Blogger Widgets
Sporty Magazine official website | Members area : Register | Sign in

ค้นหาบล็อกนี้

คลังไฮไลท์แมตช์

ไฮไลท์คลิป คลิปเป๊ปแถลงลาบาร์เซโลน่าหลังจบฤดูกาล.. 12bet 28/04/2555

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555



เมื่อวันศุกร์ที่ 27 เมษายนว่า "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา จัดงานแถลงข่าวยืนยันการลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมของ โจเซ็ป "เป๊ป" กัวร์ดิโอลา หลังจบฤดูกาลนี้ ท่ามกลางบรรยากาศสุดโศกเศร้าอาลัย ที่สนามคัมป์นู เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา 


ภายในงานยังมีบรรดานักเตะตัวเก่งอย่าง การ์เลส ปูโยล กัปตันทีม, เกราร์ด ปิเก และ เชส ฟาเบรกัส เข้าร่วมฟังด้วย โดยหลังจากพ้นตำแหน่งอย่างเป็นทางการ บาร์ซา เผยว่า ติโต บิลาโนวา ผู้ช่วยของ กวาร์ดิโอลา จะได้โอกาสขึ้นมาทำหน้าที่แทน ในฤดูกาลหน้าทันที หลังบอร์ดของทีมอนุมัติเห็นชอบเรียบร้อย





"ผมอยากให้คุณเข้าใจว่า นี่มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย แต่ผมอยากอธิบายถึงสาเหตุหลักที่ผมตัดสินใจแบบนี้ เนื่องจากระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ผมได้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่มีอะไรเหลือแล้ว ดังนั้น ผมจำเป็นต้องหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับตัวเอง และผมรู้ว่า กำลังจะทิ้งสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการทำงาน แต่ผมก็พอใจกับสิ่งที่ผมได้รับแล้ว มันเป็นเกียรติมากที่ได้ทำงานกับนักเตะที่มหัศจรรย์เหล่านี้ และผมอยากขอบคุณพวกเขาทุกคน" กวาร์ดิโอลา กล่าว

ไฮไลท์คลิป เดอ ซานซ์ติสใจดีแจกเสื้อเด็กเก็บบอลตอนพักครึ่ง 12bet 28/04/2555



ทำงานดีถูกใจเป็นใครก็รัก หากจะตบรางวัลให้บ้าง คงไม่ใช่เรื่องแปลกดังตัวอย่างมีให้ชมกันในศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี นัดล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นาโปลี บุกไปชนะ เลชเช ถึงถิ่นด้วยผลสกอร์ 2-0 





ช่วงหลังจบเกมครึ่งแรกก่อนผู้เล่นจะพากันเดินออกจากสนามเข้าห้องพัก มอร์แกน เดอ ซานซ์ติส นายประตูทีมเยือน ดูเหมือนจะถูกใจเด็กเก็บบอลเจ้าถิ่นหลังโกล์เป็นพิเศษ เพราะตลอด 45 นาทีแรก คงเห็นถึงความขยันขันแข็งวิ่งเก็บลูกส่งให้นายด่านนาโปลี อย่างฉับไว ไม่เฉื่อยชา โดนใจเป็นยิ่งนัก ดังนั้น เพียงจบครึ่งแรก เดอ ซานซ์ติส ถอดเสื้อมอบให้เด็กเก็บบอล พร้อมหอมแก้มเป็นการขอบคุณอีกหนึ่งทีด้วย

ไฮไลท์คลิป รวมคลิปล้อเลียนรามอสวืดโทษ 12bet 28/04/2555



ควันหลงจากศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรแห่งทวีปยุโรป ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ในรอบรองชนะเลิศกับการตกรอบของ ราชันชุดขาว รีล มาดริด ที่พ่ายดวลจุดโทษคาถิ่น ซานดิเอโก เบอร์นาบิว ต่อ บาเยิร์น มิวนิค 1-3 (สกอร์รวม 2 นัด 3-3) โดยฝ่าย รีล มาดริด มีนักเตะยิงไม่เข้า คือ โรนัลโด, กาก้า และ เซร์คิโอ รามอส
       
โดยคนสุดท้ายที่พลาดนี้มีดีกรีเป็นถึงปราการหลังทีมชาติสเปน โดนแฟนบอลจับชอตที่เขายิงซัดบอลโด่งข้ามคานแบบหมดลุ้นทำเป็นคลิปตัดต่อล้อเลียนกันมากที่สุด จะมีอะไรบ้างลองไปดูกัน


















ไฮไลท์แมตช์ ตูลูส VS มงต์เปลลิเยร์ Ligue 1 - มงต์เปลฯบุกเชือด 1-0 ทิ้งปารีสฯ 5 แต้ม 12bet 28/04/2555



มงต์เปลลิเย่ร์ เก็บแต้มหนีเปแอสเช ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ออกไปเป็น 5 คะแนน ในเกมลีกเอิง คู่แรก  หลังบุกเอาชนะตูลูสได้เฉียดฉิว 1-0 จากประตูชัยของยูเนส แบลอ็องด้า ในเกมลีกเอิง คืนวันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา 




วันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2555


ฟุตบอล ลีกเอิง ฝรั่งเศส
ตูลูส 0-1 มงต์เปลลิเย่ร์








ทีมเยือน จ่าฝูง มงต์เปลลิเย่ร์ ต้องการเก็บสามแต้มโขยกหนี PSG ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ออกไปอีกเป็น 5 คะแนนก่อนหน้า 1 วัน โดยเกมนี้ต้องบุกเยือน ตูลูส ที่กำลังลุ้นพื้นที่ยุโรปอย่างเต็มที่


เจ้าถิ่น ได้ ฌาแมล เซอี มิดฟิลด์พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวจริง ขณะที่ มงต์เปลลิเย่ร์ ก็ได้ ฟร้องค์ ตาบานู ปีกซ้ายพ้นโทษแบนกลับมาเช่นกัน


มงต์เปลลิเย่ร์ ออกสตาร์ตร้อนแรงด้วยประตูนำ อองรี เบดิโม่ ฟูลแบ็กลุยขึ้นมาแล้วเปิดให้ ยูเนส แบลอ็องด้า แหวกหลบผู้เล่นเจ้าบ้านเข้ากลางประตู ก่อนจะซัดหักข้อด้วยเท้าขวาผ่าน อาลี อาห์มาด้า เสียบเสาแรกไม่พลาด แค่นาทีที่ 3 จ่าฝูงบุกมานำไปแล้ว 1-0


ทีมเยือนเกือบได้เม็ดสองเพิ่มอีกในนาทีที่ 10 การ์รี่ โบกาลี่ เติมเกมรุกขึ้นมาทางริมเส้นแล้วครอสไปให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ แปด้วยขวาเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว


