Blogger Widgets
Sporty Magazine official website | Members area : Register | Sign in

ค้นหาบล็อกนี้

คลังไฮไลท์แมตช์

ไฮไลท์คลิป เกรียนคุณภาพเกรียนแบบ MJ 12bet 17/03/2555

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555



นี่คือฝีมือการตัดแต่งผมช่างจากร้าน "เรเซอร์ ชาร์ป คัตซ์" ที่ตั้งอยู่ในเมือง ซาน อันโตนิโอ สหรัฐอเมริกา ที่โชว์ฝีปัตตาเลี่ยน เนรมิตหัวทรงเกรียนธรรมดาจัดการตัดแต่งลวดลายเส้นผมเส้นจนมาเป็นรูปคล้ายใบหน้า "ไมเคิล จอร์แดน" ตำนานนักยัดห่วงทีม "กระทิงเปลี่ยว" ชิคาโก บูลส์ และเจ้าของทีม ชาร์ล็อตต์ บ็อบแคทส์ โดยหากใครอยากเท่ห์ตัดเกรียนผมทรงนี้คิดค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 75 เหรียญยูเอส (2,287 บาท) เท่านั้นเอง



ไฮไลท์คลิป ดูไว้น้ำใจนักกีฬาต้องแบบนี้ 12bet 17/03/2555



วิคตอริโน่ เอสโปซิโต้กองหน้าทีม "เทอร์โมลี่" ดูหล่อขึ้นมา 19.9 เปอร์เซ็นต์ หลังสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ชมเกมชิงถ้วยสมัครเล่นในอิตาลีหลังเขามาเรียกลูกจุดโทษได้จากกองหลังทีมคู่แข่งโดยที่ไม่มีการแตะตัวกันแม้แต่น้อย  ก่อนจะลุกขึ้นมาหวดบอลทิ้งไปแบบที่ทีมอาชีพที่เน้นแต่ผลประโยชน์ต้องอายม้วนเสื่อ



ไฮไลท์คลิป พอมีแววปะ! ลูกชายฟาน เดอฟาร์ทโชว์เพลงแข้ง 12bet 17/03/2555



ไม่รุ้ลูกไม้จะหล่นใกล้หรือไกลต้นแค่ไหน สำหรับ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท จอมทัพชาวดัตช์ "ไก่เดือดทอง" ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ทีมอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ได้โพสต์คลิปวีดีโอ เดเมียน ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาลงบน youtube 








โดยเป็นภาพที่กำลังโชว์ลีลาดึงบอลกระชากลากเลื้อยแถมตีลังกาเตะลูกฟุตบอลอย่างสุดฝีเท้าโชว์ให้ ฟาร์ท ผู้พ่อได้ชื่นชม สำหรับ เดเมียน เป็นเด็กอีกหนึ่งคนที่มีโอกาสได้เข้าโปรแกรมฝึกซ้อมระดับอคาเดมี ภายในถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน ในอนาคตหากฝีเท้าพัฒนาดีวันดีคืนอาจจะได้เห็นเขาใส่เสื้อสโมสรสีเดียวกับ ฟาร์ท ผู้พ่อลงเล่นให้กับสเปอร์ส ทีมระดับเยาวชนก็เป็นได้

ไฮไลท์แมตช์ ฮอฟเฟ่นไฮม์ VS สตุ๊ตการ์ท Bundesliga - ม้าขาวเชือดฮอฟเฟ่นไฮม์ 2-1 ขึ้นที่ 7 12bet 17/03/2555



"ม้าขาว" สตุ๊ดการ์ท ขึ้นมารั้งอันดับ 7 ตาราง หลังบุกเฉือน ฮอฟเฟ่นไฮม์ 2-1 เมื่อคืนศุกร์ที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมาในเกมลีก บุนเดสลีกา ประเทศเยอรมัน 


วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม 2555


ฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน
ฮอฟเฟ่นไฮม์ 1- 2 สตุ๊ตการ์ท




      
ฮอฟเฟ่นไฮม์ พ่ายต่อบาเยิร์น มิวนิคมนเกมที่แล้วมาเละเทะ 1-7 แต่นัดนี้ทีมได้ อันเดรียส เบ็ค แบ็กขวา กัปตันทีมพ้นโทษแบนกลับมา โดยมี เพนีล มลาพา เป็นกองหน้าตัวเป้า 


ขณะที่ บรูโน่ ลับบาเดีย ผจกทีมเยือน จัดชุดฟูลทีมลงสนามทั้งสิ่้นไม่ว่าจะเป็น มาร์ติน ฮาร์นิค, ทามาส ไฮจ์นัล และ เวดัด อิบิเซวิช นำทัพ


 เกมครึ่งแรก นาทีที่ 8 สตุ๊ตการ์ทนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว วิลเลี่ยม ควิสท์ ชิพบอลมาให้ คาลิด บูราห์รุซ โยนจากริมเส้นฝั่งขวามาเข้าทาง เวดัด อิบิเซวิช ซัดเท้าซ้ายหน้าประตูเข้าไป สี่นาทีต่อมา เจ้าถิ่นมีลุ้นเมื่อ บอริส วุคเชวิช ปีกขวาซัดเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเข้าข้างตาข่าย


นาที 36 โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ เปิดบอลให้ เพนีล มลาพา กองหน้าซัดเผาขนเข้าประตู แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ได้ประตู โดยเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้า


จวบจนนาที 43 สตุ๊ตการ์ทได้ประตูนำห่าง 2-0 คาลิด บูราห์รุซ แผลงฤทธิ์อีกแล้ว เมื่อโยนบอลจากฝั่งขวามาเข้าหัว เวดัด อิบิเซวิช พุ่งโหม่งเผาขนตุงตาข่าย นับเป็นประตูที่สองของเขาในเกมนี้ จบครึ่งแรก สตุ๊ตการ์ทนำห่าง 2-0


จากนั้น ฮอฟเฟ่นไฮม์ บุกอย่างต่อเนื่อง นาที 59 เซย้าด ซาลิโฮวิช ตัวสำรองทำทางให้ เพนีล มลาพา ซัลโวเท้าขวาจากนอกกรอบเขตโทษไปติด สเวน อุลไรช์ เซฟอยู่หมัด


นาทีต่อมา ม้าขาวน่าได้ประตูเพิ่ม อิบิเซวิช เปิดบอลมาเข้าทาง จูเลี่ยน ชีเบอร์ ยิงเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายไปติด ทอม สตาร์เค่ ผู้รักษาประตูใช้ขาเซฟได้อย่างหวุดหวิด


สตุ๊ตการ์ท เปลี่ยนผู้เล่นสำรอง 2 คนรวด ทามาส ไฮจ์นัล กับ มาร์ติน ฮาร์นิค ออกจากสนาม โดยเป็น คริสเตียน เกนท์เนอร์, คาเคา ลงเล่นแทนตามลำดับ


จนกระทั่งนาที 73 ฟรานซิสโก้ โรดริเกซ เซนเตอร์ฮาล์ฟสตุ๊ตการ์ทเสียบสกัด ฟาเบียน จอห์นสัน ล้มลงในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้เจ้าถิ่นได้จุดโทษทันที และก็เป็น เซย้าด ซาลิโฮวิช ตัวสำรองยิงจุดโทษเข้าไปให้ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ตีไข่แตก ไล่ตามหลังมาที่สกอร์ 1-2


   
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


ฮอฟเฟ่นไฮม์ : ทอม สตาร์เค่ - อันเดรียส เบ็ค (กัปตันทีม), ยานนิค เวสเทอร์การ์ด, มาร์วิน คอมป์เปอร์, ฟาเบียน จอห์นสัน - ดาเนี่ยล วิลเลี่ยมส์, เซบาสเตียน รูดี้ - บอริส วุคเชวิช, ไรอัน บาเบิล, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ - เพนีล มลาพา


สตุ๊ทการ์ท : สเวน อุลไรช์ - คาลิด บูราห์รูซ, ฟรานซิสโก้ โรดริเกซ, จอร์ก นีแดร์ไมเออร์ (กัปตันทีม), โกโตคุ ซากาอิ - วิลเลี่ยม ควิสท์, ซดราฟโก้ คุซมาโนวิช - มาร์ติน ฮาร์นิค, ทามาส ไฮจ์นัล, จูเลี่ยน ชีเบอร์ - เวดัด อิบิเซวิช

ไฮไลท์คลิป ลมตบหน้าดร็อกบาดับอนาถ 12bet 16/03/2555

วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555



ไม่รู้ว่าเอาอะไรดลใจให้คิด หรือว่าคุณแม่ขอร้องให้ทำแบบนี้สำหรับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ที่วิ่งไล่บอกไปกับซัลวาตอเร อโรนิกา แข้งนาโปลี แล้วก็ล้มเอามือกุมหน้าไปซะเฉยๆ ในเกมที่เชลซี เอาชนะนาโปลีไปได้ 4-1 และผ่านเข้ารอบ UCL ไปได้เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา








เหตุการณ์บังเกิดขึ้นในช่วงต่อเวลาพิเศษเข้านาทีที่ 110 ซึ่งตอนนั้นสิงโตไฮโซได้ประตูนำจากอิวาโนวิชไปแล้ว ขณะที่ดร็อกบาลงมาช่วยไล่บอลตามหลังซัลวาตอเร อโรนิกา  อยู่ดีพี่ท่านก็กุมหน้าประหนึ่งว่าโดนก้านคอ จากบัวขาว ป ประมุข ก่อนจะมีเอาฮาชำเลืองตามองให้แฟนบอลทั้งโลกเกิดรอยยิ้มอีกต่างหาก


จ๊ะเอ๋!!

ไฮไลท์แมตช์ เบซิคตัส VS แอตเลติโก มาดริด Europa League - หมีจัดหนักตบเบซิคตัสหัวหลุด 3-0 ลิ่ว 8 ทีมแบบชิลๆ 12bet 16/3/2555



ทีม "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ฟอร์มสุโค่ยบุกเอาชนะ เบซิคตัส ยอดทีมแกร่งจากตุรกี ได้ 3-0 พร้อมผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปด้วยประตูรวม 6-1 ในเกมยูโรป้า ลีก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา




วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม 2555


ฟุตบอลยูโรป่า ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เกมที่สอง
เบซิคตัส  0-3 แอตเลติโก มาดริด  สองนัด แอต.มาดริด เข้ารอบด้วยประตูรวม 6-1 






ในเกมแรกเบซิคตัส เจ้าบ้านบุกไปพ่ายมาก่อนแล้ว 3-1  ทำให้เกมนี้ต้องจัดเต็มเอาชุดใหญ่ลงเล่นเพื่อทวงประตูคืน แดนหน้ามี ฮูโก้ อัลเมด้า กับ เอดู เป็นคู่กองหน้า และมี ซิเมา ซาโบรซ่า เป็นตัวจี๊ดเจอทีมเก่าด้วย


ทางฝั่ง ตราหมี ก็จัดตัวรุกลงครบเช่นกัน แนวรุกมี อาร์ดา ตูราน เป็นตัวริมเส้นทีเด็ด และคู่กองหน้า อาเดรียน โลเปซ ผนึกกำลังล่าตาข่ายร่วมกับ ราดาเมล ฟัลเกา


เริ่มเกมขึ้นมา เจ้าบ้านเป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ก่อน นาทีที่ 10 เวลี่ คาฟลัค ผ่านบอลเข้ากลางให้ ฮูโก้ อัลเมด้า ซัดด้วยซ้ายผ่านเสาไกลออกไปไม่ได้ลุ้นนัก


นาทีที่ 19 ยังเป็นจังหวะที่เกือบได้ประตูของ เบซิคตัส อีกครั้ง คราวนี้เป็น ฮูโก้ อัลเมด้า ที่เปิดบอลให้ อิสมาอิล คอยบาซี่ กองหลังเติมขึ้นมากดด้วยซ้ายไปติดเซฟ ติโบต์ กูร์กตัวส์


ตราหมี บุกน้อยกว่า แต่ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 25 อาร์ดา ตูราน ดึงบอลลงในเขตโทษไม่ล้ำหน้าแล้ว ก่อนที่จะดีดออกซ้าย ให้กับอาเดรียน โลเปซ ซัดด้วยขวาเข้าไปแม้จะติดตัว รุสตู เร็คเบอร์ ก็ตาม จบครึ่งแรก ทีมเยือนนำ 1-0


ครึ่งหลัง เกมรุกของทั้งสองทีมพลาดกันไปเองเยอะมาก แต่ก็ยังเป็น ตราหมี ที่มีโอกาสดีกว่า นาทีที่ 61 ฟิลิเป้ หลุยส์ เติมขึ้นมาทางกราบซ้ายผ่านเรียดเข้ากลาง อาเดรียน โลเปซ ดีดด้วยเท้าขวาผ่านเสาสองออกไป


4 นาทีต่อมา ทีมเยือนน่าได้ประตูที่สองเพิ่ม จากจังหวะโต้กลับทั้งที่เสียลูกเตะมุม โกเก้ ลากบอลขึ้นมาจากแดนตัวเอง ไม่มีใครเข้าประกบ เลยซัดด้วยขวา 20 หลาหลุดกรอบออกไปไม่ได้ลุ้น


นาทีที่ 72 แอต.มาดริด ก็ยังทิ้งโอกาสไปเองอีกตามเคย อาเดรียน ลากบอลหน้ากรอบไม่มีมุมยิง เลยแตะคืนให้ ราดาเมล ฟัลเกา ปั่นด้วยเท้าขวาหลุดเสาสอง ก่อนที่ในนาทีที่ 83 ตราหมีมาได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 จาก ราดาเมล ฟัลเกา ที่วิ่งเข้าไปโหม่งซ้ำลูกที่แผงหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ไม่ดี  และรุสตูก็ไม่กล้ารับลูกในจังหวะ 50/50 ทำให้เสียประตูไปในที่สุด


ไม่เพียงเท่านั้นตราหมีมาได้ประตูย้ำชัย 3-0 นาทีที่ 94 จาก เอดูอาร์โด้ ซัลวิโอ ตัวสำรองจบเกม แอต.มาดริด บุกชนะ เบซิคตัส ไปอีก 3-0 รวม 2 นัด ตราหมี ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศไปแบบสบายๆ ด้วยสกอร์รวม 6-1




รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เบซิคตัส : รุสตู เรคเบอร์, โทมัส ซิว็อค, เอเกเมน คอร์คมาซ, อิสมาอิล คอยบาซี่, อิบราฮิม โตรามาน, เอ็คเรม ดั๊ก, มานูเอล แฟร์นานเดส, เวลี่ คาฟลัค, ซิเมา ซาโบรซ่า, ฮูโก้ อัลเมด้า, เอดู


