Blogger Widgets
Sporty Magazine official website | Members area : Register | Sign in

ค้นหาบล็อกนี้

คลังไฮไลท์แมตช์

เร้ดดิ้งเชือดเบิร์นลีย์รั้งที่ 3 ชปช.

วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


เร้ดดิ้งขยับขึ้นสู่อันดับที่ 3 ในตารางแชมเปี้ยนชิพ หลังจากเปิดรังเอาเฉือนเบิร์นลีย์ไปหวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยของเจสัน โรเบิร์ตส ตั้งแต่ช่วงต้นเกม เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธุ์ ที่ผ่านมา

ฟุตบอลแชมเปี้ยนชิพ
  เร้ดดิ้ง 1-0 เบิร์นลีย์

สนาม : มาเดจสกี

เบิร์นลีย์ยกพลมาเยือนสนามมาเดจสกี ของ "เดอะ รอยัล" เร้ดดิ้ง โดยในเกมนี้ เจย์ โรดริเกวซลงเล่นให้ทีมเยือนเปฌนเกมที่ 100 และยังไม่มีการเปลี่ยนชุดผู้เล่นจากเกมที่โค่นบาร์นสลีย์มาเมื่อกลางสัปดาห์แต่อย่างใด

ด้านเจ้าถิ่นนำโดยเจสัน โรเบิร์ตส์ หัวหอกผิวสี ที่เพิ่งเซ็นมาจากแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในศึกพรีเมียร์ชิพ พวกเขามีแต้มตามหลังเซาธ์แฮมป์ตันเพียงสองคะแนนเท่านั้น ในการลุ้นพื้นที่เพลย์ออฟขึ้นสู่ลีกสูงสุด ขณะที่เบิร์นลีย์อยู่่อันดับสิบ มี 47 แต้มจาก 32 เกม

แล้วก็เป็นโรเบิร์ตส์ที่โชว์คลาสของศูนย์หน้าระดับพรีเมียร์ลีก ด้วยการเข้าออตลูกผ่านจากริมเส้นของของโจบี้ แม็คอานัฟฟ์ กัปตันทีม เข้าไปไม่เหลือ ส่งผลให้เร้ดดิ้งออกนำตั้งแต่นาทีที่ 11

ต่อมาเอียน ฮาร์ทส แบ๊กซ้ายตีนหนัก ได้ส่องฟรีคิกระยะกว่า 30 บอลพุ่งเข้ากรอบ แต่นายทวารทีมเยือนยังปัดออกมาได้ ลูกระฉอกมาเข้าทางโรเบิร์ตส ทว่าก็โดนเซฟจังหวะที่สองได้อีกครั้ง

ช่วงเวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมมีโอกาสเข้าทำกันแบบจะแจ้งแทบจะนับครั้งได้ และจบลงด้วยประตูโทนของโรเบิร์ตส 1-0 ส่งผลให้เร้ดดิ้งทำแต้มแซงคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ขึ้นมามี 54 คะแนน รั้งอันดับสามของตาราง โดยมีคะแนนตามหลังจ่าฝูง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เพียง 3 แต้มเท่านั้น ส่วนเบิร์นลีย์ยังคงรั้งอันดับสิบอยู่ตามเดิม

"ซีดาน" ช่วยไมนซ์ไล่เจ๊าฮอฟเฟนไฮม์ 1-1


โมฮาเหม็ด ซีดาน ศูนย์หน้าทีมชาติอียิปต์สวมบทพระเอกให้กับ ไมนซ์ 05 ด้วยการพังประตูตีเสมอ ฮอฟเฟนไฮม์ 1-1 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนนในศึกลูกหนังบุนเดสลีกา เยอรมนี ประจำวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ฟุตบอลบุนเดสลีกา
ฮอฟเฟ่นไฮม์ 1-1 ไมนซ์

      
ฟุตบอลลีกสูงสุดเมืองเบียร์ที่สนามไรน์ เนคคาร์ อารีนา ฮอฟเฟนไฮม์ ทีมอันดับ 11 เปิดบ้านต้อนรับ ไมนซ์ 05 ทีมอันดับ 13 เปิดฉากมาได้แค่ 9 นาที เจ้าถิ่นก็ออกนำ 1-0 แบบโชคช่วย เมื่อ นิโคลเซ โนเวสกี ปราการหลังกัปตันทีมเยือนช่วยสงเคราะห์ทำเข้าประตูตัวเอง


อย่างไรก็ตาม ไมนซ์ สามารถไล่ตีเสมอเป็น 1-1 ได้ในนาทีที่ 29 จากจังหวะที่ ราโดสลาฟ ซาบาฟนิค เปิดบอลจากกราบซ้ายเข้ากลางให้ โมฮาเหม็ด ซีดาน สังหารในเขตโทษส่งลูกผ่านมือ ทอม สตาร์เค เสียบมุมเสาสอง


จากนั้นช่วงเวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ จบเกมจึงเสมอกัน 1-1
      
หลังนัดนี้ ฮอฟเฟนไฮม์ เก็บเพิ่มเป็น 26 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 10 ส่วน ไมนซ์ บวกแต้มเพิ่มเป็น 24 คะแนน ขึ้นมาอยู่ที่ 12 ของตาราง

งูเละเป็นโจ๊กรอสโซ่ บลูบุกยำคารัง 3-0


โบโลญญา ได้ ฌอง ฟรองซัวส์ ชิลเลต์ ผู้รักษาประตูชาวเบลเยียมโชว์ฟอร์มเซฟอุตลุดบวกกับการฉกฉวยโอกาสจบสกอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพบุกไปถล่ม "งูใหญ่"อินเตอร์ มิลาน ถึงถิ่น 3-0 พร้อมทั้งขยับขึ้นมารั้งอันดับ 16 บนตารางคะแนนกัลโช เซเรีย อา อิตาลี      
ฟุตบอลกัลโช เซเรีย อา อิตาลี
อินเตอร์ มิลาน 0-3 โบโลญญา      
ที่สนามจูเซ็ปเป เมอัซซา อินเตอร์ มิลาน ทีมอันดับ 5 เปิดบ้านต้อนรับ โบโลญญา ทีมอันดับ 17 เกมนี้เจ้าถิ่นวาง จามเปาโล ปาซซินี กับ ดิเอโก ฟอร์ลัน ลงล่าตาข่ายร่วมกันโดยมี เวสลีย์ สไนเดอร์ คอยสร้างสรรค์เกม ส่วนทีมเยือนนำทัพโดย มาร์โก ดิ วาโย ดาวยิงอดีตทีมชาติอิตาลี และ อเลสซานโดร เดียมานติ
      
เริ่มเกมเป็น “งูใหญ่” ที่บุกได้เหนือกว่าและเกือบได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 18 เมื่อ สไนเดอร์ เปิดลูกเตะมุมด้านขวาให้ ดักลาส ไมคอน ขึ้นโขกคนเดียวหน้ากรอบ 6 หลา แต่ ฌอง ฟรองซัวส์ ชิลเลต์ โชว์ซูเปอร์เซฟล้มตัวป้องกันไว้ได้ ก่อนที่นาทีที่ 30 ฟอร์ลัน จะได้บอลหลุดเข้าไปล่อเป้าในเขตโทษ ทว่า ชิลเลต์ ก็ยังออกมาบล็อกได้ทัน
      
กระทั่งนาทีที่ 37 “รอสโซบลู” กลับเป็นฝ่ายพังสกอร์ขึ้นนำ 1-0 โดย ดิ วาโย รับบอลจาก ดิเอโก เปเรซ แล้วดึงจังหวะหลอก ยูโตะ นากาโตโมะ ที่พุ่งเข้ามาขวางก่อนซัดด้วยซ้ายผ่านมือ ชูลิโอ เซซาร์ เสียบเสาแรก


จากนั้นนาทีที่ 38 โบโลญญา ก็หนีห่างเป็น 2-0 อย่างรวดเร็วจากความผิดพลาดของ อันเดรีย ราน็อคเคีย ที่พักบอลผิดเหลี่ยมจนถูก ดิ วาโย วิ่งตัดหลังแล้วฉกเข้าไปดีดผ่านมือ เซซาร์ ส่งลูกหนังเข้าสู่ก้นตาข่ายก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
      
เข้าสู่ครึ่งหลัง อินเตอร์ ยังคงเดินหน้าบุกหนักหวังทวงประตูคืน นาทีที่ 59 นากาโตโมะ เติมเกมขึ้นมาทางซ้ายแล้วลากตัดเข้าในก่อนไหลให้ ฟอร์ลัน แปด้วยซ้ายแบบไม่จับ ทว่าลูกเบาเกินไปจึงถูก ชิลเลต์ ล้มตัวคว้าไว้ได้


ถึงนาทีที่ 67 เนรัซซูรี น่าตีไข่แตกได้อย่างยิ่ง เมื่อ สไนเดอร์ เปิดบอลให้ ราน็อคเคีย โขกกดลงพื้นทำท่าจะเสียบเสาสอง แต่ ชิลเลต์ ยังโชว์ฟอร์มเป็นพระเอกพุ่งปัดสุดปลายมือออกหลังไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    
ผ่านมาถึงนาทีที่ 85 แฟนบอลเจ้าถิ่นถึงกับทยอยเดินออกจากสนาม เมื่อ ราน็อคเคีย ทำพลาดอีกครั้งด้วยการลื่นเสียหลักจนถูก โรเบิร์ต อัคควาเฟรสกา หัวหอกตัวสำรองที่ลงมาแทน ดิ วาโย ฉกบอลไปก่อนเลี้ยงแหวกแนวรับ 4 คนเข้าไปยิงผ่านมือ เซซาร์ เสียบมุมช่วยให้ โบโลญญา บุกมาคว้าชัยแบบพลิกล็อก 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 25 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 16 ส่วน อินเตอร์ มี 36 คะแนนเท่าเดิม หล่นลงมาอยู่ที่ 6 เนื่องจาก นาโปลี บุกไปชนะ ฟิออเรนตินา 3-0 ทำแต้มเป็น 37 คะแนน แซงขึ้นไปอยู่อันดับ 5 แทน
      
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
อินเตอร์ มิลาน - ชูลิโอ เซซาร์, ดักลาส ไมคอน, ลูซิโอ, อันเดรีย ราน็อคเคีย, ยูโตะ นากาโตโมะ, มาร์โก ฟาราโอนี, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, เอสเตบัน กัมบิอัสโซ, เวสลีย์ สไนเดอร์, จามเปาโล ปาซซินี, ดิเอโก ฟอร์ลัน
      