นาทีที่ 29 เป็นโอกาสลุ้นตีเสมอของ ตูลูส บ้าง อาเดรียง เรกัตแต็ง ผ่านเรียดออกขวาให้ พาฟเล่ นินคอฟ วิ่งขึ้นมากดเต็มเท้า แต่ไม่ผ่านมือ เชฟเฟร่ ชูร์กดร็อง


เจ้าถิ่นพยายามทวงประตูคืนให้ได้ก่อนหมดครึ่งแรก นาทีที่ 37 ชีค เอ็มบ็องเก้ แทงบอลขึ้นหน้าให้ เอ็มมานูเอล ริวิเย่ร์ หลุดเข้าไปจิ้มด้วยซ้ายผ่าน ชูร์กดร็อง ไปแล้วแต่หลุดเสาสอง จบครึ่งแรก มงต์เปลลิเย่ร์ นำ 1-0


เข้าสู่ช่งครึ่งเวลาหลังมงต์เปลลิเย่ร์ มาได้จุดโทษในนาทีที่ 58 ฟร้องค์ ตาบานู มิดฟิลด์ตูลูส ถูกจับทำแฮนด์บอลในเขตโทษ อย่างไรก็ตาม โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลับซัดจุดโทษไปถูก อาห์มาด้า พุ่งเดาทางเซฟเอาไว้ได้ถูก


ชิรูด์ เกือบแก้ตัวได้ในนาทีที่ 64 เมื่อ จอห์น อูตาก้า ไหลบอลขึ้นหน้าให้ดาวซัลโวประจำทีมมงต์เปลลิเย่ร์ หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาติดเซฟ อาห์มาด้า อีก


ท้ายเกม เจ้าบานพยายามทวงประตูคืนเต็มที่ นาทีที่ 88 ได้ฟรีคิกริมเส้น เปาโล มาคาโด้ ตัวสำรอง เปิดไปให้ มุสซ่า ซิสโซโก้ โหม่งข้ามคานออกไป จบเกม มงต์เปลลิเย่ร์ บุกชนะ ตูลูส 1-0 เก็บ 3 แต้ม ฉีกหนี เปแอสเช ออกไปเป็น 5 แต้มสมใจ




รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ตูลูส : อาลี อาห์มาด้า, พาฟเล่ นินคอฟ, ดาเนี่ยล กงเกร, อายเมน อับเดนนูร์, ชีค เอ็มบ็องเก้, เอเตียน กาปู, อาเดรียง เรกัตแต็ง, มุสซา ซิสโซโก้, ป็องต์ซี่ ซิริแย็กซ์, ฟร้องค์ ตาบานู, เอ็มมานูเอล ริวิเย่ร์


มงต์เปลลิเย่ร์ : เชฟเฟร่ ชูร์กดร็อง, การ์รี่ โบกาลี่, มาปู ย็องกา-เอ็มบีว่า, วิตอริโน่ ฮิลตัน, อองรี เบดิโม่, ฌาแมล เซอี, มาร์โก เอสตราด้า, ซูเลย์มาน กามาร่า, ยูเนส แบลอ็องด้า, จอห์น อูตาก้า, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์


ผลฟุตบอลลีกเอิงคืนวันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2555
ตูลูส แพ้ มงต์เปลลิเยร์ 0-1 
ลอริยองต์ ชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย 2-1 

ไฮไลท์แมตช์ บาเลนเซีย VS แอตเลติโก้ มาดริด UEFA Europa League - หมีบุกย้ำแค้น 1-0 ลิ่วชิงดำยูโรป้า 12bet 27/04/2555

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555



แอตเลติโก มาดริด โชว์ฟอร์มเยี่ยม บุกย้ำแค้นบาเลนเซีย 1-0 ผ่านเข้าชิงศึกยูโรป้า ลีก ด้วยสกอร์รวม 5-2 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2555 


ฟุตบอลยูโรป้า ลีก รอบรองชนะเลิศ
บาเลนเซีย 0-1 แอตเลติโก มาดริด 
(สองเกม แอตเลติโก มาดริดเข้ารอบด้วยสกอร์ 5-2) 






ครึ่งแรก  เริ่มเกมขึ้นมาไอ้ค้างคาวเจ้าบ้าน  พยายามร้องขอจุดโทษในนาทีที่ 13 เมื่อ เซร์คิโอ กานาเลส ครองบอลอยู่ในเขตโทษ ม้วนหลอกกองหลังแล้วโดนสะกิดล้มลง แต่ผู้ตัดสินโบกมือให้เล่นต่อ

นาที 21 "ค้างคาวไฟ"ได้ลูกเตะมุมทางด้านซ้ายแล้วเป็นปาเรโฆ่ที่เปิดบอลมาเสาไกลให้เฟกูลี่วางเท้ายิงไปโดนโจนาสสะกิดเปลี่ยนทางนิดนึงแต่คูร์กตัวส์ไวทายาทล้มตัวปัดไว้ได้

เจ้าบ้านโหมเกมบุกไม่เลิกเมื่อนาทีถัดมาเฟกูลี่ทำชิ่งกับโซลดาโด้ก่อนซัลโวจากนอกเขตโทษข้ามคานไปแบบได้เสีย ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้นบาร์รากันเติมมาเปิดบอลจากฝั่งขวาแต่โซลดาโด้ชาร์จข้ามคานอีก

หลังจากนั้นในนาที 32 คานาเลสไหลบอลให้บาร์รากันที่โอเวอร์แล็ปขึ้นมาครอสทางฝั่งขวาแต่โซลดาโด้เข้าโหม่งไม่ถนัดบอลเลยหลุดกรอบประตูไป

นาที 42 อัลบาแทงบอลให้โซลดาโด้หลุดเข้าไปอัดมุมแคบติดคูร์กตัวส์แล้วไม่กี่อึดใจถัดมา"ตราหมี"สวนกลับตูรานเปิดบอลเลียดไปให้ฟัลเกาชาร์จแต่เจออัลเวสปรี่ออกมาอินเตอร์เซ็ปต์ได้ทำให้สกอร์ยังเสมอกัน 0-0

กลับมาเล่นครึ่งหลังได้ถึงนาที 52 คานาเลสแทงบอลทะลุช่องให้อัลบาพริ้วหลุดเข้าในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนมองหาโซลดาโด้แต่สุดท้ายไม่สามารถผ่านบอลไปให้ได้เมื่อเจอมิรานด้าปรี่เข้ามาสกัดก่อน

นาทีที่ 60 กลายเป็นทีมตาหมีที่บุกน้อยต่อยหนักจนได้ประตูนำ 1-0 เมื่ออาเดรียนพักบอลยาวที่ดิเอโก้เปิดข้ามแนวรับเจ้าบ้านลงด้วยอกก่อนเอี้ยวตัวยิงสวนอัลเวสเข้าไปซุกก้นตาข่าย