แอต.มาดริด : ติโบต์ กูร์กตัวส์, ฆวนฟราน, เจา มิรานด้า, ดิเอโก้ โกดิน, ฟิลิเป้ หลุยส์, มาริโอ ซัวเรซ, โกเก้, กาบี เฟร์นานเดซ, อาร์ดา ตูราน, อาเดรียน โลเปซ, ราดาเมล ฟัลเกา

ไฮไลท์แมตช์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS สปอร์ติ้ง ลิสบอน Europa League - เรือบดหวิว 3-2 แต่ร่วงอเวย์โกล 12bet 16/03/2555



แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องอกหักตกรอบยุโรป้า ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในวันคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทั้งๆที่พลิกกลับมาชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอนได้ 3-2 แต่ก็โดนกฎยิงประตูทีมเยือนเล่นงานอย่างน่าเจ็บใจ 



วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม 2555


ฟุตบอลยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดสอง
แมนฯ ซิตี้ 3-2 สปอร์ติ้ง ลิสบอน สองนัด เสมอ 3-3 สปอร์ติ้ง เข้ารอบด้วยกฏประตูทีมเยือน






"เรือใบสีฟ้า" เปิดรังอิติฮัด สเตเดียม ต้อนรับ สปอร์ตติง ลิสบอน ทีมดังแห่งลีกโปรตุเกส ก่อนเกมสถานการณ์เจ้าบ้านตกเป็นรองหลังจากนัดแรก บุกไปแพ้มาก่อน 0-1 แต่ยังมีโอกาสทะลุรอบต่อไป ส่วนรูปทีม โรแบร์โต มันชินี จัดส่งผู้เล่นเต็มสูบ ดาบิด ซิลบา,เซร์คิโอ อกูเอโร และ มาริโอ บาโลเตลลี ล่าตาข่าย ส่วนทีมเยือนมี ริคกี ฟาน วูลฟ์สวิงเคล เป็นตัวทีเด็ด
       
10 นาทีแรก ทั้งสองทีมครองเกมได้อย่างสูสี ลิสบอน มีดีกว่าเล็กน้อย โดยมีจังหวะพังประตูจากลูกโหม่งของ วูล์ฟสวิงเคล แต่บอลเฉียดเสาสองไปนิดเดียว ส่วนซิตี มีโอกาสบ้าง จังหวะซิลบา เลื้อยมาสุดเส้นหลังก่อนเปิดบอลเข้ากลางให้ จอห์นสัน จับแล้วดีดด้วยซ้าย แต่บอลโค้งผ่านเสาสองแบบน่าเสียดาย
       
นาที 20 ซิตี มีโอกาสอีกครั้ง บาโลเตลลี จับบอลหน้าเขตโทษก่อนซัดด้วยขวา แต่บอลติดบล็อคกองหลังลิสบอนออกหลังไป ส่วนนาที 24 ลิสบอน เกือบได้จุดโทษหลังเฟร์นานเดซ โดนชมล้มลงในกรอบเขตโทษของซิตี ทว่าผู้ตัดสินไม่เป่าเป็นจุดโทษ แถมสมนาคุณใบเหลืองให้เฟร์นานเดซ โทษฐานแกล้งพุ่งล้ม
       
แต่แล้วนาที 32 ลิสบอน บุกมากระตุกหนวดเสือขึ้นนำก่อน 1-0 บาโลเตลลี ไปทำฟาวล์ใส่อินซัวล้มหน้าเขตโทษ และเป็นเฟร์นานเดซ รับหน้าที่ปั่นบอลโค้งเข้าเสาไกลผ่านมือ โจ ฮาร์ท ไปแบบสวยงาม เท่านั้นไม่พอก่อนหมดครึ่งแรก ลิสบอนได้อีกเม็ด อิสไมลอฟ เปิดบอลตัดเข้ากลางให้วูลฟ์สวิงเคล ส่งบอลซุกตาข่ายเป็น 2-0 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว ซิตี ต้องยิง 4 ลูกในครึ่งหลังเพื่อเข้ารอบ


ก่อนจบขึ้นแรก 5 นาทีอาคันตุกะจากโปรตุเกส ก็มาได้ประตูที่สองจากการทำเกมทางขวาเมื่อ อิซไมลอฟ ปาดบอลเรียดเข้ามาหน้าประตูให้ ริคกี้ ฟาน โวล์ฟสวินเกิ้ล พุ่งเข้ามาแปโล่งๆเข้าไปไม่เหลือ สปอร์ติ้งฯ หนีไปเป็น 2-0 ก่อนที่เกมครึ่งแรกจะจบที่สกอร์นี้




เรือใบสีฟ้า ได้ประตูไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 สำเร็จในนาทีที่ 60 ยาย่า ตูเร่ ผ่านบอลเรียดเข้ากลาง เซร์คิโอ อเกวโร่ จับติดเท้าแล้วตะบันด้วยขวาเปรี้ยงเดียวแสกหน้า รุย ปาทริซิโอ เสียบตาข่าย


กระทั่งนาทีที่ 75 แมนฯ ซิตี้ มามีความหวังขึ้นอีก เมื่อได้จุดโทษ จากจังหวะที่ อเกวโร่ แตะผ่าน เรนาโต้ เนโต้ ตัวสำรองของทีมเยือนแล้วโดนสะกิดล้ม ก่อนที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ จะสังหารจุดโทษนิ่มๆ เข้าไปตามสไตล์ให้ทีมตีเสมอ 2-2


แฟนเรือใบมาได้เฮกันอีกครั้งเมื่อนาทีที่ 82 ได้ประตูแซงนำ 3-2 จาก  เซร์คิโอ "กุน" อเกวโร่ และทำให้เจ้าบ้านฮึกเฮิมขึ้นมาทันที


ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเป็นเรือใบที่โหมเกมบุกแต่เพียงฝ่ายเดียวและเกือบมาได้ประตูสำคัญจากการเติมขึ้นมาโหม่งของ โจ ฮาร์ท แต่ถูกนายด่านของทีมเยือนป้องกันเอาไว้ได้ 


จบเกม แมนฯ ชิตี้ เปิดบ้านเฉือนชัยเหนือ สปอร์ติ้ง 3-2 เมื่อรวม 2 นัด สกอร์เสมอกันที่ 3-3 แต่กลับเป็น สปอร์ติ้ง เป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศด้วยกฏประตูทีมเยือน



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, โคโล่ ตูเร่, สเตฟาน ซาวิช, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, ยาย่า ตูเร่, ดาวิด ปิซาร์โร่, อดัม จอห์นสัน, ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ "กุน" อเกวโร่, มาริโอ บาโลเตลลี่


สปอร์ติ้ง ลิสบอน : รุย ปาตริซิโอ, อเล็กซานเดร ซานเดา, ดาเนี่ยล การ์ริโก้, เอมิลเลียโน่ อินชัว, อันเดอร์สัน โพลก้า, มารัต อิซไมลอฟ, บรูโน่ เปไรรินญ่า, ดีเอโก้ กาเปล, มาติอัส เฟร์นานเดซ, สไตจ์น ซาร์ส, ริคกี้ ฟาน โวล์ฟสวินเกิ้ล


  
สรุปผลฟุตบอล ยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง
ฮันโนเวอร์  ชนะ สตองดาร์ ลีแอช   4 - 0 (ฮันโนเวอร์เข้ารอบด้วยผลรวม6-2)


พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เสมอ บาเลนเซีย (สเปน)  1 - 1(บาเลนเซียเข้ารอบด้วยผลรวม5-3)


อูดิเนเซ่ ชนะ อัล์คมาร์ 2 - 1 (อัล์คมาร์าเข้ารอบด้วยผลรวม3-2)


แอธเลติก บิลเบา ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด  1 - 2 (บิลเบาเข้ารอบด้วยผลรวม5-3)


โอลิมเปียกอส  แพ้ เมตาลิสต์ คาร์คีฟ   1 - 2 (เมตาลิสต์เจ้ารอบด้วยกฏประตูทีมเยือน)


แมนฯ ซิตี้ ชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน   3 - 2 (สปอร์ติ้งเข้ารอบด้วยกฏประตูทีมเยือน)


ชาลเก้04  ชนะ เอฟซี ทเวนเต้   4 - 1 (ชาลเก้เข้ารอบด้วยผลรวม4-2)


เบซิคตัส แพ้ แอตเลติโก มาดริด  3 - 0 (แอต มาดริดเข้ารอบด้วยผลรวม6-1)




แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องยุติเส้นทางฟุตบอลยูโรป้า ลีก ไว้แค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น หลังเล่นบอลแบบสู้ไม่ได้บุกไปให้แอธเลติก บิลเบา ย้ำชัยชนะในเกมที่สองของรอบ 16 ทีม อีก 2-1 ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา



วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม 2555 


ฟุตบอลยูโรป้าลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดสอง 
แอธเลติค บิลเบา 2-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สองนัดแอธเลติค บิลเบาผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์ 5-3








เกมนี้แมนฯ ยูไนเต็ดต้องลุ้นเหนื่อยอย่างมากจากเกมแรกที่พ่ายมา 3-2 คาบ้านนั่นทำให้เกมนี้พวกเขาต้องยิง 2-0 เป็นอย่างต่ำและห้ามเสียประตูเป็นอัดขาด โดยเกมนี้เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจเวนย์ รูนีย์ยืนเป็นหน้าเป้าคนเดียว


ส่วนบิลเบได้เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ที่ตอนแรกคาดว่าเจ็บแล้วจะชวดลงสนาม ก็กลับมาฟิตทันมีรายชื่อในเกมนี้ เมื่อตอนช่วงบ่ายของเมื่อวันพุธ 


เริ่มเกมมาไม่เท่าไหร่เป็นเจ้าบ้านที่ได้ลุ้นกันก่อนเลยจากจังหวะฟรีคิดหน้าเขตโทษประมาณ 27 หลาโดยซูซาเอต้าเลือกปั่นกะให้เข้าเสาแรกแต่แฉลบกำแพงนิดหน่อยบอลจึงหลุดเสาออกหลังไป

นาทีที่ 8 "ปิศาจแดง"มาได้ลุ้นกับเขาบ้างแล้วจากจังหวะต่อบอลขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะเป็นเคลเวอร์ลี่ย์ที่จ่ายทะลุช่องให้ยังหลุดไปได้ยิงแต่ต้องชมอมอร์เบียเต้ตามมาบล็อกได้อิไรซอซงานเลยไม่หนักรับเข้ามือ

แมนฯ ยูไนเต็ดรอดตัวแบบเหลือเชื่อเลยหลังบิลเบาหมูหกแบบมหันต์จากจังหวะที่ญอเรนเต้อยู่หน้าเขตโทษก่อนตวัดลูกจ่ายไวไปตรงกลางให้กับมูเนียอินอยู่โล่งๆไม่มีคนประกบ ยิงผ่านมือเด เกอาไปแล้วแต่ชนเสา พอเด มาร์กอสมาซ้ำดันซ้ำกากอีกยิงหลุดกรอบแแบบไม่น่าเชื่อ


แล้วนาที 23 เจ้าบ้านก็มาได้ประตูขึ้นนำจนได้เป็นการเปิดยาวมาจากแดนตัวเองโดยอมอร์เบียต้า บอลโด่งมาถึงในเขตโทษ"ปิศาจแดง"ก่อนที่ยอเรนเต้จะจัดการวอลเลย์ตูมเดียวเข้าทางเสาไกลไปน่าตาเฉยๆ โดยริโอ เฟอร์ดินานที่วิ่งประกบมาด้วยได้แต่ยืนมองตาปริบๆ

"ปิศาจแดง"เดินเครื่องหนักรีบทวงประตูได้พาบอลขึ้นมาป้วนเปี้ยนแถวหน้าเขตโทษได้ซักพักก่อนที่รูนี่ย์จะออกบอลมาทางซ้ายให้กับยังล็อกเข้าขวาแล้วตั้งป้อมเปิดเข้าไปที่เสาสองให้กับกิ๊กส์อยู่โล่งๆโขกแต่ดันติดหัวแข้งบิลเบาออกหลังไปซะงั้น

เกมผ่านครึ่งชั่วโมงไปแล้วแมนฯ ยูไนเต็ดพยายามทำเกมบุกขึ้นมาเรื่อยๆแต่ยังหาโอกาสจบแบบจะๆจังๆไม่ค่อยได้เลย ส่วนบิลเบาได้บอลก็ค่อยๆเคาะหาช่องแล้วก็มีโอกาสพามาถึงเขตโทษได้เรื่อยๆ

จากนั้นช่วงท้ายครึ่งแรกก็ได้แค่ผลัดกันครองบอลไปมาทำให้ครึ่งแรกแมนฯ ยูไนเต็ดตามหลังอยู่ 1-0 และหากจะผ่านเข้ารอบครึ่งหลังพวกเขาต้องยิงคืนสามลูกรวดเลย

เข้าครึ่งหลังมานาที 54 บิลเบาทำเสียวเกือบได้บวกลูกสองแล้วจากจังหวะโคตรสวยงามของอิราโอล่าที่เติมเกมขึ้นมารับบอลหน้าเขตโทษตรงกลางก่อนจะล็อกหนีคาร์ริคมา เลี้ยงหลบอีแวนส์คนที่สองตามด้วยหลอกเฟอร์ดินานด์อีกตลบก่อนจะยิงหักข้อไปเสาขวามือแต่ดันยิงหลุดออกไปซะงั้น

บิลเบาบุกมาอีกแล้วจากบอลขึ้นทางขวาโดนซูซาเอต้าก่อนจะปาดกลับเข้ากลางให้กับทอเกโร่ที่เรียกว่าว่างก็ได้เพราะเฟอร์ดินานด์กับอีแวนส์หายไปไหนไม่รู้แต่ดันยิงหลุดขึ้นฟ้า

ผ่านชั่วโมงนึงไปรูปเกมยังไม่สู้ดีเจอบุกเข้าใส่มากกว่า เฟอร์กูสันเลยต้องแก้เกมแล้วส่งพ๊อกบากับสมอลลิ่งลงมาแทนคาร์ริคกับเฟอร์ดินานด์

แต่แล้วเปลี่ยนตัวลงมาก็ไม่ได้ช่วยอะไรหลังเพราะบิลเบาได้ลูกสองเพิ่มจากอิราโอล่าที่เติมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเข้ากลางไป ทอเกโร่พยายามจะมาโหม่งสมอลลิ่งมาตามสกัดแต่ไม่ดีพอกลายเป็นมาเข้าทางเด มาร์กอสพักอกก่อนทีนึงแล้วตามด้วยยิงยัดเสาแรกบอลแฉลบเข้าประตู บิลเบานำห่างเป็น 2-0