 โบโลญญา - ฌอง ฟรองซัวส์ ชิลเลต์, อันเดรีย ราจจี, มิคาเอล อันทอนส์สัน, ดานิเอเล ปอร์ตาโนวา, ดิเอโก เปเรซ, อาร์คิเมเด มอร์เลโอ, กาบี มูดินกายี, กียอร์กี การิคส์, อเลสซานโดร เดียมานติ, กัสตอน รามิเรซ, มาร์โก ดิ วาโย

เปแอสเชยกพลเจ๊านีซ0-0ยังคืนจ่าฝูง

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ฟุตบอล ลีก เอิง ฝรั่งเศส
วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2555
นีซ   0    -    0  ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

        "เปแอสเช" ปารีส แซงต์-แชร์แมง ฟอร์มไม่ร้อนทำได้เพียงเสมอกัน นีซ เจ้าถิ่น 0-0 แต่ 1 คะแนนที่ได้เพิ่มมาก็พอเพียงที่ เปแอสเช จะแซงหน้า มงต์เปลลิเย่ร์ กลับไปนำจ่าฝูงลีก เอิง ตามเดิม โดยเก็บไปแล้ว 50 คะแนน มีแต้มมากกว่า มงต์เปลลิเย่ร์ ทีมอันดับสอง 1 คะแนน ในศึกฟุตบอล ลีก เอิง ฝรั่งเศส เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา


สนาม : สต๊าด  มูนิซิปาล ดู เร

        นีซ รองบ๊วยลีก เอิง เปิดสต๊าด มูนิซิปาล ดู เร ทางตอนใต้ ปะทะ ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง รองจ่าฝูง ที่ชนะ 5 นัดติดต่อกันในการเล่นทุกรายการ โดยนัดนี้หาก เปแอสเช เก็บได้ 1 คะแนน ก็จะแซง มงต์เปลลิเย่ร์ กลับไปนำจ่าฝูงตามเดิม

        เรอเน่ มาร์กซิเกลีย เทรนเนอร์นีซได้ เอริก มูเลิงกี กองหน้ากาบองลงตัวจริง ภายหลังกลับมาจากการเล่นแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2012 รอบสุดท้าย และ ฟร้องค์ ชา เชดเช่ กองหน้าพ้นโทษแบนกลับมา ส่วน คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์เปแอสเชส่ง อเล็กซ์ คอสต้า กองหลังหน้าใหม่วัย 29 ปีที่หายเจ็บน่อง ลงตัวจริงครั้งแรกในชุดเปแอสเช หลังย้ายมาจากเชลซีเมื่อเดือนมกราคม โดยทำหน้าที่เซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ มามาดู ซาโก้ กองหลังทีมชาติฝรั่งเศส กัปตันทีม

        เกมครึ่งแรก นาทีที่ 13 กองเชียร์เจ้าถิ่นเกือบได้เฮเมื่อ เอริก มูเลิงกี เลี้ยงบอลทางริมเส้นฝั่งซ้ายหนี มามาดู ซาโก้ และ อเล็กซ์ สองเซนเตอร์ฮาล์ฟปารีสฯ ก่อนจ่ายให้ อ็องโตนี่ มูนิเย่ร์ ยิงเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษไปติด ซัลวาตอเร่ ซิริกู เซฟได้เยี่ยม

        จากนั้น นีซ ยังบุกกดดันได้ดี และนาที 23 บาร์กโตโลเมอ วาเรล่า ผู้ตัดสินแจกใบแดงไล่ โคล้ด มาเกเลเล่ ผู้ช่วยเทรนเนอร์เปแอสเชออกจากซุ้มม้านั่งสำรองข้างสนาม โทษฐานที่ มาเกเลเล่ โวยวายและไม่ยอมนั่งตามที่กรรมการสั่ง

        ท้ายเกมครึ่งแรก เปแอสเชมีจังหวะบุกมากขึ้น มิลาน บิเชวัซ แบ็กขวาเซอร์เบียซัลโวเท้าขวาระยะไกล 25 หลา บอลพุ่งเข้าข้างตาข่ายนาที 40 จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 0-0


        เข้าสู่ครึ่งหลัง เปแอสเชส่ง คริสตอฟ ฌัลเล่ต์ ลงเล่นแทน อเล็กซ์ นาที 46 โดยสิบนาทีต่อมา เนเน่ ได้บอล จ่ายให้ เควิน กาไมโร่ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสยิงเท้าขวาระยะเผาขนไปติด ดาวิด ออสปิน่า ผู้รักษาประตูโคลอมเบียเซฟได้อยู่หมัด

        นาที 63 เอริก มูเลิงกีได้บอล เปิดให้ เควิน อาแน็ง ยิงระยะไกลเข้าข้างตาข่าย จากนั้นนาทีต่อมา ปารีสฯ โต้กลับเร็ว มาติเยอ บ็อดแมร์ ผ่านบอลให้ กีโยม โออาโร่ หัวหอกตัวสำรองโหม่งหน้าประตูติด ออสปิน่า ตะครุบบอลเอาไว้ได้

        และนาที 75 เปแอสเชน่าได้ประตูเมื่อ กีโยม โออาโร่ ได้โหม่งเผาขนข้ามคานไม่กี่หลา

        จบเกม นีซ เสมอ ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง 0-0 แต่ 1 คะแนนที่ได้เพิ่มมาก็พอเพียงที่ เปแอสเช จะแซงหน้า มงต์เปลลิเย่ร์ กลับไปนำจ่าฝูงลีก เอิง ตามเดิม โดยเก็บไปแล้ว 50 คะแนน มีแต้มมากกว่า มงต์เปลลิเย่ร์ ทีมอันดับสอง 1 คะแนน

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

        นีซ :
ดาวิด ออสปิน่า - ฟร็องซัวส์ แกลร์ก, เควิน โกมิส, เรนาโต้ ซิเวลลี่, ฟาเบียน มอนซอน - ฟาบริซ อาเบรียล (ลัวด์ ปาเลิง น.78), ดีดิเย่ร์ ดิการ์ (กัปตันทีม) (ฌูเลียง ซาเบล้ น.89), เควิน อาแน็ง - ฟร้องค์ ชา เชดเช่, อ็องโตนี่ มูนิเย่ร์ - เอริก มูเลิงกี (เอสมาเอล กอนซัลเวส น.81)

        สำรองที่ไม่ได้ใช้ :
ราอูล เฟร์นานเดซ (ผู้รักษาประตู), เควิน มาลาก้า, กาแมล เมเรียม, อับราฮัม กีเอ้ กีเอ้

        ใบเหลือง :
-

        เปแอสเช
: ซัลวาตอเร่ ซิริกู - มิลาน บิเชวัซ, อเล็กซ์ คอสต้า (คริสตอฟ ฌัลเล่ต์ น.46), มามาดู ซาโก้ (กัปตันทีม), แม็กซ์เวลล์ - โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้, ติอาโก้ ม็อตต้า, มาติเยอ บ็อดแมร์ (แบลส มาตุยดี้ น.75) - เฌเรมี่ เมเนซ, เนเน่ - เควิน กาไมโร่ (กีโยม โออาโร่ น.61)

        สำรองที่ไม่ได้ใช้ :
นิโกล่าส์ ดูเชซ (ผู้รักษาประตู), ดีเอโก้ ลูกาโน่, ซิลแว็ง อาร์กม็องด์, เกลม็องต์ ฌองโตม

        ใบเหลือง :
เนเน่ น.19, โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้ น.34

        ผู้ตัดสิน :
บาร์กโตโลเมอ วาเรล่า



~♥ I LOVE NBA .¸¸.•´¯`»♥♥ I LOVE 12BET ~♥ 
รับโบนัสพิเศษเพิ่ม 12% หากหมายเลขบิลเดิมพัน 2 ตัว คือ 12
หากหมายเลขบิลเดิมพัน 4 ตัว คือ 1212 มีสิทธิ์รับโบนัสเพิ่ม30%สูงสุด12,120 บาท
12BET แจกโบนัส !!สมัครสมาชิกวันนี้เลยสิคะ!! 
รหัสรับโบนัส 12TF12100 ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท  
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

โซเซียดาดแจ่ม!เปิดบ้านอัดเซบีย่า2-0พุ่งที่11

ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
(นัดที่ 22 ฤดูกาล 2011-12) 
วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555
เรอัล โซเซียดาด  2    -    0  เซบีย่า

        เรอัล โซเซียดาด โชว์ฟอร์มแจ่มหลังเปิดบ้านไล่ต้อนเก็บชัยเหนือ เซบีย่า 2-0 เก็บสามแต้มสุดล้ำค่าได้สำเร็จพร้อมกับขยับอันดับจากที่ 17 ขึ้นไปอยู่ที่ 11 ทันที ขณะที่ เซบีย่า ที่ปราชัยในเกมนี้ตกลงไปอยู่อันดับที่ 13 ของตาราง ในศึกฟุตบอล ลา ลีกา สเปน เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา


สนาม: เอสตาดิโอ มูนิซิปัล เด อโนเอต้า, ซาน เซบาสเตียน

        เรอัล โซเซียดาด ทีมดังจากแคว้นบาสก์ พาทีมแพ้มาถึงสองจาก 3 เกมหลังสุด เกมนี้ต้องขาด ดาบิด ซูรูตูซ่า กองกลางที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน

        ในแนวรุกทำการเรียกตัว อิมานอล อาคีร์เร็ตเซ่ ที่เป็นแค่สำรองนัดเจอกับเจ้าบุญทุ่ม กลับมาลงล่าตาข่ายอีกครั้ง

        ทางด้าน เซบีย่า มีผลงานในลีกไม่ดี 7 เกมหลังไม่ชนะใคร เพิ่วทำการแต่งตั้ง มิเชล กอนซาเลซ เทรนเนอร์วัย 48 ปี เข้ามากุมบังเหียนทีมเป็นนัดแรกในเกมนี้

        เกมนี้ เซบีย่า ไม่มี ฌูเลียง เอสกูเด้ ปราการหลังชาวฝรั่งเศส ที่ติดโทษแบน และ ดีเอโก้ เปร็อตติ ปีกชาวอาร์เจนไตน์ ที่บาดเจ็บ โดยแนวรุกไว้ใจ เฆซุส นาบาส, มานู เดล โมราล และ เรเยส ช่วยกันปั้นเกมรุกสนับสนุน อัลบาโร่ เนเกรโด้ หัวหอกตัวเป้าในการเข้าทำสกอร์

