอล์ฟพุ่งใส่หน้า จากชอตทีออฟของ ปีเตอร์ ฮานสัน ก้านเหล็กชาวสวีเดน ที่หลุม 8 พาร์ 5 ระยะ 570 หลา ด้วยอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดนี้ ทำเอาแฟนกอล์ฟชายร่างใหญ่ผู้โชคร้ายถึงกับทรุดตัวล้มนอนกลิ้งอยู่บนพื้นสนามด้วยความเจ็บปวดเลยทีเดียว



ไฮไลท์แมตช์ สตุ๊ตการ์ท VS แวร์เดอร์ เบรเมน Bundesliga - ม้าขาวเปิดรังอัดนางนวลเละ 4-1 12bet 14/03/2555



ม้าขาว"สตุ็ดการ์ท ยังคงเดินเครื่องคว้าชัยได้อย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดบ้านไล่ต้อนเอาชนะ"เจ้านกนางนวล" แวร์เดอร์ เบนเมน ยับ 4-1 มาร์ติน ฮาร์นิค โชว์ฟอร์มเหมาไปสองลูก ในศึกบุนเดสลีกา เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา




วันศุกร์ที่ 13 เมษายน 2555 




ฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน 
สตุ๊ตการ์ท 4-1 แวร์เดอร์ เบรเมน



VfB Stuttgart 1-4 Werder Bremen footyroom.com by Futbol2101





ศึกลูกหนัง บุนเดสลีกา เยอรมัน เมื่อวันที่ 13 เม.ย. "ม้าขาว"สตุ็ดการ์ท ทีมอันดับ 5 ของตาราง เปิดสนาม เมอร์เซเดส เบนซ์ อารีนา รับการมาเยือนของ "นกนางนวล" แวร์เดอร์ เบรเมน ทีมอันดับ 8 ของลีก


เริ่มการแข่งขันทัพเจ้าถิ่นก็ได้บุกเข้ากดดันก่อน แต่ในนาทีที่ 25 ทีมเยือนก็ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะโต้กลับเร็ว เคลาดิโอ ปิซาร์โร แทงบอลเข้าทางขวาให้ มาร์โก มาริน หยอดเข้าเสาสอง มาร์คุส โรเซนเบิร์ก หลุดเข้าชาร์จโล่งๆเป็นประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0


หลังเสียประตูแรกทีมม้าขาวก็เดินเครื่องโต้กลับจนมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 36 คริสเตียน โมรินาโร พาบอลลุยขึ้นมาทางซ้าย ก่อนจะจ่ายสั้นๆให้ คริสเตียน เกนท์เนอร์ ตั้งป้อมหน้าเขตโทษ กดด้วยขวาบอลพุ่งยัดใต้คานไปอย่างเหนือชั้น


ช่วงทดเวลาบาดเจ็บก่อนหมดครึ่งแรก ทีมเจ้าถิ่นก็มาได้ประตูที่สองจากลูกเตะมุมฝั่งขวา จอร์จ นีเดอร์ไมเออร์ ขึ้นโขกทางเสาสองตรงตัว ทิม วีเซ ปัดบอลออกไปเข้าทาง มาร์ติน ฮาร์นิค โขกซ้ำดาบสองไม่เหลือ เป็นประตูปิดครึ่งแรกให้ทีมเจ้าถิ่นนำ 2-1


ครึ่งหลังนาทีที่ 53 ทัพม้าขาวก็ขยับสกอร์เป็น 3-1 จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย ทามาส ไฮจ์นัล เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษลูกตกพื้นเด้งมาเข้าตัว มาร์ติน ฮาร์นิค ตวัดขาตามน้ำเข้าตาข่าย แต่จากจังหวะดังกล่าวดูเหมือนจะแฮนด์บอลแต่กรรมการไม่ว่าอะไร


หลังจากนั้นทัพเจ้านกนางนวลก็เป็นฝ่ายได้ครองบอลโต้กลับแต่ก็ยังทำประตูเพิ่มไม่ได้ เข้าสู่ท้ายเกมนาทีที่ 89 สตุ็ดการท์ ก็มาได้ประตูปิดท้าย โกโตขุ ซาคาอิ เปิดบอลจากกราบซ้ายเข้าหน้าประตู กาเกา ตัวสำรองขึ้นโขกปิดฉาก หมดเวลาการแข่งขัน สตุ็ดการ์ท เปิดบ้านเอาชนะ แวร์เดอร์ เบนเมน ขาดลอย 4-1เก็บ 3 แต้มมี 49 คะแนนลงแข่ง 31 นัดตามหลังอันดับ 4 มึนเซน กลัดบัด อยู่ 4 แต้ม.


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


สตุ๊ตการ์ท : สเวน อูลไรช์ - โกโตกุ ซากาอิ, แซร์ดาร์ ทาสซี่, จอร์จ นีเดอร์ไมเออร์, คริสเตียน โมลินาโร่ - วิลเลี่ยม ควิสต์, คริสเตียน เกนท์เนอร์ - มาร์ติน ฮาร์นิค, ทามาส ไฮจ์นัล, ยูเลี่ยน ชีเบอร์ - เวดัด อิบิเซวิช 


เบรเมน : ทิม วีเซ่ - อเล็กซานดาร์ อิ๊กนอฟสกี้, ฟร็องซัวส์ อัฟโฟลเตอร์, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, ลูคัส ชมิตซ์ - นัลโด้ - เคลเมนส์ ฟริตซ์, ซลัตโก้ ยูนูโซวิช - มาร์โก มาริน - เคลาดิโอ ปิซาร์โร่, มาร์คุส โรเซนเบิร์ก

ไฮไลท์แมตช์ เซบีย่า VS เรอัล ซาราโกซ่า La Liga Spain - เซบีย่าดุเปิดบ้านอัดซาราโกซ่า 12bet 13/04/2555

วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555



เซบีย่า ระเบิดฟอร์มดุในบ้านอีกครั้ง หลังได้อัลบาโร่ เนเกรโด้ กองหน้าดีกรีทีมชาติสเปน เหมาสองประตู ให้ทีมเปิดรังถล่มเรอัล ซาราโกซ่า 3-0  ในศึกลา ลีกาประเทศสเปน เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา


วันพฤหัสบยดีที่ 12 เมษายน 2555


ฟุตบอลลา ลีกา สเปน 
เซบีย่า 3-0 เรอัล ซาราโกซ่า






Sevilla vs Real Zaragoza 3-0 by fouadram




เซบีย่า ทีมอันดับ 8 ลงสนาม 31 นัดมี 42 คะแนน เปิดสนามรามอน ซานเชซ ปิซฆวน รับ รีล ซาราโกซา อันดับ 18 ซึ่งกำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นมี 28 คะแนนจาก 31 นัด เกมนี้เจ้าถิ่นวาง อัลบาโร เนเกรโด ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า โดยมี เฆซุส นาบาส และ มานู คอยสนับสนุน ส่วนทีมเยือนต้องฝากความหวังในการทำประตูไว้ที่ เฮลเดอร์ ปอสติกา หัวหอกชาวโปรตุกีส
       
เปิดฉากครึ่งแรกแค่ 8 นาที กองเชียร์เจ้าถิ่นได้เฮ เมื่อ เฟเดริโก ฟาซิโอ เติมเกมขึ้นมาโหม่งให้ เซบีญา ออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเจ้าบ้านก็ยังทำเกมดีกว่า มาถึงนาที 26 ก็ขยับหนี 2-0 เนเกรโด สไลด์บอลจากลูกเปิดของ มานู ผ่านตัว โรแบร์โต กาโก นายด่านซาราโกซา ซุกก้นตาข่าย
       
ทีมเยือนเกือบทำประตูไล่ขึ้นมาในนาที 29 หลังจาก อโปโย หลุดเข้าไปดวลกับ อันเดรส ปาลอป แต่กลับหลุดกรอบออกไปเอง ก่อนที่ เซบีย่า จะมาฉีกหนี 3-0 ในนาที 41 เนเกรโด วอลเลย์หน้าเขตโทษจังหวะแรกติดเซฟ กาโก บอลไหลไปทางริมเขตโทษด้านขวา เนาบาส บรรจงเปิดกลับมาให้ เนเกรโด พุ่งโหม่งเสาแรก กาโก รับไม่อยู่บอลปลิ้นประตู ก่อนจบครึ่งแรก
       
เจ้าถิ่นลงสนามมาบุกต่อในครึ่งหลัง นาที 48 เนเกรโด หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษให้ กาโก ออกแรกปัดทิ้งอีกครั้ง ต่อมานาที 56 นาบาส สับไกยิงบนเส้น 18 หลา หลุดเสาออกไปอีก ขณะที่ ซาราโกซา มีลุ้นตีไข่แตกอีกครั้งในนาที 65 แต่ ปอสติกา ซัดมุมแคบเข้าข้างหน้าต่าง
       
ช่วงท้าย เซบีย่า พักผู้เล่นตัวหลักและประคองตัวจนจบเกมเอาชนะไป 3-0 เก็บสามคะแนนเต็ม มีเพิ่มเป็น 45 คะแนน ขึ้นมาอยู่ที่ 7 ของตาราง ส่วน ซาราโกซา มี 28 คะแนนเท่าเดิม อยู่รองสุดท้าย




ผลฟุตบอลลา ลีกาคืนวันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน 2555
บียาร์เรอัล ชนะ มาลาก้า 2-1
ราซิ่ง ซานตานเดร์ แพ้ เรอัล มายอร์ก้า 0-3
เซบีย่า ชนะ เรอัล ซาราโกซ่า 3-0

ไฮไลท์แมตช์ โบโลญญ่า VS กายารี่ Seties A Italy - โบโลญญ่าเปิดรังเฉือนหวิวกายารี่ 1-0 12bet 13/04/2555



โบโลญญ่า เก็บสามแต้มสำคัญได้สำเร็จ ด้วยการเปิดเรนาโต้ ดาลลาร่า เอาชนะ กายารี่ ไปแบบหืดจับ 1-0 จากลูกฟรีคิดลุดสวยของอเลสซานโดร เดียมานติ  ในศึกฟุตบอล กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน. ที่ผ่านมา


วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน 2555


ฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
โบโลญญ่า 1-0 กายารี่



bol cag 1 0 by Tifosando



เจ้าถิ่น โบโลญญ่า กำลังลุ้นหนีตกชั้น ต้องการกองหน้าตัวหลัก มาร์โก ดิ วาโญ่ ติดโทษแบน ทำให้ต้องส่ง เฮนรี่ กิเมเนซ ลงยิงคู่ โรเบิร์ต อัคควาเฟรสก้า ส่วนกายารี่ ก็ไม่มี เมาริซิโอ ปินิญ่า ศูนย์หน้าตัวเก่ง ติดโทษแบนเช่นกัน เกมนี้จึงต้องให้ ติอาโก้ ริเบยโร่ เป็นกองหน้าลงล่าตาข่ายร่วมกับ โจอากิน ลาร์ริเวย์


เจ้าถิ่นมีลุ้นประตูก่อนในนาทีที่ 8 เป็นจังหวะที่ เฮนรี่ กิเมเนซ โหม่งชงให้ โรเบิร์ต อัคควาเฟรสก้า กดด้วยเท้าขวาหน้ากรอบโทษไปติดเซฟ ไมเคิ่ล อากัซซี่


เกมดำเนินแบบเรื่อยๆเฉือยๆ จนท้ายครึ่งแรก ทีมเยือนเกือบโดนใบแดงในนาทีที่ 41 เมื่อ มิเคเล่ คานินี่ ซึ่งยืนเป็นตัวสุดท้าย ไปเสียบ เฮนรี่ กิเมเนซ ในจังหวะจิ้มหลบไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินยังปราณีให้แค่ใบเหลือง


นาทีสุดท้ายครึ่งแรก อเลสซานโดร เดียมานติ กองกลางเท้าหนักของ โบโลญญ่า ส่องไกลเท้าซ้ายเต็มแรง แต่ อากัซซี่ ยังเซฟออกหลังได้เยี่ยม จบครึ่งแรก ยังเสมอ 0-0


ครึ่งหลัง โบโลญญ่า มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 54 จากลูกฟรีคิกระยะ 25 หลาเยื้องไปทางฝั่งขวาเล็กน้อย อเลสซานโดร เดียมานติ ปั่นโค้งด้วยเท้าซ้ายข้ามกำแพงมุดเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม ก่อนที่ เดียมานติ จะโดนใบเหลืองเพราะไปดีใจเกินเหตุ


หลังจากนั้น กายารี่ ตอบโต้และเกือบตีเสมอได้ทันควันในอีก 4 นาทีต่อมา อันเดรีย คอสซู เปิดลูกเตะมุมไปให้ โจอากิน ลาร์ริเวย์ ขึ้นโหม่งเฉียดเสาออกไปนิดเดียว


นาทีที่ 65 เจ้าบ้านก็พลาดได้ประตูที่สองเช่นกัน เมื่อ กาสตอน รามิเรซ กองหน้าตัวสำรอง ผ่านบอลให้ โรเบิร์ต อัคควาเฟรสก้า กดเรียดเท้าซ้ายหลุดเสาสองออกไปแบบหวาดเสียว


ช่วงเวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมแลกเกมบุกกัน แต่ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม โบโลญญ่า เฉือนชนะ กายารี่ ไปหวุดหวิด 1-0 เก็บสามแต้มแซงขึ้นมาอยู่กลางตารางแล้ว


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โบโลญญ่า : ฌอง ฟร็องซัวส์ ชิลเล่ต์, อันเดรีย ราจจี้, ดานิเอเล่ ปอร์ตาโนว่า, นิโกโล่ เครูบิน, นิโก้ ปุลเซ็ตติ, ดีเอโก้ เปเรซ, กาบี้ มูดินกายี่, อาร์คิเมเด้ มอร์เลโอ, อเลสซานโดร เดียมานติ, เฮนรี่ กิเมเนซ, โรเบิร์ต อัคควาเฟรสก้า


กายารี่ : ไมเคิ่ล อากัซซี่, ฟรานเชสโก้ ปิซาโน่, ดาวิเด้ อัสตอรี่, มิเคเล่ คานินี่, อเลสซานโดร อกอสตินี่, อัลบิน เอ็คดัล, ดานิเอเล่ คอนติ, รัดย่า เนียงโกลัน, อันเดรีย คอสซู, ติอาโก้ ริเบยโร่, โจอากิน ลาร์ริเวย์

ไฮไลท์แมตช์ บียาร์เรอัล VS มาลาก้า La Liga Spain - เรือดำน้ำแซงทดเจ็บเฉือน มาลาก้า 2-1 นาที 94 12bet 13/04/2555



บียาร์เรอัล เปิดรังเอล มาดรีกัล เก็บชัยเหนือ มาลาก้า ทีมแกร่งได้อย่างเหลือเชื่อในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 4 ในฟุตบอลลา ลีกา ประเทศสเปน เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา จากประตูชัยของเอร์นาน เปเรซ




วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน 2555


ฟุตบอลลา ลีกา สเปน.
บียาร์เรอัล 2-1 มาลาก้า 








บียาร์เรอัล ต้องการแต้มเพื่อหนีตกชั้น เกมนี้ได้ คริสเตียน ซาปาต้า พ้นโทษแบนลงคุมแนวรับแทน อังเคล โลเปซ ที่ติดโทษแบนพอดี แนวรุกยังหวังพึ่ง มาร์โก รูเบน ในการทำประตู


ด้านมาลาก้า ก็ต้องการชัยชนะเพื่อกลับไปยึดอันดับสามของตารางตามเดิม หลังถูก บาเลนเซีย ซึ่งเล่นก่อน 1 วัน แซงขึ้นหน้า เกมนี้วาง โฮเซ่ ซาโลมอน รอนดอน เป็นตัวทีเด็ดในแนวรุก


ช่วงต้นเกม เจ้าถิ่นน่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆ เมื่อ มาร์กอส เซนน่า กดด้วยเท้าซ้ายจากหน้ากรอบระยะ 22 หลา บอลพุ่งผ่าน คาร์ลอส คาเมนี่ ไปแล้ว แต่บอลเช็ดคานออกหลัง


จากนั้นมาลาก้าเริ่มหาจังหวะตอบโต้ได้บ้าง นาทีที่ 17 ดูด้า เปิดฟรีคิกจากฝั่งซ้ายให้ โฮเซ่ ซาโลมอน รอนดอน ขึ้นโหม่งคนเดียวแล้ว แต่กดบอลไม่ลง ข้ามคานออกไป


โอกาสของทั้งสองทีมมีค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นลูกยิงไกลอย่างของเจ้าถิ่นในนาทีที่ 32 อเลฮานโดร มาร์ตินุคคิโอ ซัดด้วยซ้ายจากระยะ 25 หลา บอลติดไซด์ก้อยเฉี่ยวเสานิดเดียว


มาลาก้า ก็เช่นกัน นาทีที่ 38 อิสโก้ กดเรียดเท้าขวา ดีเอโก้ โลเปซ ล้มตัวเซฟไม่อยู่มือ รอนดอน ปรี่เข้าหาบอลแล้ว แต่นายทวารบียาร์เรอัลยังลุกขึ้นมาตะครุบจังหวะสองได้ทัน จบครึ่งแรก เสมอ 0-0


มาลาก้ามาขึ้นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 65 จากจังหวะที่ อิสโก้ ผ่านสั้นๆ ให้ ซานติ กาซอร์ล่า จับแล้วซัดด้วยซ้ายระยะ 22 หลา บอลพุ่งเรียดเสียบเสาสอง สุดปลายมือของ ดิเอโก้ โลเปซ เป็นการยิงทีมเก่าของตัวเองด้วย
      
บียาร์เรอัล ลุยหนักเพื่อทวงประตูคืนให้ได้ นาทีที่ 78 บอร์ฆา บาเลโร่ ผ่านเรียดจากด้านขวาไปที่เสาสอง มาร์โก รูเบน พุ่งเข้าชาร์จจ่อๆ ไม่โดนบอลหวุดหวิด ทั้งที่ปากประตูเปิดโล่งแล้ว


 เจ้าบ้านก็มาได้จุดโทษ เมื่อ เอร์นาน เปเรซ กองหน้าตัวสำรอง แตะบอลหลบ คาร์ลอส คาเมนี่ แล้วโดนรวบล้ม เป็นใบแดงของ คาเมนี่ ด้วย ทำให้ทีมเยือนต้องส่ง รูเบน มาร์ติเนซ ประตูสำรองลงแทน อิสโก้ ก่อนที่ มาร์กอส เซนน่า จะสังหารจุดโทษไม่เหลือ ตีเสมอเป็น 1-1 ในนาที 83


เท่านั้นไม่พอ บียาร์เรอัล ยังแซงนำ 2-1 ในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 94 จากลูกเตะมุมที่ รูเบน มาร์ติเนซ ชกออกมาไม่ขาด เอร์นาน เปเรซ ตัวสำรองทีเด็ด ตะบันด้วยซ้ายจากระยะ 25 หลาสวนตูมเดียวผ่าน รูเบน และตัวคุมเส้นเสียบเสาอย่างสุดงามจบเกม บียาร์เรอัล ทำเรื่องเหลือเชื่อ แซงชนะ มาลาก้า ในช่วงท้ายเกม 2-1 เก็บสามแต้มสำคัญเอาไว้ได้




รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บียาร์เรอัล : ดีเอโก้ โลเปซ, คริสเตียน ซาปาต้า, กอนซาโล่ โรดริเกซ, มาเตโอ มูซัคคิโอ, โฆเซ่ กาตาล่า, บรูโน่ โซเรียโน่, มาร์กอส เซนน่า, บอร์ฆา บาเลโร่, อเลฮานโดร มาร์ตินุคคิโอ, ฆาเบียร์ กามุนยาส, มาร์โก รูเบน


มาลาก้า : คาร์ลอส คาเมนี่, เซร์คิโอ ซานเชซ, เวลิกตัน, โยริส มาไธจ์เซ่น, นาโช่ มอนเรอัล, อิ๊กนาซิโอ กามาโช่, ดูด้า, อิสโก้, ซานติ กาซอร์ล่า, เอลิซู, โฮเซ่ ซาโลมอน รอนดอน

ไฮไลท์คลิป นายทวารใจเพชร นิ้วหักแต่ยังอยู่เซฟประตูต่อ 12bet 13/04/2555



ฟาบิโอ คอลตอร์ติ นายประตูทีม ลัวซาน กลายเป็นหนึ่งผู้ในสร้างกำลังใจสำคัญให้กับเพื่อนร่วมทีมจนร่วมกันโชว์ฟอร์มบุกคว้าชัยชนะเหนือทีมแกร่งร่วมลีกอย่าง ยัง บอยส์ ถึงถิ่น ไฮ-ไฟลอิง สเตเดียม 3-1 ในศึกซูเปอร์ลีก สวิตเซอร์แลนด์ ทั้งๆที่นิ้วก้อยมือขวาของเขาหักงอโค้งอย่างสยดสยอง






อาการบาดเจ็บสุดแสนเจ็บปวดอันเกิดจากโคนนิ้วก้อยของมือขวาเขาหลุด แต่ด้วยการตัดสินใจของกุนซือยังให้เขาทำหน้าที่ลงแข่งขันต่อไปร้อนถึงทีมแพทย์ต้องทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจัดการใช้ผ้าพันดัดข้อนิ้วแล้วสวมถุงมือใช้ผ้าพันแผลดามนิ้วไว้ชั้นหนึ่ง เห็นสีหน้านายประตูใจหินระหว่างทำการปฐมพยาบาล บ่งบอกออกมาผ่านทางสีหน้าได้อย่างชัดใจว่าเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ

ไฮไลท์แมตช์ คิเอโว่ VS เอซี มิลาน Series A - มิลานทวงฝูง! มุนตารี่เบิกชัยต้นเกมเชือดหวิว 1-0 12bet 11/04/2555

วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555



ซุลลี่ย์ มุนตารี่ กลายเป็นฮีโร่ทำประตูชัยให้"ปีศาจแดงดำ" เอซี มิลาน ที่ทำท่าจะแผ่วในปลายฤดูกาลบุกเชือด คิเอโว่ 1-0 เก็บสามแต้มแซงยูเวนตุสกลับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูง เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา 


วันอังคารที่ 11 เมษายน 2555 


ฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี่
คิเอโว่ 0-1 เอซี มิลาน 





 คิเอโว่ เปิดบ้านรับแข้งเอซี มิลาน รองฝูงที่ต้องการชัยชนะอย่างยิ่ง เพื่อแซงยูเวนตุสกลับขึ้นไปเป็นจ่าฝูง เกมนี้เจ้าบ้านมีแซร์โจ้ เปลลิสซิเยร์ และ อัลแบร์โต้ ปาลอสคี่ เป็นแกนหลักในแดนหน้า ส่วนรอสโซเนรี่นำทัพมาโดยคู่หอกโรบินโญ่ และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช  


เปิดฉากแค่ 9 นาทีแรก มิลาน ฉวยโอกาสพังประตูขึ้นนำเร็ว 1-0 โรบินโญ่ ล้วงลึกจ่ายย้อนกลับมาให้ มุนตารี่ เติมเกมจากแดนกลางสับไกยิงเต็มข้อระยะ 30 หลาบอลพุ่งเป็นจรวดผ่านมือนายทาวารคิเอโว่ตุงตาข่าย

เสียประตูแบบไม่คาดฝัน คิเอโว่ ต้องลุยเพื่อเอาคืนอีก 5 นาทีถัดมา แบรดลี่ย์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวาก่อนผ่านเข้ากลาง เนสต้า ชิงจังหวะล้มตัวสกัดได้ก่อนยังดีบอลไม่ผิดเหลี่ยมเกือบเข้าประตูตัวเองบอลถากเสานิดเดียว

เจ้าถิ่นยังเดินลุยต่อเนื่องกระทั่งนาที 24 ต้องเฮเก้ออุตส่าห์ส่งบอลสู่ก้นตาข่าย ซัมมาร์โก โหม่งชงต่อให้ ปาลอสคี่ หลุดเข้าไปซัดผ่านมือ อับเบียติ นายทวารมิลานเข้าไปแต่ผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้า

อีกสองนาทีถัดมา คิเอโว่ ได้ลุ้นอีกครั้่ง ริกอนี่ ตวัดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษ เธเรอู ลากเข้าไปยิงมุมแคบบอลชนหน้าต่างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย

คิเอโว่ ครองเกมไว้ได้หมดจนผ่านครึ่งชั่วโมง ริกอนี่ โยนจากริมเส้นทางซ้ายไปยังเสาสอง เปลลิสซิเยร์ โหม่งจากระยะสิบหลาเท่านั้นกดลงพื้นบอลปลิ้นออกหลังอย่างน่าเสียดาย

หลังตั้งรับอยู่นาน มิลาน เปิดเกมบุกบ้างนาที 37 หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้ายมี ซัมบร็อตต้า วิ่งสอดจากแดนหลังทำท่าจะส่งแต่หลอกกองหลังกระชากเข้าไปยิงเองหลุดเสาแรกนิดเดียว

นาทีสุดท้ายครึ่งแรก คิเอโว่ ปล่อยโอกาสทองหลุดลอยไปอย่างเหลือเชื่อ ซาร์โด ไหลทะลุไปยังพื้นที่ว่างทางขวา เธเรอู กระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนตบย้อนหลังมาแถวสอง ริกอนี่ ได้ยิงล่อเป้าโล่งๆแค่ไม่ถึงสิบหลากลับจิ้มหลุดกรอบหน้าตาเฉยจบครึ่งแรกเสมอแบบไร้สกอร์


กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ยังเป็น คิเอโว่ เปิดเกมบุกเหมือนเดิมผ่านไปแค่ 5 นาทีได้แค่เกือบจากจังหวะ แบรดลี่ย์ วอลเลย์เต็มข้อบริเวณหัวกระโหลก อับเบียติ ซูเปอร์เซฟล้มตัวปัดทิ้งบนเส้นพอดี

มิลานยังไม่รอดพ้นอันตรายจังหวะต่อเนื่องกันในนาที 52 เปลลิสซิเยร์ หลุดเข้าไปทางซ้ายแต่ยิงช้อนใต้ลูกจากระยะไม่ถึงสิบหลาบอลเลยเหินข้ามคาน

หลังตั้งรับอยู่นานหลายนาทีกระทั่งเหลือ 15 นาทีสุดท้าย มิลาน เกือบบวกเพิ่มเม็ดสอง อิบราฮิโมวิช โซโล่เลี้ยงตัดจากซ้ายเลาะเข้าในก่อนปั่นไซด์โค้งระย 25 หลาบอลเลี้ยวหลุดออกข้างนิดเดียว

ท้ายเกม คิเอโว่ โหมกดดันอย่างหนักนาที 80 มิลานเป่าปากโล่งอกไม่เสียจุดโทษ เปลลิสซิเยร์ ตวัดไปโดนมือ เนสต้า เต็มๆ แต่ผู้ตัดสินเป่าว่า เปลลิสซิเยร์ ล้ำหน้าก่อน จากนั้น มิลาน อาศัยเกมรับเหนียวแน่นยันสกอร์เอาไว้ได้เฉือน 1-0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
คิเอโว่: ซอร์เรนติโน่,ซาร์โด(เซซาร์ น.74,ดาอิเนลลี่,อแคร์บิ,เฟรย์,ซัมมาร์โก (ลูชาโน่ น.65),ริกอนี่,แบรดลี่ย์,เธเรอู,ปาลอสคี่(รินัลโด้ น.69),เปลลิสซิเยร์

เอซี มิลาน: อับเบียติ,เด ชิโญ่,เนสต้า,เยเปส,ซัมบร็อตต้า,กัตตูโซ่(เอล ชาราวี น.62),มุนตารี่,โนเชริโน่,เซดอร์ฟ(สตราเซอร์ น.89),อิบราฮิโมวิช,โรบินโญ่(เอมานูเอลสัน น.68)

ไฮไลท์แมตช์ บาร์เซโลน่า VS เกตาเฟ่ La Liaga - บาร์ซ่าสอยเกตาเฟ่ 4-0 จี้ราชันแค่แต้มเดียว 12bet 11/04/2555



แฟนๆ เรอัล มาดริด จ่าฝูง ลา ลีกา ตาขวาเริ่มขยิบๆซะแล้ว เมื่อโดนบาร์เซโลน่า ที่ได้ลงเล่นก่อนในคืนวันอังคารที่ผ่านมา เปิดคัมป์ นู ถล่มเกตาเฟ่ 4-0 จี้คะแนนไล่หลังมาเหลือเพียงแต้มเดียวแล้วเท่านั้น

วันอังคารที่ 10 เมษายน 2555 


ฟุตบอลลา ลีกาสเปน
บาร์เซโลน่า 4-0 เกตาเฟ่ 






เกมนี้เป๊ป กวาร์ดิโอล่ากุนซือคนเก่งของเจ้าถิ่นต้องขาดดานี่ อัลเวสและเคราร์ด ปิเก้ไปในแนวรับทำให้ต้องถอยเอาอิแซค กูเอนก้ามาเล่นเป็นแบ็คขวาแต่ในเกมรุกนั้นยังมีตัวสำคัญลงครบนำโดยลิโอเนล เมสซี่, ชาบีและอันเดรส อิเนียสต้า