เข้า 15 นาทีสุดท้ายบิลเบาน่าได้ประตูเพิ่มอีกแล้วจากอิราโอล่าพาบอลขึ้นมาเข้าเขตโทษอีกแล้วก่อนจะล็อกเข้าซ้ายแล้วเปิดมาทางเสาไกลให้กับทอเกโร่ตั้งหัวโหม่งแต่น่าเสียดายบอลลอยหลุดข้ามคานนิดเดียว

บิลเบามาอีกแล้วจากลูกแทงทะลุช่องขึ้นหน้ามาให้เด มาร์กอส อีแวนส์วิ่งอยู่ข้างหน้าแล้วไงเจอสปีดมาตีคู่ได้เฉยก่อนจะได้ยิงแบบจิ้มๆแต่ยังติดเซฟเด เกอาอยู่

นาที 80 "ปิศาจแดง"ได้กู้หน้ามาหน่อยนึงหลังมีโอกาสยิงครั้งแรกในครึ่งหลังแล้วได้ประตูเลยจากจังหวะที่รูนี่ย์มาได้บอลหน้าเขตโทษก่อนจะจัดการส่องไกลส่องบอลพุ่งตุงตาข่ายไม่เหลือ แมนฯ ยูไนเต็ดไล่มาเป็น 1-2 แต่ยังต้องการอีกสามลูกด้วยกันหากยังหวังเข้ารอบ

"ปิืศาจแดง"เกือบจะได้ประตูตีเสมอมาแล้วจากจังหวะที่เวลเบ็คพลิกบอลพาขึ้นมาก่อนจะอาศัยยิงไกล บอลตกพื้นก่อนทีนึงแต่อิไรซอซยังชัวร์พุ่งมาปัดเอาไว้ได้

สุดท้ายก็ไม่รอดแมนฯ ยูไนเต็ดบุกไปพ่ายให้กับแอธติค บิลเบาหมดรูป 2-1 ประตูรวมสองนัดแพ้ไปกลับ 5-3 จอดป้ายยูโรป้าลีกครั้งแรกของสโมสรไว้ที่รอบ 16 ทีม

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 
แอธเลติค บิลเบา : กอร์ก้า อิไรซอซ 6.5, อันโดนี่ อิราโอล่า 7.5, เฟร์นานโด อมอร์เบียเต้ 7.5, โฆน เออร์เตเนตเช่ 7.0, ฆาบี้ มาร์ติเนซ 7.5, มาเกล ซูซาเอต้า 7.5, อันแดร์ อิตูร์ราสเป 7.0, อันแดร์ เอร์เรร่า 7.5 (เปเรซ น.82 -), เฟร์นานโด ญอเรนเต้ 8.0 (ทอเกโร่ น.40 6.5), ออสการ์ เด มาร์กอส 8.0*, อิเกร์ มูเนียอิน 7.5 (ซาน โฆเซ่ น.88 -)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เกอา 6.0, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 4.5 (สมอลลิ่ง น.63 5.0), ปาทริช เอฟร่า 5.0, ราฟาเอล ดา ซิลวา 5.0, โจนาธาน อีแวนส์ 5.0, ไมเคิ่ล คาร์ริค 4.0 (พ๊อกบา น.63 5.0), ไรอัน กิ๊กส์ 5.5 (เวลเบ็ค น.68 4.5), ปาร์ค จี ซอง 5.0, แอชลี่ย์ ยัง 4.5, ทอม เคลเวอร์ลี่ย์ 4.5, เวย์น รูนี่ย์ 6.0

ไฮไลท์คลิป 50 ประตูของเมสซี่ ในฤดูกาล 2011-12 12bet 14/03/2555

วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2555



ลีโอเนล เมสซี ดาวเตะแข้งทองทีมชาติอาร์เจนตินาระเบิดฟอร์มสุดยอด เหมาคนเดียว 5 ประตูช่วยให้ บาร์เซโลนา เปิดบ้านสอนบอล ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน 7-1 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ด้วยสกอร์รวมถล่มทลาย 10-2 


จากคลิปเป็นไฮไลท์ 50 ประตู ทั้งในลีก บอล

ถ้วย ดังนี้


30 ประตูในลา ลีกา
2 ประตูในโกปา เดล เรย์
12 ประตูในยูแชมเปี้ยนส์ลีก
1ประตูในยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ
3 ประตูในซูเปอร์โคปา  สเปน
2 ประตูในฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ

ไฮไลท์แมตช์ ลิเวอร์พูล VS เอฟเวอร์ตัน Primere League - เจอร์ราร์ดแฮตทริค!หงส์บี้ทออฟฟี่เละ 3-0 12bet 14/03/2555



ลิเวอร์พูลหยุดสถิติแพ้รวดไว้ที่สามเกม หลังได้สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซัดแฮตทริค พาทีมต้อนเอฟเวอร์ตัน ในศึกเมอร์ซี่ ไซต์ ดาร์บี้ แมตช์ ไปขาดลอย 3-0 ในเกมพรีเมียร์ชิพคืนวันอังคารที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา 

วันอังคารที่ 13 มีนาคม 2555 


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล 3-0 เอฟเวอร์ตัน 






ลิเวอร์พูลส่งให้เจอร์ราร์ดเป็นตัวจริงอีกครั้งนึง ในดาร์บี้ แมตช์ที่ 217 ในเมอร์ซี่ไซต์ รวมถึงแอนดี้ คาร์โรลล์ด้วยโดยเกมนี้ปรับไปใช้หมาก 4-4-2 แต่จอห์นสันยังไม่กลับมาลงสนาม ด้านฟอร์มช่วงนี้ถือว่าไม่ดีเลยเพราะแพ้มา 3 นัดติดแล้วแถมในบ้าน 5 นัดหลังก็เก็บชัยได้แค่เกมเดียว

ด้านทีมเยือนเอฟเวอร์ตันปรับเปลี่ยนนักเตะพอควรให้เยลาวิชคนยิงประตูชัยเกมก่อนนั่งสำรองไป ให้อนิเชบี้กับสตราควาลูร์ชี่จับคู่กันในแดนหน้าและพีนาร์ก็กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ด้านฟอร์มถือว่ายังโอเค 5 นัดหลังในลีกไม่แพ้ใครเลยชนะ 3 เสมอ 2 และหากชนะจะแซง"หงส์แดง"ด้วย

เริ่มเกมทั้งสองฝ่ายผลัดกันได้ครองบอลแต่เจ้าบ้านคึกคักได้ลุ้นก่อนเลยจากจังหวะที่ดาวนิ่งจ่ายให้กับซัวเรสหน้าเขตโทษ ก่อนจะไหลเข้าตรงกลางให้กับเจอร์ราร์ดสอดมาแตะบอลหนีรอดเวลล์ไปได้แล้วยิงเน้นไปเสาสอง ฮาเวิรด์ล้มตัวเซฟไว้บอลยังไปเข้าทางเฮนเดอร์สันสอดมายิงแต่ก็เป็นรอดเวลล์ที่ตามมาสไลด์ทิ้งไปทัน

ทาง"ท๊อฟฟี่เองก็มีจังหวะได้จบเช่นกันจากการพีนาร์ที่ออกบอลให้กับเบนส์เติมขึ้นมาจนสุดเส้นหลัง ก่อนจะหลบตัวประกบมาได้ถึงสองคนแล้วไหลคืนมาให้กับพีนาร์ได้ยิงเน้นๆแต่ส่งบอลข้ามคานออกไป

เกมดำเนินมาแค่ 12 นาทีแต่"หงส์แดง"มีโอกาสได้ลุ้นอีกครึ่งนึงแล้วจากบอลแตะเปิดเกมโยนมาโดยเรน่า บอลลอยมาถึงข้างหน้าให้กับคาร์โรลล์ขึ้นโหม่งเช็ดให้กับซัวเรสวิ่งตามมายิงแต่ก็ยังติดเซฟของฮาเวิร์ดอยู่

เอฟเวอร์ตันได้ครองบอลบุกอยู่นานเหมือนกันแต่ก็เกือบจะเสียซะแล้วจากจังหวะคืนหลังแล้วฮาเวิร์ดเตะขึ้นมาไม่ค่อยดีเจอคาร์โรลล์เบี้ลทีเดียวให้ซัวเรสหลุดไปจะได้ยิงเจอเสียบเอาไว้ก่อนได้ล่อเป้าฮาเวิร์ด แต่ไลน์แมนก็จับล้ำหน้าไปแล้วด้วย


นาที 34 "หงส์แดง"บุกขึ้นมาคราวนี้ได้ประตูเสียทีจากซัวเรสที่ครองบอลอยู่หน้าเขตโทษ ก่อนจะไหลให้กับเคลลี่ที่ดันขึ้นมาสูงได้ยิงล่อเป้า แต่ยังติดเซฟทางฮาร์เวิร์ดแล้วเคลียร์บอลออกมาไม่ดีเท่าไหร่เข้าทางเจอร์ราร์ดที่อยู่ตรงเส้นเขตโทษยิงปั่นแบบเหนือๆส่งบอลลอยข้ามหัวฮาเวิร์ดเข้าประตูไป ลิเวอร์พูลออกนำไปแล้ว 1-0

อีก 4 นาทีให้หลังลิเวอร์พูลน่าได้ประตูที่สองเพิ่มแล้วจากสเปียริ่งที่จ่ายให้กับเฮนเดอร์สันก่อนจะจับบอลแล้วตวัดให้กับเคลลี่เติมสู่งขึ้นมาทะลุเข้าเขตโทษอีกครั้งก่อนจะได้สับไกบอลหลุดเสาสองแค่นิดเดียวเท่านั้น

ทางเอฟเวอร์ตันก็เกือบได้ประตูตีเสมอเช่นเดียวกันจากการพาบอลขึ้นมาทางริมเส้นซ้ายโดนเบนส์ก่อนจะได้เปิดเข้ากลางไปที่เสาแรกถึงหัวสตราควาร์ลูชี่ได้โหม่งแต่ยังแรงไม่พอเรน่าเลยยังรับเอาไว้ได้

ช่วงท้ายครึ่งแรกเอฟเวอร์ตันพยายามกดดันหนักแต่ก็ทำอะไรกันไม่ได้ทำให้พักครึ่งเวลาไปโดยเจ้าบ้านยังนำอยู่ 1-0

กลับมาเข้าครึ่งหลังได้ 6 นาที"หงส์แดง"ก็ได้มาได้ประตูเพิ่มอีกแล้วจากจังหวะที่เอฟเวอร์ตันเสียบอลเจอเฮนเดอร์สันพาขึ้นมาก่อนจะดีดให้กับซัวเรสลากไปจนสุดเส้นหลังก่อนจะตัดเข้าเขตโทษผ่านดิสแต็งมาก่อนล็อกหนีจาเกียลก้ามาอีก บอลไหลยาวมาเข้าทางเจอร์ราร์ดคนเดิมวิ่งเข้ามากดเต็มตีนเตี่ยแหวกอากาศเข้าประตูไปเลย ลิเวอร์พูลนำห่างเป็น 2-0 แล้ว

แล้วอีกแค่ไม่กี่นาทีถัดมาก็เกือยบได้ประตูอีกแล้วสำหรับลิเวอร์พูลจากลูกโยนขึ้นมาคาร์โรลล์โหม่งไม่ถึงแต่ซัวเรสยังขยันวิ่งตามไปเก็บได้สุดเส้นหลังก่อนจะตัดเข้าในอีกแล้วก่อนจ่ายให้คาร์โรลล์ยิงไวแต่บอลหลุดเสาไกลนิดเดียว

ทาง"ท๊อฟฟี่"เองเกือบได้ประตูไล่ตีตื้นขั้นมาแล้วจากบอลที่แทงออกไปทางซ้ายให้กับเบนส์ที่เติมขึ้นมา เคลลี่ล้มตัวตัดบอลไว้แต่ไม่ไปไหนกลายเป็นตั้งให้เบนส์ตบเข้ากลางถึงรอดเวลล์ที่สอดขึ้นมาได้ยิงหวังเสียบเสาไกลแต่เอนริเก้ยังสไลด์มาสกัดได้ทัน

เข้านาที 70 เอฟเวอร์ตันพยายามบุกหนักแต่ต่อบอลกันไม่ค่อยจะแม่นเลยส่วนทางลิเวอร์พูลบุกมาได้จบอีกแล้วจากคาร์โรลล์ที่วันนี้เล่นได้ดีพาบอลขึ้นมาทางขวาก่อนจะดีดให้กับซัวเรสหลุดล้ำหน้าไปยิงผ่านมือฮาเวิร์ดแต่บอลยังหลุดออกเสาไกลคตามเคย

เข้าช่วงท้ายเกมเริ่มฟาวล์กันบ่อยขึ้นแล้วแต่ทางเอฟเวอร์ตันยังต่อบอลขึ้นมาทำอะไรไม่ได้เลยส่วนลิเวอร์พูลก็เพลาเกมลงแล้วหลังนำแบบสบายๆ

ทดเจ็บ"หงส์แดง"ได้เฮกันอีกระลอกจากเจอร์ราร์ดที่เก็บบอลมาได้กลางสนามก่อนจะพาตะลุยขึ้นมาเองแล้วเลือกดีดออกมาให้กับซัวเรสทางซ้ายเข้าเขตโทษก่อนล็อกหนีดิสแต็งมุมเปิดแต่สุดจะใจกว้างไหลคืนมาให้เจอร์ราร์ดยิงทำแฮตทริก ลิเวอร์พูลปิดท้าย 3-0

จบเกมลิเวอร์พูลก็คืนฟอร์มเสียทีกลับมาเอาชนะจนได้ปราบเอฟเวอร์ตัน 3-0 หยุดสถิติแพ้สามนัดรวดพร้อมเอาชนะคู่แข่งร่วมเมืองไปกลับด้วย แต่แต้มยังห่างอาร์เซน่อลอันดับ 4 อยู่ 10 คะแนนส่วนเอฟเวอร์ตันจะยังอยู่ที่ 9 ต่อไป

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 
ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า, มาร์ติน สเคอร์เทล, เจมี่ คาร์ราเกอร์, โฆเซ่ เอนริเก้, มาร์ติน เคลลี่, เจย์ สเปียริ่ง, สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด, สจวร์ต ดาวนิ่ง, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (เคาท์ น.72), แอนดี้ คาร์โรลล์, หลุยส์ ซัวเรส

เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาเวิร์ด, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, ฟิล จาเกียลก้า, เลห์ตัน เบนส์, โทนี่ ฮิบเบิร์ต, แจ๊ค รอดเวลล์, มารูยาน เฟลไลนี่, สตีเฟ่น พีนาร์, เซมุส โคลแมน (เดรนเธ่ น.61), วิคเตอร์ อนิเชบี้ (เยลาวิช น.61), เดนิส สตราควาลูร์ชี่ (ออสแมน น.61)

ไฮไลท์แมตช์อินเตอร์ มิลาน VS โอลิมปิก มาร์กเซย Uefa Champions League - ตามฟอร์ม! งูไล่เจ๊าฝืด 1-1 ร่วง 16 ทีมอเวย์โกล 12bet 14/30/2555



อินเตอร์ มิลาน ไม่รอดตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปด้วยกฎอเวย์โกล หลังทำได้ดีที่สุดได้แค่ยิงจุดโทษไล่ตีเสมอ โอลิมปิก มาร์กเซย 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ในวันอังคารที่ผ่านมา

วันอังคารที่ 13 มีนาคม 2555 






ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดที่สอง
อินเตอร์ มิลาน 2-1 โอลิมปิก มาร์กเซย์ (รวมผลสองนัดเสมอ 2-2 มาร์กเซย์ ผ่านเข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน) 


เปิดฉาแค่ 8 นาทีแรก อินเตอร์ น่าจะได้ประตูขึ้นนำ ซาเน็ตติ เติมเกมบุกทางขวาก่อนหักย้อนกลับมาให้ สไนจ์เดอร์ ซัดเหน่งๆแค่ 7 หลาแต่ติดซูเปอร์เซฟ มาด็องด้า

"งูใหญ่" ยังต่อบอลได้อย่างไหลลื่นอีกสามนาทีถัดมาพลาดโอกาสไปอีก สไนจ์เดอร์ โยนจากทางขวาไปยังจุดนัดพบ มิลิโต้ วิ่งสอดจากด้านหลังโหม่งเหน่งๆแต่ มาด็องด้า ปฎิกริยาไวมากอาศัยสัญชาติญาณเซฟได้อย่างเหลือเชื่อ

หลังตั้งรับอยู่นาน มาร์กเซย ได้บุกบ้างเกือบช็อคเจ้าถิ่นเหมือนกันในนาที 19 อามัลฟิตาโน่ เติมเกมบุกทางขวาก่อนโยนเข้วหัว เรมี่ โขกเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว

เกมกำลังจะครบครึ่งชั่วโมง "งูใหญ่" ได้เสียวเล็กๆ วัลบูเอน่า ผ่านเรียดเข้าไปยังพื้นที่ว่างในกรอบเขตโทษ ซาเน็ตติ มาช่วยสกัดคาบลูกคาบดอกจน วัลบูเอน่า ล้มในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินใจแข็งไม่เป่าจุดโทษ

อินเตอร์ เริ่มทำเกมบุกไม่ขึ้้นโดน มาร์กเซย ไล่กดดันนาที 37 โมเรล กระชากมาทางซ้ายกึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตูเดือดร้อน เซซาร์ นายทาวารต้องออกแรงเซฟ

ท้ายเกม อินเตอร์ กลับมามีลุ้นอีกครั้งจากจังหวะฟรีคิกระยะทำการ สไนจ์เดอร์ ปั่นหนีกำแพงมาแล้วแต่ มาด็องด้า นายทวารอ่านทางขาดดักรับเอาไว้ได้

ทดเวลาบาดเจ็บ "งูใหญ่" ได้ลุ้นส่งท้ายจากจังหวะสวนกลับ ไมค่อน โยนทิ้งบอมย์ยาวไปยังจุดนัดพบมาถึง ฟอร์ลัน ได้โหม่งหลุดกรอบออกไปอีก จบครึ่งแรกเสมอแบบไร้สกอร์

กลับมาลุยกันใหม่ "งูใหญ่" พยายามเปิดเกมบุกแต่ต้องชม มาร์กเซย วางแผนมาดีเกมรับเหนียวแน่นแทบเจาะไม่เข้าเลยจนมาถึงนาที 68 ได้ฟรีคิกระยะอันตราย 20 หลา สแตนโควิช ปั่นข้ามกำแพงเหินไม่ตรงกรอบอีก

เวลาที่เหลือ อินเตอร์ พยายามเน้นลูกยาวหวังเจาะแผงหลังแต่ยังทำอะไรไม่ถนัดกระทั่งนาที 71 เกือบเสียท่าไปแล้วแต่ต้องชม เซซาร์ นายทวารเซฟลูกยิงของ ดิยาร์ร่า เอาไว้ได้

สุดท้ายนาที 75 ในที่สุด "งูใหญ่" ได้ประตูที่รอคอยขึ้นนำ 1-0 จนได้ คัมบิอัสโซ่ โยนลูกเตะมุมบอลมาถึง ปาซซินี่ ยิงจังหวะแรกติดบล็อคแนวรับมาร์กเซย์ช่วยกันสกัดหลุดมาเข้าทางปืน มิลิโต้ ชาร์จที่เสาสองเข้าไป

หลังปลดล็อคพังประตูที่ต้องการ อินเตอร์ ได้ใจดาหน้าลุต่อเข้าสู่ 5 นาทีสุดท้ายเกือบพลิกแซง ไมค่อน ตะบันฟรีคิกกำลังจะเสียบตาข่าย มาด็องด้า ต้องปัดทิ้ง

อีกนาทีถัดมาจังหวะต่อเนื่องกัน "งูใหญ่" เกือบส่องเม็ดที่สองจาก ไมค่อน เปิดฟรีคิกไปยังจุดนันดพบ คัมบิอัสโซ่ ได้ขึ้นโหม่งเผาขนเฉี่ยวคานออกไปนิดเดียว

เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ อินเตอร์ และต้องต่อเวลาเล่นอีก 30 นาทีแต่แล้วกองเชียร์งูใหญ่ใจสลายเมื่อ มาร์กเซย์ มาได้ประตูตีเสมอช่วงทดเจ็บจากบอลเปิดยาวของนายทวาร มาด็องด้า มาถึงในเขตโทษ ลูซิโอ โหม่งเคลียร์ไม่ขาดบอลหลุดมาถึง แบรนเดา ตัวแสบซูเปอร์ซับพลิกเข้าไปกดเรียดเต็มข้อผ่าน เซซาร์ นายทวารพุ่งไปผิดทางตุงตาข่าย

เกมดราม่าจริงๆในช่วงทดเจ็บ อินเตอร์ ได้ลุ้นปาฎิหาริย์เล็กๆเมื่อได้ลูกโทษที่จุดโทษ มาด็องด้า นายทวารโอแอมถูกใบแดงไล่ออกในจังหวะที่ไปรวบ ปาซซินี่ ล้มในเขตโทษ มาร์กเซย์ เหลือสิบคนก่อนที่ ปาซซินี่ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด "งูใหญ่" ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 แต่สายเกินไปเวลาไม่พอ จบเกมแม้ อินเตอร์ ชนะแต่ตกรอบด้วยกฎประตูทีมเยือน



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 


อินเตอร์ มิลาน: เซซาร์,ไมค่อน,ลูซิโอ,ซามูเอล,นากาโตโม๊ะ,โปลี่(คัมบิอัสโซ่ น.74),ซาเน็ตติ,สแตนโควิช,สไนจ์เดอร์(โอบิ น.58),ฟอร์ลัน (ปาซซินี่ น.58),มิลิโต้

โอลิมปิก มาร์กเซย: มาด็องด้า,อัซปิลิกูเอต้า,ดิยาวาร่า,เอ็นกูลู,โมเรล,ดิยาร์ร่า,เอ็มเบีย,วัลบูเอน่า(เชย์รู น.76),อามัลฟิตาโน่,อายิว,เรมี่ (แบรนเดา น.88)

ไฮไลท์แมตช์ บาเยิร์น มิวนิค VS บาเซิ่ล Uefa Champions League - สุดโหด! พี่เสือเปิดรังขย้ำบาเซิ่ล 7-0 ลิ่ว 8 ทีม 12bet 14/03/2555



"เสือใต้"บาเยิร์น มิวนิค ท่าจะติดใจเลข 7 ซะแล้ว โดยเปิดนังอัลลิอันซ์ อารีน่า ถล่มบาเซิ่ล ในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมเลค 2 ไปแบบหลุดลุ่ยฉุยแฉะ 7-0 ในคืนวันอังคารที่ผ่านมา

วันอังคารที่ 13 มีนาคม 2555 


ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง
บาเยิร์น มิวนิค 7-0 บาเซิล  (รวมสองเกมบาเยิร์นเข้ารอบประตูรวม 7-1)








บาเยิร์นเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ 1-0 จากผลสกอร์ในนัดแรกที่พบกันที่สวิสเซอร์แลนด์ทำให้เกมนี"เสือใต้"เน้นเต็มที่จัดผู้เล่นชุดเดียวกับที่ถล่มฮอฟเฟ่นไฮม์ไป 7-1 โดยบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ยังเริ่มต้นบนม้านั่งสำรองเช่นเดิม ส่วนบาเซิลก็มีเซอร์ดาน ชากิรี่ตัวรุกคนเก่งของทีมที่จะย้ายไปอยู่กับบาเยิร์นในฤดูกาลหน้าลงป่วนในเกมนี้ด้วย

เริ่มเกมมาเป็นบาเยิร์นที่ครองบอลเดินหน้าบุกใส่ทีมเยือนทันทีโดยจุดเด่นยังเป็นเกมริมเส้นทั้ง 2 ข้างโดยมีลาห์มที่พักหลังๆได้เล่นเป็นแบ็กขวาคอยเติมเกมขึ้นมาอยู่ตลอด คึกคักทีเดียวผู้เล่น"เสือใต้"วันนี้

นาทีที่ 6 บาเยิร์นก็ได้จังหวะลุ้นประตูครั้งแรกลาห์มจ่ายบอลให้กับร็อบเบนทางขวาก่อนที่ปีกชาวดัตช์จะกระชากเลาะเข้ามาข้างในแล้วซัดด้วยซ้ายตามสูตรบอลเฉี่ยวเสาแรกออกไปนิดเดียวเท่านั้น

หลังจากพยายามมาตลอดตั้งแต่เริ่มเกมในที่สุดเจ้าถิ่นก็มาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 11 จากจังหวะที่มุลเลอร์พยายามยิงไกลจากนอกกรอบบอลไปแฉลบขากองหลังบาเซิลไปเข้าทางร็อบเบนที่สอดขึ้นมาพอดีก่อนที่ปีกทีมชาติฮอลแลนด์จะแตะเข้าซ้ายแล้วยิงไม่เหลือ บาเยิร์นขึ้นนำ 1-0 สกอร์รวมเท่ากันแล้วตอนนี้


นาทีเดียวหลังจากที่ได้ประตูเจ้าถิ่นก็ยังบุกกระหน่ำใส่บาเซิล ร็อบเบนกระชากตัดเข้าซ้ายแล้วยิงโดนซอมเมอร์ปัดไว้ได้บอลไปเข้าทางริเบรี่เปิดกลับเข้ามาหน้าประตูให้โกเมซที่ยืนอยู่โล่งโชว์เหนือดีดบอลด้วยส้นเท้าแต่ดันไปตรงตัวของซอมเมอร์อีก จังหวะต่อมาโกเมซคนเดิมก็ได้บอลทะลุมาในกรอบเขตโทษก่อนจะตัดสินใจซัดด้วยซ้ายแต่ก็ยังไปตรงตัวผู้รักษาประตูของทีมเยือนอีกครั้งรอดไปสำหรับบาเซิล


เกมยังเป็นของเจ้าถิ่นได้ครองบอลบุกกดดันบาเซิลอยู่ตลอด นาทีที่ 22 จากลูกเตะมุมร็อบเบนเปิดมาหน้าประตูให้กับมุลเลอร์ได้โขกเต็มๆแต่บอลไม่ห่างตัวซอมเมอร์มากนักเลยผวาปัดออกไปได้ พี่เสือเล่นกันแบบนี้เหมือนเกมเมื่อวันเสาร์ที่ถล่มฮอฟเฟ่นไฮม์ไป 7-1 มากเลยทีเดียว


ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมไปรูปเกมส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าถิ่นที่ได้บอลกันมากกว่าพยายามมาเคาะบอลไปมาอยู่หน้ากรอบเขตโทษของบาเซิลเพื่อหาจังหวะเข้าทำแต่ยังไม่ค่อยได้โอกาสเหมาะๆเท่าไหร่ส่วนทีมเยือนนั้นต้องบอกว่าจังหวะสวนกลับก็น่ากลัวทีเดียวให้บอลกันแม่นยำแต่น่าเสียดายที่มีตัวในแนวรุกน้อยไปหน่อยทำให้ไม่ค่อยสร้างความกดดันให้เกมรับของบาเยิร์นมากนัก

หลังจากพยายามอยู่นานในที่สุดบาเยิร์นก็กลับเป็นฝ่ายได้เปรียบในที่สุดในนาทีที่ 42 ริเบรี่จ่ายทะลุช่องออกไปทางขวาให้กับร็อบเบนได้เปิดกลับเข้ามาหน้าประตูและก็เป็นมุลเลอร์ที่วิ่งสอดเข้ามากระโดดแปด้วยขวาเข้าประตูไป สกอร์รวมเป็น 2-1 แล้ว

2 นาทีต่อมาบาเยิร์นก็มาได้ประตูนำห่างจากลูกฟรีคิก ครูสตักไปทางเสาสองให้กับบาดสตูเบอร์ที่ตบกลับเข้ามาหน้าประตูให้กับโกเมซแปโล่งๆเข้าไป บาเยิร์นนำ 3-0 จบครึ่งแรกเจ้าถิ่นบุกเป็นพายุนำบาเซิลอยู่ 3-0 สกอร์รวม 2 นัดอยู่ที่ 3-1


นาทีที่ 50 ริเบรี่ลากบอลขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนจะเปิดเข้าไปหน้าประตูให้กับโกเมซวิ่งเข้ามากระโดดแปด้วยซ้ายเบียดเสาแรกเข้าประตูไป บาเยิร์นนำห่างออกไปเป็น 4-0 แล้วโอกาสเข้ารอบดูสดใสเหลือเกิน

นาทีที่ 57 "เสือใต้"ก็ต่อบอลกันหลายจังหวะก่อนที่สุดท้ายจะเป็นโกเมซได้กระชากบอลไปแล้วตัดสินใจยิงมุมแคบทันทีแต่ก็ติดเซฟของซอมเมอร์ที่ยืนคุมเสาไว้ได้แล้ว