        เปิดเกมขึ้นมาได้เพียงแค่ 11 นาที เจ้าบ้านน่าจะได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ รูเบน ปาร์โด้ วางบอลยาวให้กับ คาร์ลอส เวล่า ดาวเตะเม็กซิกัน หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนสับไกด้วยขวา บอลพุ่งชนคานอย่างน่าเสียดาย

        จากนั้นหกนาที เซบีย่า ได้โอกาส จากการตะบันหน้าเขตโทษของ มานู เดล โมรัล แต่ไม่ผ่านมือ เคลาดิโอ บราโว นายทวารของโซเซียดาด

        ขยับมาถึงนาทีที่ 32 ทีมเยือนน่าได้ประตูอย่างยิ่ง เมื่อ มานู เดล โมรัล เปิดบอลโค้งจากฝั่งซ้ายมาหน้าประตู อัลบาโร่ เนเกรโด้ โหนโหม่งบอลลอยชนคานบนออกหลังน่าเสียดาย

        ถัดมา 2 นาที เซบีย่า ลุยเข้าใส่อีกครั้ง เฆซุส นาบาส เปิดบอลจากขวาบอลเลยไปเสาสอง มานู เดล โมราล วิ่งมาซัดด้วยซ้ายบอลออกเสาแรกไป

        ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 4 นาที เป็นโอกาสของโซเซียดาด การ์ลอส มาร์ติเนซ ผ่านบอลจากขวามากลางประตูให้ เวล่า โฉบเข้ามาแปจ่อๆ ติดขาของ
อันเดรส ปาล็อป นายทวารเซบีย่า ครบ 45 นาทีแรกเสมอกันอยู่ 0-0

        เข้าสู่ครึ่งหลังได้แค่ 6 นาที เซบีย่า ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ เฆซุส นาบาส กระชากขึ้นมายิงไกลด้วยขวาบอลไม่ตรงกรอบ

        เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 59 เฆซุส นาบาส ปีกขวาของเซบีย่า พาบอลขึ้นมาจ่ายให้กับ เนเกรโด้ ซัดด้วยซ้ายจากระยะไกลบอลไม่ตรงกรอบ

        อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 64 เจ้าบ้านขึ้นนำไปก่อนจนได้จากจังหวะที่ ชาบี ปริเอโต โยนบอลจากกราบขวาเข้ามาตรงกลาง มิเกล อรานบูรู ขึ้นโหม่งแย่งกับผู้เล่น เซบีย่า บอลเลยมาถึง คาร์ลอส เวล่า วอลเลย์ด้วยซ้ายส่งบอลเสียบเสาสองเข้าไปให้โซเซียดาด นำก่อน 1-0

        จากนั้นสี่นาที เจ้าบ้านมาได้ประตูที่สอง คาร์ลอส เวล่า จ่ายให้กับ รูเบน ปาร์โด้ จับแล้วซัดด้วยขวาจากหน้าเขตโทษเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปให้ เรอัล โซเซียดาด นำห่าง 2-0

        เซบีย่า อยู่ไม่ได้แล้วต้องถอดเอา มานู เดล โมราล ออกแล้วส่ง เฟรเดริก กานูเต้ ลงมาเล่นแทน พร้อมกับให้ อีวาน ราคิติช เล่นแทน กัมปันญ่า ในนาทีที่ 71 ส่วน โซเซียดาด ให้ อองตวน กรีซมันน์ ดาวเตะชาวฝรั่งเศส ลงมาเล่นแทน อาคีร์เร็ตเซ่

        เวลาที่เหลือทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้อีก ครบ 90 นาที เรอัล โซเซียดาด เปิดบ้านเอาชนะ เซบีย่า ไปได้อย่างสวยงาม 2-0 เก็บสามแต้มล้ำค่าไว้ได้

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

        เรอัล โซเซียดาด:
เคลาดิโอ บราโว่ - การ์ลอส มาร์ตีเนซ, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, มิเกล กอนซาเลซ, กาดามูโร่ - มิเกล อารันบูรู, มาร์เกล เบร์การ่า - ชาบี ปรีเอโต, คาร์ลอส เวล่า, รูเบน ปาร์โด้ - อีมานอล อาคีร์เร็ตเช่

        สำรอง:
ซูบิกาไร (ผู้รักษาประตู) - วาดิม เดมิดอฟ, ดาเนี่ยล เอสตราด้า, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, อองตวน กรีซมันน์, ดีเอโก้ อีฟราน, โจเซบา ยอเรนเต้ 

        เซบีย่า:
อันเดรส ปาล็อป - โกเก้ อันดูฆาร์, เฟเดริโก้ ฟาซิโอ, กาล่า, เฟร์นานโด นาบาร์โร่ - โฆเซ่ กัมปันญ่า, ปิโอเตอร์ โทรชอฟสกี้ - เฆซุส นาบาส, มานู เดล โมราล, โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส - อัลบาโร่ เนเกรโด้

        สำรอง:
ฆาบี บาราส (ผู้รักษาประตู) - อเล็กซิส รูอาโน่, อันโตนิโอ ลูน่า, ติเบริโอ กวาเรนเต้, อีวาน ราคิติช, บาบา ดิยาวาร่า, เฟรเดริก กานูเต้

        ผู้ตัดสิน:
อิ๊กนาซิโอ อิเกลเซียส บียานวยบา






~♥ I LOVE NBA .¸¸.•´¯`»♥♥ I LOVE 12BET ~♥ 
รับโบนัสพิเศษเพิ่ม 12% หากหมายเลขบิลเดิมพัน 2 ตัว คือ 12
หากหมายเลขบิลเดิมพัน 4 ตัว คือ 1212 มีสิทธิ์รับโบนัสเพิ่ม30%สูงสุด12,120 บาท
12BET แจกโบนัส !!สมัครสมาชิกวันนี้เลยสิคะ!! 
รหัสรับโบนัส 12TF12100 ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท  
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

โด้แฮตทริก!ราชันอัดเลบันเต้10ตัว4-2ทิ้ง10แต้ม

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน 
วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2555
 เรอัล มาดริด  4    -    2  เลบันเต้

         คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โชว์ฟอร์มสุดฮอต หลังเหมาคนเดียว 3 ลูกรวด ช่วยให้ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด พลิกกลับมานำ เลบันเต้ ที่เหลือผู้เล่น 10 ตัว ตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก 4-2 เก็บ 3 แต้มเต็ม พร้อมทั้งทำแต้มขยับหนี บาร์เซโลน่า ออกไปเป็น 10 แต้ม ในศึกฟุตบอล ลาลีกา สเปน วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด

         เริ่มเกมมา เรอัล มาดริด เปิดเกมบุกเข้าใส่ทันที โดยให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เมซุต โอซิล เป็นตัวทำเกมขึ้นไป

         นาทีที่ 5 กลายเป็น เลบันเต้ ที่ได้ประตูออกนำแบบเหลือเชื่อ จากลูกฟรีคิกริมเส้น ฟรานซิสโก้ ฟารีนอส บรรจงเปิดเข้าไป เซร์คิโอ รามอส โหม่งไม่ดีบอลแฉลบมาเข้าหัว กุสตาโว่ กาบราล ที่โขกโล่งๆ ทีมเยือนออกนำ 1-0

         นาทีที่ 8 เรอัล มาดริด พลาดได้ประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย เมื่อ คาริม เบนเซม่า ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้าไปซะก่อน

         นาทีที่ 12 ราชันชุดขาว ยังโหมบุกหนัก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลากบอลจากริมเส้นก่อนล็อกเข้าในพร้อมสับไกเต็มข้อ บอลพุ่งแรงแต่ไม่เข้ากรอบ

         นาทีที่ 16 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ซัดฟรีคิกระยะ 30 หลา บอลพุ่งแรงเข้ากลางประตู แต่ กุสตาโว่ มูนูอา ชกทิ้งออกหลังไปได้

         นาทีที่ 22 จากจังหวะโต้กลับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พาบอลขึ้นมาก่อนจ่ายออกซ้ายให้ คาริม เบนเซม่า กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ กุสตาโว่ มูนูอา นายทวารทีมเยือนยังพุ่งชกออกมาได้

         นาทีที่ 25 ทีมเยือนโต้กลับเร็ว ออสการ์ เซร์ราโน่ จ่ายบอลให้ บิเซนเต้ อิบอร์ร่า หลุดเข้าไปได้ยิงที่เสาแรก แต่ อีเกร์ กาซียาส ยังไวล้มตัวบล็อกไว้ได้

         นาทีที่ 37 ราชันชุดขาว ยังไม่เพลาการบุก กอนซาโล่ อิกวาอิน ได้หลุดเข้าไปจิ้มระยะไม่ถึง 2 หลา แต่ กุสตาโว่ มูนูอา พุ่งออกมาบล็อกออกหลังไปได้

         นาทีที่ 43 เรอัล มาดริด ได้โชคสองชั้นเมื่อได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่บอลไปตกใส่แขน บิเซนเต้ อิบอร์ร่า ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินให้ใบเหลืองที่สองกับ บิเซนเต้ อิบอร์ร่า เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม เลบันเต้ เหลือ 10 คนแถมเสียจุดโทษ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วิ่งเข้ายิงเต็มๆ บอลพุ่งเสียบตาข่ายให้ เรอัล มาดริด ตามตีเสมอสำเร็จ 1-1

         ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คนเดิมได้ตีลังกายิงในกรอบเขตโทษ แต่บอลไม่เข้ากรอบ จบครึ่งแรก เรอัล มาดริด ยังเสมอกับ เลบันเต้ 1-1

         กลับมาเล่นต่อในครึ่งเวลาหลัง เรอัล มาดริด เจ้าถิ่นเปิดเกมบุกเต็มสูบ ขณะที่ เลบันเต้ ที่ตัวผู้เล่นน้อยกว่าก็เน้นตั้งรับตามสูตร

         และเพียงแค่ 5 นาทีของครึ่งหลัง ราชันชุดขาว ก็ได้ประตูออกนำจนได้เมื่อ ราชันชุดขาว ลากบอลจากริมเส้นก่อนเปิดเข้ากลาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หนีตัวประกบก่อนวิ่งเข้าโขกจ่อๆตุงตาข่าย ให้ทีมขึ้นนำ 2-1

         นาทีที่ 57 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คนเดิมสับไกด้วยขวาจากนอกกรอบเขตโทษระยะ 25 หลา บอลพุ่งเสียบคานอย่างสุดสวยให้ทีมหนีห่างไปเป็น 3-1 พร้อมทั้งเป็น แฮตทริก ของปีกชาวโปรตุเกสในเกมนี้ด้วย