พอขึ้นนำแล้วอะไรๆสำหรับ"ตราหมี"ก็ดีไปหมดเมื่อนาที 64 ดิเอโก้ไหลบอลให้อาเดรียนอีกครั้งหนนี้กองหน้าสแปนิชลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วซัดมุมแคบเจออัลเวสปัดทิ้งออกหลัง

ขณะที่อีกสองนาทีถัดมาติอาโก้หาช่องผ่านบอลทะลุแนวรับเจ้าบ้านให้ฟัลเกาซัดจากระยะ 15 หลาไปโดนอัลเวสใช้เท้าป้องกันไว้ได้

นาที 80 เกิดเหตุการณ์ชุลมุนเมื่อผู้ตัดสินไปเป่าเหมือนจะให้จุดโทษแก่ทางบาเลนเซียโดยมองว่าติอาโก้ทำแฮนด์บอลในจังหวะขึ้นแย่งโหม่งกับคอสต้าทว่าจากภาพช้าเป็นมือของแข้งเจ้าบ้านเองที่สัมผัสบอล เลยทำให้ติอาโก้ฟิวส์ขาดไปตบหน้าโซลดาโด้จนปูดแล้วยังไปตวัดลูกหลังใส่อัลบาจนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม แล้วสุดท้ายกรรมการก็ปรึกษากับผู้ช่วยจนยกเลิกการให้จุดโทษไป เห็นแบบนี้ติอาโก้คงเซ็งไม่น้อย

ช่วงเวลาที่เหลือบาเลนเซียพยายามโหมเกมบุกอีกเฮือกจนมีโอกาสจากการยิงของติโน่แต่คูร์กตัวส์ป้องกันเอาไว้ได้อีก จบเกมแอตเลติโก มาดริดบุกมาเฉือนคว้าชัย 1-0 รวมผลสองนัด"ตราหมี"ชนะ 5-2 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศยูโรป้าลีกกับแอตเลติก บิลเบาในวันที่ 9 พฤษภาคมด้วยสถิติสวยหรูกวาดชัยรวด 11 เกมนับแต่รอบแบ่งกลุ่ม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
บาเลนเซีย : ดีเอโก้ อัลเวส , ริคาร์โด้ คอสต้า, อาดิล รามี่, อันโตนิโอ บาร์รากัน, ฆอร์ดี้ อัลบา , ดาบิด อัลเบลด้า, โซเฟียเน่ เฟกูลี่, ดาเนี่ยล ปาเรโฆ่ (ติโน่ คอสต้า น.67), โชนาส โอลิเวียร่า (อาริตซ์ อาดูริซ น.57), เซร์คิโอ คานาเลส (เฌเรมี่ มาติเยอ น.59), โรเบร์โต้ โซลดาโด้ 


แอตเลติโก มาดริด : ธิบอต์ กูร์ตัวส์ , ดิเอโก้ โกดิน, เชา มิรานด้า, ฆวนฟราน, ฟิลิเป้ ลูอิส, ติอาโก้ เมนเดส , มาริโอ ซัวเรซ (กาบี น.54), อาร์ด้า ตูราน (เอดูอาร์โด้ ซัลวิโอ น.74), ดีเอโก้ รีบาส (โกเก้ น.84), อาเดรียน โลเปซ , รามาเดล ฟัลเกา

ไฮไลท์แมตช์ แอธเลติก บิลเบา VS สปอร์ติ้ง ลิสบอน UEFA Europa League - บิลเบาเปิดรังเขย่าสิลบอน 3-1 เข้าชิงตราหมี 12bet 27/04/2555



ทีมสเปนได้เข้าชิงกันเองในศึกยูโรป้า ลีก หลังแอธเลติก บิลเบา ยิงแซงชนะสปอร์ติ้ง ลิสบอน 3-1 สกอร์รวมชนะ 4-3 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ แอตเลติโก มาดริด ซึ่งเอาชนะบาเลนเซีย มาได้ 1-0 เมื่อคืนวันพฤหัสฯที่ผ่านมา




วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2555


ฟุตบอลยุโรป้า ลีก รอบรองชนะเลิศ
แอธเลติก บิลเบา 3-1 สปอร์ติ้ง ลิสบอน 
(สองเกมแอธเลติก บิลเบาผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์ 4-3) 






สปอร์ติ้ง ลิสบอน เปิดบ้านเฉือนชนะมาอย่างหวุดหวิด 2-1 ในเกมแรก นัดที่สองนี้ แอธเลติก บิลเบา จึงต้องเร่งเครื่องทวงประตูคืนให้ได้ในการลงเตะบ้านตัวเอง


เจ้าถิ่นได้ฆาบี้ มาร์ติเนซ พ้นโทษแบนกลับมา แต่ต้องไร้ ออสการ์ เด มาร์กอส ติดโทษแบน ขณะที่ทีมเยือนจากโปรตุเกสต้องขาด มารัต อิซไมลอฟ ปีกตัวเก่งติดโทษแบน ทำให้ มาติอัส เฟร์นานเดซ ลงตัวจริงแทน 


เริ่มเกมไปได้มา 8 นาทีสปอร์ติ้งมีโอกาสทักทายก่อนเมื่อเฟร์นานเดซเรียกฟาวล์ได้จากอมอเรเบียต้าแล้วจอมทัพชิเลี่ยนลุกขึ้นมาปั่นลูกฟรีคิกจากระยะ 40 หลาข้ามคานออกไปแบบได้ลุ้น

แต่พอมาถึงนาที 17 บิลเบาก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เมื่อญอเรนเต้ใช้อกพักบอลที่เอร์เรร่าครอสเข้ามาไปให้ซูซาเอต้าวิ่งเข้าวอลเล่ย์ผ่านตัวปาทริซิโอตุงตาข่ายอย่างเฉียบขาด

อย่างไรก็ตามทีมเยือนเกือบตีเสมอทันควันในนาที 21 เมื่อคาเปลกระชากบอลขึ้นมาด้านซ้ายแล้วเปิดไปที่เสาไกลให้มาร์ตินขึ้นโหม่งเดี่ยวๆแต่ดันบังคับทิศทางไม่ดีบอลเลยโด่งข้ามคาน

สปอร์ติ้งเร่งเครื่องหวังทวงประตูคืนจนนาที 33 พวกเขาได้ลูกเตะมุมแล้วเป็นคาเปลที่เปิดบอลมาเสาแรกให้โพลก้าวิ่งเข้าโขกแต่ไม่ผ่านมืออิไรซอสที่เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

แต่พอนาที 44 ทีมเยือนก็มาตีเสมอ 1-1 จนได้เมื่อมาร์ตินเก็บตกบอลที่แนวรับบิลเบาเคลียร์ลูกเตะมุมออกมาแล้วยิงสวนกลับเข้าไปติดบล็อกทว่าบอลยังเข้าทางโวล์ฟสวิงเคลอัดเปรี้ยงด้วยอีซ้ายซุกก้นตาข่าย