ฟอร์มโคตรโหดจริงๆสำหรับมาริโอ โกเมซและบาเยิร์น มิวนิคเมื่อเจ้าตัวซัดลูกที่ 3 ของตัวเองในนัดนี้และเป็นลูกที่ 5 ให้ทีมในนาทีที่ 61 จากจังหวะที่ริเบรี่กระชากบอลอยู่ทางริมเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนที่จะโยนมาหน้าประตูให้หัวหอกทีมชาติเยอรมันที่อยู่อยู่โล่งโหม่งเข้าไปง่าย ขยับสกอร์รวมเป็น 5-1 แล้ว


ประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมไปเลยสำหรับการทำเกมของริเบรี่และการจบสกอร์ของโกเมซในนาทีที่ 67 ตัวรุกทีมชาติฝรั่งเศสใช้สเต็ปถนัดลากเลื้อยมาทางซ้ายเหมือนเดิมก่อนเปิดเข้ามาตรงกลางเหมือนเดิมและก็เป็นโกเมซคนเดิมวิ่งเข้ามาซัดด้วยซ้ายเข้าไป บาเยิร์นดุจริงๆวันนี้นำห่างเป็น 6-0 แล้ว

หลังจากนำห่างถึง 6-0 บาเยิร์นก็เริ่มเปลี่ยนตัวไปเก็บบ้างแล้วและส่งชไวน์สไตเกอร์กับปรานยิชลงมาเคาะสนิมและถอดเอาริเบรี่กับมุลเลอร์ออก รูปเกมตอนนี้เจ้าถิ่นก็ดูจะเพลาๆเกมรุกไปบ้างแล้วแต่ยังบุกได้เรื่อยๆ เพราะทีมเยือนดูเหมือนจะไม่มีกะจิตกะใจจะเล่นแล้ว

นาทีที่ 81 "เสือใต้"ก็มาได้ประตูที่ 7 จากจังหวะที่ชไวน์สไตเกอร์ได้บอลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะจ่ายตัดหลังแบ็คให้ร็อบเบนหลุดเข้าไปแตะหลบผู้รักษาประตูก่อนจะยิงเข้าไปง่าย สกอร์กลายเป็น 7-0 แล้วตอนนี้

ช่วงท้ายเกมบาเยิร์นยังครองบอลบุกเข้าใส่ทีมเยือนอยู่เรื่อยๆแต่ไม่ได้เน้นอะไรมากนัก ส่วนบาเซิลก็ดูจะท้อแท้เต็มทีแล้วจบเกม "เสือใต้"บาเยิร์น มิวนิค โชว์ฟอร์มสุดโหดเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกันเอาชนะบาเซิลไป 7-0 สกอร์รวม 2 นัด 7-1 บาเยิร์นเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 


บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, เฌโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบ้า, ฟิลิป ลาห์ม, โทนี่ ครูส, หลุยส์ กุสตาโว่, มาริโอ โกเมส, โธมัส มุลเลอร์(บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ น.70), ฟร้องก์ ริเบรี่(ดาเนี่ยล ปรานยิช น.78), อาร์เยน ร็อบเบน(อนาโตลี่ ติโมชุค น.82)

บาเซิล : ยานน์ ซอมเมอร์, ปาร์ก จู โฮ, อเล็กซานเดอร์ ดราโกวิช, เดวิด อับราฮัม, มาร์คุส สไตน์โฮเฟอร์(ฟิลิปป์ เดเก้น น.70), เซอร์ดาน ชากิรี่(ฌ้ากส์ ซัว น.80), ฟาเบียง ฟราย(วาเลนติน สต็อกเกอร์ น.62), คาบราล, กรานิต ซาก้า, มาร์โค่ สเตรลเลอร์, อเล็กซานเดอร์ ฟราย

ไฮไลท์คลิป โนเล่-นาดาลเบรกพักมือมาฟาดแข้ง ก่อนศึกพาริบาส 12bet 13/03/2555

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555



เก็บตกภาพบรรยากาศการซ้อมก่อนลุยศึกเทนนิส "บีเอ็นพี พาริบาส โอเพน" ที่อินเดียน เวลส์ สหรัฐอเมริกา สองนักหวดเบอร์ 1 และ 2 ของโลก โนวัค ยอโควิช กับ ราฟาเอล นาดาล ขอพักข้อมือวางแร็กเก็ตหันไปจับจองพื้นที่สนามหญ้าข้างคอร์ตซ้อมเทนนิสแบ่งข้างเตะฟุตบอลคลายเครียด 






นอกจาก ยอโควิช กับ นาดาล อยู่ทีมเดียวกันแล้ว ยังมี แยนโค ทิปซาเรวิช อีกหนึ่งมือหวดชาวเซอร์เบีย และ ฟิลิเซียโน โลเปซ  จากสเปน มาร่วมแจมฟาดแข้งด้วย

ไฮไลท์แมตช์ บียาร์เรอัล VS เกตาเฟ่ La Liga Spain - บียาร์เจ๊งคารัง! เกตาเฟ่บุกเผาเครื่อง 2-1 12bet 13/03/2555



"เรือดำน้ำสีเหลือง" ยังคงเร่งเครื่องไม่ขึ้นจากพื้นที่อันตรายในตารางตามเคย หลังโดนเกตาเฟ่ บุกมายิงถึง เอล มาดรีกัล 2-1 รั้งอันดับ 17 อยู่ต่อไป จากการแข่งขันลา ลีกา ลีก ประเทศสเปน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 


วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม 2555


ฟุตบอลลา ลีกา สเปน
บียาร์เรอัล 1-2 เคตาเฟ่








โฆเซ่ ฟรานซิสโก้ โมลีน่า กุนซือบียาร์เรอัลส่ง รูเบน การ์เซีย กานี, บอร์ฆา บาเลโร่, ฆาเบียร์ กามูนญาส นำเกมรุก ส่วนเคตาเฟ่มี นิโคลัส เฟดอร์ "มิกู" กับ ดีเอโก้ กาสโตร เป็นคีย์แมนแดนหน้า


เกมครึ่งแรก ผ่านไปเพียง 6 นาที เคตาเฟ่ได้ประตูนำ 1-0 มิเชล มาเดร่า เปิดบอลให้ เปโดร เลออน ทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนมาเข้าทาง อับเดลาซิซ บาร์ราด้า โยนจากริมเส้นฝั่งขวาให้ นิโคลัส เฟดอร์ "มิกู" เปิดจากกรอบเขตโทษฝั่งขวาไปที่เสาสองให้ ดีเอโก้ กาสโตร ซัดเท้าขวาตุงตาข่าย


นาที 17 มิเชล มาเดร่า มิดฟิลด์เคตาเฟ่ โดนใบเหลือง หลังจากเสียบสกัด ฆวาเม่ กอสต้า ล้มลงในกรอบเขตโทษ และผู้ตัดสินเป่าให้เจ้าถิ่นได้ลูกจุดโทษ แต่ บอร์ฆา บาเลโร่ ยิงจุดโทษเท้าขวาไปติด มิเกล อังเคล โมย่า นายทวารเซฟไว้ได้ ทำให้ บียาร์เรอัล ชวดได้ประตูนี้


หลังจากนั้น เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า นาที 38 ดีเอโก้ กาสโตร ทำฟาวล์ บรูโน่ โซเรียโน่ ทำให้ บียาร์เรอัล ได้ลูกฟรีคิก มาร์กอส เซนน่า สังหารฟรีคิกเท้าขวาจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งชนคานอย่างน่าเสียดาย


อย่างไรก็ตามนาที 44 ดาเนียล "กาต้า" ดิอาซ เซนเตอร์ฮาล์ฟเคตาเฟ่ทำฟาวล์ นิลมาร์ ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้เจ้าถิ่นได้ลูกจุดโทษทันที และเป็น นิลมาร์ ยิงจุดโทษเท้าขวาตุงตาข่าย ช่วยให้ บียาร์เรอัล ตีเสมอ 1-1 จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1


ในครึ่งหลัง นาที 52 เคตาเฟ่ เกือบได้ประตูเพิ่ม เมื่อ อับเดลาซิซ บาร์ราด้า โยนบอลมาเข้าหัว มิเชล มาเดร่า โหม่งไปติด ดีเอโก้ โลเปซ เซฟได้เยี่ยม




นาที 61 ทีมเยือนบุกขึ้นมาอีกครั้ง บาร์ราด้า โยนบอลมาเข้าทาง มิกู ซัดเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งขวาติด ดีเอโก้ โลเปซ


และแล้วความพยายามของ เตาเฟ่ เป็นผลมาได้ประตูนำ 2-1 ดีเอโก้ กาสโตร ผ่านบอลให้ เปโดร เลออน ชิ่งบอลในกรอบเขตโทษฝั่งขวาไปให้ อับเดลาซิซ บาร์ราด้า ซัลโวเท้าซ้ายระยะเผาขนตุงตาข่ายนาที 72เวลาที่เหลืออยู่ เจ้าถิ่นบุกหนัก แต่สุดท้ายทำประตูเพิ่มไม่ได้ จบเกม เคตาเฟ่ บุกมาชนะ บียาร์เรอัล 2-1


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


บียาร์เรอัล : ดีเอโก้ โลเปซ - อังเคล โลเปซ, กอนซาโล่ โรดริเกซ, คริสเตียน ซาปาต้า, ฆวาเม่ กอสต้า - บอร์ฆา บาเลโร่, มาร์กอส เซนน่า, บรูโน่ โซเรียโน่, รูเบน การ์เซีย กานี, ฆาเบียร์ กามูนาส - นิลมาร์


เกตาเฟ่ : มิเกล อังเคล โมย่า - ฆวน บาเลร่า, ดาเนียล "กาต้า" ดิอาซ, อเล็กซิส รูอาโน่, โฆเซ่ มาเน่ - อับเดลาซิซ บาร์ราด้า, มิเชล มาเดร่า, เมดี้ ลาเซน, เปโดร เลออน - ดีเอโก้ กาสโตร, นิโคลัส เฟดอร์ "มิกู"

ไฮไลท์แมตช์ อาร์เซน่อล VS นิวคาสเซิ่ล Primere League - แฟร์มาเล่นซัดทดเจ็บ ปืนดับนิวหวิว 2-1 จี้ไก่ 1 แต้ม 12bet 13/03/2555



โธมัส แฟร์มาเล่น กลายเป็นฮีโร่ซัดประตชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ให้"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เปืดรังเอมิรเรตส์ เฉือนนิวคาสเซิ่ล ไปหวุดหวิด 2-1 ในเกมพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา 


วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม2555 


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
อาร์เซน่อล 2-1 นิวคาสเซิ่ล 






ก่อนเกมเจ้าบ้านได้ข่าวดี เมื่อโธมัส โรซิคกี้ กัปตันทีมชาติเช็ก ตัดสินใจต่อสัญญาใหม่ อยู่กับทีมไปอีก 2 ปี  โดยทั้งคู่ต่างมีเป้าหมายลุ้นพื้นที่บอลยุโรป และกำลังทำแต้มไล่จี้สเปอร์ส อันดับ 3 อยู่


เล่นมา 5 นาทีนิวคาสเซิ่ลหวิดเสียท่าให้ฟาน เพอร์ซี่ที่พักบอลด้วยอกไปลอดขาวิลเลี่ยมสันซึ่งรีบพลิกตัวบังให้ครูลมารับบอลแต่โดนดาวยิงเลือดดัตช์จิ้มทางด้านหลังโชคดีกระดอนไปนอกเขตโทษแล้วโคลอชชินี่เคลียร์ทิ้ง

นาที 14 ติโอเต้ตัดบอลได้ที่หน้ากรอบเขตโทษก่อนผ่านมาบาเคาะต่อไปยังโอแบร์กต็องไหลออกซ้ายให้เบน อาร์กฟาล็อกหนีกิ๊บบ์สแล้วสับไกยิงยัดไปที่เสาแรกเข้าประตูไปแบบตะลึงกันทั้งสนาม "สาลิกาดง"นำ 1-0

แต่หลังคิกออฟโรซิคกี้ก็พาบอลขึ้นมาก่อนแทงออกขวาให้วัลค็อตต์ใช้ความเร็วควบตามไปครอสบอลเลียดให้ฟาน เพอร์ซี่เกี่ยวบอลหลบวิลเลี่ยมสันมาเข้าเท้าซ้ายก่อนยิงหักข้อผ่านตัวครูลเสียบเสาแรกกลายเป็นประตูตีเสมอ

เกมยังดำเนินต่อไปโดยอาร์เซน่อลเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าหน่อยนึงแต่ในนาที 36 เว็บบ์ก็โดนแฟนเจ้าบ้านโห่หลังไม่ให้ฟาวล์ในจังหวะที่บายกเท้าสูงมาย่ำใส่ขาของกอสเซียลนี่ยังดีที่แข้งนิวคาสเซิ่ลมีน้ำใจหยุดบอลให้เอง

นาที 41 "สาลิกาดง"ได้ลูกฟรีคิกระยะไกลหน้ากรอบเขตโทษแล้วเป็นกาบายที่เปิดบอลเข้าไปกดดันแนวรับ"ปืนใหญ่"ที่สุดท้ายเคลียร์บอลออกมาไม่ดีกลายเป็นเข้าทางให้กูเตียร์เรซวอลเล่ย์ด้วยเท้าขวาหลุดเสาไปอย่างได้ลุ้น

ก่อนหมดครึ่งแรกสองนาที"ปืนใหญ่"ได้ลูกเตะมุมด้านซ้ายซึ่งบอลถูกเปิดเข้ามาที่ปากประตูแล้วแนวรับทีมเยือนสกัดมาเข้าทางวัลค็อตต์ได้ง้างเท้ายิงไปที่โคนเสาซ้ายแต่โดนติโอเต้เคลียร์ทิ้งได้ทันทำให้สกอร์ยังเสมอกัน 1-1


เข้าสู่ครึ่งหลังทีมเยือนส่งเพิร์ชลงมายืนแบ็กซ้ายแทนซานตอนหวังทำให้เกมรับแน่นอนขึ้นแต่ก็ไม่วายที่ต้องโดนวัลค็อตต์พาบอลขึ้นมาเจาะแล้วเปิดเข้ากลางให้โรซิคกี้พุ่งโหม่งในนาที 49 ยังดีที่ครูลยืนตำแหน่งดีเลยรับไว้ได้

เกมของ"ปืนใหญ่"ยังดีขึ้นมาเรื่อยๆโดยในนาที 51 พวกเขาได้ครอวบอลทางฝั่งขวาอีกแล้วคราวนี้กองหลังนิวคาสเซิ่ลสกัดออกมาหน้าเขตโทษแล้วเป็นอาร์เตต้าโหม่งชงมาให้แชมเบอร์แลนพักบอลด้วยอกก่อนวอลเล่ย์ข้ามคาน