เริ่มเกมมาเป็นบาร์ซ่าที่ได้ครองเกมกดดันใส่เกตาเฟ่ตั้งแต่ต้นแต่จังหวะได้เสียวครั้งแรกกลับไม่ใช่จากนักเตะเจ้าถิ่น เป็นมิกูที่พยายามโหม่งสกัดบอลแต่ผิดเหลี่ยมบอลเกือบเข้าประตูแต่โมญ่าก็ยังเซฟไว้ได้


ใช้ทุกส่วนของร่างกายมนุษย์คุ้มค่าจริงๆสำหรับเมสซี่ในนาทีที่ 13 เมื่อใช้อกผ่านบอลให้กับอเล็กซิส ซานเชซได้จังหวะซัดจากระยะประมาณ 20 หลาบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมอย่างสวยงาม เจ้าถิ่นนำแล้ว 1-0

หลังได้ประตูเป็นบาร์ซ่าที่ยังไม่เพลาเครื่องนาทีที่ 16 ซานเชซจ่ายบอลให้กับเปโดรหลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนจะซัดด้วยขวาทันทีแต่โมญ่ายังไวพุ่งเซฟไว้ได้

"อาซูลกราน่า"ยังเป็นฝ่ายหาโอกาสได้จบสกอร์อย่างต่อเนื่องนาทีต่อมาเมสซี่ก็จ่ายทะลุช่องไปให้กับชาบีชิพบอลข้ามตัวโมญ่าไปแล้วแต่มีดิอาซวิ่งเข้ามาเคลียร์ทิ้งไปได้ ซึ่งภาพช้าดูเหมือนว่าบอลจะข้ามเส้นไปแล้ว น่าเสียดายมากลูกนี้ของชาบี

นาทีที่ 32 อเล็กซิส ซานเชซก็เกือบยิงประตูที่ 2 ของตัวเองได้เมื่อคูเอนก้าเปิดบอลมาให้กับดาวยิงชิลีได้ซัดด้วยขวาจ่อๆแต่บอลก็หลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย ถ้าตัดสินใจใช้เท้าซ้ายก็น่าจะได้ประตูไปแล้วจังหวะนี้


ท้ายครึ่งแรกบาร์เซโลน่าก็มาได้ประตูเพิ่มในนาทีที่ 44 จากจังหวะที่เมสซี่ทำชิ่งหนึ่งสองกับอิเนียสต้าหลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนจะยิงด้วยเท้าซ้ายข้างถนัดเสียบมุมสบายเป็นประตูขึ้นนำ 2-0 และเป็นลูกที่ 61 รวมทุกรายการของมนุษย์ต่างดาวรายนี้แล้ว จบครึ่งแรกบาร์ซ่านำเกตาเฟ่อยู่ 2-0

เริ่มครึ่งหลังมายังเป็นบาร์ซ่าที่ได้ครองบอลบุกใส่อย่างต่อเนื่องแต่จังหวะยิงประตูยังไม่มีให้ได้เสียวกัน นาทีที่ 49 เมสซี่ก็มารับใบเหลืองไปจากจังหวะที่กรรมการเห็นว่าดาวเตะอาร์เจนไตน์จงใจทำแฮนด์บอล

ผ่านมาเกือบ 1 ชั่วโมงเกมของเกตาเฟ่ยังไม่ดีขึ้นเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ในแดนของตัวเองเป็นส่วนใหญ่แถมยังไม่ยอมเพรสซิ่งแข้งบาร์ซ่าอีกด้วยและลงมาตั้งรับซะลึกทำให้เจ้าถิ่นผ่านบอลกันสบายเลย

บาร์เซโลน่าดูจะเล่นกันสบายๆเน้นการผ่านบอลกันไปมามีโอกาสค่อยกระทุ้งทีมเยือนนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เสียวอะไรมากนักทำให้เกมดูเนือยๆลงหน่อยในตอนนี้

หลังจากครองบอลอยู่นานเจ้าถิ่นก็มาได้ประตูนำห่างในนาทีที่ 72 เมื่อกูเอนก้าที่วันนี้พยายามเลี้ยงมาครอสบอลติดบล็อกอยู่หลายครั้งแต่คราวนี้ทำได้สำเร็จและก็เป็นซานเชซได้ขึ้นโหม่งสบายๆ บาร์ซ่าทิ้งห่างเป็น 3-0 เป็นประตูที่ 13 ของซานเชซในฤดูกาลนี้แล้ว

สนุกสนานกันใหญ่สำหรับบาร์ซ่าเมื่อ 3 นาทีต่อมาหลังจากได้ประตูที่ 3 เมสซี่ก็เปิดลูกฟรีคิกให้กับเปโดรหาที่ว่างได้โหม่งเสียบมุมเข้าไปไม่เหลือเจ้าถิ่นนำห่างเป็น 4-0 แล้ว

ช่วงท้ายเกมยังเป็นเจ้าบ้านที่เก็บบอลไว้ได้ตลอดและมีจังหวะได้ลุ้นอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีประตูเพิ่มจบเกม บาร์เซโลน่าขู่เรอัล มาดริดไปก่อนด้วยการถลุงเกตาเฟ่ไป 4-0 ตามเหลือแต้มเดียวแล้วพร้อมกับรอแช่ง"ราชันชุดขาว"ที่จะลงทำศึกดาร์บี้แม็ตช์กับแอตเลติโก มาดริดในวันพรุ่งนี้ส่วนเกตาเฟ่ยังรั้งที่ 10 ต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 


บาร์เซโลน่า : บิกตอร์ บัลเดส, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่(มูเนียซ่า น.83), อาเดรียโน่(มอนโตญ่า น.75), การ์เลส ปูโญล, เซร์คิโอ บุสเกสต์ส, ชาบี, อันเดรส อิเนียสต้า, อิเเซค กูเอนก้า, ลิโอเนล เมสซี่, เปโดร(เตโญ่ น.ึต), อเล็กซิส ซานเชซ



เกตาเฟ่ : มิเกล โมญ่า, อเล็กซิส, ดาเนี่ยล ดิอาซ, เซโป มาซิเลล่า, มิเกล ตอร์เรส โกเมซ, รูเบน เปเรซ, ฟรานซิสโก้ กาสเกโร่, ฆวน โรดริเกวซ(บาร์ราด้า น.68), ดิเอโก้ กาสโตร ฆิเมเนซ(มาร์ติเนซ น.68), มิกู, เปโดร ริออส(อาร์โรโญ่ น.90)

ผลฟุตบอล ลา ลีกา คืนวันอังคารที่ 10 เมษายน 2555
โอซาซูน่า ชนะ เอสปันญ่อล  2 - 0
เรอัล โซเซียดาด เสมอ เรอัล เบติส  1 - 1
บาร์เซโลน่า ชนะ  เกตาเฟ่  4 - 0



ไฮไลท์แมตช์ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส VS ลิเวอร์พูล Premier League - คาโรลล์เขกทดเจ็บ! หงส์ 10 ตัวซิวชัยกุหลาบ 3-2 12bet 11/04/2555



แอนดี้ คาโรลล์ ศูนย์หน้าสากอรหันต์ทองคำ รับบทซุปตาร์ขวัญใจแฟนหงส์ขึ้นมาบัดดล หลังเขกประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ให้หงส์แดงบุกเก็บสามแต้ม กลับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ได้ฉิวเฮียด 3-2 ในเกมพรีเมียร์ชิพ เมื่อคืนวันอังคารที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา

วันอังคารที่ 10 เมษายน 2555 


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-3 ลิเวอร์พูล 





เจ้าบ้านแบล็คเบิร์นยังได้โอลส์สันลงสนามเป็นตัวจริงได้ นอกนั้นถือว่ายังมากันครบ ส่วนฟอร์มช่วงหลังพวกเขาไม่ดีเลยเพราะแพ้มาสามเกมติดแล้วแต่ปีก่อนพวกเขาเอาชนะลิเวอร์พูลที่ได้ 3-1

ส่วนทีมเยือนลิเวอร์พูลจัดตัวแบบผสมมาเลยโดยเจอร์ราร์ดหายไปจากเกมนี้ไม่มีชื่อกระทั่งสำรอง โคอาเตสลงมาเป็นตัวจริงส่วนจอห์นสันกลับมาลงสนามแล้วแต่ซัวเรสเป็นสำรอง ด้านฟอร์ม 5 นัดหลังพวกเขาแพ้ถึง 3 ชนะแค่เกมเดียวแถมฟอร์มทีมเยือน 4 นัดหลังก็แพ้มารวด


เปิดฉากมาเป็นเจ้าบ้านที่ได้ลุ้นก่อนตั้งแต่นาทีที่ 6 เป็นลูกฟรีคิกเยื้องไปทางขวาประมาณ 25 หลาแล้วเป็นโอลส์สันที่รับหน้าที่ปั่นแต่บอลก็ลอยข้ามสามเหลี่ยมออกไปไม่ไกลนัก

 แต่แล้วนาที 13 โอกาสครั้งแรกของ"หงส์แดง"ก็กลายเป็นประตูขึ้นนำไปเลยจากลูกสวนกลับบอลวางยาวจากสเคอร์เทลในเขตโทษตัวเองมาให้กับเบลลามี่ทางขวากระชากเข้าเขตโทษไปก่อนจะจ่ายไปเสาสองให้กับมักซี่เติมขึ้นมายิงเข้าไปโล่งๆ ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0

อีก 3 นาทีถัดมาก็เป็นทีมเยือนที่ได้เฮมีประตูเพิ่มจากเชลวี่ย์ที่ไปแย่งบอลมาได้จากแดนกลางก่อนจะพาบอลขึ้นมาเองแล้วเลือกล็อกหาช่องยิงเข้าไป โรบินสันปัดเอาไว้ได้มีคาร์โรลล์มาซ้ำยังไม่เข้าแต่ก็มาถึงทางมักซี่ซ้ำดาบสามเข้าไปง่ายๆ ลิเวอร์พูลนำห่างเป็น 2-0

แต่"หงส์แดง"เสียหายเลยหลังต้องมาเหลือสิบตัวพร้อมเจอจุดโทษจากฟลานาแกนที่จ่ายคืนหลังไม่ดีเจอฮอยเลตต์วิ่งมาเก็บบอลได้ไปดวลเดี่ยวกับโดนี่ก่อนจะแตะหลบไปแล้วก็โดนขวาล้มลง กรรมการแจกแดงโดนี่พร้อมจุดโทษให้ก่อนเป็นยาคูบูสังหารแต่ดันยิงเบาเกินโจนส์ที่ลงมาเฝ้าเสาแทนรับไว้ได้

หลังได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น"กุหลาบไฟ"ก็เปิดรุกเข้าใส่แล้วก็ได้ประตูตีตื้นไล่ขึ้นมาจากจังหวะที่ได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษทางขวาก่อนเป็นดันน์รับหน้าที่เปิดเข้าไปตรงกลางเขตโทษแล้วเป็นยาคูบูได้ขึ้นโขกคนเดียวโล่งๆไม่มีเหลือ แบล็กเบิร์นไล่มาแล้วเป็น 1-2

เข้าช่วงท้ายครึ่งแรกแบล็กเบิร์นยังบุกดดันเรื่อยๆแล้วพาบอลขึ้นมาป้วนเปี้ยนแถวเขตโทษได้ตลอดแต่ก็ยังไม่ได้ประตูเพิ่มโดยมีโอกาสยิงจากดันน์ที่พาบอลขึ้นมายิงเองแต่ก็เข้ามือของโจนส์ไป


กลับมาเริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน"หงส์แดง"เกือบได้ลุ้นทิ้งห่างเสียแล้วเป็นจังหวะเตะมุมทางซ้ายเปิดเข้ามาบอลพุ่งแรงมาเลยก่อนจะเป็นคาร์โรลล์สอดมาโหม่งแต่โดนบางไปนิดบอลเลยหลุดเสาสองน่าเสียดาย


"หงส์แดง"เกือบได้ประตูอีกแล้วเป็นจังหวะที่ได้เตะมุมทางขวาบ้าง เบลลามี่เปิดเข้ามาเองมาตรงกลางประตูและเป็นสเคอร์เทลที่โถมมาโขกเต็มๆแต่โรบินสันยังเซฟไว้ได้ก่อนจะมีเสียงนกหวีดขึ้นมาว่าลูกมันโค้งออกจากสนามไปก่อนแล้ว

นาที 60 งานเข้า"หงส์แดง"อีกแล้วหลังบอลคืนหลังมาให้กับโจนส์ตั้งป้อมเตะเคลียร์ขึ้นมาแต่ดันเตะไปคิดบล็อกยาคูบูบอลเลยลอยโด่งก่อนโจนส์จะจะรับแต่ดันหลุดมืออีกบอลเลยมาเข้าทางยาคูบูจับบอลได้โจนส์เลยผลักเข้าให้กลายเป็นจุดโทษแต่ยังรอดได้แค่ใบเหลืองแล้วคราวนี้ยาคูบูไม่พลาดสังหารจุดโทษไม่เหลือ แบล็กเบิร์นตีเสมอเป็น 2-2 แล้ว

หลังจากนั้นทั้งสองทีมยังแทบทำอะไรกันไม่ค่อยได้แม้เจ้าบ้านได้ครองบอลมากกว่าแต่โอกาสก็ไม่มีเลยส่วนลิเวอร์พูลมาได้ลุ้นในนาที 73 เป็นลูกเตะมุมอีกแล้วเปิดเข้ามาตรงกลางให้กับแอกเกอร์ได้โขก บอลพุ่งไปทางเสาสองแต่มีตัวคุมเส้นอยู่เลยไม่ได้ประตูไป

"กุหลาบไฟ"มีโอกาสเกือบได้ส้มหล่นอยู่เหมือนกันเป็นจังหวะที่บอลเปิดโด่งขึ้นมาหน้าเขตโทษลิเวอร์พูลก่อนจะเป็นคาร์โรลล์ที่ลงมาช่วยโหม่งสกัดแต่ไม่ดีบอลกลับหลังลอยมาหน้าประตู โจนส์ยังไม่เหม่ถอยหลังมาปัดก่อนจะเข้าประตูไปได้ทัน

เข้าช่วงท้ายเกมลิเวอร์พูลมีโอกาสทำเกมบุกขึ้นมาลุ้นประตูด้วยเป็นเฮนเดอร์สันที่โชว์สกิลกระชากบอลทางริมเส้นขวาขึ้นมาเกือบสุดเส้นหลังก่อนเปิดเข้าไป บอลโดนสกัดออกไปมาเข้าทางเอนริเก้ล็อกเข้าขวาแล้วเปิดบอลถึงเฮนเดอร์สันได้โหม่งแต่โหนเกินเลยเข้ามือโรบินสันสบาย

แต่แล้วทดเจ็บเดอะค็อปได้เฮกับเค้าบ้างเสียทีหลังมาได้เตะมุมในช่วงทดเจ็บเปิดเข้ามาบอลโดนเคลียร์ออกไปถึงกลางสนามก่อนจะเปิดย้อนกลับไปในเขตโทษโดยมีจังหวะมีเรื่องนิดหน่อยที่เส้นหลังดันขึ้นมาไม่ทันก่อนเป็นแอกเกอร์ที่โหม่งชงมาให้กับคาร์โรลล์โขกเต็มหัว โรบินสันพยายามปัดแล้วแต่ก็ไม่พ้น ลิเวอร์พูลกลับมานำสำเร็จเป็น 3-2