แต่ก่อนพักครึ่งญอเรนเต้ไหลบอลให้โกเมซหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนซัดด้วยขวาผ่านตัวปาทริซิโอเข้าเสียบโคนเสาไกลให้บิลเบาขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 เมื่อจบครึ่งแรก

เข้าสู่ครึ่งหลังในนาที 51 บิลเบามีโอกาสทำประตูทิ้งห่างเมื่อซูซาเอต้าสบโอกาสตะบันบอลไปโดนปาทริซิโอปัดข้ามคานออกไปเลยได้แค่ลูกเตะมุม

จากลูกเตะมุมโกเมซบรรจงครอสมาเข้าหัวอมอเรเบียต้าได้เทคตัวขึ้นโหม่งเต็มกบาลไปกระแทกเสากระดอนออกมาเสียอีก เรียกได้ว่าบิลเบาน่าได้ประตูทิ้งห่างเป็น 3-1 แบบสุดๆ

นาที 55 สปอร์ติ้งมีโอกาสตีเสมอบ้างเมื่อเด็กเก่าลิเวอร์พูลอย่างอินซัวสบช่องวิ่งเข้าตะบันบอลด้วยอีซ้ายข้างถนัดไปโดนเสาเต็มๆ

เกมทำท่าจะต้องต่อเวลาแต่แล้วในนาที 88 เจ้าบ้านก็ทำประตูเพิ่มอีกจนได้เมื่อโกเมซเปิดบอลจากทางฝั่งซ้ายมาให้ญอเรนเต้ซัลโวที่กรอบ 6 หลาเข้าเสียบเสาแรกให้แอธเลติก บิลเบาถล่มสปอร์ติ้ง ลิสบอน 3-1

รวมผลสองนัดยอดทีมแคว้นบาสก์ชนะ 4-3 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศยูโรป้าลีกกับแอตเลติโก มาดริดในวันที่ 9พฤษภาคมต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
แอธเลติก บิลเบา : กอร์ก้า อิไรซอซ, อันโดนี่ อิราโอล่า, เฟร์นานโด อมอร์เรบิเอต้า , ฆาบี การ์เซีย, โจน เออร์เตเน็ตเช่, อันเดร์ เอร์เรร่า (อิญิโก้ เปเรซ น.90), อันเดร์ อิตูร์ราสเป้, มาเกล ซูซาเอต้า ,อิไบ โกเมซ (กาอิซก้า ตอเกโร่ น.90), เฟร์นานโด ญอเรนเต้ , อีเกร์ มูเนียอิน (บอร์ฆ่า อิกิซ่า น.90)


สปอร์ติ้ง ลิสบอน : รุย ปาทริซิโอ, เชา เปไรร่า, อันแดร์สัน โพลก้า, ซานเดา , เอมิเลียโน่ อินซัว, สไตจ์น ชาร์ส, มาร์ติอัส เฟร์นานเดซ (ดาเนี่ยล คาร์ริโก้ น.46 ), อังเดร เรนาโต้ ซัวเรส มาร์ตินส์ (อังเดร คาร์ริลโล่ น.84), บรูโน่ เปเรรินญ่า (เจฟเฟรน ซัวเรซ น.63), ริคกี้ ฟาน โวล์ฟสวิงเคล , ดีเอโก้ คาเปล

ไฮไลท์คลิป แบบนี้แหละที่เรียกว่า ท่าดี(กวน)ตีเหลว 12bet 27/04/2555



อเล็กซ์ บัคซิลลี สมาชิกทีม โคสตอล แคโรไลนา มีลีลาเงื้อไม้เบสบอลสุดกวน ก่อนหวดที่ไม่เหมือนใคร จากเกมที่เขาต้องดวลกับ พิตเชอร์ ทีม เคล็มซัน โดยท่าเตรียมตัวก่อนตีลูกทาง บัคซิลลี ยกไม้ขึ้นเหนือศีรษะส่ายไปมาคล้ายซามูไรแกว่งดาบ เพื่อเป็นการยืดเส้นยืดสาย แต่น่าเสียดายลีลาท่าหวดสุดกวนของเขาครั้งนี้ไม่อาจก่อกวนทำลายสมาธิพิตเชอร์ ทีมคู่แข่งได้ โดนขว้างบอลทำสไตรค์เอาท์ออกไปอย่างหมดท่า






ไฮไลท์คลิป อเมริกันฟุตบอล ตีลังกาหลบคู่แข่งเฉ๊ยยย 12bet 27/04/2555



เป็นลีลาการหลบคู่แข่งอย่างเหนือชั้นของนักอเมริกันฟุตบอล จากทีมมหาวิทยาลัย ลินคอล์น ที่โชว์ความฟิตฝ่าแนวรับทีมคู่แข่งด้วยการสปริงข้อเท้าตีลังกาข้ามศรีษะผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามผ่านไปได้อย่างเหลือเชื่อ 





ชอตนี้ทำเอาคู่แข่ง และกองเชียร์ถึงกับตะลึงก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งพาบอลบุกตะลุยเข้าไปในแดนของทีมคู่ต่อสู้ได้ระยะกว่า 60 หลา เห็นชอตลีลาตีลังกาแบบนี้ ทำให้ย้อนนึกถึง เจโรม ซิมป์สัน ผู้เล่น ซินซิเนติ เบงกอลส์ ที่เคยตีลังกาข้ามหัวคู่แข่งทำทัชดาวน์มาแล้วในศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

ม้าลายนำฝูง!ซิวเชเซน่า1-0,มิลานเฮด้วย1-0 12BET 26/04/55

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

ฟุตบอล กัลโช่ เซเรีย อา
วันพุธที่ 25 เมษายน 2555

เชเซน่า 0 - 1 ยูเวนตุส


"ม้าลาย" ยูเวนตุส ยังคงรั้งจ่าฝูงต่อไปหลังบุกไปเชือด เชเซน่า ถึงถิ่น 1-0 โดยได้ประตูจาก มาร์โก บอร์ริเอลโล่ ตัวสำรองลงมาซัดชัยท้ายเกม ส่วน เอซี มิลาน ไล่จี้ม้าลายมาติดๆหลังเปิดรังเฉือน เจนัว 1-0 ในศึกฟุตบอล กัลโช่ เซเรีย อา เมื่อวันวันพุธที่ 25 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา

        เชเซน่า อยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝาต้องเก็บชัยให้ได้สถานเดียว หากไม่อยากตกชั้น เจองานหนักในการเปิด สตาดิโอ ดิโน่ มานุซซี่ รอรับ ยูเวนตุส ที่กำลังคั่วแชมป์ เจ้าถิ่นไร้ สตีฟ ฟอน เบอร์เก้น ที่ติดแบน แถมไม่มี อาเดรียน มูตู และ วินเชนโซ่ ยาควินต้า ที่เจ็บอีก ทำให้ต้องฝากความหวังไว้ที่ วินเชนโซ่ เรนเนลล่า ด้านทีมเยือนขาด ฟาบิโอ กวายาเรลล่า ที่ถูกพักแข้งเช่นกัน คู่หน้าเลือกใช้ อเลสซานโดร มาตรี กับ มีร์โก วูชินิช