สี่นาทีถัดมา"กันเนอร์ส"เล่นชิ่งกันที่ริมเส้นฝั่งขวาก่อนจบลงด้วยการที่อาร์เตต้าครอสบอลมากลางเขตโทษให้ฟาน เพอร์ซี่โฉบตัดหน้าตัวประกบเข้ากดติดเซฟของครูลที่ย่อรับตัวรับบอลไว้ได้ ชักอาการไม่ดีแล้วสำหรับทีมเยือน

นาที 58 โรซิคกี้ที่เพิ่งเซ็นสัญญาฉบับใหม่ก่อนเกมสามารถสลัดหนีการประกบของกาบายได้ก่อนจ่ายมาทางด้านซ้ายให้ฟาน เพอร์ซี่หลุดเข้าไปยิงมุมแคบใส่นายด่านคนบ้านเดียวกันแต่ครูลยังเหนือกว่าป้องกันไว้ได้อีกครั้ง

โรซิคกี้พลาดยิงประตูฉลองสัญญาใหม่อย่างน่าเสียดายในนาที 67 เมื่อเขาไหลบอลออกขวาให้วัลค็อตต์รับไปล็อคหลบตัวประกบจนเสียท่าก่อนเปิดคืนมาให้จอมทัพเลือดเช็กแปด้วยซ้ายโล่งๆแต่บอลปลิ้นออกข้างสนามเฉย

ความขยันของแชมเบอร์เลยเกือบนำมาซึ่งประตูแซงนำของเจ้าบ้านเมื่อปีกความเร็วสูงไปแย่งบอลตัดหน้าเบน อาร์กฟาที่สุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนเปิดให้ฟาน เพอร์ซี่แต่งบอลเข้าเท้าขวาแม้ไม่ถนัดก็ต้องยิงแต่ก็ปลิ้นออกไป

นาที 82 "ปืนใหญ่"พลาดโอกาสจบสกอร์อีกแล้วหลังได้ลูกเตะมุมทางด้านซ้ายแล้วบอลถูกเปิดเลยไปถึงเสาสองที่มีแชร์วิลโญ่ยืนว่างอยู่แต่ปีกเลือดไอวอรี่โคสต์ดันชาร์จระยะไม่ถึง 6 หลาหลุดเสาไปอย่างไม่น่าเชื่อ

ยิ่งเวลาเหลือน้อยอาร์เซน่อลยิ่งโหมบุกเข้าใส่"สาลิกาดง"โดยเฉพาะแฟร์มาเล่นที่ขยันเติมเกมขึ้นไปโขกสองครั้งซ้อน ซึ่งหนแรกถูกซิมพ์สันที่ยืนคุมเส้นสกัดออกมาได้ส่วนอีกหนถูกครูลบินปัดข้ามคาน

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายความพยายามของเจ้าบ้านก็มาประสบผลเมื่อวัลค็อตต์ติดเครื่องกระชากบอลขึ้นมาทางฝั่งขวาแล้วเปิดเข้ามาในเขตโทษบอลทะลักไปถึงเสาสองเข้าทางแฟร์มาเล่นซึ่งดันเกมขึ้นมาชาร์จเข้าประตู ขณะที่ก่อนนำบอลไปคิกออฟฟาน เพอร์ซี่กับครูลไปมีปัญหากันจนวุ่ยวายพักนึงก็โดนใบเหลืองไปทั้งคู่

จบเกมอาร์เซน่อลเปิดบ้านเฉือนชนะนิวคาสเซิ่ลไปอย่างระทึก 2-1 คว้าชัยเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันในทุกรายแถมยังเป็นการเจอทีมชั้นนำทั้งหมด มีเพิ่มเป็น 52 คะแนนตามหลังอันดับสามอย่าเสปอร์สแค่แต้มเดียวเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 


อาร์เซน่อล : วอจเซจ เซสนี่ย์, บาการี่ ซาญ่า, โธมัส แฟร์มาเล่น , โลร็องต์ กอสเซียลนี่ , คีแรน กิ๊บบ์ส, โทมัส โรซิคกี้ (อารอน แรมซี่ย์ น.76), อเล็กซ์ ซง, มิเกล อาร์เตต้า, ธีโอ วัลค็อตต์ , อเล็กซ์ แชมเบอร์เลน (แชร์วินโญ่ น.68), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 


นิวคาสเซิ่ล : ทิม ครูล , แดนนี่ ซิมพ์สัน, ฟาบิโอ โคลอชชินี่, ไมค์ วิลเลียมสัน, ดาวิเด้ ซานตอน (เจมส์ เพิร์ช น.46), กาเบรียล โอแบร์กต็อง (โชล่า อเมโอบี้ น.61), โยอันน์ กาบาย, ชีค ติโอเต้ (แดนนี่ กูธรี่ น.81), โฮนาส กูเตียร์เรซ , เดมบา บา, ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา

ไฮไลท์คลิป จังหวะเข่าบิดทำรูบิโอ ชวดติดยัดห่วงกระทิงลุย อลป. 12bet 13/03/2555



ริคกี้ รูบิโอ้ พอยท์การ์ดดาวรุ่ง โชคร้ายได้รับบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าซ้ายฉีกหมดสิทธิ์ลงช่วย มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส ช่วงที่เหลือของศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ ฤดูกาลนี้ รวมถึงหายไม่ทันติดทีมชาติสเปนทำศึก โอลิมปิก ลอนดอน ที่ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม ถึง 12 สิงหาคมนี้





รูบิโอ้ เจ็บควอเตอร์ที่ 4 เกม มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส เปิดรัง ทาร์เกต เซนเตอร์ แพ้ ลอส แองเจลิส เลเกอร์ส 102-105 เมื่อวันศุกร์ที่ 9 มีนาคมที่ผ่านตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากถูก โคบี้ ไบรอันท์ ซูเปอร์สตาร์ทีมเยือนชนจนล้มกลิ้ง

หลังทราบข่าวร้าย ริค อเดลแมน โค้ช ทิมเบอร์วูล์ฟส์ เผยว่า "เราทุกคนภายในทีมล้วนผิดหวัง ผมรู้สึกแทน ริคกี้ ว่ากำลังรอให้ซัมเมอร์นี้มาถึงอย่างใจจอจ่อ หากสามารถทำทุกสิ่งไม่ว่าอะไรก็ตามที่สามารถช่วยให้เขากลับมาลงสนามได้เร็วที่สุด เราก็จะทำ เขามีความหมายกับเราชนิดที่ว่ายากจะอธิบายจริงๆ"

รูบิโอ้ วัย 21 ปีทำเฉลี่ยต่อเกมให้ มินเนโซต้า คือ 10.6 แต้ม 8.2 แอสซิสต์ส และ 4.2 รีบราวนด์ส ถูกเพื่อนร่วมทีมช่วยกันพยุงเข้าห้องแต่งตัว โดยประเมินเบื้องต้นน่าจะต้องพักราว 9 เดือน จะส่งผลกระทบกับ "ที-วูล์ฟส" ที่เวลานี้กำลังลุ้นผ่านเข้าไปเล่นเพลย์ออฟเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2004

ไฮไลท์แมตช์ ราซิ่ง ซานตานเดร์ VS บาร์เซโลน่า LA Liga - ไม่น้อยหน้า!เมสซี่เบิ้ลบ้างพาบาร์ซ่าบุกสอยราซิ่ง 2-0 12bet 12/03/2555

วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555



บาร์เซโลน่า ยังไม่่หมดหวังทำแต้มเกาะเรอัล มาดริดไปอีกสัปดาห์ โดยประตู 2-0 มาจากฝีเท้าของลีโอเนล เมสซี่ ให้ทีมเอาบุกชนะราซิง ซานตานเดร์ ไป 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ในศึกลา ลีกาประเทศสเปน



วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2555 


ฟุตบอลลา ลีกาสเปน 
ราซิ่ง ซานตานเดร์ 0-2 บาร์เซโลน่า 






ผ่านช่วง 10 กว่านาทีแรกไป แม้ว่าจะอยู่ในฐานะทีมเยือน แต่บาร์เซโลน่าก็เป็นฝ่ายบุกใส่เจ้าบ้านแบบต่อเนื่อง เพียงแต่ช่วงต้นเกมนี้เครื่องน่าจะยังไม่ติดเท่าไหร่ คงต้องค่อยๆปรับจูนกันไปก่อน

นาทีที่ 23 เกือบจะเป็นประตูสุดสวยแล้วสำหรับอีเนสต้าที่รับบอลมาจากคูเอนก้า ก่อนที่จะยึกหลอกกองหลังของราซิ่งหนึ่งที แล้วตักบอลโด่งข้ามผู้รักษาประตูไปได้แล้ว แต่แรงไปนิดหนึง บอลเลยเช็ดคานบนหลุดออกหลังไป

อีกเพียงหนึ่งนาทีต่อมา แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจังหวะนี้จะเป็นแค่ใบเหลือง เพราะบาบาการ์ไปเข้าสกัดช้าใส่บุสเก็ตส์ แต่ประเด็นมันอยู่ที่เข้าช้าไม่พอ ดันไปเหยียบสตั๊ดย่ำเข้าที่ข้อเท้าของบุสเก็ตส์จนพลิกงอ เห็นแล้วเสียวว่าจะหักแทน แต่สุดท้ายก็ได้แค่ใบเหลืองไปเท่านั้น รอดตัวจริงๆ

นาทีที่ 29 บทจะได้ก็ง่ายเลยสำหรับบาร์เซโลน่า ในจังหวะที่ชาบี้ลากบอลตะลุยเข้าไปตรงกลาง โดนเสียบสกัด แต่บอลเด้งไปเข้าทางของฟาเบรกัสที่เอี้ยวตัวจ่ายกลับไปหน้าประตู เป็นเมสซี่ที่ไม่รู้มาจากไหน สอดตัวเข้าไปใช้เท้าจิ้มส่งบอลไปนอนอยู่ก้นตาข่าย บาร์ซ่านำแล้ว 1-0

นาทีที่ 38 หลังจากเกมเป็นของบาร์ซ่าที่ครองๆขึงๆบอลไปเรื่อย แต่ยังหาจังหวะจบที่จะบวกสกอร์เพิ่มไม่ได้ กองหลังราซิ่งก็จะมาช่วยยิงซะงั้น จากจังหวะที่เปโดรครอสบอลต่ำทางริมเส้นฝั่งซ้าย ในกรอบเขตโทษไม่มีผู้เล่นบาร์ซ่าเลย แต่อัลวาโร่ดันไปสกัดผิดเหลี่ยม บอลเกือบพุ่งเสียบเสา ยังดีที่หลุดออกหลังไป


นาทีที่ 56 ออกจะง่ายไปนิดเมื่อดูจากภาพช้า แต่ผู้ตัดสินก็เป่าให้บาร์ซ่าได้จุดโทษในจังหวะที่ชิสม่าเบียดกับฟาเบรกัสแล้วมีแขนกางออกมานิดหน่อย ก่อนที่ฟาเบรกัสจะล้มลง แม้กองหลังของราซิ่งจะไม่พอใจหาว่าพุ่งล้ม แต่ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษ ก่อนที่เมสซี่จะสังหารเข้าไปไม่เหลือ บาร์ซ่าทิ้งแล้ว 2-0

อีก 5 นาทีต่อมา จริงๆควรจะจบแบบเพอร์เฟ็คเลยสำหรับจังหวะนี้ของคูเอนก้า เมื่อเขาได้บอลทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษ แม้ว่าเหลี่ยมยิงจะไม่มี แต่ก็พลิกไปมาจนสลัดกองหลังหลุดไปซัดแบบบรรจงสุดๆผ่านตัวผู้รักษาประตูที่พุ่งออกมาบล็อก แต่บอลดันไปชนเสาซะได้

เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย บาร์เซโลน่าก็ยังครองบอลกันตามสเต็ป หาโอกาสหาช่องบุกเพื่อจะทำประตูเพิ่มกันตามจังหวะของตัวเอง เพียงแต่แนวรับของราซิ่งก็กันป้วนเปี้ยนกันแน่น เหมือนกับไม่อยากจะเสียประตูไปมากกว่านี้แล้ว

เล่นกันมาถึงช่วงท้ายเกม ตอนนี้เก็บความสดของนักเตะเอาไว้ดีกว่า บาร์เซโลน่าเลยถอดเอามิดฟิลด์ตัวหลักอย่างชาบี้ออกไปพักและส่งเกอิต้าลงไปเล่นแทน

แทบจะทั้งเกมก็เพิ่งจะได้เห็นราซิ่งได้บุกแบบเป็นช่วงยาวๆบ้าง แต่คงเป็นเพราะทางบาร์ซ่าผ่อนเกมลงไปเยอะแล้ว ถึงอย่างนั้นเจ้าบ้านก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม เพราะดูแล้วขาดทั้งความคมและใจที่คงไม่ฮึดแล้ว

นาทีที่ 85 ฝืดยังไงก็อย่างงั้นจริงๆสำหรับเปโดร ทั้งที่อุตส่าได้จังหวะหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับผู้รักษาประตูแล้ว แต่ดั๊นไปตัดสินใจชิพบอลแล้วไม่สูงพอ เลยติดเซฟ เจ้าตัวถึงกับทำหน้าเบื่อโลกเลยทีเดียว ก่อนจะจบเกมไปด้วยสกอร์น่ารักๆของทีมเยอน 2-0 


ราซิ่ง ซานตานเดร์ : มาริโอ, เบร์นาร์โด้ ซูนิก้า, อัลวาโร่, โดมิงโก้, ฟรานซิสโก้ เปเรซ มาเลีย, กอนซาโล่ คอลซ่า(กอนซาเลซ น.62), ปาป้า ดิยุฟ, เปโดร มูนิติส(แซมเปริโอ น.70), มานูเอล โรดริเกซ, คูม่า บาบาการ์ (สตูอานี่ น.45), มาร์กอส

บาร์เซโลน่า : วิคตอร์ บัลเดส, แซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์, คาร์เลส ปูโยล, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ, เชสก์ ฟาเบรกัส, ชาบี้(เกอิต้า น.83), อังเดรส อีเนสต้า, ดาเนียล อัลเวส, ลีโอเนล เมสซี่ , เปโดร(อาเดรียโน่ น.88), ไอแซ็ค คูเอนก้า(เตโญ่ น.73)


สรุปผลฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
แอต.มาดริด ชนะ กรานาด้า  2 - 0
เอสปันญ่อล ชนะ ราโย บาเยกาโน่   5 - 1
บาเลนเซีย เสมอ เรอัล มายอร์ก้า   2 - 2
ราซิ่ง ซานตานเดร์ แพ้ บาร์เซโลน่า  0 - 2
โอซาซูน่า ชนะ แอธ.บิลเบา  2 - 1