จบเกมลิเวอร์พูลที่เหลือ 10 คนก็เอาชนะแบล็กเบิร์นไปแบบเฉียดฉิว 3-2 มี 46 แต้มอยู่ในอับดับ 8 ต่อไปแต่ก็ตามหลังเอฟเวอร์ตันอยู่คะแนนเดียวส่วนแบล็กเบิร์นก็ยังหนีจากโซนตกชั้นไม่พ้น

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ : พอล โรบินสัน 5.5, แกรนท์ ฮานลี่ย์ 6, สกอตต์ แดนน์ 6, มาร์ติน โอลส์สัน 6, แบรดลี่ย์ ออร์ 5.5, สตีเฟ่น เอ็นซ็องซี่ 6, เดวิด ดันน์ 6 (โลว์ น.75, 6), เมาโร่ ฟอร์มิก้า 5.5 (โรชิน่า น.73, 5.5), ยาคูบู อเยคเบนี่ 7.5, เดวิด ฮอยเลตต์ , มาร์คัส โอลส์สัน 6

ลิเวอร์พูล : โดนี่ ภ, มาร์ติน สเคอร์เทล 6.5, เซบาสเตียน โคอาเตส 6, เกล็น จอห์นสัน 5(แอกเกอร์ น.53, 6.5), จอห์น ฟลานาแกน 4.5 (โจนส์ น.26 5.5), จอนโจ้ เชลวี่ย์ 5, เจย์ สเปียริ่ง 5.5, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 5, มักซี่ โรดริเกซ 7, เคร็ก เบลลามี่ 6.5 (เอนริเก้), แอนดี้ คาร์โรลล์ 6.5

ไฮไลท์แมตช์ แวร์เดอร์ เบรเมน VS โบรุสเซีย มึนเช่น กลัดบัค Bundesliga - นางนวล 10 ตัวยันสิงห์หนุ่มระทึก 2-2 12bet 11/04/2555



แวร์เดอร์ เบรเมน ที่เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เปิดรังยันเสมอกับ "สิงห์หนุ่ม" มึนเช่นกลัดบัค ไปแบบสุดมันส์ 2-2  ในศึกฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน เมื่อคืนวันอังคารที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา


วันอังคารที่ 10  เมษายน 2555


ฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน
แวร์เดอร์ เบรเมน 2-2 โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค








ต้นเกมทั้งคู่ยังเริ่มกันแบบเอื่อยเฉือายๆ ไม่มีอะไรจวบจน ฮวน อรานโก้ เปิดบอลให้   โรเอล บรูเวอร์ส โขกต่อมาที่ โรมัน นอ


ยชเตดเทอร์ ซัดสวนเข้าไปแต่โดน ลูคัส ชมิทซ์ เคลียร์ออกจากเส้นหวุดหวิด เป็นจังหวะลุ้นครั้งแรกของผู้มาเยือน


สิงห์หนุ่มได้ทำแฟนๆเจ้าถิ่นสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อไมค์ ฮานเค่ หลุดขึ้นทางกราบขวาก่อนเปิดให้   พาทริค แฮร์มันน์  เข้าชาร์จแต่บอล


หลุดเสาออกไปไม่น่าเชื่อ


กลับเป็นเจ้าบ้าน เบรเมนที่ได้ประตูนำในนาที 19  เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ ดีดบอลเข้ากลาง ดานเต้ สกัดไม่ดีเลยโดน มาร์คุส โรเซนเบิร์ก 


กระชากขึ้นไปแตะข้ามตัว มาร์ค อังเดร แทร์ ชเตเก้น เข้าประตูไป


แต่แล้วเบรเมนก็ต้องเล่นยากขึ้นทันที เมื่อมาเหลือ 10 คนในนาทีที่ 27 มาร์โค รอยส์ ไหลบอลอย่างงามให้ พาทริค แฮร์มันน์ หลุด


เข้าไปกำลังจะยิงแต่โดน เซบาสเตียน โบนิสช์ รวบล้มลงไปและผู้ตัดสินวิ่งมาควักใบแดงไล่กองหลังเจ้าถิ่นออกไปทันที จากนั้นจบ


ครึ่งแรก เบรเมน นำ 1-0


ครึ่งหลังเล่นไปได้ไม่ถึง 10 นาที กลัดบัค ที่ผู้เล่นมากกว่าบดจนตีเสมอ 1-1 จนได้จากจังหวะทำเกมทางฝั่งซ้ายของ ฮวน อรานโก้ 


ที่ไหลเข้าเขตโทษให้ ไมค์ ฮานเค่ จับหนึ่งจังหวะก่อนกดด้วยซ้ายเบียดเสาเข้าไปอย่างเด็ดขาด


นาที 67 กลัดบัค พลิกแซงจนได้จาก ไมค์ ฮานเค่ คนเดิมที่ทำประตูที่ 2 ในจังหวะโต้กลับสุดสวยที่ ฮานเค่ ป้ายบอลเข้าเขตโทษให้ 


มาร์โค รอยส์ ก่อนที่ รอยส์ จะตบจากขวาเข้ากลางคืนให้ ฮานเค่ ได้กดเน้นๆตรงจุดโทษผ่านมือ ทิม วีเซ่ ไม่เหลือ


เกมกลับมาสนุกอีกครั้งเมื่อ เบรเมน  ไม่ยอมแพ้ ตามตีเสมอ 2-2 ได้ในอีก 7 นาทีถัดมาเมื่อ ซลัตโก้ ยูนูโซวิช ตักฟรีคิกจากขวาลึก


เข้าเขตโทษเสาไกล นัลโด้ เทคตัวโหม่งย้อนคืนเข้าเสาแรกสวยงาม


ช่วงเวลาที่เหลือ ทั้ง 2 ทีมเปิดแลกกันสนุก และแม้ กลัดบัค จะมีผู้เล่นเหนือกว่าแต่ก็ไม่อาจแซงเป็นผู้ชนะได้อีกครั้ง จบเกม เสมอ


กันไป 2-2




รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เบรเมน : ทิม วีเซ่, ฟรองซัวส์ อัฟโฟลเทอร์ (นิคลาส ฟุลล์ครึก น.75), นัลโด้, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, เซบาสเตียน โบนิสช์, 


เคลเมนส์ ฟริทซ์, ลูคัส ชมิทซ์, ซลัตโก้ ยูนูโซวิช (โฟลเรียน ทริงค์ส น.90), มาร์โค มาริน (อเล็กซานเดอร์ อิ๊กนอฟสกี้ น.71), มา


ร์คุส โรเซนเบิร์ก, เคลาดิโอ ปิซาร์โร่


 กลัดบัค : มาร์ค อังเดร แทร์ ชเตเก้น, มาร์ติน สตรานเซิ่ล, โรเอล บรูเวอร์ส, ดานเต้, ฟิลิปป์ เดมส์, ฮาวาร์ด นอร์ดท์ไวท์, โรมัน 


นอยชเตดเทอร์, พาทริค แฮร์มันน์ (อเล็กซานเดอร์ ริง น.81), ฮวน อารานโก้, มาร์โค รอยส์, ไมค์ ฮานเค่ (อิกอร์ เด คามาร์โก้ น


.90)


ผลฟุตบอล บุนเดสลีกา คืนวันอังคารที่ 10 เมษายน 2555
เบรเมน เสมอ มึนเช่นกลัดบัค  2-2
ไมนซ์  ชนะ โคโลญจน์  4-0
เอาก์สบวร์ก แพ้ สตุ๊ตการ์ท  1-3
แฮร์ธ่า เบอร์ลิน แพ้ ไฟร์บวร์ก  1-2

ไฮไลท์แมตช์ มาลาก้า VS ราซิ่ง ซานตานเดร์ La Liga - มาลาก้าเปิดรังขย่มราซิ่ง 10 คน 3-0 12bet 10/04/2555

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555



มาลาก้า ไม่ปล่อยให้โอกาสทองในบ้านหลุดมือไปไหน แม้จะไร้แกนหลักลงเล่นไปหลายคน โดยไล่ยำราซิ่ง ซานตานเดร์ ที่ต้องเล่น 10 คน ตั้งแต่ต้นเกมไปแหลก 3-0 ในศึกลาลีกา นัดคืนวันจันทร์ที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา




วันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2555


ฟุตบอลลา ลีกา สเปน
มาลาก้า 3 - 0 ราซิ่ง ซานตานเดร์






เจ้าถิ่นที่ลุ้นพื้นที่ยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเวลานี้ แต่ว่าผู้เล่นสตาร์อย่าง ฆัวกิน ซานเชซ, เฌเรมี่ ตูลาล็อง, วิลลี่ กาบาเยโร่, ฆวนมี่ ฆิเมเนซ และ ชูลิโอ บาปติสต้า ก็ไม่สามรรถลงสนามได้เนื่องจากาดเจ็บทั้งหมด 


ทางด้าน ราซิ่ง ซานตานเดร์ ไม่มี อันโตนิโอ โตนโญ่, เลาตาโร่ อาคอสต้า ที่เดี้ยงทั้งหมด แต่ได้ เคนเนดี้ บาคีร์โซกลู หายเจ็บกลับมาทำเกมในแดนกลาง โดยหน้าเป้าใช้งาน คริสเตียน สตูอานี่ ลงล่าตาข่าย


เริ่มเกมมาได้แค่สองนาที เจ้าบ้านได้จุดโทษจากจังหวะที่ โฮเซ่ ซาโลมอน รอนดอน หลุดเข้าไปแล้วโดน ฟรานซิส เปเรซ แบ็คขวาทีมเยือนเหนี่ยวล้มลง ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษพร้อมชักใบแดงไล่ เปเรซ ออกไปด้วย ทำให้ ราซิ่งฯ เหลือผู้เล่นในสนามแค่ 10 รายเท่านั้นเอง จากลูกจุดโทษ ซานติ กาซอร์ล่า สังหารด้วยขวา แต่โดน มาริโอ เฟร์นานเดซ นายทวารของราซิ่งฯ ลอยตัวปัดออกไปได้อย่างเยี่ยมยอด ช่วยให้ทีมเยือนยังไม่เสียประตู


ผ่านมา 8 นาที มาลาก้า ทำเกมรุกขึ้นมาอีกครั้ง ซานติ กาซอร์ล่าไหลให้ เอ็นโซ่ มาเรสก้า กระทุ้งด้วยขวาจากระยะ 25 หลา บอลพุ่งชนเสาซ้ายมืออย่างน่าเสียดาย


อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 22 มาลาก้า ออกนำจนได้จากจังหวะที่ เฆซุส กาเมซ โยนจากทางด้านขวามาเสาแรกให้กับ เซบาสเตียน เฟร์นานเดซ โหม่งโดนถากๆบอลเลยมาทางเสาสองเข้าทาง นาโช่ มอนเรอัล ตบย้อนคืนหลังให้กับ อิสโก้ ซูอาเรซ ปั่นโค้งด้วยขวาบอลเลี้ยวเข้าเสียบสามเหลี่ยมมุมขวาอย่างสวยงามให้เจ้าบ้านนำ 1-0 จนได้


ถัดมาสองนาที ราซิ่งฯ จำเป็นต้องเปลี่ยนเอา ออสมาร์ บาร์บา ลงมาเล่นในแนวรับแล้วถอด ฆูเลี่ยน โรเก้ ออกมาพัก


เจ้าบ้านกดดันหนัก มีโอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 34 เมื่อ มาเรสก้าแทงให้ เซบาสเตียน เฟร์นานเดซ หลุดเดี่ยวมาทางกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจิ้มด้วยขวาบอลเฉี่ยวเสาสองไปนิดเดียวเท่านั้น หมดครึ่งแรก มาลาก้า นำก่อน 1-0




กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้แค่ 3 นาที สถานการณ์ของราซิ่งฯ ย่ำแย่หนักไปกว่าเดิมอีก เมื่อ มาริโอ เฟร์นานเดซ ผู้รักษาประตูไปชนกับกองหลังตัวเองจนมีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง ดานี่ โซเตรส ลงมาเฝ้าเสาแทน


ข้ามมานาทีที่ 54 เกมของมาลาก้า คุมได้หมดแล้ว นาโช่ มอนเรอัล ดอดขึ้นมาสับไกด้วยซ้ายบอลถากเสาสองไปสามนาทีให้หลัง โฮเซ่ ซาโลมอน รอนดอน หัวหอกของมาลาก้า เทคตัวขึ้นโหม่งเหน่งๆ แต่ ดานี่ โซเตรส นายทวารที่ลงมาเป็นสำรองของราซิ่งฯ ปัดออกหลังไปได้ทัน


หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เอ็นโซ่ มาเรสก้า กองกลางชาวอิตาเลี่ยนของเจ้าบ้าน ลองซัดด้วยขวาเน้นๆ แต่ โซเตรส นายทวารราซิ่งฯ ยังเยี่ยมปัดทิ้งออกหลังไปได้อีกครั้ง โดยจังหวะต่อมา มาลาก้า เปลี่ยนเอา รุด ฟาน นิสเตลรอย ลงมาเล่นแทน เซบาสเตียน เฟร์นานเดซ




นาทีที่ 64 มาลาก้า ขึ้นนำ 2-0 จนได้จากจังหวะที่ เอ็นโซ มาเรสก้า แทงบอลทะลุช่องให้กับ ซานติ กาซอร์ล่า สอดเข้ามาจับบอลด้วยขวาแล้วตวัดยิงด้วยซ้ายเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูที่ 7 ของ กาซอร์ล่า ในลา ลีกา ซีซั่นนี้


นาทีต่อมา ราซิ่งฯ ต้องปรับอีกครั้งส่ง เปโดร มูนิติส ลงมาเล่นแทน เคนเนดี้ บาคีร์โซกลูจากนั้น มาลาก้า ยังมีโอกาสอีกครั้ง นาโช่ มอนเรอัล ไหลบอลให้กับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้ซัดด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลข้ามคานไปในนาทีที่ 72


ท้ายเกม ในนาที 84 เจ้าถิ่นมาได้ประตูปิดกล่องห่างเป็น 3-0 จากดาวยิงจอมเก๋า รุด ฟาน นิสเตลรอย  จบเกม มาลาก้า เปิดบ้านทุบเอาชนะ ราซิ่ง ซานตานเดร์ ที่เหลือแค่ 10 คนไปได้ 3-0 เก็บสามแต้มได้ตามเป้าหมาย เขยิบแซงขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของตารางคะแนนแล้ว มีลุ้นไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า เต็มตัวแล้ว




รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
มาลาก้า: การ์ลอส กาเมนี่ - เฆซุส กาเมซ, เวลลิงตอน ร็อบสัน , โยริส มาไธจ์เซ่น, นาโช่ มอนเรอัล - มาร์ติน เดมิเคลิส, เอ็นโซ่ มาเรสก้า - ซานติ กาซอร์ล่า, อีสโก้ ซูอาเรซ, เซบาสเตียน เฟร์นานเดซ - โฮเซ่ ซาโลมอน รอนดอน


ราซิ่ง ซานตานเดร์: มาริโอ เฟร์นานเดซ - ฟรานซิส เปเรซ, มาร์ก ตอร์เรฆอน, เบร์นาร์โด้ เอสปิโนซ่า, โดมิงโก้ ซิสม่า - ปาปา กูลี่ ดิย็อป, ฆูเลี่ยน ลูเก้ - เคนเนดี้ บาคีร์โซกลู, เอดู เบเดีย, อาเดรียน กอนซาเลซ - คริสเตียน สตูอานี่

ไฮไลท์แมตช์ ฟูแล่ม VS เชลซี Premire League - สิงห์สะอื้น! เดมพ์ซีย์หวดเจ๊าท้ายเกม 1-1 ดาร์บี้แมตช์ลลอนดอน 12bet 10/04/2555



เชลซีทำแต้มหลุดมือไปอย่างน่าเสียดายหลังโดนลูกโขกตีเสมอของ คลิ้น เดมพ์ซีย์ กองหน้าสัญชาติมะกัน ของ เจ้าถิ่น "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่มเล่นงานเอาในช่วงท้ายเกม ก่อนจะเสมอกันไป 1-1 ในเกมพรีเมียร์ชิพ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา


วันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2555 


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ฟูแล่ม 1-1 เชลซี 







เชลซียังคงใช้บริการคุมแนวรับของ จอห์น เทอร์รี่ แม้เจ้าตัวจะยังปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณซี่โครงแต่ต้องขาดแอชลี่ย์ โคลไม่ผ่านความฟิตและไม่มีชื่อกระทั่งตัวสำรอง เนื่องจากข้อเท้าเดี้ยง

ขณะที่ในแนวรุกดรอปฆวน มาต้าและดิดิเยร์ ดร็อกบาไว้ข้างสนามแล้วส่งแฟรงก์ แลมพาร์ดกับเฟร์นานโด ตอร์เรสลงเป็นตัวจริง

ในช่วงแรกทั้ง 2 ทีมยังไม่ได้จังหวะลุ้นประตูกันเลย เกมส่วนใหญ่อยู่ตรงกลางสนามและเป็นเชลซีที่ได้ครองบอลมากกว่าอยู่หน่อยๆแต่ก็หาจังหวะเข้าทำไม่ได้

นาทีที่ 10 โอกาสก็เป็นของทีมเยือนก่อนเมื่อกาลูได้บอลจากเมเรเลสในเขตโทษด้านซ้ายก่อนจะป้ายต่อให้ตอร์เรสได้จังหวะพลิกตัวยิงแต่ฮังเกลันด์ก็พุ่งตัวมาบล็อกได้ทันพอดี

ผ่านมา 20 นาทีเกมของฟูแล่มเริ่มดีขึ้นฮังเกลันด์เปิดบอลทะลุไปด้านซ้ายอย่างสวยให้กับรีเซ่วิ่งเติมขึ้นมาก่อนจะครอสบอลมาหน้าประตูและก็เป็นเดเมี่ยน ดัฟฟ์ที่ยืนอยู่โล่งได้ตั้งป้อมแปด้วยซ้ายแต่บอลดันโดนไม่เต็มค่อยๆกลิ้งเข้ามือเช็กรับได้สบาย

เกมเป็นของฟูแล่มนาทีที่ 25 เจ้าถิ่นทำเกมขึ้นมาอีกครั้งเดมพ์ซีย์จ่ายบอลให้กับเดมเบเล่ก่อนที่เดมเบเล่จะไหลคืนมาให้เดมพ์ซี่ย์วิ่งเข้ามาแปแต่บอลติดตัวเกินไปทำให้ยิงไม่ค่อยดีเช็กเลยล้มตัวรับไว้ได้ นาทีต่อมาฟรายก็ลากบอลขึ้นมาจากแดนตัวเองก่อนจะหาจังหวะยิงจากระยะประมาณ 25 หลาบอลเรียดเกือบเสียบเสาแต่เช็กก็พุ่งตัวปัดไว้ได้

นาทีที่ 33 ไรอัน เบอร์ทรานด์ก็เก็บบอลที่กองหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ท้องมาได้ก่อนจะได้สินใจซัดด้วยซ้ายทันทีบอลพุ่งไปโดนมือของเคลลี่ออกหลังไปแต่ผ้ตัดสินก็ไม่ได้ว่าอะไร จังหวะต่อมาทีมแพทย์ต้องเข้ามาดูอาการที่มือของเคลลี่เลยทีเดียวเพราะตอนแรกก็มีผ้าพันไว้แล้ว

เกมจะจบครึ่งแรกอยู่แล้วแต่นาทีที่ 44 เชลซีก็มาได้จุดโทษในจังหวะที่กาลูเลื้อยทะลุเข้าไปในเขตโทษก่อนจะโดนเมอร์ฟี่ย์เสียบล้มลงผู้ตัดสินมาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์กเป่าให้เป็นจุดโทษทันทีและก็เป็นแลมพาร์ดรับหน้าที่สังหารเข้าไปเสียบมุมอย่างเด็ดขาด จบครึ่งแรกเชลซีบุกมานำฟูแล่มอยู่ 1-0 ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่หยุด

ครึ่งหลังทั้ง 2 ทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัว นาทีที่ 49 แลมพาร์ดก็ได้บอลตรงกลางสนามก่อนจะลากมากแล้วตัดสินใจยิงด้วยซ้ายทันทีบอลติดไซด์ก้อยเฉี่ยวสามเหลี่ยมไปแบบมีลุ้นนิดๆเหมือนกัน นาทีต่อมาเบอร์ทรานด์เติมเกมขึ้นมาทางซ้ายก่อนจะเปิดเข้ามาหน้าประตูแต่แลมพาร์ดก็ชาร์จไม่ทันบอลเลยหน้าประตูไป

เกมในครึ่งหลังเชลซีทีมเยือนใช้การส่งบอลกันไปมาในแดนของตัวเองไม่ได้รีบร้อนเอาประตูเพิ่มแต่อย่างใดขณะที่ฟูแล่มเกมรุกดูจะใช้เดมพ์ซี่ย์คอยเก็บบอลอยู่ด้านหน้าโดยมีเดมเบเล่และฟรายเป็นตัวทะลุทะลวงแต่ก็ยังเจาะเกมรับสิงห์บลูไม่ได้

รูปเกมดูเนือยๆแต่นาทีที่ 61 แฟนบอลเจ้าถิ่นได้ซี้ดปาดกันเลยทีเดียวเมื่อฟรายไหลบอลทะลุช่องให้กับรีเซ่ที่เติมขึ้นมาได้ยิงด้วยซ้ายบอลติดไซด์ก้อยแต่เลี้ยวไม่พอพุ่งออกเสาสองไปนิดเดียว อย่างไรก็ตามลูกนี้ไลน์แมนก็ยกธงล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

นาทีที่ 65 เชลซีก็มีเสียวบ้างเมื่อแลมพาร์ดโยกไปอยู่ทางซ้ายก่อนจะเปิดไซด์ก้อยมาหน้าประตูให้กับกาลูทีเบียดอยู่กับรีเซ่ได้โหม่งแต่โดนไม่ค่อยเต็มบอลเลยไปโดนรีเซ่หลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย สกอร์เป็นทีมเยือนนำอยู่ 1-0

เหลืออีก 15 นาทีจะหมดเวลาฟูแล่มเริ่มทำเกมบุกกดดันเข้าใส่เชลซีแล้วแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับเกมรับของทีมเยือนซักเท่าไหร่โดยเฉพาะการเปิดจากริมเส้น 2 ข้างโดนเทอร์รี่และเคฮิลล์เก็บกินไปหมด ส่วนทีมเยือนก็ปล่อยตอร์เรสห้อยอยู่ข้างหน้าคนเดียว

นาทีที่ 79 ตอร์เรสก็จ่ายบอลพลาดโดนฟูแล่มตัดได้แล้วสวนเร็วทันทีก่อนที่จะเป็นเดมพ์ซี่ย์ได้จังหวะลองส่องด้วยซ้ายเต็มข้อแต่บอลพุ่งไปกลางประตูเสร็จปีเตอร์ เช็กที่ยืนรออยู่แล้วรับไว้ได้

ฟูแล่มยังกดดันอย่างต่อเนื่องนาทีที่ 81 จากจังหวะเตะมุมเป็นฮิวจ์สที่วิ่งสอดเข้ามาได้โหม่งเต็มๆแต่เช็กที่ยืนอยู่ถูกตำแหน่งก็ผวามาปัดได้อย่างสวยงามรอดไปจังหวะนี้สำหรับเชลซี

จากจังหวะเตะมุมต่อมาคราวนี้โดนจนได้สำหรับเชลซี เมื่อเดมพ์ซี่ย์ได้ขวิดลูกเตะมุมที่เปิดย้อนมายริเวณจุดโทษบอลแฉลบหลังของเคฮิลล์เสียบเสาสองอย่างสวยงามเป็นประตูตีเสมอ 1-1

การโจมตีจากริมเส้นของฟูแล่มเริ่มมีเสียวตลอดแล้วนาทีที่ 86 ออร์ลันโด้ ซาร์ตัวสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนลงไปก็ได้ขึ้นโหม่งแต่เช็กก็ยังล้มตัวรับไว้ได้ไม่พลาดช่วยชีวิตเชลซีไว้ได้หลายครั้งแล้วสำหรับมือกาวรายนี้

จบเกมเชลซียันไม่อยู่โดนฟูแล่มไล่ตีเสมอได้ 1-1 พลาดเก็บ 3 คะแนนสำคัญอย่างน่าเสียดายตกมาอยู่อันดับที่ 6 ตามหลังนิวคาสเซิลและสเปอร์สอยู่ 2 คะแนนด้วยกันส่วยฟูแล่มเขยิบขึ้นมาอันดับ 9 แล้ว

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
ฟูแล่ม : มาร์ค ชวาเซอร์, เบรเด้ ฮังเกลันด์, อารอน ฮิวจ์ส, จอห์น อาร์เน่ รีเซ่, สตีเฟ่น เคลลี่, แดนนี่ เมอร์ฟี่ย์(ดิ๊กสัน เอตูฮู น.74), มาฮามาดู ดิยาร์ร่า(ออร์ลันโด้ ซา น.81), เคริม ฟราย(อเล็กซานเดอร์ กาซานิกลิช น.88), เดเมี่ยน ดัฟฟ์, คลิ้นท์ เดมพ์ซี่ย์, มุสซ่า เดมเบเล่

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ค, จอห์น เทอร์รี่, แกรี่ เคฮิลล์, ไรอัน เบอร์ทรานด์, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ราอูล เมเรเลส(ฆวน มาต้า น.70), จอห์น โอบี มิเกล, เฟร์นานโด ตอร์เรส, แฟรงก์ แลมพาร์ด, ซาโลมง กาลู, รามิเรส(ดิดิเยร์ ดร็อกบา น.88)


ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคืนวันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2555
เอฟเวอร์ตัน ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 4-0 
นิวคาสเซิ่ล ชนะ โบลตัน 2-0 
สเปอร์ส แพ้ นอริช ซิตี้ 1-2
แอสตัน วิลล่า เสมอ สโต๊ค ซิตี้ 1-1
ฟูแล่ม เสมอ เชลซี 1-1 

ไฮไลท์แมตช์ นิวคาสเซิ่ล VS โบลตัน Premier League - นิวอัดโบลตัน 2-0 ขยับที่ 4 ทาบไก่ 12bet 10/04/2555



ปาปิส ซิสเซ่ และฮาเต็ม เบน อาร์กฟา ช่วยกันยิงคนละประตูในช่วงเกือบท้ายเกม ช่วยให้นิวคาสเซิ่ล เปิดบ้านเอาชนะโบลตัน 2-0 เก็บสามแต้มเต็มขยับขึ้นรั้ง ที่ 4 ร่วมกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ โดยยังเป็นรองลูกได้เสีย เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา


วันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2555 


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส






นิวคาสเซิ่ลกำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มดีโดยพวกเขาชนะมารวดใน 4 เกมหลังสุดอีกทั้ง 5 เกมหลังในบ้านยังไม่แพ้ใครเลย ด้านตัวผู้เล่นใช้เกือบชุดเดิมกับเกมสวอนซีที่ผ่านมายกเว้นติโอเต้ที่เจ็บจึงเป็นเพิร์ชถูกดันมาเล่นมิดฟิลด์ส่วนโคลอชชินี่กลับมายืนคุมแนวรับแล้ว

ด้านทีมเยือนโบลตันเสียเปรียบในเรื่องความฟิตหลังพวกเขาได้พักเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นแต่นักเตะจากเกมก่อนก็ลงสนามมาถึง 8คนแต่ฟอร์มช่วงหลังพวกเขาก็ดีขึ้น 5 นัดหลังชนะมา 3 แพ้ไป 2 แต่ฟอร์มเป็นทีมเยือนก็แพ้มา 4 นัดก่อนจะชนะมาในเกมล่าสุด

ช่วงต้นเกมผ่านไป 15 นาทีเป็นทางฝั่งของนิวคาสเซิ่ลทีได้ครองบอลมากกว่านิดหน่อยแต่จังหวะก็ยังไม่มีอะไรกันมากมายนักโดยมีจังหวะวิ่งมายิงไกลของกาบายไปทีแต่ก็ข้ามคานแบบไม่ค่อยได้ลุ้นเท่าไหร่นัก

รูปเกมยังดูทำอะไรกันไม่ได้เท่าไหร่โดยโบลตันมีโอกาสได้ลุ้นบ้างจากการจ่ายขึ้นหน้ามาของริคเกตส์มาให้กับเดวิสพักบอลเอาไว้แล้วจ่ายคืนกลับมาให้ริคเกตส์ที่เติมขึ้นมาได้ยิงแต่ก็ติดตัวบล็อกออกหลัง

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วแต่รูปเกมยังดูอึดอัดอยู่เลย"สาลิกาดง"มีโอกาสพาไปป้วนเปี้ยนแถวเขตโทษมากกว่าแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่แม่นกันส่วนทางโบลตันเองก็ได้ตอบโต้กลับมาบ้างและก็ได้จบโดยเปตรอฟแต่สุดท้ายก็ยังโดนครูลเซฟไว้