        เริ่มเกมเพียง 8 นาที "ม้าลาย" มาได้จุดโทษ หลัง วานเจลิส โมราส ไปทำแฮนด์บอลเหมือนจะนอกกรอบเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินมองว่าเป็นในกรอบ ท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นเจ้าบ้าน อย่างไรก็ตาม อันเดรีย ปีร์โล่ รับหน้าที่สังหารไปชนเสาอย่างจัง

        ผู้มาเยือนยังเดินเกมต่อเนื่อง ปีร์โล่ วางยาวให้ มาตรี สอดขึ้นมาแล้ว แต่กลับจับบอลไม่ดี พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย

        โอกาส เป็นของ ยูเว่ อีกครั้ง ปีร์โล่ โยนให้ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ จับเอาบอลลงแล้วซัดเปรี้ยงจากระยะประมาณ 20 หลา บอลพุ่งเหินข้ามคานออกหลังไป

        นาทีที่ 27 ปีร์โล่ เปิดลูกเตะมุมให้ วูชินิช สอดเข้ามาโหม่งที่เสาแรก บอลเหินข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น

        5 นาทีต่อมา เจ้าบ้านเปลี่ยนตัวเป็นคนแรก หลัง จูเซ็ปเป้ โคลุชชี่ มีอาการบาดเจ็บ ทำให้ต้องส่ง โรแบร์โต้ กัวน่า ลงเล่นแทน

        พล พรรค "เบียงโคเนรี่" รุกหนักอยู่ฝ่ายเดียว นาทีที่ 38 ปีร์โล่ เปิดฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งขวาไปเสาสองให้ เปาโล เด เชเญ่ โหม่งกดลงพื้น แต่ ฟรานเชสโก้ อันโตนิโอลี่ ยังปัดออกหลังทัน

        จากนั้น ปีร์โล่ วางเข้าเขตโทษให้ วูชินิช เกี่ยวเอาบอลลงแล้วซัดหลุดกรอบออกหลังไป จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมเจ๊ากันไปก่อนแบบไร้สกอร์

        เปิดฉากครึ่ง หลัง ผู้มาเยือนยังดาหน้าบุก มาตรี หลุดเข้าไปยิงบอลลอดขา อันโตนิโอลี่ แล้ว แต่เจ้าตัวยังไวทายาท พุ่งกลับไปปัดไว้ได้บนเส้นประตู

        ถัดมา มาร์คิซิโอ เก็บตกยิงด้วยขวาจากลูกเตะมุม บอลพุ่งข้ามคานไปอีกครั้ง

        นาทีที่ 67 มาร์คิซิโอ ได้กระหน่ำในกรอบเขตโทษเน้นๆ แต่ โมราส เข้ามาบล็อกได้ฉิวเฉียด

        ยู เว่ มาได้ฟรีคิกระยะอันตราย อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ที่เพิ่งลงมาเป็นสำรอง ซัดจะเสียบมุมอยู่แล้ว แต่ อันโตนิโอนี่ พุ่งซูเปอร์เซฟได้อย่างยอดเยี่ยม

        ก่อน จบเกม 10 นาที ทีมเยือนมาได้ประตูชัยจนได้ เดล ปิเอโร่ สาดเข้าเขตโทษ วูชินิช โหม่งตั้งให้ มาร์โก บอร์ริเอลโล่ ตัวสำรอง ซัดแบบไม่ต้องจับ บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม จบเกม ยูเว่ เฉือนชนะ 1-0 ทำให้รั้งเป็นจ่าฝูงต่อไปด้วยการทิ้ง เอซี มิลาน 5 คะแนนแล้ว ส่วน เชเซน่า ตกชั้นเรียบร้อย

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
เชเซน่า :
ฟรานเชสโก้ อันโตนิโอลี่; โยอัน เบอนาลูยาน, วานเจลิส โมราส, กิเยร์โม่ โรดริเกซ; ลูก้า เชคคาเรลลี่, จูเซ็ปเป้ โคลุชชี่ (โรแบร์โต้ กัวน่า น.32), มาร์โก ปาโรโล่, ดาเมียน ยอโควิช (มาร์โก รอสซี่ น.77); ซิโมเน่ เดล เนโร่ (ตอมมาโซ่ อาร์ริโกนี่ น.65), มาริโอ ซานตาน่า; วินเชนโซ่ เรนเนลล่า
ยูเวนตุส : จานลุยจิ บุฟฟ่อน; อันเดรีย บาร์ซาญี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่; มาร์ติน กาเซเรส (เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ น.69), อาร์ตูโร่ วิดาล, อันเดรีย ปีร์โล่, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ, เปาโล เด เชเญ่ (อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ น.74); อเลสซานโดร มาตรี (มาร์โก บอร์ริเอลโล่ น.74), มีร์โก วูชินิช



เอซี มิลาน 1 - 0 เจนัว


        เกมที่ ซาน ซิโร่ มีความหมายสำหรับทั้งสองทีม เอซี มิลาน ต้องปราศจาก ดานิเอเล่ โบเรน่า ที่โดนไล่ออกในนัดก่อน แถมตัวเจ็บยังอีกเพียบ แต่ยังนำทัพโดย ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และ สเตฟาน เอล ชาราวี ส่วน เจนัว ที่เพิ่งเปลี่ยนเทรนเนอร์มาเป็น ลุยจิ เด คานิโอ เจอข่าวร้ายที่ จานโดเมนิโก้ เมสโต้ และ มาร์โก รอสซี่ ถูกพักแข้ง ยังดีที่ได้ เอมิเลียโน่ โมเร็ตติ พ้นแบน พร้อมฝากความหวังไว้ที่ โรดริโก้ ปาลาซิโอ เหมือนเดิม

        เปิดฉากมาไม่นาน ซัลลีย์ มุนตารี่ พาบอลเข้าเขตโทษแล้วกดด้วยซ้าย บอลยังไม่เข้ากรอบ

        ทีม เยือนตอบโต้บ้าง ปาลาซิโอ จ่ายให้ ยูราย คุชก้า หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนยิงไปติดแขน อเลสซานโดร เนสต้า ท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นทีมเยือนที่เรียกร้องจะเอาจุดโทษ แต่เชิ้ตดำไม่ว่าอะไร

        "กริโฟเน่" บุกแบบไม่เกรงกลัว นาทีที่ 17 คุชก้า ส่องไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเหินข้ามคานไปไม่มาก

        เกม ของ มิลาน ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อินยาซิโอ อบาเต้ เปิดให้ เอล ชาราวี จ่ายต่อไปยัง มุนตารี แต่ เซบาสเตียง เฟรย์ ยังพุ่งออกมาบล็อกเร็ว