         นาทีที่ 63 เลบันเต้ สวนกลับเร็วอีกครั้ง บัลมิโร่ บัลโด้ เปิดข้ามฝากไปให้ ออสการ์ เซร์ราโน่ ทางริมเส้นด้านซ้ายก่อนจะเปิดเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ อารูน่า โกเน่ เทกตัวโขกเต็มหัวส่งบอลเข้าประตูให้ทีมเยือนไล่ตามมาเป็น 3-2

         นาทีที่ 65 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จ่ายบอลออกทางซ้ายให้ คาริม เบนเซม่า ล็อกหลบหนึ่งจังหวะก่อนปั่นด้วยขวาบอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปให้ เรอัล มาดริด หนีห่างไปเป็น 4-2

         นาทีที่ 67 โฆเซ่ กาเยฆ่อน ตัวสำรองบรรจงวางบอลเข้าไปให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ยิงจ่อๆในกรอบเขตโทษแค่ไม่กี่หลา แต่เจ้าตัวกลับแปออกไปอย่างเหลือเชื่อ

         นาทีที่ 69 เรอัล มาดริด เกือบได้ประตูอีกครั้ง เมซุต โอซิล ลากบอลหลบแนวรับสองคนเข้าไปยิงด้วยซ้าย แต่บอลพุ่งชนโคนเสากระดอนออกมา

         ช่วงเวลาที่เหลือ เจ้าถิ่นเน้นครองบอลเป็นส่วนใหญ่แต่ไม่สามารถเจาะประตูเพิ่มได้ จบเกม เรอัล มาดริด ชนะไป 4-2 เก็บเพิ่ม 3 คะแนน ขยับหนี บาร์เซโลน่า อันดับ 2 ไปเป็น 10 คะแนน

         รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีมที่ลงสนาม         เรอัล มาดริด (4-2-3-1) : อีเกร์ กาซียาส ; อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เซร์คิโอ รามอส, เปเป้, ฟาบิโอ โคเอนเตรา ; เอสตาบาน กราเนโร่, ชาบี อลอนโซ่ ; คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เมซุต โอซิล,คาริม เบนเซม่า ; กอนซาโล่ อิกวาอิน

         เลบันเต้ (4-2-3-1) : กุสตาโว่ มูนูอา ; ฆาบี เบนต้า, เซร์คิโอ บาเยสเตรอส, กุสตาโว่ กาบราล, อาเซียร์ เดล ออร์โน่  ; บิเซนเต้ อิบอร์ร่า, ฟรานซิสโก้ ฟารีนอส ; บัลมิโร่ บัลโด้, นาบิล เอล ซาร์, ออสการ์ เซร์ราโน่ ; อารูน่า โกเน่

         ผู้ตัดสิน: อัลเบร์โต้ อุนเดียโน่ มาเยนโก้



~♥ I LOVE NBA .¸¸.•´¯`»♥♥ I LOVE 12BET ~♥ 
รับโบนัสพิเศษเพิ่ม 12% หากหมายเลขบิลเดิมพัน 2 ตัว คือ 12
หากหมายเลขบิลเดิมพัน 4 ตัว คือ 1212 มีสิทธิ์รับโบนัสเพิ่ม30%สูงสุด12,120 บาท
12BET แจกโบนัส !!สมัครสมาชิกวันนี้เลยสิคะ!! 
รหัสรับโบนัส 12TF12100 ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท  
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

เรือคืนจ่าฝูง!ยกพลเฉือนวิลล่าหืดจับ1-0

ฟุตบอล  พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2555
แอสตัน วิลล่า  0     -     1  แมนฯ ซิตี้


        "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เฮลั่นเมื่อบุกเฉือนเก็บชัยเหนือ "สิงห์ผยอง" แอสตัน วิลล่า ไปแบบหืดขึ้นคอ 1-0 เก็บสามแต้มได้สำเร็จพร้อมขยับขึ้นไปรั้งจ่าฝูงเหมือนเดิม ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา

สนาม : วิลล่า พาร์ค

         "สิงห์ ผยอง" แอสตัน วิลล่า เปิดรังวิลล่า พาร์ค ต้อนรับการมาเยือนของ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯซิตี้ โดยเจ้าถิ่นส่ง ดาร์เรน เบนท์,เอมิล เฮสกี้ และ ร็อบบี้ คีน เป็นสามประสานในแดนหน้า ส่วนทีมเยือนบุกมาโดยมีตำแหน่งจ่าฝูงเป็นเดิมพัน ใช้งาน เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน เป็นหัวหอกตัวเป้า และใช้ เจมส์ มิลเนอร์,อดัม จอห์นสัน และ ดาบิด ซิลบา ประสานงานสนับสนุน


     เริ่มเกมมาเพียง2 นาที เป็นฝ่าย ทีมเยือน แมนฯซิตี้ มีโอกาสได้ลุ้นก่อน จากการโหม่งชงของ ดาบิด ซิลบา ให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน พักอกก่อนตวัดยิงด้วยขวา แต่บอลตรงตัว เชย์ กิฟเว่น


     นาทีที่17 แอสตัน วิลล่า ได้ฟรีคิกจากจังหวะ ไนเจล เดอ ย็อง ไปทำฟาวส์ เอมิล เฮสกี้ ก่อนเปิดยาวเข้ามาในกรอบเขตโทษโดย สติลิยัน เปตรอฟ ริชาร์ด ดันน์ ได้โอกาสขึ้นโหม่ง แต่บอลเบาและตรงตัว โจ ฮาร์ท รับสบาย


     3นาทีต่อมา ทีมเรือใบมีโอกาสได้จบสกอร์อีกครั้ง จากการยิงนอกกรอบระยะ 20 หลาของ แกเร็ธ แบร์รี่ แต่บอลตรงตัว เชย์ กิฟเว่น รับเข้าซอง


     นาทีที่27 แมนฯซิตี้ พลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย เมื่อ อดัม จอห์นสัน ได้บอลนอกกรอบเขตโทษ ก่อนดึงจังหวะจนมีโอกาสได้ซัดเต็มข้อด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งผ่าน กองหลัง วิลล่า และ เชย์ กิฟเว่น ไปแล้ว แต่บอลกลับพุ่งไปชนเสาเต็มๆ


     นาทีที่39 แมนฯซิตี้ ได้โอกาสอีกครั้ง จากฟรีคิก ระยะ30หลา รับหน้าที่สังหารโดย อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ แต่ยิงด้วยเท้าซ้ายข้ามคานออกไปแบบไม่มีลุ้น


     แม้ แมนฯซิตี้ จะพับสนามและมีโอกาสจบสกอร์มากกว่า แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอ หมดครึ่งแรก แอสตัน วิลล่า จึงยันเสมอ แมนฯซิตี้ ได้อยู่ในสกอร์ 0-0


     กลับมาเล่นต่อในครึ่งเวลาหลัง ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัว


     นาทีที่ 54 แมนฯซิตี้ ได้โอกาสลุ้นอีกครั้งจากลูกฟรีคิก ดาบิด ซิลบา เปิดบอลเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ โจเลียน เลสค็อตต์ ขึ้นโขกตัดหน้า เชย์ กิฟเว่น ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น แต่บอลข้ามคานออกไป


     นาทีที่ 62 ใบเหลืองแรกของเกม สติลิยัน เปตรอฟ ไปเตะ ดาบิด ซิลบา หน้ากรอบเขตโทษ


     นาที ที่ 63 หลังพยายามอยู่นาน แมนฯซิตี้ ก็ได้ประตูออกนำจนได้ จากลูกเตะมุม เจมส์ มิลเนอร์ เปิดเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ แกเร็ธ แบร์รี่ โขกตั้งเข้ามาให้  โจเลียน เลสค็อตต์ เอี้ยวตัวยิงจ่อๆ ให้ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0


     นาทีที่ 68 แอสตัน วิลล่า ส่ง ชาร์ลส เอ็นซอกเบีย ลงมาแทน เอมิล เฮสกี้


      ริชาร์ด ดันน์ รับใบเหลืองไปอีกคน ในนาทีที่ 68


     นาทีที่ 77 แอสตัน วิลล่า เปลี่ยนตัวอีกหน คราวนี้ส่ง สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ ลงมาเล่นแทน มาร์ค อัลไบรท์ตัน


     นาทีที่ 80 แอสตัน วิลล่า ได้ลุ้นบ้างจากลูกเตะมุม ชาร์ลส เอ็นซอกเบีย เปิดเข้าไปเสาสอง ริชาร์ด ดันน์ ขึ้นโขกเต็มหัวแต่บอลไปตรงตัว โจ ฮาร์ท


     นาทีที่ 83 แมนฯซิตี้ เปลี่ยนตัวคนแรก ซามีร์ นาสรี่ เข้าแทน อดัม จอห์นสัน


     นาทีที่ 87  แอสตัน วิลล่า ได้ลุ้นทำประตูตีเสมอจากลูกเตะมุม ชาร์ลส เอ็นซอกเบีย รับอาสาเปิดเหมือนเคย คราวนี้เป็น การ์ลอส เกยาร์ ที่วิ่งเข้าโขกคนเดียวโล่งๆ แต่บอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย


     นาทีที่ 88 แมนฯซิตี้ ส่ง เอดิน เซโก้ ลงมาเล่นแทน เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน


     นาทีที่ 90 แอสตัน วิลล่า พลาดได้ประตูตีเสมอแบบเหลือเชื่อ จากจังหวะชุลมุนในกรอบเขตโทษ ดาร์เรน เบนท์ ได้ยิงจ่อๆไม่กี่หลา แต่ โจ ฮาร์ท ยังไวปัดออกมาได้


     ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 92 แมนฯซิตี้ เปลี่ยนตัวคนสุดท้ายโดยส่ง ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ลงมาแทน ดาบิด ซิลบา


     ช่วง ทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 93 แอสตัน วิลล่า เปลี่ยนตัวเอา นาธาน เบเกอร์ ลงเล่นแทน ริชาร์ด ดันน์ ที่ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ ลงเล่นต่อไม่ไหว


     จบเกม แมนฯซิตี้ บุกมาคว้าชัยออกไปได้แบบลุ้นเหนื่อย 1-0 เก็บแต้มเพิ่มอีก 3 แต้ม ขยับกลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง


11นักเตะของทั้งสองทีม


     แอสตัน วิลล่า(4-3-3):
เชย์ กิฟเว่น,อลัน ฮัตตัน,การ์ลอส เกยาร์,ริชาร์ด ดันน์,เจมส์ คอลลินส์,แกรี่ การ์ดเนอร์,สติลิยัน เปตรอฟ,มาร์ค อัลไบรท์ตัน,ดาร์เรน เบนท์,เอมิล เฮสกี้, ร็อบบี้ คีน

     สำรอง:
แบรดลี่ย์ กูซาน,สตีเฟ่น วาร์น็อค,สตีเฟ่น ไอร์แลนด์,ชาร์ลส เอ็นซอกเบีย,แบร์รี่ แบนเน่น,อันเดรียส ไวมานน์,นาธาน เบเกอร์


     แมนฯซิตี้(4-2-3-1):
โจ ฮาร์ท ,ปาโบล ซาบาเลต้า,อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ,แว็งซ็องต์ ก็อมปานี,โจเลียน เลสค็อตต์,แกเร็ธ แบร์รี่,ไนเจล เดอ ย็อง,เจมส์ มิลเนอร์,อดัม จอห์นสัน,ดาบิด ซิลบา,เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน

     สำรอง
:
คอสเทล พานทิลมอน,ไมกาห์ ริชาร์ดส์,เอดิน เซโก้,ดาบิด ปิซาร์โร่,สเตฟาน ซาวิช,ซามีร์ นาสรี่,กาแอล กลิชี่


     ผู้ตัดสิน:
ไมเคิ่ล โอลิเวอร์



~♥ I LOVE NBA .¸¸.•´¯`»♥♥ I LOVE 12BET ~♥ 
รับโบนัสพิเศษเพิ่ม 12% หากหมายเลขบิลเดิมพัน 2 ตัว คือ 12
หากหมายเลขบิลเดิมพัน 4 ตัว คือ 1212 มีสิทธิ์รับโบนัสเพิ่ม30%สูงสุด12,120 บาท
12BET แจกโบนัส !!สมัครสมาชิกวันนี้เลยสิคะ!! 
รหัสรับโบนัส 12TF12100 ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท  
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

ซาฮาตะบัน2!ไก่คลั่งเปิดรังจิกนิวฯเละ5-0

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555
สเปอร์ส   5     -     0   นิวคาสเซิ่ล

        หลุยส์ ซาฮา ซัดคนเดียวสองตุง ช่วย "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ โชว์ฟอร์มสุดโหดไล่ถล่ม "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ทีมเยือนแบบไม่ไว้เกือก 5-0 เก็บชัยได้อีกเกมพร้อมยึดอันดับที่ 3 ของตารางอย่างเหนียวแน่น ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา


สนาม : ไวท์ ฮาร์ทเลน

     สเปอร์สลงเล่นในบ้านโดยที่ยังไม่มีราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ทซึ่งบาดเจ็บน่อง และเกมนี้แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ซึ่งกลับมาคุมทีมหลังพ้นคดีความเรื่องภาษีก็ส่งหลุยส์ ซาฮาที่เคยเล่นให้สาลิกาดงแบบยืมตัวลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกคู่กับเอ็มมานู เอล อเดบายอร์



     ส่วนนิวคาสเซิ่ลที่ยังไร้โยอัน กาบายซึ่งติดโทษแบนสามนัดเป็นเกมสุดท้ายใช้งานปาปิส ซิสเซ่เป็น 11 ตัวแรกนัดแรกเช่นกัน และมีกาเบรียล โอแบร์กต็องกลับมาเป็นตัวจริงแทนที่ไรอัน เทย์เลอร์ซึ่งล้มเจ็บ


     เกมเริ่มต้นมาได้เพียงสี่นาที ทีมตราไก่ก็ได้โก่งคอขันเมื่อเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ลากบอลขึ้นกราบขวาแล้วทำชิ่งกับแกเร็ธ เบลจนหลุดเข้าเขตโทษไปกึ่งยิงกึ่งผ่านจากเส้นหลังหลุดไปเสาไกล ทำให้เบอนัวต์ อัสซู เอก็อตโต้ได้เข้าฮอสง่ายๆสามหลาโดยไม่มีใครคุม จึงเป็นอันว่าสเปอร์สนำตั้งแต่ไก่โห่ 1-0


     เท่านั้นไม่พอ อีกสองนาทีต่อมา อเดบายอร์ก็เลื้อยขึ้นมาทางขวาอีกแล้วสาดบอลเข้ามาหน้าปากประตูโดยมี ซาฮา กระโดดเข้าชาร์จจากสิบหลาผ่านแสกหน้าทิม ครูลเพิ่มสกอร์ให้เจ้าบ้านนำ 2-0


     ถัดมาในนาทีที่ 16 สเปอร์สมีลุ้นอีกจากการลากบอลขึ้นทางซ้ายของเบลที่โยนเข้าเขตโทษถูกไมค์ วิลเลียมสันโขกออกมา นิโก้ ครานชาร์จึงได้ง้างจาก 18 หลาทว่าส่งบอลโด่งข้ามคาน


     จากนั้นในนาทีที่ 20 เจ้าบ้านซึ่งเหนือกว่าบานตะไทก็มาได้ประตูเพิ่มเมื่อลูก้า โมดริชพาบอลบุกขึ้นทางซ้ายแล้วป้ายเข้าเขตโทษโดยมีอเดบายอร์จิ้มสั้นๆคืนให้ ซาฮาตั้งป้อมกระทุ้งจาก 14 หลาไม่เหลือเป็นลูกที่สองของตัวเองที่พาไก่เดือยทองนำลิ่ว 3-0


     กระทั่งนาทีที่ 25 ทีมจากแดนอีสานจึงได้ลืมตาอ้าปากเมื่อสก็อตต์ พาร์เกอร์ก็ไปทำฟาวล์เด็มบา บาจนโดนจดชื่อ และจากลูกฟรีคิกริมเขตโทษด้านซ้ายของทีมเยือน บาก็รับหน้าที่ซัดไปเสาไกลถูกแบรด ฟรีเดลปัดทิ้งได้อย่างเฉียดฉิวด้วยปลายนิ้ว


     แต่แล้ว นาทีที่ 34 ไก่เดือยทองก็หนีไปอีกจากการเจาะขึ้นทางซ้ายแล้วอเดบายอร์ได้ลูกแทงทะลุเข้า ไปจิ้มยิงระยะ 12 หลาถูกครูลถลันออกมาปัด แต่ก็ไม่รอดอยู่ดีมีครานชาร์เข้าซ้ำจากจุดเดียวกันพาเจ้าบ้านนำลิ่ว 4-0


     ขยับมาถึงนาทีที่ 40 ไคล์ วอล์คเกอร์ไปยกเท้ายันใส่หน้าแข้งเจมส์ เพิร์ชในจังหวะเข้าแย่งบอลกันจึงรับใบเหลืองไปอีกราย ก่อนที่ครึ่งแรกจะยุติโดยทีมเมืองหลวงนำห่าง 4-0


     ครึ่งหลัง เดอะ แม็คพายส์แก้ไขสถานการณ์ด้วยการเปลี่ยนเชน เฟอร์กูสันลงไปแทนโอแบร์กต็อง แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น


     และถึงนาทีที่ 64 อัสซู เอก็อตโต้ก็บุกขึ้นทางซ้ายไปโยนบอลเข้าเขตโทษโดยมีซาฮาโขกตั้งให้อเดบายอร์ วอลเลย์ตามน้ำระยะสิบหลาตุงตาข่ายพาสเปอร์สหนีห่างเป็น 5-0


     จากนั้นอีกสี่นาที เจ้าบ้านก็ถอดซาฮากับเบลออกไปพักโดยส่งเจอร์เมน เดโฟกับอาร่อน เลนน่อนลงบู๊ ขณะที่ทีมเยือนใช้งานแดน กอสลิ่งแทนซิสเซ่


     และไม่ทันไรในนาทีที่ 70 กอสลิ่งก็ไปเหนี่ยวแขนเลนน่อนไม่ให้เลื้อยหนีจึงมีใบเหลืองติดตัวทันควัน จากนั้นอีกห้านาที ทีมตราไก่ก็ส่งไรอัน เนลเซ่นกองหลังที่ย้ายมาจากแบล็คเบิร์นลงไปสัมผัสเกมแทนเล็ดลีย์ คิง


     นาทีที่  77 สาลิกาดงน่าจะตีไข่แตกได้เมื่อแดนนี่ กัธรี่สาดบอลจากกราบซ้ายเข้าเขตโทษให้บาโหม่งเต็งๆจากแปดหลา ทว่าฟรีเดลปัดได้เหลือเชื่อ


     แต่ให้หลังอีกสี่นาที เจ้าบ้านได้เสียวอีกจากจังหวะที่เดโฟจ่ายบอลให้โมดริชทิ่มเข้าเขตโทษด้าน ซ้ายแล้วอเดบายอร์พลิกยิงจาก 16 หลาเฉี่ยวเสาแรกไปนิดเดียว


     นาทีต่อมา โมดริชขอยิงจากหน้าเขตโทษบ้าง ทำเอาครูลต้องออกแรงทุบทิ้ง และถึงนาทีที่ 86 เดโฟก็ป้ายบอลจากกราบขวาเข้าเขตโทษให้อเดบายอร์เข่นจาก 15 หลาข้ามคานก่อนที่นิวคาสเซิ่ลจะเปลี่ยนปีเตอร์ โลเวนครานด์สลงไปแทนกัธรี่


     ล่วงมาอีกสามนาที ฟาบริซิโอ โคลอชชินี่แหย่ขาไปดักเดโฟล้มในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินมองว่าไม่สมควรเป็นลูกโทษ กระทั่งครบ 90 นาทีทีมตราไก่จึงถล่มแหลกอาคันตุกะไปแบบไร้ทางสู้ 5-0


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


     สเปอร์ส
: แบร็ด ฟรีเดล - ไคล์ วอล์คเกอร์, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, เล็ดลี่ย์ คิง (ไรอัน เนลเซ่น น.75), เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ - ลูก้า โมดริช, สกอตต์ พาร์เกอร์, นิโก้ ครานชาร์, แกเร็ธ เบล (อารอน เลนน่อน น.67) - เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, หลุยส์ ซาฮา (เจอร์เมน เดโฟ น.67)
     สำรองไม่ได้ใช้ :
คาร์โล คูดิชินี่, แดนนี่ โรส, เจค ลิเวอร์มอร์, บองกานี่ คูมาโล่