นิวคาสเซิ่ลมีโอกาสได้ลองบ้างแล้วเป็นจังหวะที่กาบายจ่ายบอลขึ้นหน้ามาให้กับวิลเลียมสันที่เติมมาเล่นลูกฟรีคิกแต่ยังไม่ได้ลงก่อนจะจ่ายมาตรงกลางให้กับโคลอชชินี่โล่งๆได้ลองส่องไกลดูแต่บอลก็ยังเข้ามือของบ็อกดาน

นาที 37 เจ้าบ้านน่าได้ประตูนำอย่างยิ่งเป็นจังหวะที่ได้ลูกฟรคิกทางฝั่งขวาแล้วเปิดเข้ามาโดยเบน อาร์กฟาเปิดเข้ามา บอลลึกมาถึงบ็อกดานชกออกมาได้แต่กลายเป็นบอลไปโดนหน้าพวกเดียวกันเองเด้งหลุดกรอบออกไปไม่เท่าไหร่

ช่วงท้ายเกมนิวคาสเซิ่ลมีโอกาสได้ลุ้นอีกซักทีเป็นเบน อาร์กฟาที่พาบอลขึ้นมาเองทางขวาก่อนจะลากตัดเข้าในแล้วจัดการสับไกแต่ดันยิงไปติดบาที่วิ่งสอดกะไปรอรับบอลทะลุช่องออกหลังไป สุดท้ายก็ยังจบครึ่งแรกแบบอึดอัดเสมอกันอยู่ 0-0


กลับมาเริ่มครึ่งหลังโบลตันเกือบได้ประตูนำเสียแล้วเป็นจังหวะที่บาโหม่งบอลออกมาไม่ค่อยดีเข้าทางเดวิสวอลเล่ย์ติดบล็อกยังมาเข้าทางของอีเกิลส์พริ้วหลบตัวประกบมาได้ก่อนเลี้ยงหนีโคลอชชินี่ที่พุ่งมาสไลด์อีกคนแล้วยิงจ่อๆแต่ครูลยังไวล้มตัวเซฟได้เฉียดฉิว

นาที 52 โบลตันได้ทำเกมกดดันหนักแล้วน่าได้ประตูจริงๆจากจังหวะที่ออกบอลไปทางซ้ายให้กับเปตรอฟจับก่อนแล้วตั้งป้อมเปิดเข้าไปข้างใน แพรทลี่ย์รออยู่ตรงกลางแล้วแต่เข้าไม่ถึงตัวสองที่เสาไกลก็ไม่ทันเลยพลาดโอกาสน่าเสียดาย

เจ้าบ้านนิวคาสเซิ่ลทำเกมบุกแทบไม่ขึ้นแถมเกือบเสียประตูซะด้วยเป็นลูกเปิดจากริมเส้นเข้ามาแล้วกาบายที่ประกบตัวอยู่ด้านในไม่ได้ขึ้นโหม่ง เดวิสที่สอดมาจากด้านหลังได้จับบอลก่อนจะยิงแต่ก็ยังเป็นอีกครั้งที่ครูลออกมาปิดมุมรับบอลไว้ได้อยู่มือ

เล่นมาตั้งนานเจ้าบ้านเพิ่งได้มีโอกาสลุ้นจากจังหวะที่กาบายเจอทำฟาวล์ตรงระยะประมาณ 28 หลาก่อนเป็นเบน อาร์กฟาที่มารับหน้าที่ปั่นฟรีคิกแต่บอลก็หลุดเสาแรกออกหลังไป

แต่แล้วนาที 74 เจ้าบ้านก็ได้เฮกันลั่นเลยหลังในที่สุดก็ได้ประตูออกนำจนได้จากเบน อาร์กฟาที่โชว์ทั้งทักษะและความเร็วหลังพลิกหลบตัวประกบจากกลางสนามออกมาได้ก่อนจะลากขึ้นมาเองตรงๆหลบทางเดวิสไปแล้วแหวกผ่ากลางคู่เซ็นเตอร์โบลตันไปยิงผ่านมือบ็อกดานอย่างสุดงาม นิวคาสเซิ่ลขึ้นนำแล้วเป็น 1-0

นำเสร็จแล้วอีกไม่กี่นาทีให้หลังเกือบได้ประตูเพิ่มเสียด้วยสำหรับนิวคาสเซิ่ลจากเบน อาร์กฟาคนเดิมที่พาบอลขึ้นมาโดนเข้าสกัดไว้แต่บอลยังเป็นใจหลุดมาให้ทางเบน อาร์กฟาลากขึ้นไปถึงหน้าเขตโทษก่อนจ่ายให้กับซิสเซ่ยิงข้ามคานแต่ถ้าเข้าก็ยังโดนจับล้ำหน้า

ท้ายเกมนาที 83 "สาลิกาดง"ก็จัดการเช็คบิลเลยหลังมาได้ประตูเพิ่มเป็นจังหวะบอลขึ้นมาข้างหน้าให้กับอเมโอบี้ใช้ความแข็งแกร่งบังแล้วหมุนหนีรีมมาได้ก่อนจะเข้าไปถึงในเขตโทษแล้วเปิดเข้าไปที่เสาสองให้กับซิสเซ่อีกแล้วโผล่มาชาร์จจ่อๆกินขนมนิ่มๆ นิวคาสเซิ่ลนำห่างแบบโล่งไปเยอะ 2-0

จบเกมนิวคาสเซิ่ลทำได้สำเร็จจัดการเช็คบิลโบลตันไป 2-0 ทำผลงานชนะ 5 เกมรวดมี 59 แต้มขยับไปเท่ากับสเปอร์สในอันดับ 4 เรียบร้อยแล้วแต่ลูกได้เสียยังเป็นรองส่วนโบลตันยังอยู่ในอับดับที่ 16 มีแต้มเหนือโซนตกชั้นแต้มเดียว

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด : ทิม ครูล 7.5, แดนนี่ ซิมป์สัน 5.0, ไมเคิ่ล วิลเลียมสัน 6.0, ฟาบริซิโอ้ โคลอชชินี่ 7.0, ดาวิเด้ ซานตอน 5.0, โยฮัน กาบาย 6.0, เจมส์ เพิร์ช 5.0 (เฟอร์กูสัน น.45 5.0), โฮนาส กูเตียร์เรซ 6.0, ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา 8.5* (เทย์เลอร์ น.85 -), เด็มบ้า บา 6.0 (อเมโอบี้ น.63 6.0), ปาปิส ซิสเซ่ 6.0


โบลตัน วอนเดอร์เรอร์ : อดัม บ็อกดาน 7.5, ซามูเอล ริคเกตต์ส 5.0, เดวิด วีเธอร์ 7.0, ทิม รีม 5.5, เกรตาร์ สไตน์สัน 6.0, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์ 6.5, มาร์ค เดวิส 5.5, มาร์ติน เปตรอฟ 6.5, คริส อีเกิลส์ 5.0 (มิยาอิชิ น.79 -), ดาร์เรน แพรทลี่ย์ 6.0 (คลาสนิช น.82 -), เควิน เดวิส 6.5 (เอ็นก็อก น.79 -)

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคืนวันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2555
เอฟเวอร์ตัน ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 4-0 
นิวคาสเซิ่ล ชนะ โบลตัน 2-0 
สเปอร์ส แพ้ นอริช ซิตี้ 1-2
แอสตัน วิลล่า เสมอ สโต๊ค ซิตี้ 1-1
ฟูแล่ม เสมอ เชลซี 1-1 

ไฮไลท์แมตช์ สเปอร์ส VS นอริช ซิตี้ Premier League - ไก่มันแย่! แพ้นกขมิ้นคารัง 2-1 12bet 10/042555



"ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ มีเสียวสันหลังเอาท้ายฤดูกาล มื่อพวกเขาพลาดท่าพ่ายแพ้คาบ้านตัวเองไปด้วยสกอร์ 2-1 จากน้ำมือนกขมิ้น ของนอริช ซิตี้ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา 


วันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2555 


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ 1-2 นอริช ซิตี้ 








ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์สตัดสินใจหมุนเวียนผู้เล่น โดยเกมนี้ไม่มีชื่อของปาร์คเกอร์เลย ส่วนอเดบายอร์กับฟาน เดอร์ ฟาร์ตก็เป็นเพียงแค่ตัวสำรองเท่านั้น โดยเจอร์เมน เดโฟได้โอกาสลงเป็นตัวจริงในแดนหน้า และมีเบล กับอารอน เลนน่อน เป็นปีกอยู่สองข้าง

นอริชของแลมเบิร์ตต้องการเก็บแต้มให้ได้ในทุกนัด เพื่อการันตีการอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ ลีกต่อไป แม้ว่าตอนนี้จะมีถึง 40 แต้มแล้วก็ตาม

นาทีที่ 13พลาดแล้วพลาดอีกเลยโดนลงโทษจนได้สำหรับสเปอร์ส เมื่อกองหลังเหมือนจะยืนกันหลวมๆ โดนแรงพยายามของนอริชเข้าโถมใส่จนรวน ก่อนที่กาบูลจะแตะบอลยาวเกิน โดนฉกไปได้ แม้ว่ากองหลังของเจ้าบ้านจะพยายามสกัดแต่เคลียร์กันไม่ขาด บอลเด้งเท้าคิงไปเข้าทางพิลคิงตันที่รีบวางเท้าตวัดยิงผ่านมือฟรีเดลเข้าไปเสียบตาข่ายทันที นอริชนำก่อนแล้ว 1-0

โดนประตูแรกเข้าไปก่อนทั้งที่เล่นในบ้าน แถมมีโอกาสก่อนด้วยแบบนี้ ทำให้มึนเหมือนกันสำหรับสเปอร์ส เกมรุกชักจะดูเนือยๆลงไป ส่วนเกมรับแม้จะเริ่มเข้ารูปเข้าร่าง แต่ก็ยังหวาดเสียวแทนอยู่ดี

นาทีที่ 27 เหมือนวันนี้ฟอร์มจะหลุดผิดกับเพื่อนคนอื่นในทีมเลยสำหรับนายทวารของนอริชอย่างรัดดี้ เพราะตอนต้นเกมก็ไปทำบอลหลุดมือทีหนึงแล้ว ตอนนี้ก็มาก่ะจังหวะออกไปตัดบอลที่วอล์คเกอร์โยนมาพลาด ยังดีที่มาร์ตินยืนถูกตำแหน่งสกัดทิ้งออกไปได้ก่อน

นาทีที่ 33 ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของครึ่งแรกหรืออาจจะเกมนี้เลยก็ได้ เพราะโฮลท์วิ่งเบียดคิงเข้าไปในกรอบเขตโทษหมายจะหวดบอลให้ตุงตาข่าย แต่โดนคิงเหนี่ยวเอาไว้จากด้านหลังก่อนจะล้มคู่ลงไป แต่ผู้ตดสินไม่ว่าอะไร เลยกลายเป็นจังหวะของสเปอร์สที่ลิเวอร์มอร์จ่ายเร็วไปให้กับเดโฟวิ่งฉีกทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะตักบอลข้ามตัวรัดดี้เข้าประตูไปอย่างเฉียบขาด "ไก่เดือยทอง" ตีเจ๊าเป็น 1-1

เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ยังเดาไม่ออกเลยว่าเกมวันนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ เพราะทั้งสองทีมเปิดหน้าแลกกันแบบไม่มีใครกลัวใคร จะต่างกันอยู่นิดหนึงก็ตรงที่ทีมเยือนเข้าหนักได้ใจ จนทำให้แข้ง "ไก่เดือยทอง" ล้มตึงล้มตังไปหลายรอบ

ก่อนหมดเวลาสเปอร์สจำต้องเปลี่ยนเอากาบูลที่ไปขึ้นเทคตัวโหม่งแล้วจังหวะลงเหมือนจะผิดท่าไปหน่อย ทำให้หัวเข่าพลิกเล่นต่อไม่ไหว จึงต้องส่งเนลเซ่นลงไปเล่นแทน




สเปอร์สเปลี่ยนเอาซาฮาที่วันนี้โชว์ฟอร์มไม่กระดิกออกไปและส่งอเดบายอร์ที่ก่ะพักเอาไว้ในตอนแรกลงสนามแทน

นาทีที่ 53 ฟอร์มเซฟแบบนี้ยังเยี่ยมเหมือนเดิมสำหรับรัดดี้ เมื่อเอก็อตโต้จ่ายบอลทำชิ่งกับอเดบายอร์ก่อนที่เขาจะสอดเข้าไปหมายยิงสวนตัวรัดดี้ แต่นายด่าน "นกขมิ้น" ยังยกมือขึ้นมาปัดทิ้งข้ามคานได้อย่างสุดยอด

อีก 5 นาทีต่อมา น่าเสียดายจริงๆ ในจังหวะทำเกมของนอริชที่ขึ้นไปทางขวา โฮลท์ทะลุไปจนสุดเส้น ก่อนบอลเพื่อนแล้วโยนยาวไปเสาสองให้จอห์นสันที่เติมขึ้นมาเอี้ยวตัวง้างเท้าวอลเล่ย์ด้วยซ้าย แต่บอลปลิ้นติดไซด์ก้อยหลุดไปไกลโพ้นเลย


นาทีที่ 64 น่าจะเป็นประตูขึ้นนำของสเปอร์สสุดๆเลยจริงๆ เมื่อเบลโยกไปขึ้นทางขวา แตะบอลขึ้นหน้าแล้วจี้เข้าหากองหลัง ก่อนที่จะแตะออกซ้ายแล้วบิดตัวปั่นบอลข้ามทั้งกองหลังและรัดดี้ไปแล้ว แต่บอลมันดันไปชนคานอย่างจัง จะซ้ำก็ไม่ได้เสียด้วย

อีก 2 นาทีต่อมา จากการที่แลกกันอย่างเมามัน นอริชก็มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากลูกยิงอันสวยสดงดงามจริงๆของเบนเน็ตต์ หลังจากเขาได้บอลหน้าเขตโทษ แล้วผู้เล่นสเปอร์สไม่มีใครเข้าไปบีบ เบนเน็ตต์เลยจัดการตะบันด้วยขวา บอลพุ่งเป็นแนวทะแยงแวกตัวบล็อกดูดเข้าไปเสียบเสาไกล ชนิดที่ฟรีเดลล์ได้แต่หันดูเท่านั้น นอริชขึ้นนำแล้ว 2-1

สถานการณ์แบบนี้ไม่เสี่ยงลุยไม่ได้แล้ว สำหรับสเปอร์สที่ต้องส่งฟาน เดอร์ ฟาร์ตลงไปเล่นแทนลิเวอร์มอร์ในแดนกลาง ดูแล้วคงจะบุกมากขึ้น แต่เกมรับแน่นอนเลยว่าจะต้องหย่อนลงกว่าเดิม

เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย จำเป็นจริงๆแล้วสำหรับสเปอร์สที่จะต้องเปิดเกมบุกกดดันนอริชให้ได้มากที่สุด เพราะไม่งั้นแล้วพื้นที่ท็อปโฟร์ที่พวกเขาอยู่มาเกือบทั้งฤดูกาลนี้มีสั่นคลอนอย่างแน่นอน