        นาที ที่ 38 บอสโก้ ยานโควิช เลี้ยงหนี อบาเต้ เข้าเขตโทษทางซ้าย ก่อนปาดเรียดจะให้ ปาลาซิโอ เข้าชาร์จ แต่ เนสต้า ตามลงมาช่วยสกัดได้หวุดหวิด

        จากนั้นทั้งสองทีมแทบไม่มีจังหวะอันตรายอะไรนัก จบ 45 นาทีแรกจึงเจ๊ากันไปก่อนแบบไร้สกอร์

        ครึ่งหลัง "ปีศาจแดง-ดำ" รุกหนักทันที อิบราฮิโมวิช กระชากเข้าไปกดเต็มข้อทางฝั่งซ้าย แต่ เฟรย์ ยังเซฟได้อย่างยอดเยี่ยม

        เจ้า บ้านเริ่มครองเกมได้แล้ว นาทีที่ 61 ลูก้า อันโตนินี่ ครอสจากซ้ายให้ เควิน-พริ้นซ์ บัวเต็ง ที่เพิ่งลงมาเป็นสำรอง วอลเลย์ไปติดบล็อก ดาวิเด้ บิออนดินี่ หวุดหวิด

        ถัดมาไม่นาน อบาเต้ เปิดจากขวาให้ อิบราฮิโมวิช แปะต่อไปยัง มุนตารี่ ซัดแฉลบ คาค่า คาลัดเซ่ ออกหลังไป

        นาที ที่ 67 ยานโควิช อาศัยความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงหลบอยู่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนกดด้วยขวา แต่ คริสเตียน อับเบียติ ยังรับเข้าซองไม่มีปัญหา

        8 นาทีต่อมา เจนัว ต้องเหลือ 10 คน หลัง ยานโควิช ไปทำฟาวล์ อบาเต้ ผู้ตัดสินชักใบเหลืองที่สอง เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม

        ช่วง เวลาที่เหลือเจ้าถิ่นบุกหนักหวังเอาประตูชัยให้ได้ และมาประสบผลก่อนจบเกม 4 นาที บอลถูกสาดเข้าเขตโทษหลุดมาถึง บัวเต็ง วอลเลย์ด้วยขวาเข้าไป จบเกม มิลาน เฉือนชนะ เจนัว 1-0 ทำให้ไล่หลัง ยูเวนตุส 3 แต้มเช่นเดิม

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
มิลาน : คริสเตียน อับเบียติ; อินยาซิโอ อบาเต้, อเลสซานโดร เนสต้า, มาริโอ เยเปส, ลูก้า อันโตนินี่ (มักซี่ โลเปซ น.80); อันโตนิโอ โนเชริโน่, มาร์ค ฟาน บอมเมล (เควิน-พริ้นซ์ บัวเต็ง น.51), ซัลลีย์ มุนตารี่; อูร์บี้ เอมานูเอลสัน; ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, สเตฟาน เอล ชาราวี (อันโตนิโอ คาสซาโน่ น.51)
เจนัว : เซบาสเตียง เฟรย์; คาค่า คาลัดเซ่, อันเดรียส กรันควิสต์, เอมิเลียโน่ โมเร็ตติ; จูเซ็ปเป้ สคูลลี่ (มาซาฮูดู อัลฮัสซัน น.76), วอลเตอร์ เบียร์ซ่า (โรเจอร์ เด คาร์วัลโญ่ น.70), ดาวิเด้ บิออนดินี่, เฟร์นานโด เบลลุชชี่; ยูราย คุชก้า; บอสโก้ ยานโควิช, โรดริโก้ ปาลาซิโอ

เสือใต้แม่นโทษ!เขี่ยชุดขาวร่วงคารัง 3-1 12BET 26/04/55

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
(รอบรองชนะเลิศ นัดสอง)

 วันพุธที่ 25 เมษายน 2555
เรอัล มาดริด (สเปน) 2 -  1 บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี)
(รวมผลสองนัดเสมอ 3-3 บาเยิร์น มิวนิคชนะจุดโทษ 3-1)


มานูเอล นอยเออร์ เป็นฮีโร่ในเกมนี้หลังเซฟถึง2ลูกช่วยให้ "เสือใต้" ชนะจุดโทษ 3-1 เขี่ย "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ตกรอบคาบ้านหลัง 2นัด เสมอกัน 3-3 ผ่านเข้าไปชิงกับ "สิงห์บูลส์" เชลซี ในวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม เวลา 1:45 น. ที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ 25 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา

สนาม : ซานติอาโก เบร์นาเบว, มาดริด สเปน

        "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ปรับทัพแค่จุดเดียวจากเกมแรกและศึก เอล กลาซิโก้ ครั้งล่าสุด โดยดร็อป ฟาบิโอ โกเอนเตรา แบ็กซ้ายโปรตุกีสที่ทำพลาดจนให้ทีมแพ้ในเกมแรกช่วงท้ายเกมเป็นสำรอง และใช้ มาร์เชโล่ วิเอยร่า ลงแทน ที่เหลือยึดชุดเดิมทั้งหมด

        มิด ฟิลด์คู่กลางให้ ชาบี อลอนโซ่ จับคู่ ซามี่ เคดิร่า สามแนวรุกจากขวาไปซ้ายประกอบด้วย อังเคล ดิ มาเรีย, เมซุต โอซิล และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หน้าเป้าวางใจให้ คาริม เบนเซม่า ลงล่าตาข่าย

        ด้าน "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค  ภายใต้การคุมทีมของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส กลับมาใช้แข้งชุดใหญ่เต็มสูบอีกครั้ง และเป็น 11 คนแรกจากเกมแรกที่อัลลิอันซ์ อารีน่า ทั้งหมด มิดฟิลด์คู่กลางเป็น ลุยซ์ กุสตาโว่ จับคู่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

        แนวุกดัน โทนี่ โครส ขึ้นไปยืนเป็นจอมทัพ โดยมี อาร์เยน ร็อบเบน กับ ฟร้องค์ ริเบรี่ ที่เคลียร์ปัญหาคาใจกันเรียบร้อย กลับมาประจำการทำเกมริมเส้นขวาซ้ายตามลำดับ วาง มาริโอ โกเมซ ยืนหน้าเป้าคอยจบสกอร์

        เริ่มเกมมาเป็นเจ้าบ้านเดินหน้าบุก เข้าใส่ทันทีและหวิดได้เฮในนาทีที่ 3 อังเคล ดิ มาเรีย เลี้ยงตัดเข้าในไปสุดเส้นหลังมาดีดเข้ากลางให้ ซามี่ เคดิร่า แปเรียดด้วยซ้ายไปตรงตัว มานูเอล นอยเออร์ รับเข้าซองอยู่หมัด