     ใบเหลือง :
สกอตต์ พาร์เกอร์, ไคล์ วอล์คเกอร์


     นิวคาสเซิ่ล :
ทิม ครูล - แดนนี่ ซิมพ์สัน, ไมค์ วิลเลี่ยมสัน, ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่, ดาวิเด้ ซานตอน - กาเบรียล โอแบร์กต็อง (เชน เฟอร์กูสัน น.46), แดนนี่ กัทธรี่ (ปีเตอร์ โลเวนครานด์ส น.86), เจมส์ เพิร์ช, โฮนาส กูเตียร์เรซ - เดมบา บา, ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ่ (แดน กอสลิ่ง น.68)

     สำรองไม่ได้ใช้ :
ร็อบ เอลเลียตต์, ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา, เมห์ดี้ อาเบอิด, โชล่า อเมโอบี้

     ใบเหลือง
: แดน กอสลิ่ง


     ผู้ตัดสิน
:
อังเดร มาร์ริเนอร์


~♥ I LOVE NBA .¸¸.•´¯`»♥♥ I LOVE 12BET ~♥ 
รับโบนัสพิเศษเพิ่ม 12% หากหมายเลขบิลเดิมพัน 2 ตัว คือ 12
หากหมายเลขบิลเดิมพัน 4 ตัว คือ 1212 มีสิทธิ์รับโบนัสเพิ่ม30%สูงสุด12,120 บาท
12BET แจกโบนัส !!สมัครสมาชิกวันนี้เลยสิคะ!! 
รหัสรับโบนัส 12TF12100 ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท  
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

บาร์ซ่าดับอนาถ!ยกพลพ่ายโอซ่าฯหวิว2-3

ฟุตบอ ลา ลีกา สเปน 
วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555 
โอซาซูน่า  3     -     2  บาร์เซโลน่า

        "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ออกอาการเศร้าสุดๆ หลังพบความปราชัยให้กับ โอซาซูน่า เจ้าถิ่น 2-3 ทำให้บาร์ซ่า ยังคงตามหลัง เรอัล มาดริด จ่าฝูงอยู่ 7 แต้มตามเดิมแถมยังแข่งมากกว่า 1 นัดด้วย ในศึกฟุตบอล ลาลีกา สเปน คืนวันเสาร์ที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา


สนาม: เอสตาดิโอ เรย์โน่ เด นาบาร์ร่า, ปัมโปลน่า 

        โอซาซูน่า ทีมดังจากแคว้นปัมโปลน่า ต้องปราศจาก เอนริเก้ โซล่า กับ มาซูด โชจาอี ที่บาดเจ็บ แต่ได้ อัลบาโร่ เซฆูโด้ ฟิตกลับมาช่วยทีม โดยวาง เดยัน เลคิช ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า

        ทางด้าน "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ไม่มี อิบราฮิม อเฟลลาย, อันเดรว ฟอนตาส และ ดาบิด บีย่า ที่มีอาการบาดเจ็บ รวมไปถึง เซย์ดู เกอิต้า ที่ยังไม่กลับมาจากการทำศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2012

        นอกจากนั้นทำการดร็อปตัวหลักๆอย่าง อันเดรส อิเนียสต้า, ชาบี เอร์นานเดซ และ เชส ฟาเบรกาส ไว้เป็นเพียงแค่สำรอง เนื่องจากมีเกมยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีม นัดแรก ที่จะไปเยือน เลเวอร์คูเซ่น ทีมแกร่งของเยอรมัน

        ในแดนกลางมี ติอาโก้ อัลกันตาร่า ลงทำเกมสนับสนุน อเล็กซิส ซานเชซ, ลีโอเนล เมสซี่ และ เปโดร โรดริเกซ สามประสานแดนหน้า

        เปิดเกมครึ่งแรกมาได้แค่ 4 นาที เจ้าบ้านเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะที่ ราอูล การ์เซีย ดีดหลังชิ่งทะลุช่องให้กับ เดยัน เลคิช หลุดไปซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสวยงามให้ โอซาซูน่า ออกนำก่อน 1-0 อย่างรวดเร็ว

        บาร์ซ่า สวนคืนมาบ้าง เซร์จี้ โรเบร์โต้ ไหลบอลให้กับ ลีโอเนล เมสซี่ ซัดด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษเล่นเอา อันเดรส เฟร์นานเดซ นายทวารโอซาซูน่า ต้องลอยตัวปัดออกหลังไป

        อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 22 เจ้าถิ่นมาได้ประตูที่สองจากจังหวะที่ ราอูล การ์เซีย ได้บอลหน้าเขตโทษแล้วดึงจังหวะนิดหนึ่งก่อนถ่ายออกมาทางขวาให้กับ อัลบาโร่ เซฆูโด้ ที่เติมขึ้นมาโล่งๆเปิดกลับเข้าไปกลางทันทีให้ เดยัน เลคิช สอดมายิงด้วยขวาจ่อๆให้ โอซาซูน่า นำ 2-0 เข้าไปแล้ว และเป็นประตูที่สองของ เลคิช ในเกมนี้ด้วย มีลุ้นทำแฮททริคแล้ว

        ทีมเยือนลุยขึ้นมาบ้าง อเล็กซิส ซานเชซ แทงบอลทะลุช่องให้กับ เมสซี่ กดด้วยซ้ายไปติดเซฟของ อันเดรส เฟร์นานเดซ นายทวารโอซาซูน่า ในนาทีที่ 28

        จากนั้นสิบนาที เจ้าถิ่นได้ลุ้นเช่นกัน ราอูล การ์เซีย เบิ้ลบอลเร็วให้ อัลบาโร่ เซฆูโด้ หลุดไปซัดด้วยขวา บอลเฉี่ยวเสาออกหลังหวุดหวิด หมดครึ่งแรก โอซาซูน่า นำก่อน 2-0


     มาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง บาร์ซ่า ปรับแท็คติกด้วยการส่ง อิซัค เกวนก้า ลงมาเล่นแทน การ์เลส ปูโยล พร้อมกับให้ คริสเตียน เตโย่ ลงแทน เปโดร โรดริเกซ



     ทีมเยือนลงมาบู๊ทันทีมีโอกาสก่อนเลย เมื่อ ดาเนี่ยล อัลเวส ขวางบอลจากขวาเข้าในให้กับ ลีโอเนล เมสซี่ ง้างยิงด้วยซ้ายเล่นเอา อันเดรส เฟร์นานเดซ ต้องบินปัดออกหลังไปในนาทีที่ 50


     นาทีต่อมา บาร์ซ่า ไล่มาเป็น 1-2 อิซัค เกวนก้า กองหน้าตัวสำรอง โยนบอลให้กับ อเล็กซิส ซานเชซ กระทุ้งด้วยซ้ายส่งบอลเสยกลางประตูเข้าไปอย่างสวยงาม


     อย่างไรก็ตาม เจ้าถิ่นมาได้ประตูที่สามในนาทีที่ 56 จากจังหวะที่บิคตอร์ บัลเดส นายทวารบาร์ซ่า หวดบอลออกมาไม่ดี เลยโดน โอซาซูน่า ลุยขึ้นมา บอลมาทาง ฆวน ฟรานซิสโก้ มาร์ติเนซ "นีโน่" กระชากขึ้นมาทางสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายแล้วเปิดมาเสาแรกให้กับ ราอูล การ์เซีย สอดมาแปด้วยซ้ายชนเสาในเข้าไปช่วยให้ โอซาซูน่า หนีห่าง 3-1 เข้าไปแล้ว


     ข้ามมาถึงนาทีที่ 71 โอซาซูน่า ถอดเอา เดยัน เลคิช คนทำสองประตูในเกมนี้ออกแล้วให้ อิบราฮิม่า บัลเด้ ลงสนามแทน ส่วน บาร์ซ่า ให้ เชส ฟาเบรกาส เล่นแทน เคราร์ด ปิเก้


     สองนาทีให้หลัง บาร์ซ่า ไล่ขึ้นมาเป็น 2-3 จากจังหวะที่ เชส ฟาเบรกาส ผ่านบอลออกมาทางขวาให้กับ คริสเตียน เตโย่ ล็อคหลบ "นีโน่" ผู้เล่นโอซาซูน่า ก่อนที่ เตโย่ จะตะบันด้วยซ้ายเต็มข้อบอลเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างเด็ดขาด


     เวลาที่เหลือเป็นบาร์ซ่าที่โหมบุกอยู่แต่ฝ่ายเดียวแต่ไม่สามารถทำ ประตูเพิ่มได้ จบเกม โอซาซูน่า พลิกล็อคเปิดบ้านปราบ บาร์เซโลน่า ไปสนุก 3-2 เก็บสามแต้มล้ำค่าไว้ได้ ขึ้นมาอยู่อันดับ 7 ของตาราง ส่วน บาร์ซ่า ยังคงตามหลัง เรอัล มาดริด จ่าฝูงอยู่ 7 แต้มตามเดิมแถมยังแข่งมากกว่า 1 นัดด้วย

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


     โอซาซูน่า:
อันเดรส เฟร์นานเดซ - มาร์ก เบร์ตราน, เซร์คิโอ เฟร์นานเดซ, มิเกล ฟลานโญ่, ยุคก้า ไรตาล่า - ฟรานซิสโก้ ปูนญาล, ยาวัด เนคูนาม - อัลบาโร่ เซฆูโด้, ราอูล การ์เซีย, ฆวน ฟรานซิสโก้ มาร์ติเนซ "นีโน่"  - เดยัน เลคิช 

     สำรอง:
อาเซียร์ ริเอสโก้ (ผู้รักษาประตู) - ฆาเบียร์ กาเยฆา, ดาเมีย อเบย่า, โรล็องด์ ลาม่าห์, มานูเอล ออร์ติซ "โลโล่", ดาบิด ติมอร์, อิบราฮิม่า บัลเด้


     บาร์เซโลน่า:
บิคตอร์ บัลเดส - ดาเนียล อัลเวส, การ์เลส ปูโยล (กัปตันทีม), เคราร์ด ปิเก้, เอริก อบิดัล - ติอาโก้ อัลกันตาร่า, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, เซร์จี้ โรเบร์โต้ - อเล็กซิส ซานเชซ, ลีโอเนล เมสซี่, เปโดร โรดริเกซ

     สำรอง:
โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ (ผู้รักษาประตู) - อาเดรียโน่ คอร์เรอา, คริสเตียน เตโย่, เชส ฟาเบรกาส, อิซัค เกวนก้า, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า


     ผู้ตัดสิน:
โฆเซ่ หลุยส์ ปาราดาส โรเมโร่

สรุปผลฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
- ราซิ่ง ซานตานเดร์ เสมอ แอต.มาดริด  0 - 0
- โอซาซูน่า ชนะ บาร์เซโลน่า  2 - 3
- เรอัล เบติส ชนะ แอธ.บิลเบา  2 - 1