ไปๆมาๆในช่วงท้ายเป็นนอริชเสียอีกที่ทำเกมสวนแต่ละทีแล้วดูอันตรายกว่าสเปอร์สที่ต้องการประตูเยอะเลย ทำให้จบ 90 นาทีเป็นนอริชที่โชว์ฟอร์มสุดแจ่มบุกมาเอาชนะสเปอร์สได้ถึงถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน 2-1

ด้านสเปอร์สระส่ำสุดๆเพราะตอนนี้โดนนิวคาสเซิ่ลขยับทำแต้มขึ้นมาเท่ากันแล้ว แถมคืนนี้เชลซีมีคิวลงเล่น ซึ่งถ้าหากพวกเขาชนะเกิน 2 ลูกขึ้นไป "ไก่เดือยทอง" จะเสียตำแหน่งท็อปโฟร์ไปทันที

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส : แบรด ฟรีเดล 6, เล็ดลี่ย์ คิง 5.5, ยูเนส กาบูล 6(เนลเซ่น 6 น.45), เบนอต์ อัสซู-เอก็อตโต้ 6.5, ไคล์ วอล์คเกอร์ 6, ลูก้า โมดริช, เจ็ค ลิเวอร์มอร์ 6(ฟาน เดอร์ ฟาร์ต 5.5 น.71), แกเร็ธ เบล 6, แอร่อน เลนน่อน 6, เจอร์เมน เดโฟ 6.5, หลุยส์ ซาฮา 5.5(อเดบายอร์ 6 น.45)




นอริช ซิตี้ : จอห์น รัดดี้ 7.5, เอลเลียต วอร์ด 6.5, ไรอัน เบนเน็ตต์ 7, อดัม ดรูรี่ย์ 6.5, รัสเซลล์ มาร์ติน 6.5, โจนาธาน ฮาวสัน 6.5, แบรดลี่ย์ จอห์นสัน 6, เอลเลียต เบนเน็ตต์ 7, แอนโธนี่ย์ พิลคิงตัน 7.5*(เซอร์แมน 6 น.73), แกรนท์ โฮลท์ 7(มอริสัน 6 น.70), แอร่อน วิลบราแฮม 6.5(แจ็คสัน 6 น.80)

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคืนวันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2555
เอฟเวอร์ตัน ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 4-0 
นิวคาสเซิ่ล ชนะ โบลตัน 2-0 
สเปอร์ส แพ้ นอริช ซิตี้ 1-2
แอสตัน วิลล่า เสมอ สโต๊ค ซิตี้ 1-1
ฟูแล่ม เสมอ เชลซี 1-1 

ไฮไลท์แมตช์ เรอัล มาดริด VS บาเลนเซีย La Liga - เจ๊าอีกแว้ว! ราชันได้แค่เปิดรังยันค้างคาว 0-0 ทิ้ง4 แต้มเท่านั้น 12bet 09/04/2555

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555



เรอัล มาดริด ทำท่าจะงานเข้าในช่วงท้ายฤดูกาลซะแล้ว เมื่อแต้มที่เคยทิ้งห่างบาร์เซโลน่าตอนนี้ กลับเหลือเพียง 4 คะแนนแล้วเท่านั้น หลังเกมล่าสุดราชันชุดขาวทำได้เพียง เปิดรังเสมอกับ บาเลนเซีย โนสกอร์ 0-0 ในศึกลา ลีกา เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา


วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน 2555 


ฟุตบอลลา ลีกา สเปน 
เรอัล มาดริด 0-0 บาเลนเซีย






เจ้าบ้านเรอัล ถูกบาร์เซโลน่าตามจี้ขึ้นมาเหลือ 3 แต้มเท่านั้นเกมนี้ยังส่งผู้เล่นตัวหลักลงสนามครบครันทั้งคริสติอาโน่ โรนัลโด้, เมซุต โอซิลและกอนซาโล่ อิกวาอิน ขณะที่บาเลนเซีย โรเบร์โต้ โซลดาโด้หัวหอกตัวเก่งมีชื่อเป็นเพียงแค่ตัวสำรองเท่านั้น


ต้นเกมเจ้าบ้านก็ได้จังหวะลุ้นกันก่อนเมื่อต่อบอลกันขึ้นมาและก็เป็นโรนัลโด้ล็อกเข้าท้ายซ้ายก่อนจะกดเรียดระยะประมาณ 20 หลาเฉียดเสาออกไป

อีกไม่ถึงห้านาทีต่อมา โอซิลจ่ายบอลมาจากทางซ้ายให้กับปีกโปรตุกีสตรงกลางก่อนที่โรนัลโด้จะสับหลอก 1 จังหวะแล้วซัดเต็มข้อด้วยขวาแต่บอลพุ่งไปจูบเสาอย่างน่าเสียดาย ปล่อยให้ลองยิงหลายๆทีแบบนี้ไม่ดีแน่สำหรับบาเลนเซีย

เกมยังเป็นของมาดริดเกือบตลอด นาทีที่ 18 โอซิลเล่นกับเบนเซม่าแตะต่อให้กับโรนัลโด้จับบอลเข้าเขตโทษก่อนจะแปด้วยขวาแต่ปานาเดโร่โกล์ของบาเลนเซียก็ยังล้มตัวเซฟก่อนจะตามเก็บจังหวะ 2 ไว้ได้แม้ว่าโรนัลโด้จะพยายามประท้วงว่าตัวเองถูกทำฟาล์วและผู้เล่นทีมเยือนส่งบอลคืนโกล์ก็ตามแต่ก็ไม่เป็นผล

บุกเพลินก็มีเสียววาบเหมือนกันสำหรับ"ราชันชุดขาว"จากจังหวะเสียลูกเตะมุมติโน่ คอสต้าได้จังหวะยิงไกลเดือนร้อนุึงกาซิญาสต้องล้มตัวทุบออกมาเข้าทางหัวของริคาร์โด้ คอสต้าพุ่งโหม่งทันทีแต่บอลก็ดันไปชนเสาอย่างน่าเสียดายทั้งๆที่มือกาวทีมชาติสเปนได้แต่ใช้สายตาป้องกันแล้ว

นาทีที่ 35 แฟนบอลทีมเยือนก็เกือบได้เฮเมื่อเฟกูลี่เปิดบอลจังหวะเหมาะเหม็งมาให้กับปิอัตติที่หน้าประตูก่อนที่ปิอัตติจะโหม่งบอลเกือบเสียบมุมแต่กาซิญาสก็ยังไวล้มตัวเซฟไว้ได้

เล่นไปเล่นมาต้องบอกว่ามาดริดดูจะเจาะบาเลนเซียที่วันนี้ยืนตำแหน่งในเกมรับกันดีได้ยากแต่เจาะไม่เข้ายังไม่น่ากลัวเท่ากับเกมสวนกลับเร็วของไอ้ค้างคาวที่พร้อมจะลงโทษเจ้าถิ่นได้ทุกเมื่อ จบครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0

ครึ่งหลังมูรินโญ่ถอดกอนซาโล่ อิกวาอินที่แทบจะไม่มีบทบาทออกแล้วส่งอังเคล ดิ มาเรียลงมาแทน

ลงมาในครึ่งหลังก็แผลงฤทธิ์สำหรับดิ มาเรียเมื่อลากตัดเข้ามาจากทางขวาก่อนจะไหลทะลุให้กับโรนัลโด้ได้ยิงด้วยซ้ายแต่ปานาเดโร่ยังล้มตัวปัดบอลออกหลังไปได้

นาทีที่ 54 ติโน่ คอสต้าเก็บบอลจังหวะที่กองหลังมาดริดเคลียร์ไม่ขาดมาได้ก่อนจะตัดสินใจยิงจากระยะประมาณ 30 หลาทันทีบอลพุ่งวาบไปชนคานจังๆ หนึ่งเสาหนึ่งคานแล้วสำหรับทีมเยือนขณะที่เรอัลก็ยิงไปชนเสาทีนึตอนครึ่งแรกเช่นกัน

นาทีที่ 58 ดิ มาเรียโดนสกัดล้มลงแล้วเอามือไปคว้าบอลผู้ตัดสินเลยเป่าฟาล์วเป็นลูกแฮนด์บอลแล้วผู้เล่นค้างคางพยายามจะเอาบอลมาเล่นเร็วๆแต่ปีกอาร์เจนไตน์นั่งทับอยู่เลยมีการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยสุดท้ายผู้ตัดสินก็ให้ใบเหลืองดิ มาเรียไป

ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมตอนนี้เป็นเจ้าถิ่นที่ได้ครองบอลมากกว่าพยายามบุกเข้าใส่บาเลนเซียอย่างต่อเนื่องแต่ยังเจาะกันไม่เข้าและเริ่มมีการเข้าสกัดหนักๆใส่กันหลายทีแล้ว

เกมรุกของมาดริดยังไม่สามารถทำประตูกันได้โจเซ่ มูรินโญ่เลยถอดเอากลางรับอย่างเคห์ดิร่าออกแล้วส่งกาก้ามาเพิ่มมิติในเกมรุก ต้องดูว่าเพลย์เมคเกอร์บราซิเลียนจะสามารถสร้างความแตกต่างได้หรือไม่

นาทีที่ 76 แฟนบอลทีมจ่าฝูงก็ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะเล่นสั้นลูกเตะมุมและก็เป็นดิ มาเรียซัดไกลด้วยซ้ายบอลส่ายเกือบเสียบใต้คานแต่ปานาเดโร่ก็ยังบินปัดออกหลังไปได้ พยายามแล้วพยายามอีกก็ยังยิงไม่ได้สำหรับ"ราชันชุดขาว"

บุกสวนมาทีไรแฟนบอลมีเสียวกันทุกทีสิน่า นาทีที่ 83 ปาโบลก็ได้โอกาสยิงจากมุมขวาแต่กดไม่ลงบอลเหินข้ามคานออกไป นาทีต่อมาโซลดาโด้ก็ไหลบอลต่อให้กับอัลบ้าที่เติมขึ้นมาทะลุไปถึงในกรอบเขตโทษก่อนจะซัดด้วยซ้ายแต่ก็ยังติดเซฟของกาซิญาสอยู๋

หลังจากนั้นแม้ว่าเจ้าถิ่นจะพยายามบุกอย่างหนักแต่ก็ยิงประตูไมได้จบเกมเรอัล มาดริดทำได้แค่เปิดบ้านเสมอกับบาเลนเซียไปแบบโนสกอร์พลาดเก็บ 3 แต้มสำคัญทำให้นำบาร์เซโลน่าอันดับ 2 อยู่ 4 แต้มเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
เรอัล มาดริด : อิเคร์ กาซิญาส, ราอูล อัลบิโอล, เปเป้, มาร์เซโล่, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, ชาบี อลองโซ่, ชามี่ เคห์ดิร่า(กาก้า น.72), กอนซาโล่ อิกวาอิน(ดิ มาเรีย น.46), เมซุต โอซิล(กาเญฆ่อน น.85), คริสติอาโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า


บาเลนเซีย : บิเซนเต้ กวาอิต้า ปานาเดโร่, บิกตอร์ รุยส์, อดิล รามี่, ฆอร์ดี้ อัลบ้า, ริคาร์โด้ คอสต้า, อัลเบร์โต้ คอสต้า, เมห์เม็ต โทปาล, อาริตซ์ อาดูริซ(โซลดาโด้ น.78), ดาเนี่ยล ปาเรโฆ่, ปาโบล ปิอัตติ(มาติเญอ น.62), โซเฟียเน่ เฟกูลี่(ปาโบล น.62)



ผลฟุตบอลลา ลีกา คืนวันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน 2555 
เลบานเต้ ชนะ แอตเลติโก มาดริด 2-0
เรอัล มายอร์ก้า เสมอ กรานาก้า 0-0 
แอธเลติก บิลเบา ชนะ เซบีย่า 1-0 
เรอัล มาดริด เสมอ บาเลนเซีย 0-0

ไฮไลท์แมตช์ ฮัมบูร์ก VS ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น Bundesliga - ฮูเปียประเดิมสวย ! พาห้างยาบุกเจ๊าสิงห์เหนือ 1-1 12bet 09/04/2555




เรียกว่าประเดิมงาน ผจก.ทีม ในถื่นไบอารีน่า ได้ประทับใจแฟนๆเหมือนกันสำหรับซามี่ ฮูเปีย อดีตกองหลังของทีม ที่พาเลเวอร์คูเซ่น บุกตีเสมอ ฮัมบูร์กได้ 1-1 หยุดสถิติเจ๊งชัยมา 5 เกมติดต่อกัน ไว้ที่คืนวันอาทิตย์ที่ 8 เมษายนนี้เท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน 2555 


ฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน
ฮัมบูร์ก 1-1ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 







เกมนี้ซามี่ ฮูเปียอดีตปราการหลังของลิเวอร์พูลลงคุมทีมเลเวอร์คูเซ่นเป็นเกมแรกหลังได้รับการแต่งตั้งให้มารับตำแหน่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว

เกมในช่วงแรกทีมเยือนทำได้ดีกว่าเป็นฝ่ายครองบอลได้เป็นส่วนใหญ่แต่ยังหาจังหวะเข้าทำไม่ค่อยได้ขณะที่ฮัมบูร์กเน้นตัดเกมตรงกลางเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะดาวิด ยาโรลิมที่ทำฟาล์วไป 2-3 ครั้งแล้ว

นาทีที่ 18 ฮัมบูร์กมีโอกาสได้ลุ้นก่อนเมื่ออิลิเซวิชเลื้อยเลาอยู่ทางขวาก่อนเปิดเข้ามาเป็นมาร์คุส เบิร์กที่เก็บบอลได้แต่ไม่มีมุมยิงเลยตอกส้นคืนให้ยานเซ่นวิ่งเข้ามาใส่ด้วยซ้ายเต็มๆแต่บอลไร้เรดาร์หลุดกรอบไปอย่างไกล น่าจะทำได้ดีกว่านี้สำหรับยานเซ่น

รูปเกมเป็นเจ้าถิ่นที่ทำได้ดีกว่า นาทีที่ 25 บรูม่าเติมเกมขึ้นมาทางขวาก่อนจะหยอดเข้ามาในเขตโทษให้กับเบิร์กพักบอลลงด้วยอกก่อนจะพลิกตัวยิงทันทีแต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ

ผ่านมาครึ่งชั่วโมงทั้งคู่ยังไม่มีใครเหนือกว่ากันมากนักเป็นฝ่ายผลัดกันได้ครองบอล ดูเหมือนฮัมบูร์กจะมีโอกาสได้จบสกอร์มากกว่าโดยเฉพาะเกมเปิดจากริมเส้นทั้ง 2 ข้างแต่ก็ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น เกมนี้มิชาเอล บัลลัคมิดฟิลด์ตัวเก๋าของทีมเยือนได้โอกาสกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งหลังต้องหลุดจากทีมไปในยุคของโรบิน ดุทท์