Arsenal - Newcastle United Prematch EPL 12bet 03.00 น.13/3/12




ถ้าวาง ที่  1.0  - ราคาน้ำ 12BET 
แนะนำเล่นที่รอง Newcastle  -0.840
แทง 1000 จะได้กำไร 1000  

                       โบนัสคืนเงินไม่จำกัด จาก 12BET
               เพียงวางเดิมพันฟุตบอล, เทนนิส, บาสเกตบอล, นัมเบอร์เกมหรือกีฬาอื่นๆที่คุณชื่นชอบคุณมีสิทธิ์รับโบนัสคืนเงิน 0.2% จากยอดวางเดิมพันสะสมที่หน้าหนังสือกีฬา ทุก 10 วัน          



ถ้าวาง ที่  1.0  - ราคาน้ำ 12BET 
แนะนำเล่นที่รอง Newcastle  -0.840
แทง 1000 จะได้กำไร 1000  

                       โบนัสคืนเงินไม่จำกัด จาก 12BET
              พียงวางเดิมพันฟุตบอล, เทนนิส, บาสเกตบอล, นัมเบอร์เกมหรือกีฬาอื่นๆที่คุณชื่นชอบคุณมีสิทธิ์รับโบนัสคืนเงิน 0.2% จากยอดวางเดิมพันสะสมที่หน้าหนังสือกีฬา ทุก 10 วัน          

เรือล่มหล่นจ่าฝูง!บุกแพ้สวอนซี0-1ผีแซง1แต้ม

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2555

สวอนซี ซิตี้  1 - 0  แมนฯ ซิตี้
 
        "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ตกจากบัลลังค์จ่าฝูงเรียบร้อย หลังยกพลบุกพ่าย สวอนซี 0-1 โดยเจ้าถิ่นได้ประตูชัยลูกเดียวจาก ลุค มัวร์ นาทีที่83 โดย แมนฯซิตี้ มีแต้มตามหลัง แมนฯยูฯ 1คะแนน ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา

สนาม : ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม

         สวอน ซี ทีมน้องใหม่ ปรับทัพตำแหน่งเดียว เวย์น เราท์เล็ดจ์ ลงเล่นแทน เนธาน ดายเออร์ ติดโทษแบน ขณะที่แนวรับ แอชลี่ย์ วิลเลียมส์ เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักฟิตทันเวลา

         ด้านจ่าฝูง เรือใบสีฟ้า ขาดคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ แว็งซ็องต์ ก็อมปานี กับ โจเลียน เลสค็อตต์ บาดเจ็บ ทำให้ต้องใช้ โคโล่ ตูเร่ กับ สเตฟาน ซาวิช แทน แต่แดนกลางสมบูรณ์ขึ้น ยาย่า ตูเร่ กลับคืนทีม หลังติดแบนเกมยุโรป

         ช่วง ต้นเกม เป็น สวอนซี ที่เดินเครื่องบุกก่อน นาทีที่ 6 สกอตต์ ซินแคลร์ ทิ่มบอลเข้าเขตโทษ เวย์น เราท์เล็ดจ์ ถึงบอลก่อนแตะหลบ โจ ฮาร์ท แล้วโดนรวบล้มลงไปเป็นจุดโทษ โดยที่ ฮาร์ท ไม่โดนจดชื่อด้วย ซินแคลร์ รับหน้าที่สังหารแปเรียดเบาไปติดเซฟ ฮาร์ท ที่เดาทางถูก

          และ จากลูกเตะมุมต่อเนื่องของเจ้าบ้าน กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน เปิดไปหน้าประตู แอชลี่ย์ วิลเลียมส์ ขึ้นโหม่งแต่ไปตรงตัว ฮาร์ท อีก

         โอกาส ลุ้นประตูของ เรือใบสีฟ้า มีค่อนข้างน้อย นาทีที่ 23 มาริโอ บาโลเตลลี่ หลุดเข้าเขตโทษด้านขวาแต่ควบตามบอลไปไม่ทัน เลยตวัดยิงไม่เข้ากรอบ  

       ถึง นาทีที่ 37 โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือ เรือใบสีฟ้า ต้องรีบแก้เกมด้วยการปรับแท็กติก ส่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ ลงแทน แกเร็ธ แบร์รี่ 

        ท้ายครึ่งแรก ทีมเยือนครองบอลบดหนักต่อเนื่อง นาทีที่ 43 จากบอลชุลมุนในกรอบโทษ ยาย่า ตูเร่ ตวัดยิงด้วยขวาแฉลบข้ามคานออกไป 

        จากเตะมุมอีกครั้งของ เรือใบสีฟ้า ดาบิด ซิลบา รับบอลกลับมาหน้ากรอบโทษ ก่อนซัดด้วยซ้ายไม่ติดไซด์ บอลหลุดเสาสองออกไป จบครึ่งแรก ยังเสมอ 0-0 

        ครึ่ง หลังเริ่มมา 4 นาที แมนฯ ซิตี้ เดินหน้าบุกเข้าใส่เมื่อ  เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"  หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาในเขตโทษแต่บอลออกหลัง

         ทีมเยือนโหมหนักนาที 55 เป็น กาแอล กลีชี่ เติมขึ้นมายิงแต่บอลยังไม่เข้าเป้า 

        สวอน ซี สวนกลับและน่าจะได้ประตูในนาที 56 เมื่อ แดนนี่ เกรแฮม  หลุดไปถึงเส้นหลังตวัดกลับมาหน้าประตูแต่ โจ อัลเลน ชาร์จไม่ทัน 

        เรือใบสีฟ้า ยังโหมหนักนาที 69 เป็น ไมกาห์ ริชาร์ดส์ หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาในกรอบ 18 หลาแต่บอลเข้ามือ มิเชล ฟอร์ม 

        ช่วง ท้ายเกมนาที 83 หงส์ขาวได้เฮกันลั่นจากความผิดพลาดของ สเตฟาน ซาวิช ทำให้ เวย์น เราท์เล็ดจ์ หลุดมาทางฝั่งขวาก่อนโยนบอลเข้าไปหน้าประตูให้ ลุค มัวร์ โหม่งเสียบตาข่ายช่วยให้ สวอนซี เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 หล่นจากบัลลังค์จ่าฝูง หลัง แมนฯยูฯ เก็บสามคะแนน พร้อมแซงมีแต้มมากกว่า1คะแนน

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีมสวอนซี  : มิเชล ฟอร์ม , อังเคล รังเคล, สตีเว่น คัลเกอร์, แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์, นีล เทย์เลอร์ , ลีออน บริตตัน, กิลฟี ซิเกิร์ดส์สัน , เวย์น เราท์เล็ดจ์ (แกร์รี่ มังค์ น.87), โจ อัลเลน, สก็อตต์ ซินแคลร์ , แดนนี่ เกรแฮม  ( ลุค มัวร์ น.79)

สำรอง : เกอร์ฮาร์ด เทรมเมล (ผู้รักษาประตู), อลัน เทต,  จอช แม็คเอคราน, ลีรอย ลิต้า, มาร์ค โกเวอร์

แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท , ไมกาห์ ริชาร์ดส์, โคโล่ ตูเร่, สเตฟาน ซาวิช,  กาแอล กลีชี่ , แกเร็ธ แบร์รี่ (เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" น.37), ไนเจล เด ยองก์ (อดัม จอห์นสัน น.84),  ยาย่า ตูเร่ , ซามีร์ นาสรี่ ,  ดาบิด ซิลบา (เอดิน เชโก้ น.87) , มาริโอ บาโลเตลลี่

สำรอง :
คอสเทล ปันติลิมอน (ผู้รักษาประตู), เจมส์ มิลเนอร์, ดาวิด ปิซาร์โร่,  อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ

ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน

รูนเบิ้ลสอง!ผีบดแบ็กกี้ส์2-0ทะยานแซงเรือนำฝูง 12BET

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2555

แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 เวสต์บรอมวิช
 


        เวย์น รูนี่ย์ เหมาสองประตู ให้ "ปีศาจแดง" แมนฯยูฯ เปิดบ้านบดเอาชนะ "เดอะ แบ็กกี้ส์" เวสต์บรอมวิช ไป 2-0 เก็บสามแต้ม พร้อมแซง แมนฯซิตี้ ขึ้นจ่าฝูง หลังอริร่วมเมือง พลาดท่า แพ้ สวอนซี 0-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา 
สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 
       "ปีศาจ แดง" แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ "เดอะ แบ็กกี้ส์" เวสต์บรอมวิช โดยเกมนี้ เจ้าถิ่น ส่ง เวย์น รูนี่ย์ จับคู่ล่าตาข่ายกับ ฮาเวียร์ เฮอร์นันเดซ ชิชาริโต้ แดนกลางส่ง พอล สโคลส์ ลงตัวจริง ขณะทีมเยือนใช้ คริส บรันท์ กับ มาร์ก-อองตวน ฟอร์กตูเน่ เป็นหัวหอกทะลวงเป้า

      เริ่มเกมมา5นาที เป็นฝ่ายทีมเยือน เวสต์บรอมวิช ได้โอกาสทักทายก่อน เมื่อ เลียม ริดจ์เวลล์ เติมเกมขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนเปิดยัดเข้ามาที่กลางประตู คีธ แอนดรูว์ส ได้โอกาสชาร์ตหน้าประตู แต่บอลไม่เข้ากรอบ

    นาทีที่10 เป็นฝ่ายเจ้าบ้านเริ่มตั้งเกมติด และเปิดเกมรุกกดดัน และมีโอกาสได้ลุ้น เมื่อ แดนนี่ เวลเบ็ค พาบอลแหวกแผงหลังทีมเยือนเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนไหลให้ แอชลี่ย์ ยัง แต่งบอลก่อนซัดด้วยซ้าย แต่บอลตรงตัว เบน ฟอสเตอร์ ชกทิ้งออกไปได้

     นาทีที่16 เดอะ แบ็กกี้ส์ ได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อได้ฟรีคิกระยะ30หลา คริส บรันท์ แตะบอลไหลให้ คีธ แอนดรูว์ส วิ่งมาสับด้วยเท้าขวา บอลแฉลบเปลี่ยนทางเกือบเสียบเสา แต่ ดาบิด เด เคอา ยังปฎิกิริยาไว พุ่งปัดไว้ได้

    9นาทีต่อมา เป็นฝ่ายเจ้าถิ่นปีศาจแดง ได้ส่งสัญญาณเตือนทีมเยือนอีกครั้ง เมื่อได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายของ แอชลี่ย์ ยัง มาที่หน้าประตู แดนนี่ เวลเบ็ค ได้ขึ้นโขกคนเดียว แต่บอลยังไม่เข้ากรอบ     นาทีที่33 แมนฯยูฯได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อ แอชลี่ย์ ยัง ได้บอลทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนเปิดด้วยเท้าขวามาทางเสาสอง เวย์น รูนี่ย์ พยายามยืดขายิงประตู แต่บอลเบา เบน ฟอสเตอร์ จึงรับสบาย

     2นาที ต่อมา แฟนๆเจ้าถิ่นในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้เฮกันลั่น เมื่อ ชิชาริโต้ ได้บอลทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนล็อคบอลเลี้ยงเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้ามาหน้าประตู เป็นจังหวะเดียวที่ เวย์น รูนี่ย์ โฉบเข้ามาปาดหน้ายิง กลายเป็นประตู ให้ แมนฯยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0     ช่วง ท้ายครึ่งแรก เจ้าถิ่นแม้จะครองบอลมากกว่า แต่ก็ทำอะไร เวสต์บรอมวิช ได้ไม่มาก หมดเวลาในครึ่งแรก ทีมปีศาจแดง จึงออกนำไปก่อน 1-0

    เริ่ม ครึ่งหลังมา4นาที ก็มีใบเหลืองแรกขึ้นมาจนได้ เมื่อ โยนัส โอลส์สัน ไปฟาวส์หนักใส่ เวย์น รูนี่ย์ ผู้ตัดสิน ลี โพรเบิร์ต ควักใบเหลืองให้ทันที

    นาที ที่52แฟนเจ้าถิ่น ใจหายวาบ เมื่อ ปาทริซ เอวร่า ไปสกัด ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้ ล้มในกรอบเขตโทษ แต่โชคดีที่ผู้ตัดสิน ลี โพรเบิร์ต ยังนิ่ง

    แล้ว ก็เกือบ โดน แมนฯยูฯ ลงโทษทันควัน เมื่อพาบอลโต้กลับเร็วมาที่หน้าประตู เวย์น รูนี่ย์ ไหลบอลให้ ชิชาริโต้ แต่งบอลในกรอบเขตโทษ ก่อนสับไกยิงเต็มข้อด้วยเท้าขวา แต่บอลพุ่งชนเสาเต็มๆ

     นาที ที่59 แมนฯยูฯ พลาดได้ประตูที่สองอีก เมื่อ  พอล สโคลส์ วางบอลยาวมาที่หน้าประตู ชิชาริโต้ วิ่งเบียดกับกองหลังเวสต์บรอมฯล้มไปหมด ทำให้บอลหลุดมาถึง แดนนี่ เวลเบ็ค ที่ฉวยโอกาส เบน ฟอสเตอร์ ถึงบอลพลาด ยิงด้วยเท้าซ้าย แบบหน้าประตูเปิดโล่ง แต่บอลกลับหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

     นาที ที่65 สถานการณ์ของ เวสต์บรอมวิช ไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อต้องเหลือผู้เล่นแค่10คน เมื่อ  โยนัส โอลส์สัน ไปทำฟาวส์หนักใส่ ชิชาริโต้ ผู้ตัดสินชูใบเหลืองที่2 กลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป

    แล้ว ก็เห็นผลในทันที เมื่อ คีธ แอนดรูว์ส ไปทำฟาวส์ แอชลี่ย์ ยัง ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นลูกจุดโทษทันที ก่อน เวย์น รูนี่ย์ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด แมนฯยูฯ นำห่าง 2-0

    หลัง จากนั้น เวสต์บรอมวิช ต้องแก้เกมด้วยการเปลี่ยน2ตัวรวด ด้วยการส่ง นิกกี้ ชอรี่ย์ กับ พอล ชาร์เนอร์ ลงมาแทน คีธ แอนดรูว์ส และ คริส บรันท์ ส่วนเจ้าถิ่นก็เปลี่ยนบ้างด้วยการส่ง พอล ป็อกบา ลงมาแทน พอล สโคลส์