        กระทั่ง นาทีที่ 5 เจ้าบ้านมาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ อังเคล ดิ มาเรีย ฮาล์ฟวอลเลย์ตามน้ำไปชนแขน ดาวิด อลาบา ที่ล้มตัวเข้าสกัดบอล โดย วิคตอร์ คาสไซ ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่าเป็นจุดโทษทันทีพร้อมกับชูใบเหลืองให้ อลาบา ด้วย ทำให้เขาจะติดโทษแบนในนัดชิงชนะเลิศหาก เสือใต้ ผ่านเข้าชิงดำ

        เวลา เดินผ่านมา 1 นาทีเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มือสังหารประจำทีมวิ่งเข้ามาแปบอลเสียบมุมเข้าไป ช่วยให้ เรอัล มาดริด ขึ้นนำ 1-0

        ถัดมา 2 นาที บาเยิร์น มิวนิค หวิดทวงคืนทันควัน จากจังหวะที่ ดาวิด อลาบา สปีดลากบอลขึ้นมาโยนไปเสาสองให้ อาร์เยน ร็อบเบน โฉบขึ้นมาวอลเลย์แปบอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

        ต่อ เนื่องเลยกับโอกาสทองของอาคันตุกะ มาริโอ โกเมซ แต่งบอลมากดเรียดเต็มแรงบริเวณหัวกะโหลกไปติดเซฟ อีเกร์ กาซียาส รับกระฉอกบอลมาเข้าทาง ฟร้องค์ ริเบรี่ จะตามมาซ้ำ แต่ ซามี่ เคดิร่า ยังไวตามมาสไลด์บอลออกหลังได้ทัน

        กระทั่งนาที 14 แฟนบอลเจ้าบ้านได้เฮกันสนั่นอีกครั้ง เมซุต โอซิล เก็บบอลที่ เคดิร่า ปั้มเอาชนะมาไหลให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลุดเดี่ยวเข้าไปบรรจงกดเรียดสวนตัว นอยเออร์ เสียบเสาแรกเข้าไป เป็นประตูที่ 10 ของกัปตันทีมชาติโปรตุเกส ใน แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ เรอัล มาดริด หนีห่าง 2-0

        เสือใต้ ไม่เสียขวัญพยายามตั้งเกมสู้ นาทีที่ 16 อาร์เยน ร็อบเบน โชว์ลูกเก่งเลี้ยงบอลตัดเข้าในมาปั่นบอบโค้งไปเข้าซอง กาซียาส รับไว้ไม่มีกระฉอก

        ทีมเยือนลองหันมาใช้ส่องไกลเข้าทำและมาได้ลุ้น 2 ครั้งติดกันจาก โกเมซ และ ลุยซ์ กุสตาโว่ แต่ก็หลุดกรอบไปทั้งหมด

        นาที 25 ราชันชุดขาว เกือบฉีกเป็นสาม โรนัลโด้ กระชากบอลขึ้นมาตบเข้าในถูก นอยเออร์ ผวาปัดบอลออกมาเข้าทาง โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ ที่มัวแต่เงอะงะจนเกือบถูก เบนเซม่า ฉกบอลไป แต่สุดท้าย บาดสตูเบอร์ ยังเตะบอลทิ้งออกไปได้ทัน

        จนในนาที 27 เสือใต้ มาได้ลูกจุดโทษบ้างเช่นกัน จากจังหวะที่ ร็อบเบน ครอสบอลเข้าเขตโทษหมายให้ โกเมซ เข้าปิดสกอร์ แต่ดันไปถูก เปเป้ ตามมากระแทกจากด้านหลังล้มคว่ำลงไป และ คาสไซ ไม่ลังเลเป้าเป็นจุดโทษทันที พร้อมกับแจกใบเหลืองให้ เปเป้ ด้วย ก่อนจะเป็น อาร์เยน ร็อบเบน วิ่งมาแปบอลเบียดเสาในเข้าไปชนิดที่ กาซียาส เกือบป้องกันไว้ได้อยู่แล้ว บาเยิร์น มิวนิค ไล่ขึ้นมาเป็น 1-2

        เร อัล มาดริด ตั้งเกมสู้กันใหม่และน่าได้สุดขีดจากจังหวะที่ โรนัลโด้ ทิ้งบอลมาให้ เบนเซม่า ฉีกไปเอาบอลริมเส้นก่อนลากตัดเข้าในมาปั่นบอลไซด์โค้งหลุดถากเสาออกไปไม่ถึง คืบ

        นาที 34 บาเยิร์น มิวนิค พลาดโอกาสทองในการตีเจ๊า โทนี่ โครส แทงบอลทะลุช่องหลุดกับดักล้ำหน้าให้ มาริโอ โกเมซ ตวัดยิงเรียดตามน้ำไม่หนีตัว กาซียาส ล้มตัวสกัดบอลทิ้งไปได้ทัน

        ถัด มา 3 นาที เจ้าบ้านได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะทำการของ โรนัลโด้ แต่ครั้งนี้ โรนัลโด้ ซัดบอลผ่านกำแพงไปตรงตัว นอยเออร์ ที่ยืนถูกตำแหน่งรับเข้าซองอยู่หมัด

        ช่วงทดเจ็บนาทีสุด ท้ายของครึ่งแรก ร็อบเบน มาเรียกลูกฟรีคิกระยะอันตรายให้ทีมเยือนได้ ก่อนจะเป็น ร็อบเบน ลุกขึ้นมาปั่นบอลไปชนตัว เปเป้ กำลังจะเปลี่ยนทางเสียบมุม แต่ กาซียาส ยังไวตามมาล้มตัวปัดบอลทิ้งไปได้ทัน และผู้ตัดสินก็เป่านกหวีดจบครึ่งแรกไปเลย เรอัล มาดริด นำอยู่ 2-1

        กลับ ลงสนามมาสู้กันต่อ บาเยิร์น มิวนิค เกือบตีเจ๊าสำเร็จ ฟิลิปป์ ลาห์ม ครอสบอลเข้าเขตโทษให้ มาริโอ โกเมซ ขึ้นโขกบอลตัดหน้า เปเป้ กระเด้งลงพื้นหลุดเสาไกลไปนิดเดียว

        รูปเกมของทั้งสองทีม เริ่มผ่อนลงไปหันมาเน้นความรัดกุมกันมากขึ้น นาที 56 เจ้าบ้านได้โอกาสจากจังหวะที่ อังเคล ดิ มาเรีย วางบอลยาวมาให้ เบนเซม่า หวดเร็วตามน้ำถูก นอยเออร์ บินปัดบอลออกไปได้สวย

        นาทีต่อมา เสือใต้ ได้ลุ้นจากลูกโต้กลับเร็ว บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ทำชิ่งกับ โทนี่ โครส ไปดีดบอบให้ มาริโอ โกเมซ แต่งหาจังหวะยิงด้วยขวาฝ่าแนวรับเจ้าบ้านมาได้ แต่บอลเบาไปทำให้ กาซียาส รับเข้าซองสบาย