เกมในครึ่งแรกดูเหมือนจะจบด้วยการเสมอกันแต่ในนาทีที่ 39 ยานเซ่นก็เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายไปติดแขนของคาสโตร กรรมการเป่าให้เป็นจุดโทษกับเจ้าถิ่นทันทีและก็เป็นมลาเด็น เพทริชรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่เหลือ ฮัมบูร์กขึ้นนำ 1-0

ช่วงท้ายครึ่งแรก"ห้างขายยา"เกือบตีเสมอได้คีสลิงก์ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจะยิงด้วยซ้ายแต่ดร็อปนี่ก็ยังออกมาปิดมุมได้ทันและเซฟไว้ได้ด้วยขา จบครึ่งแรกฮัมบูร์กนำเลเวอร์คูเซ๋นอยู่ 1-0

ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวทั้งคู่และก็เป็นเลเวอร์ที่ทำได้ดีกว่าเป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่ฮัมบูร์กได้ตลอดแต่ก็ทำได้แค่ป้วนเปี้ยนอยู่หน้ากรอบเขตโทษเท่านั้นจังหวะลุ้นประตูยังไม่มี

หลังป้ออยู่นานในที่สุดทีมเยือนก็มาได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 56 จากจังหวะเตะมุมเป็นคีสลิงก์ที่โถมเข้ามาโขกเต็มแต่อาโอโก้สกัดทิ้งไปติดหัวพวกเดียวกันเองกระเด้งกลับมาชนคานก่อนจะเด้งไปเข้าหัวของชูร์เล่ร์โหม่งเข้าไปโล่ง สกอร์เสมอกัน 1-1

หลังเสียประตู"สิงห์เหนือ"ก็เร่งเครื่องอีกครั้งทำเกมบุกสวนใส่เลเวอร์ทันทีและก็เป็นเพทริชได้จังหวะส่องไกลจากระยะ 35 หลาบอกพุ่งเกือบย้อยเสียใต้คานแต่ก็มุดไม่พอออกไปนิดเดียว แต่ภาพช้าเห็นว่าเลโน่โกล์ของทีมเยือนกระโดดปัดไว้ได้นิดนึง

นาทีที่ 73 ฮัมบูร์กก็มาได้ฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาและก็เป็นเดนนิส อาโอโก้รับหน้าที่ปั่นโค้งด้วยซ้ายบอลข้ามกำแพงแล้วมุดเกือบเสียบมุมบนขวาแต่เลโน่ยังยอดเยี่ยมบินมาปัดออกไปได้แบบเฉียดฉิว

เหลืออีก 15 นาทีสุดท้ายเป็นฮัมบูร์กเจ้าถิ่นแทบจะบุกใส่ทีมเยือนอยู่ฝั่งเดียวแต่จังหวะสุดท้ายยังยิงไม่คมกันแถมเลโน่วันนี้ฟอร์มค่อนข้างดีด้วยเลยยังทำประตูไม่ได้ส่วนห้างขายยาหลังได้ประตูก็ดูเหมือนจะจ่ายบอลกันพลาดเยอะทำให้เกมบุกพอเกินครึ่งสนามไปเสียบอลตลอด

เกมมาสนุกเอาในช่วงท้ายเมื่อทั้ง 2 ทีมพอได้บอลก็พยายามใช้เกมเร็วบุกเข้าใส่อีกฝั่งโดยตลอดแต่ก็ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมเลเวอร์คูเซ่นภายใต้การคุมทีมนัดแรกของซามี่ ฮูเปียหยุดสถิติแพ้ 5 นัดรวดได้สำเร็จไล่ตีเสมอฮัมบูร์กไป 1-1 เขยิบแซงเบรเมนขึ้นไปอยู่อันดับ 6 ขณะที่เจ้าถิ่นยังต้องลุ้นต่อไปเพราะมีคะแนนเหนือโซนตกชั้นเพียง 2 แต้มเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
ฮัมบูร์ก : ยาโรสลาฟ ดร็อปนี่ย์, ไมเคิล มานเซียนน์, ไฮโก้ เวสเตอร์มันน์, เจฟฟรี่ บรูม่า, เดนนิส อาโอโก้, มาร์เซล ยานเซ่น, อิโว อิลิเซวิช(โตเร่ น.71), โรเบิร์ต เทสเช่, ดาวิด ยาโรลิม(รินคอน น.76), มลาเด็น เพทริช(ซอน น.88), มาร์คุส เบิร์ก


เลเวอร์คูเซ่น : แบร์น เลโน่, สตฟาน ไรนาร์ตซ์, มานูเอล ฟรีดิช, โอเมอร์ โทปรัค, มิชาล คาดเล็ช, กอนซาโล่ คาสโตร, ไซม่อน โรลเฟส, เรนาโต้ ออกุสโต้(เดร์ดิย็อค น.78), มิชาเอล บัลลัค(บาร์เน็ตต้า น.65), อังเดร ชูร์เล่ร์, สเตฟาน คีสลิงก์(เบลลาราบี้ น.84)

ผลฟุตบอลบุนเดสลีกาคืนวันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน 2555
ชาลเก้ 04 ชนะ ฮันโนเวอร์ 96  3-0
ฮัมบูร์ก เสมอ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 1-1

ไฮไลท์แมตช์ อาร์เซน่อล VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้ Premier League - สวยจนน่าเกลียดอะ! อาร์เตต้าส่อง 30 หลาพาปืนจมเรือในรัง 1-0 12bet 09/04/2555



แฟนผีรักตายเลย! อาร์เซน่อลหยุดความฝันคว้าแชมป์ของเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว หลังได้มิเกล อาร์เตต้า กองกลางฮาร์ดแมนตะบันระยะเกือบ 30 หลาหนีมือโจ ฮาร์ท เข้าไปในช่วงท้ายเกม เป็นประตูชัยของอาร์เซน่อล ในเกมพรีเมียร์ชิพคืนวันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา


วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน 2555


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
อาร์เซน่อล  1- 0   แมนเชสเตอร์ ซิตี้






เจ้าบ้านพลพรรค เดอะ กันเนอร์ส เกมนี้ใช้บริการของยอสซี่ เบนายูนลงสนามเป็นตัวจริงมา ส่วนแชร์วินโญ่หายไปจากทั้งตัวจริงและสำรองเลย ส่วนฟอร์มพวกเขาเพิ่งแพ้มาในนัดล่าสุดหลังชนะในลีกมารวด 7 เกมติดแต่ฟอร์มในบ้าน 5 นัดหลังก็ถือว่าใช้ได้โดยชนะไป 4 และแพ้เกมเดียว

ทีมเยือนได้ กุน อเกวโร่ กองหน้าร่างตัน กลับมาเป็นตัวจริงคู่กับบาโลเตลลี่รวมถึงแนวรับที่ได้เลสคอตต์กลับมายืนคู่กับกอมปานีด้วย ด้านฟอร์มพวกเขาเสมอมาใน 2 เกมหลังสุด 


เริ่มเกมมาเป็นเจ้าบ้านที่ได้เปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องจนเกือบจะได้ประจูด้วยเป็นซานญ่าที่ได้ตั้งป้อมเปิดทางฝั่งขวา บอลโดนโหม่งสกัดไว้เลยลอยไปที่หน้าเขตโทษ กิ๊บส์โหม่งต่อให้กับโรซิคกี้ได้ยิงแต่ก็แฉลบตัวบล็อกออกหลัง

ผ่านมา 15 นาที"ปืนใหญ่"ยังครองบอลเยอะกว่าชัดเจนแล้วน่าได้ปะรตูออกนำจริงๆเป็นลูกเปิดเตะมุมจากทางซ้าย บอลพุ่งมาตรงกรอบ 6 หลาเข้าหัวฟาน เพอร์ซี่โหม่งเต็มๆแต่ดั๊นดันเป็นแฟร์มาเล่นที๋โถมมาจากข้างหลังกลายขวางมาบอลลอยไปโดนคานแทนอดได้ประตูไปอย่างน่าเสียดาย

จังหวะยังไม่มีอะไรมากแต่บาโลเตลลี่ออกลูกเกเรอีกแล้วหลังเจ้าตัวเลี้ยงบอลขึ้นมาเองแต่ยาวไปแล้ว ซงวิ่งเข้ามาสกัดเอาไว้ได้ก่อนหัวหอกเกรียนวันเว้นวันจะเปิดปุ่มยันเข้าใส่หัวเข่าซงเต็มๆแต่กรรมการไม่แจกใบอะไรทำเอาเวนเกอร์ถึงกับโวย

หลังโดนบุกอยู่หนัก"เรือใบสีฟ้า"ก็มีโอกาสตั้งเกมขึ้นมาบุกบ้างแล้วก็ได้จบเช่นกันเป็นลูกเตะมุมจากทางขวาโดยซิลบาเปิดเข้ามาทางเสาสองและเป็นบาโลเตลลี่ที่วิ่งมาจิ้มบอลแต่ก็ไปติดทางกิ๊บส์ก่อนจะมาเข้าเท้าฟาน เพอร์ซี่แล้วเตะทิ้งไป

เกมผ่านครึ่งชั่งโมงมาทั้งสองฝ่ายยังผลัดกันแลกอยู่แต่โอกาสจบก็ยังคงมีกันไม่เยอะนักโดย"ปืนใหญ่"ได้พาบอลขึ้นไปป้วนเปี้ยนแถวเขตโทษบ่อยแต่จังหวะจบยังไม่มี ส่วนทาง"เรือใบ"ก็มีสวนได้แอบลุ้นไปทีเช่นกันจากบอลทะลุช่องของปิซาร์โร่ให้บาโลเตลลี่แต่เซสนี่ออกมาตัดไว้

เข้าช่วงท้ายเกมอาร์เซน่อลกลับมากดดันหนักอีกครั้งได้เปิดบอลเข้าไปลุ้นในเขตโทษหลายทีแต่แรวรับของแมนฯ ซิตี้ยังเอาอยู่ช่วยกันสกัดออกมาได้เกือบหมด สุดท้ายทำให้จบครึ่งแรกไปแบบไร้สกอร์
  
เริ่มครึ่งหลังทีมเยือน แมนฯซิตี้ ออกสตาร์ทได้ดีกว่า และมีโอกาสได้ลุ้นประตู เมื่อ ซามีร์ นาสรี่ หยอดบอลยาวมาที่หน้าประตูให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ ขึ้นโขก บอลโด่งเกือบเสียบคานแต่ วอยเช็ก เชสนี่ ยังปัดได้ทัน


ทีมปืนโตพลาดโอกาสได้ประตูอย่างน่าเศร้า เมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ วิ่งหลุดตัวประกบ ขึ้นไปสะบัดโหม่งลูกเปิดยาวคนเดียวโล่งๆระยะ6หลา โจ ฮาร์ท หมดสิทธิ์เซฟไปแล้ว แต่บอลไปชนเสาเต็มๆ


อาร์เซน่อล รับใบเหลืองไปอีกคน เมื่อไปสไลด์ถึงบอลช้ากว่า แกเร็ธ แบร์รี่ จนกลายเป็นการทำฟาวส์ รับใบเหลืองไปอีกคน
สาวกปืนใหญ่ใน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ได้เฮกันเก้อ เมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ส่งบอลตุงตาข่ายไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินเป่าว่า อาร์วีพี นั้นล้ำหน้าไปซะก่อน 


จากนั้นอาร์เซน่อล พลาดได้ประตูแบบไม่น่าเชื่อ เมื่อ ธีโอ วัลค็อตต์ ได้โอกาสแปบอลตามน้ำหน้าประตูมาทางเสาสอง บอลชนเสาเต็มๆ ยอสซี่ เบนายูน ที่ยืนอยู่โล่งๆกลับซ้ำไม่ดี จนไปติดเซฟของ แว็งซ็องต์ ก็อมปานี เคลียร์ทิ้งไปได้


 2นาทีต่อมา ทั้งสองทีมทำการเปลี่ยนตัว โดยอาร์เซน่อล ทำการเปลี่ยนเอา อารอน แรมซี่ย์ เข้าแล้วเปลี่ยนเอา ยอสซี่ เบนายูน ออก ส่วน แมนฯซิตี้ ส่ง อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ลงมาแทน ซามีร์ นาสรี่


 นาทีที่83 แมนฯซิตี้ ส่งไพ่ใบสุดท้าย ด้วยการส่ง คาร์ลอส เตเวซ ลงมาแทน เซร์คิโอ อเกวโร่ ขณะที่ อาร์เซน่อล เปลี่ยน อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-เชมเบอร์เลน ลงมาแทน ธีโอ วัลค็อตต์


แต่แล้วนาทีที่86 แฟนๆ อาร์เซน่อล ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ มิเกล อาร์เตต้า ได้บอลจากความผิดพลาดของ ดาวิด ปิซาร์โร่ ก่อน อาร์เตต้า จะบรรจงกดด้วยเท้าขวาระยะ30หลา ส่งบอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างงดงามให้ อาร์เซน่อล ขึ้นนำ 1-0


นาทีที่89 สถานการณ์ของ แมนฯซิตี้ ยิ่งเลวร้ายไปใหญ่ เมื่อ มาริโอ บาโลเตลลี่ ไปเสียบใส่ บาการี่ ซานญ่า แบบน่าเกลียดอีกครั้ง สุดท้าย ก็รับใบเหลืองที่สอง กลายเป็นใบแดง แมนฯซิตี้ เหลือ10คนช่วงท้ายเกมอีกต่างหาก


ช่วงเวลาที่เหลือ ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ หมดเวลา อาร์เซน่อล เฉือนเอาชนะ แมนฯซิตี้ 1-0 เก็บสามคะแนน แซงขึ้นมาอยู่ที่3 ส่วน แมนซิตี้ กลับบ้านมือเปล่า มีแต้มตามหลัง แมนฯยูฯ ถึง8แต้ม




รายชื่อ 11นักเตะของทั้งสองทีม


อาร์เซน่อล (4-4-2) : วอยเช็ก เชสนี่, บาการี่ ซานญ่า, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, โธมัส แฟร์มาเล่น, คีแรน กิ๊บบ์ส , โทมัส โรซิชกี้, อเล็กซ์ ซง, มิเกล อาร์เตต้า,ยอสซี่ เบนายูน, ธีโอ วัลค็อตต์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่


แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : โจ ฮาร์ท ,ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, โจเลียน เลสค็อตต์, กาแอล กลิชี่, ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่, ซามีร์ นาสรี่,เจมส์ มิลเนอร์, เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน", มาริโอ บาโลเตลลี่


ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิพคืนวันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน 2555
แมนฯยูไนเต็ด ชนะ ควีนส์พาร์คส์ เรนเจอร์ส 2-0
อาร์เซน่อล ชนะ แมนฯซิตี้ 1-0

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สุดยอดแมตช์ตลอดกาล