~♥ I LOVE NBA .¸¸.•´¯`»♥♥ I LOVE 12BET ~♥ 
รับโบนัสพิเศษเพิ่ม 12% หากหมายเลขบิลเดิมพัน 2 ตัว คือ 12
หากหมายเลขบิลเดิมพัน 4 ตัว คือ 1212 มีสิทธิ์รับโบนัสเพิ่ม30%สูงสุด12,120 บาท
12BET แจกโบนัส !!สมัครสมาชิกวันนี้เลยสิคะ!! 
รหัสรับโบนัส 12TF12100 ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท  
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

ผีเฮแดงเดือด!รูนซัดเบิ้ลเชือดหงส์2-1ขึ้นจ่าฝูง

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555
แมนฯ ยูไนเต็ด   2    -    1   ลิเวอร์พูล

        "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เฮศึกแดงเดือด รังเปิดรังเชือดอริตลอดกาล "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล 2-1 เวย์น รูนี่ย์ เหมาคนเดียว2ประตูให้ทีมเจ้าถิ่น ขณะที่ หลุยส์ ซัวเรซ ตีไข่แตกให้ทีมเยือน แมนฯยูฯเก็บสามคะแนนสำคัญ พร้อมทะยานแซง แมนฯซิตี้ ขึ้นจ่าฝูงชั่วคราว ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด


         "ปีศาจ แดง" แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำศึกแดงเดือด ต้อนรับการมาเยือนของคู่อริตลอดกาล "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยเจ้าถิ่น ส่ง พอล สโคลส์ และ ไรอัน กิ๊กส์ ยืนตัวจริงตั้งแต่ต้นเกม โดยเจ้าหนู ทอม เคล์ฟเวอร์ลี่ย์ มีชื่อสำรอง ขณะที่ ลิเวอร์พูล ใช้ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นหัวหอกตัวเป้า เจอกับคู่กรณี ปาทริซ เอวร่า

     เกมเดือดตั้งแต่ต้นเกม หลังมีรายงานว่า ก่อนเกม หลุยส์ ซัวเรซ ไม่ยอมจับมือกับ ปาทริซ เอวร่า จนดาวเตะฝรั่งเศสฉุนขาด โดยในเกมแข่งขัน คู่นี้เป็นเหมือนมวยคู่เอก ที่ทั้งสนามจับตามองทันที

     เกมเริ่ม ต้นมา6นาที เป็นฝ่ายเจ้าถิ่น แมนฯ ยูฯ ได้บุกกดดันก่อน และได้ฟรีคิกริมกรอบเขตโทษ ไรอัน กิ๊กส์ เปิดเข้าไปกลางประตู แต่ เกล็น จอห์นสัน โหม่งทิ้งออกหลังไปได้

     ต่อมาได้ลูกเตะมุม ไรอัน กิ๊กส์ เจ้าเก่ารับหน้าที่เตะ เปิดบอลมาที่เสาแรก บอลเช็ดเข้ากลางไปถึง เวย์น รูนี่ย์ ได้โหม่ง แต่บอลเบา โฆเซ่ เรน่า รับสบาย

     4นาที ต่อมา เป็นฝ่าย ลิเวอร์พูล มีลุ้นได้ประตูบ้าง เมื่อ เกล็น จอห์นสัน ได้บอลทางกรอบประตูฝั่งขวา ก่อนพาบอลลากเข้ากลางผ่าน ปาทริซ เอวร่า ก่อนปั่นด้วยเท้าซ้าย บอลเฉียดเสาออกหลังไปอย่างหวุดหวิด

     นาที ที่18 แมนฯยูไนเต็ด มีโอกาสเข้าทำประตูอีกครั้ง จากจังหวะที่ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ไหลบอลให้ ราฟาเอล ที่วิ่งเติมขึ้นมาในกรอบเขตโทษ ได้โอกาสยิง บอลลอยผ่าน แดนนี่ เวลเบ็ค ที่พยายามวิ่งสะกิดให้บอลเปลี่ยนทาง แต่ไม่โดนบอลจึงเข้ามือ โฆเซ่ เรน่า

     7นาทีต่อมา แมนฯยูไนเต็ด ได้จังหวะจบสกอร์อีก เมื่อ ไรอัน กิ๊กส์ ไหลบอลให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้โอกาสสับไกบริเวณหัวกะโหลก แต่บอลหลุดกรอบออกหลังไปเยอะ

     นาที ที่30 ทีมปีศาจแดง พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อ ไรอัน กิ๊กส์  ได้บอลริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนเปิดเข้ากลางให้ พอล สโคลส์ กระโดดขึ้นโขกคนเดียวระยะเผาขนแบบไร้คนประกบ แต่บอลกลับไปตรงตัว โฆเซ่ เรน่า เซฟช่วยชีวิต หงส์แดง แบบเส้นยาแดงผ่าแปด

     ก่อนหมดเวลา ครึ่งแรก5นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้จบสกอร์บ้าง จากการวอลเลย์ด้วยขวาของ มาร์ติน สเคอร์เทล ที่กดบอลไม่ลง บอลลอยโด่งข้ามคานออกไป

     นาที ที่44 ลิเวอร์พูล โดนใบเหลืองจนได้ จากจังหวะโต้กลับเร็วของ แมนฯยูฯ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ไปตัดฟาวส์ใส่ ราฟาเอล ฟิล ดาวด์ ควักใบเหลืองให้แบบไม่ลังเล

     ช่วงท้ายครึ่งแรก แม้จะมีจังหวะสไลด์ตัดเกมกันระหว่าง หลุยส์ ซัวเรซ กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ แต่ผู้ตัดสิน  ฟิล ดาวด์ ก็ไม่ว่าอะไร หมดครึ่งแรกจึงยังเสมอกันอยู่ 0-0

     เริ่ม ครึ่งหลังมาเพียง2นาที แฟนๆปีศาจแดงได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา ไรอัน กิ๊กส์ เปิดโด่งไปเสาแรก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน โหม่งสกัดไม่ดี บอลเช็ดเลยมาถึง เวย์น รูนี่ย์ วิ่งมาวอลเล่ย์ด้วยเท้าขวา บอลพุ่งเสียบตาข่ายแทบขาด ให้ แมนฯยูฯ ขึ้นนำ 1-0

     นาที ที่49 แมนฯยูไนเต็ด ได้ประที่สองอย่างรวดเร็ว เมื่อ เจย์ สเพียริ่ง จ่ายบอลพลาดไปติด อันโตนิโอ วาเลนเซีย ก่อน วาเลนเซีย จะพาบอลเข้าไปจ่ายให้ เวย์น รูนี่ย์ วิ่งมาแปด้วยเท้าซ้ายโล่งๆบอลรอดขา โฆเซ่ เรน่า เป็นประตูที่สองของ รูนีย์ และเป็นประตูให้ แมนฯยูฯ นำห่าง 2-0

     10นาที ต่อมา แมนฯยูฯ ยังคุมเกมได้ดีกว่า โดย อันโตนิโอ วาเลนเซีย พาบอลมาทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนไหลเข้ากลางให้ พอล สโคลส์ ข้ามบอลหลอกไปถึง เวย์น รูนี่ย์ หลุดเข้าไปจิ้มด้วยเท้าขวา แต่บอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

     นาที ที่60 ลิเวอร์พูล ทำการเปลี่ยนทีเดียว2ตัวรวด ด้วยการส่ง2กองหน้าอย่าง เคร็ก เบลลามี่ และ แอนดี้ แคร์โรลล์ ลงมาแทน สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง และ เจย์ สเพียริ่ง

     นาทีที่74 ดูเหมือนเกมลิเวอร์พูล ยังไม่ดีขึ้น ถูก แมนฯยูไนเต็ด ครองบอลกดดันได้แทบทั้งสนาม ก่อนมีโอกาสได้จบ จาก แดนนี่ เวลเบ็ค แต่บอลเบา โฆเซ่ เรน่า ยังรับไว้ไม่ยาก

     นาที ต่อมา หลังเห็นเกมยังไม่ดีขึ้น จึงได้ทำการเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายด้วยการส่ง ชาร์ลี อดัม ลงมาแทน เดิร์ค เค้าท์ และปรับมาเล่นเป็น 4-4-2

นาที ที่80 เป็นฝ่าย แมนฯยูฯ เสียใบเหลืองบ้างจากจังหวะที่ ไมเคิ่ล คาร์ริค ไปเสียบด้านหลังใส่ หลุยส์ ซัวเรซ ผู้ตัดสินชูใบเหลืองให้ทันที

และ จากจังหวะต่อเนื่องจากการฟาวส์ ลิเวอร์พูล ได้ลูกฟรีคิก และวางบอลยาวเข้ามาให้ของ ชาร์ลี อดัม บอลลอยมาตกใส่หน้าขาของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ มาเข้าทางปืนของ หลุยส์ ซัวเรซ วิ่งมาจิ้มด้วยขวาส่งบอลตุงตาข่ายให้ ลิเวอร์พูล ไล่ตามมา 1-2

     ท้ายเกม ลิเวอร์พูล พยายามเปิดเกมกดดัน และมีโอกาสได้ยิงด้วยเท้าซ้ายเต็มๆจาก เกล็น จอห์นสัน แต่ ดาบิด  เด เคอา บินปัดอย่างสวยงาม หมดเวลา ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ แมนฯยูฯ จึงเปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 2-1 เก็บสามคะแนน พร้อมแซง แมนฯซิตี้ ขึ้นจ่าฝูงชั่วคราว



11นักเตะของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูฯ(4-4-2):
ดา บิด  เด เคอา, ราฟาเอล,จอนนี่ อีแวนส์,ริโอ เฟอร์ดินานด์,ปาทริซ เอวร่า,อันโตนิโอ วาเลนเซีย,พอล สโคลส์,ไมเคิ่ล คาร์ริค,ไรอัน กิ๊กส์,แดนนี่ เวลเบ็ค,เวย์น รูนี่ย์

สำรอง :เบน อามอส,ฟาบิโอ,พอล ป็อกบา,ทอม เคล์ฟเวอร์ลี่ย์,ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ,ชิชาริโต้,พาร์ค ชี-ซอง

ลิเวอร์พูล(4-2-3-1):โฆ เซ่ เรน่า,เกล็น จอห์นสัน,ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,โฆเซ่ เอ็นริเก้,สตีเว่น เจอร์ราร์ด,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง,เจย์ สเพียริ่ง,เดิร์ค เค้าท์, หลุยส์ ซัวเรซ