     5นาที ต่อมาทั้งสองทีมทำการเปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยเจ้าถิ่น แมนฯยูฯ เปลี่ยน ทอม เคลฟเวอร์รี่ย์ ลงมาแทน แดนนี่ เวลเบ็ค ขณะที่ทีมเยือนเปลี่ยน เชน ลอง ลงมาแทน มาร์ก-อองตวน ฟอร์กตูเน่

     นาทีที่80 เดอะ แบ็กกี้ส์ มีโอกาสได้ลุ้นตีไข่แตก เมื่อ นิกกี้ ชอรี่ย์ พาบอลแหวกเข้ามาในแดนแมนฯยูฯ ก่อนไหลให้ เชน ลอง สับไกยิงด้วยเท้าขวา แต่ ดาบิด เด เคอา ยังพุ่งเซฟไว้ได้

     ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำประตูเพิ่มกันไม่ได้หมดเวลา แมนฯยูฯ จึงเอาชนะ เวสต์บรอมวิช ไป 2-0 เก็บสามคะแนน พร้อมแซง แมนฯซิตี้ ขึ้นมาเป็นจ่าฝูง หลัง ทีมเรือใบ พลิกล็อคพ่าย สวอนซี ไป 0-1

11นักเตะของทั้งสองทีม

แมนฯยูไนเต็ด:
ดา บิด เด เคอา,ฟิล โจนส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอนนี่ อีแวนส์, ปาทริซ เอวร่า,แอชลี่ย์ ยัง,ไมเคิ่ล แคร์ริค,พอล สโคลส์,แดนนี่ เวลเบ็ค,เวย์น รูนี่ย์, ชิชาริโต้

สำรอง:
เบน อามอส,ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ,ไรอัน กิ๊กส์, พาร์ค ชี ซอง, ราฟาเอล,ทอม เคลฟเวอร์รี่ย์,พอล ป็อกบา

เวสต์บรอมวิช:เบน ฟอสเตอร์,กาเบรียล ทามาส,แกเร็ธ แม็คออลี่ย์, โยนัส โอลส์สัน,เลียม ริดจ์เวลล์,ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้,คีธ แอนดรูว์ส,เจมส์ มอร์ริสัน,ยุสซุฟ มูลุมบู,คริส บรันท์, มาร์ก-อองตวน ฟอร์กตูเน่

สำรอง:
ลุค ดาเนี่ยลส์,โซเมน ทีโชยี่,เชน ลอง,เกรแฮม ดอร์เรนส์,นิกกี้ ชอรี่ย์,ไซม่อน ค็อกซ์,พอล ชาร์เนอร์

ผู้ตัดสิน : ลี โพรเบิร์ต 

ไฮไลท์แมตช์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน - หมูรูนเบิ้ล 2-0 พาผีทวงบัลลังก์พรีเมียร์ 12bet 12/03/2555



"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับแซงแมนฯซิตี้ ขึ้นมาเป็นจ่าฝูงจนได้ ในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังเอาชนะเวสตฺบรอมวิช อัลเบี้ยน ได้ 2-0 โดยที่ในวันนี้ซิตี้นั้นปราชัยต่อสวอนซี ซิตี้ไปแล้ว 1-0 ในเกมพรีเมียร์ชิพคู่ดึก


วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2555 


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 เวสต์บรอมวิช 






แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดวันนี้จัดหนักน่าดู วางทั้งรูนี่ย์, เวลเบ็คและเอร์นานเดซอยู่ในแนวรุก คงหวังจะแก้ตัวหลังจากพ่ายคาบ้านตัวเองในศึกยูโรป้า ลีกต่อบิลเบามา 3-2

แน่นอนว่าในแผงมิดฟิลด์ก็ต้องมีสโคลส์คอยบัญชาเกม พร้อมกับปีกพี่หนุ่มอย่าง "ยัง" ที่คอยป้อนบอลจากด้านข้างให้กับสามหนุ่มสามมุมในแดนหน้า

แต่นอกเหนือจากประเด็นของนักเตะที่ลงสนาม สิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นคือที่ม้านั่งสำรอง เมื่อมีชื่อของพ็อกบาซึ่งแว่วว่าตกลงใจที่จะย้ายไปยูเวนตุสแล้วเมื่อจบฤดูกาลนี้

เริ่มเกมมาได้แค่ 5 นาที กองหลังแมนฯยูไนเต็ดก็แผลงฤทธิ์จนทีมเกือบพัง เพราะปล่อยให้ริดจ์เวลล์ได้บอลที่ด้านข้าง แล้วมีเวลาเปิดครอสเข้าไปหน้าประตู เป็นแอนดรูวส์ที่วิ่งมาคนเดียวโล่งๆไม่มีเงาของกองหลังเจ้าบ้านอยู่ใกล้เลยสักคน ได้ชาร์จเต็มๆแล้ว แต่เจ้าตัวพลาดเองจิ้มบอลหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

เป็นอีกครั้งที่กองหลังแมนฯยูไนเต็ดทำให้เด เกอาต้องหายใจ เอ้ย ใจหาย เพราะเฟอร์ดินานด์ที่อุตส่าห์ดักบอลซึ่งเวสต์บรอมทำทะลักออกมาได้ในกรอบเขตโทษแล้ว แต่ดันไปจ่ายให้กับสโคลส์พลาด เพราะแรงเกิน จนไปเข้าทางผู้เล่นทีมเยือนที่วิ่งมาสวนตูมเดียว ดีที่บอลเหินข้ามคาน

นาทีที 10 โอกาสลุ้นประตูครั้งแรกของ "ปีศาจแดง" เป็นของยัง หลังจากเวลเบ็คลากแบบขุนดันเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วตันเพราะกองหลังล้อมหน้าล้อมหลัง เลยถ่างออกข้างไปให้กับปีกพี่หนุ่มตั้งป้อมยิงเน้นๆ แต่ด้วยความที่มุมแคบ เลยไม่ยากเท่าไหร่ที่ฟอสเตอร์จะปัดป้องออกมาได้

นาทีที่ 17 หน้าเดิมเลยสำหรับแอนดรูวส์คนเดิม แต่คราวนี้เป็นจังหวะฟรีคิกเปลี่ยนจุดที่เพื่อนแตะให้เขาวิ่งเข้ากด บอลพุ่งเลียดตรงเข้าเหมือนจะเสียบเสา แต่เด เกอาที่เหยียดมือปัดทิ้งเอาไว้ได้

นาทีที่ 27 เป็นการประสานงานที่น่าดูชมเลยสำหรับเวลเบ็คกับยัง เมื่อปีกพี่หนุ่มจ่ายเข้ากลางไปให้กับเวลเบ็ค ก่อนจะพาตัวเองวิ่งสอดขึ้นทำชิ่ง  เวลเบ็คเลยจัดการตอกส้นต่อให้ทันทีจนยังหลุดเข้าไปเปิดบอลได้ แต่ก็ไปติดบล็อกของกองหลัง

นาทีที่ 33 เกมสวนกลับของแมนฯยูไนเต็ดได้โอกาสจบสกอร์ เริ่มตั้งแต่เอฟร่าลากบอลหนีผู้เล่นเวสต์บรอม ก่อนที่จะแทงต่อไปให้กับเอร์นานเดซที่ตบบอลกลับมาที่ยัง แล้วครอสบอลเข้ากลางอย่างสวย รูนี่ย์สอดไปที่เสาสองพยายามยื่นขาจะแตะบอลให้สวนกลับไปทางเดิม แต่เหมือนเบาไปนิด เลยเข้ามือฟอสเตอร์สบาย

อีก 2 นาทีต่อมา แมนฯยูไนเต็ดก็มาทำประตูขึ้นนำไปจนได้ จากจังหวะที่เอร์นานเดซได้บอลด้านข้าง ก่อนล็อกตัดเข้าวงในแล้วกึ่งยิงกึ่งผ่านด้วยซ้ายไปหน้าประตู ดูแล้วเข้ามือฟอสเตอร์แน่ๆ แต่ก็เป็นรูนี่ย์ที่สอดตัวขึ้นไปเอาเท้าสะกิดเปลี่ยนทางส่งบอลเข้าตุงตาข่าย แม้ว่ากองหลังทีมเยือนจะโวยว่าล้ำหน้า แต่ดูจากภาพช้าแล้วไม่ล้ำแต่อย่างใด "ปีศาจแดง" นำ 1-0

จังหวะนี้ต้องชมสโคลส์ด้วย เพราะเขาเป็นคนตัดบอลตอนที่เวสต์บรอมจะทำเกมรุก แล้ววางยาวไปให้กับเอร์นานเดซก่อนที่จะได้ประตูในที่สุด

นาทีที่ 43 เป็นช็อตที่ต่อบอลกันเนียนตาน่าดูเลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เริ่มตั้งแต่ถ่ายบอลจากขวา มาตรงกลาง คาร์ริคแทงต่อไปให้ยังจังหวะเดียวทางซ้าย ก่อนที่จะวิ่งสอดทำทางขึ้นไปรับบอลจากยัง แล้วจ่ายทะลุช่องไปให้เอฟร่าที่วิ่งอ้อมหลังยังมาเปิดเข้ากลาง แต่จังหวะสุดท้ายนี่ขาดไปนิด เวลเบ็คเข้าไม่ถึงบอล ไม่งั้นแล้วอาจจะสมบูรณ์แบบเลยก็ได้

จบครึ่งแรก ประตูเดียวของรูนี่ย์คือความแตกต่างในช่วง 45 นาทีแรกนี้ ต้องดูว่าครึ่งหลังจะอะไรยังไงกันต่อ เพราะใช่ว่าแมนฯยูไนเต็ดจะเหนือกว่าทีมเยือนนักหนา
  
นาทีที่ 54 นานๆทีพี่แกจะส่องนอกกรอบให้ได้ลุ้น ก็ดันมีเสามาเป็นมารซะได้สำหรับเอร์นานเดซ ที่รับบอลต่อมาจากรูนี่ย์เบี่ยงตัวหลบกองหลังแล้วหวดทันที บอลพุ่งฉีกหนีมือของฟอสเตอร์ไป แต่ดันชนเสาเข้าจังเบอร์
  
จังหวะต่อเนื่องกันเลย จากลูกเตะมุมที่เล่นสั้นให้เอฟร่าวิ่งขึ้นมารับรูปแล้วเปิดระดับหน้าอกเข้าไปในกรอบเขตโทษ รูนี่ย์แม้จะหันหลังให้ประตู แต่ก็ตัดสินใจตีลังกาตวัดบอลทันที เพียงแต่ว่าตรงตัวของฟอสเตอร์

นาทีที่ 59 เฟอร์กูสันลมแทบใส่ เมื่อสโคลส์อุตส่าห์วางบอลยาวอย่างสวยให้กับเวลเบ็คได้หลุดเข้าไปดึงจังหวะหลอกฟอสเตอร์สได้แล้ว เหลือแต่ประตูโล่งๆ แต่พี่แกดันล้มตัวยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งผ่านหน้าประตูออกหลังไปเฉยเลย ทำเอาเอร์นานเดซที่วิ่งตามหลังมาชูมือเฮเก้อเขิลปนผิดหวังกันเลยทีเดียว

นาทีที่ 65 มีใบเหลืองติดอยู่แท้ๆ ไม่น่าเข้าบอลแบบนี้เลยจริงๆสำหรับโอลส์สัน ในจังหวะที่แมนฯยูไนเต็ดกำลังจะสวนกลับ เวลเบ็คจ่ายขึ้นหน้าให้กับเอร์นานเดซวิ่งมาจะดฉบแตะบอลแล้วสปีดยาวไปทีเดียว แต่โดนโอลส์สันที่พุ่งเข้าช้าเสียบสกัดจนล้มกลิ้ง ผู้ตัดสินไม่ลังเลเดินมาควักใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงทันที

นาทีที่ 71 ถึงกับทำหน้าสารภาพกันยกแผงเลยสำหรับกองหลังเวสต์บรอมวิชกับจังหวะที่แอนดรูวส์เสียเหลี่ยมโดนยังหลอกแตะเข้าใน เลยไปใช้แขนเหนี่ยวชัดเจน ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที รูนี่ย์รับหน้าที่สังหารซัดไปทางซ้ายมือของตัวเอง เสียบเสาได้ที่ แมนฯยูไนเต็ดทิ้ง 2-0

ก่อนที่จะเขี่ยเริ่มเกมกันต่อ แมนฯยูไนเต็ดก็ถอดสโคลส์ออกไปพัก แล้วส่งพ็อกบาที่เป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวันว่าจะย้ายออกจากสโมสร เพราะยังไม่ยอมต่อสัญญาใหม่เสียทีลงไปเล่นแทน

นาทีที่ 77 แมนฯยูไนเต็ดเปลี่ยนเอาเวลเบ็คออกไปพักข้างสนาม ซึ่งถือว่าวันนี้เขาเล่นได้ดีทีเดียว ถ้าไม่นับไอ้จังหวะหมูหกยิงหลุดออกไปเอง แล้วให้เคลฟเวอร์ลี่ย์ลงไปเล่นแทน
  
นาทีที่ 81 ถึงงานจะน้อยแต่มาทีก็หนักเหมือนกันสำหรับเด เกอา ในจังหวะที่ลองกระชากบอลหนีกองหลังแมนฯยูไนเต็ด ก่อนที่จะเอี้ยวตัวยิงยัดไปที่เสาแรก แต่เด เกอาก็ล้มตัวปัดทิ้งออกหลังไปได้

จบ 90 นาทีเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เอาชนะไปได้ 2-0 ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จหลังพยายามมานานในฤดูกาลนี้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เกอา, จอนนี่ อีแวนส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอฟร่า, ฟีล โจนส์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, พอล สโคลส์(พ็อกบา น.73), เวย์น รูนี่ย์, แอชลี่ย์ ยัง, แดนนี่ เวลเบ็ค(เคลฟเวอร์ลี่ย์ น.77), ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : ไรอัน กิ๊กส์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ปาร์ค จี ซุง, เบน เอมอส

เวสต์บรอมวิช : เบน ฟอสเตอร์, โจนาส โอลส์สัน , แกเร็ธ แม็กอูลี่ย์, เลียม ริดจ์เวลล์, กาเบรียล ทามาส, ยุสซุฟ มูลุมบู, เจมส์ มอร์ริสัน, คีธ แอนดรูวส์(ชาร์เนอร์ น.72), คริส บรันท์(ชอรี่ย์ น.72), ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้, มาร์ค อองตวน ฟอร์จูนเน่(ลอง น.77)

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : เกรแฮม ดอร์แรนส์, ลุค ดาเนียลส์, โซเมน ชอยยี่, ไซม่อน ค็อกซ์

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สุดยอดแมตช์ตลอดกาล