สำรอง :อเล็กซานเดอร์ โดนี่,เจมี่ คาร์ราเกอร์,มาร์ติน เคลลี่,จอนโจ เชลวี่ย์,ชาร์ลี อดัม,เคร็ก เบลลามี่,แอนดี้ แคร์โรลล์

ผู้ตัดสิน:ฟิล ดาวด์


สรุปผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
- แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล  2 - 1
- แบล็คเบิร์น  ชนะ ควีนส์ปาร์ค   3 - 2
- โบลตัน แพ้ วีแกน  1 - 2
- เอฟเวอร์ตัน ชนะ เชลซี  2 - 0
- ฟูแล่ม ชนะ สโต๊ค  2 - 1
- ซันเดอร์แลนด์ แพ้ อาร์เซน่อล  1 - 2
- สวอนซี ซิตี้ แพ้ นอริช  2 - 3
- สเปอร์ส ชนะ นิวคาสเซิ่ล  5 - 0

~♥ I LOVE NBA .¸¸.•´¯`»♥♥ I LOVE 12BET ~♥ 
รับโบนัสพิเศษเพิ่ม 12% หากหมายเลขบิลเดิมพัน 2 ตัว คือ 12
หากหมายเลขบิลเดิมพัน 4 ตัว คือ 1212 มีสิทธิ์รับโบนัสเพิ่ม30%สูงสุด12,120 บาท
12BET แจกโบนัส !!สมัครสมาชิกวันนี้เลยสิคะ!! 
รหัสรับโบนัส 12TF12100 ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท  
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

พระเอกตัวจริง!อองรีซัดชัยปืนแซงดับแมวดำ2-1

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555
ซันเดอร์แลนด์   1 - 2   อาร์เซน่อล

        เธียร์รี่ อองรี รับบทซูเปอร์ซับ ลงมายิงประตูชัยให้ "ปืนโต" อาร์เซน่อล บุกรัวแซง "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ท้ายเกม 2-1 ขโมย3แต้มกลับบ้าน พร้อมทำแต้มแซง เชลซี ขึ้นไปอยู่ที่4 อย่างเหลือเชื่อ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

สนาม : สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์

         ซัน เดอร์แลนด์ กับอาร์เซน่อล เจอกันในลีกก่อนที่ในถ้วยเอฟเอ คัพ ก็ยังต้องเจอกันอีกครั้งโดนเจ้าบ้านที่มีมาร์ติน โอนีล คุมทีมจัดผู้เล่นชุดเดิมจากเกมกลางสัปดาห์ลงสนามทั้ง เจมส์ แม็คคลีน, เซบาสเตียน ลาร์สสัน และ สเตฟาน เซสเซอญง


          ฟากทีมเยือน ของอาร์เซน เวนเกอร์ ยังส่งอเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน ลงสนามเช่นเดียวกับ ธีโอ วัลค็อตต์ และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงชาวดัตช์ที่กำลังฟอร์มร้อนแรงมากในช่วงนี้


          เริ่ม เกมขึ้นมาก็เป็นอาร์เซน่อล ที่เดินหน้าบุกทักทายตั้งแต่ต้นเกมในนาทีที่ 6 เมื่อ โทมัส โรซิคกี้ ได้ยิงจากระยะ 25 หลาแต่ยังโดน ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์ พุ่งเข้ามาบล็อกทิ้งออกหลังไป


           3 นาทีถัดมายังเป็น "เดอะ กันเนอร์ส" ที่ได้ลุ้นต่อเนื่องคราวนี้เป็น โรบิน ฟาน เพิร์ซี่ ได้ซัดด้วยขวาแต่ มิโญเล่ต์ ยังพุ่งไปรับเอาไว้ได้ดี


          ซัน เดอร์แลนด์ ไม่ได้ตั้งรับแต่อย่างเดียวนาทีที่ 11 ก็มีลุ้นบ้างจากลูกเตะมุมของเซบาสเตียน ลาร์สสัน ที่โยนเข้ามาให้ เจมส์ แม็คคลีน โฉบมาโขกแต่บอลโด่งข้ามคานออกหลัง


           นาทีที่ 23 "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล พาบอลขึ้นมาได้ลุ้นประตูอีกเมื่อ ฟาน เพอร์ซี่ พาบอลขึ้นมาทางขวาก่อนไหลให้ วัลค็อตต์ กึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าประตูบอลพุ่งหลุดกรอบออกไปนิดเดียวเท่านั้น


          เกม ยังคงสูสีนาทีที่ 38 เจ้าบ้านน่าได้ลูกจุดโทษเมื่อ แพร์ มาเตอร์ซัคเกอร์ จับบอลจากลูกโยนของ แจ็ค คอลแบ็ค ไม่ดี บอลกระเด้งมาโดนแขวนแต่ผู้ตัดสินเฉยและปล่อยให้เล่นต่อไป


          ท้าย ครึ่งแรกอาร์เซน่อล ได้โอกาสลุ้นประตูจากลูกฟรีคิกที่ แคมป์เบลล์ ไปฟาวล์ ฟาน เพอร์ซี่ แถวๆระยะ 25 หลาและผู้รับหน้าที่คือมิเกล อาร์เตต้า แต่ยิงไปติดกำแพงและหลังจากนั้นก็ไม่มีจังหวะเพิ่มทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอ กันอยู่ 0-0


          กลับมาเล่นครึ่งหลังยังเป็นอาร์เซน่อล ที่เดินหน้าบุกใส่ซันเดอร์แลนด์แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดส่วนเจ้าบ้าน ต้องไปลุ้นจากลูกตั้งเตะและน่าจะได้ประตูในนาทีที่ 51 จากลูกฟรีคิกที่ เคร็ก การ์ดเนอร์ ยิงไปติดกำแพงมาเข้าทางเท้าซ้ายของจอห์น โอเช ที่หวดตูมเดียวแต่บอลข้ามคานออกหลังไป


          โอกาสลุ้นประตู ของเจ้าถิ่นเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆนาทีที่ 62 เคร็ก การ์ดเนอร์ ได้เก็บตกยิงไกลจากลูกเตะมุมอีกครั้งแต่วอยเช็ก เชสนี่ ยังปัดทิ้งไปได้ก่อน และอีก 2 นาทีถัดมาการ์ดเนอร์ ก็ได้ลุ้นจากลูกยิงนอกเขตโทษอีกครั้งแต่ เชสนี่ ก็ยังไม่พลาดปัดทิ้งไปได้


          แต่แล้วนาทีที่ 70 เจ้าบ้านก็มาได้ประตูจากจังหวะโชคร้ายของอาร์เซน่อล ที่ซานญ่า คืนบอลให้ แพร์ มาเตอร์ซัคเกอร์ หมุนตัวกลับไปเล่นบอลแต่กลับเจ็บล้มลงไปก่อนโดน เจมส์ แม็คคลีน ฉกบอลเข้าไปยิงตุงตาข่ายอย่างเด็ดขาดทำให้ซันเดอร์แลนด์ขึ้นนำ 1-0 และก็ต้องเปลี่ยนตัวออกไปและส่ง อารอน แรมซี่ย์ ลงสนามแทน


          แต่ แค่ 5 นาทีเท่านั้นอาร์เซน่อล ก็ตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จจากจังหวะที่ ฟาน เพอร์ซี่ แตะบอลคืนให้ อาร์เตต้า ยิงหน้าเขตโทษแต่ติดบล็อกกองหลังเจ้าบ้านมาเจ้าทาง อารอน แรมซี่ย์ ยิงบอลชนเสาซ้ายก่อนกระเด็นชนเสาขวาเหลี่ยมในเข้าประตูไป


          เกม ทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่แล้วในช่วงทดเจ็บ สาวกเดอะกันเนอร์ส ก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ อังเดร อาร์ชาวิน ได้บอลทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนวางบอลมาที่หน้าประตู ให้ เธียร์รี่ อองรี วิ่งสอดทะลุกองหลังเจ้าถิ่น กระโดดแปด้วยเท้าขวา ส่งบอลตุงตาข่าย ให้ อาร์เซน่อล นำ 2-1


          ก่อน ประตูของ อองรี จะกลายเป็นประตูทีเด็ด ให้ อาร์เซน่อล บุกมาแซงเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ ได้อย่างเหลือเชื่อ 2-1 เก็บสามคะแนนสำคัญ พร้อม ทะยานขึ้นอันดับ4 หลังทำแต้มเท่าเชลซี ประตูได้เสียเท่ากัน แต่ด้วยประตูยิงได้ที่มากกว่านั่นเอง

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
 ซันเดอร์แลนด์ :
ซิมง มินโญเลต์, ฟิล บาร์ดสลี่ย์, ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์, จอห์น โอเช, คีแรน ริชาร์ดสัน, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, เคร็ก การ์ดเนอร์, แจ็ค โคลแบ็ค, เจมส์ แม็คคลีน, สเตฟาน แซสเซญง, เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์

 สำรอง : คีเรน เวสต์วู้ด, เวย์น บริดจ์, คอนเนอร์ วิคแฮม, ชี ตง-วอน, เดวิด เมย์เลอร์, โซติริออส คีร์เกียคอส, อาห์เหม็ด เอลโมฮามาดี้

 อาร์เซน่อล : วอยเช็ก เชสนี่, บาการี่ ซานย่า, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, โธมัส แฟร์มาเล่น, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, โทมัส โรซิชกี้, อเล็กซ์ ซง, มิเกล อาร์เตต้า, ธีโอ วัลค็อตต์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

 สำรอง : ลูคัส ฟาเบียนสกี้, เธียร์รี่ อองรี, อารอน แรมซี่ย์, อังเดร อาร์ชาวิน, คีแรน กิ๊บบ์ส, ยอสซี่ เบนายูน, ฟร็องซิส โกเกอแล็ง

 ผู้ตัดสิน : นีล สวอร์บริค



~♥ I LOVE NBA .¸¸.•´¯`»♥♥ I LOVE 12BET ~♥ 
รับโบนัสพิเศษเพิ่ม 12% หากหมายเลขบิลเดิมพัน 2 ตัว คือ 12
หากหมายเลขบิลเดิมพัน 4 ตัว คือ 1212 มีสิทธิ์รับโบนัสเพิ่ม30%สูงสุด12,120 บาท
12BET แจกโบนัส !!สมัครสมาชิกวันนี้เลยสิคะ!! 
รหัสรับโบนัส 12TF12100 ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท  
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สุดยอดแมตช์ตลอดกาล