        ทำไปทำมาเริ่มเป็นอาคันตุกะเหนือกว่าชัดเจน แล้ว นาที 66 ฟร้องค์ ริเบรี่ จ่ายบอลออกทางขวาให้ ร็อบเบน ติดเครื่องลากบอลเข้าเขตโทษไปแตะบอลอ้อม เปเป้ มาและวิ่งตามไปเอาบอล แต่ กาซียาส อ่านเกมขาดออกมาสไลด์ล้มตัวคว้าบอลไว้ได้สวย

        3 นาทีต่อมา เรอัล มาดริด ได้โอกาสทองอีกครั้งจากลูกฟริคิก โรนัลโด้ วิ่งเข้ามากดบอลผ่านกำแพงไปตรงตัว นอยเออร์ ที่ยืนถูกตำแหน่ง และต่อเนื่องอีกครั้งจากฟรีคิกของ โรนัลโด้ ในอีก 2 นาทีต่อมา แต่ครั้งนี้เหินข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น

        นาที 75 โชเซ่ มูรินโญ่ ทำการปรับแท็กติกเปลี่ยนตัวคนแรก ถอด ดิ มาเรีย ที่เงียบหายไปเลย และส่ง ริคาร์โด้ กาก้า ลงมาบู๊แทน

        ช่วง เวลาที่เหลือเป็นเจ้าบ้านพยายามบุกเข้าใส่แต่ก็ไม่สามารถฝ่าแนวรับทีมเยือน เข้าไปทำประตูได้ จบเกม เรอัล มาดริด เฉือนชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-1 รวมผลสองนัดเสมอกัน 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป

        เริ่มเกม ช่วงต่อเวลาพิเศษ เรอัล มาดริด พยายามเปิดเกมรุกมากขึ้นแต่ยังไม่สามารถฝ่าแนวรับ เสือใต้ เข้าไปลุ้นทำประตูได้ และนาที 95 จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ปรับแท็กติกเปลี่ยนตัวคนแรกส่ง โธมัส มุลเลอร์ ลงไปแทน ริเบรี่

        นาที 100 อาคันตุกะหวิดได้เฮจากลูกไม่คาดฝัน เมื่อ โธมัส มุลเลอร์ โยนบอลจากริมเส้นฝั่งขวาเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ รามอส กับ กาซียาส กลับไม่เข้าใจกันปล่อยบอลตกพื้นกระเด้งเลยไปเสาสอง ดีที่ว่าไม่มีผู้เล่นทีมเยือนรออยู่บริเวณนั้น

        เข้าสู่ครึ่งหลังของการต่อเวลาพิเศษ มูรินโญ่ ปรับแท็กติกเปลี่ยนตัวคนที่สอง ส่ง กอนซาโล่ อิกวาอิน ลงไปแทน เบนเซม่า

        นาที 111 ราชันชุดขาว ทำการเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่ง เอสเตบัน กราเนโร่ ลงไปแทน โอซิล ที่เริ่มหมดแรง

        หลัว จากนั้นไม่มีอะไรเพิ่มเติมเกิดขึ้น จบเกมช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที สกอร์ยังคงเดิมคือ เรอัล มาดริด ชนะ 2-1 รวมผลสองนัดเสมอกัน 2-2 ต้องตัดสินหาทีมชนะด้วยการดวลจุดโทษและเป็น "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ที่แม่นโทษกว่าเอาชนะ "ราชันชุดขาว" ไปได้ 3-1 ผ่านเข้าไปชิงกับ "สิงห์บูลส์" เชลซี ในวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม เวลา 1:45 น. ที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
 
        รายชื่อนักเตะทั้งสองทีมในการดวลจุดโทษ
        บาเยิร์น มิวนิค : ดาวิด อลาบา (เข้า), มาริโอ โกเมซ (เข้า), โทนี่ โครส (โดนเซฟ), ฟิลิปป์ ลาห์ม (โดนเซฟ), บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ (เข้า)
        เรอัล มาดริด : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โดนเซฟ), ริคาร์โด้ กาก้า (โดนเซฟ), ชาบี อลอนโซ่ (เข้า), เซร์คิโอ รามอส (ข้ามคาน)

คลิป: ช็อตเด็ด!! เจที แทงเข่า, เมสซี่ บอดโทษ, ตอร์ ซัดปิดบัญชี 12BET 25/04/55

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555



          อย่างกับเขียนสคลิปไว้สำหรับฟุตบอลคู่บิ๊กแมตช์ บาร์เซโลน่า-เชลซี ที่แต่ละเหตุการณ์ใน 90 นาทีนั้นช่างประทับใจเหลือเกิน  ได้เอา 3 เหตุการณ์สำคัญๆ ในเกมมาให้ชมกันอีกครั้ง จังหวะแรก จอห์น เทอร์รี่ เจตนาแทงเข่าใส่ อเล็กซิส ซานเชซ ในนาทีที่ 40 จังหวะที่สอง ที่ ลีโอเนล เมสซี่ ยิงจุดโทษพลาด ในนาทีที่ 47 และจังหวะสุดท้าย ประตูตีเสมอที่แสนจะมีค่าของเฟอร์นานโด ตอร์เรส ที่หลุดเดี่ยวก่อนจะแตะหลบ บัลเดส เข้าไปยิงประตูง่ายๆ ในนาทีที่ 90 รวมผลสองนัด เชลซีชนะบาร์เซโลน่า 3 ต่อ 2

1. เทอร์รี่แทงเข่า


2. เมสซี่ ยิงจุดโทษพลาด


3. ตอร์เรสซัดปิดบัญชี


ไฮไลท์แมตช์ บาร์เซโลน่า VS เชลซี Uefa Champions League - บาร์ซ่าจอดตัดเชือก! สิงห์ 10 คนยันเจ๊า 2-2 12bet 25/04/2555



เชลซี ที่เหลือผู้เล่น 10 คน อาศัยเกมรับที่มีวินัย เขี่ยเต็งหนึงของรายการ บาร์เซโลน่า จอดป้ายที่รอบรองชนะเลิศ โดยเฟร์นานโด ตอร์เรส เป็นผู้ลงมายิงให้สิงห์บลูส์ บุกมาเสมอถึงคัมป์ นู 2-2 ในนาทีสุดท้าย ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อคืนวันอังคารที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา




วันอังคารที่ 24 เมษายน 2555 


ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ 
บาร์เซโลน่า 2-2 เชลซี (รวมผลสองนัด เชลซีชนะ 3-2) 






เกมแรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซีตุนความได้เปรียบไว้แล้ว หลังขชนะมาได้ก่อน 1-0  และในวันนี้บาร์ซ่าได้เการ์ด ปิเก้ ที่หายเจ็บกลับมาลงสนามได้พอดี แต่เลือกดร็อป อัลเวสไว้ที่ข้างสนามก่อน และเล่นแผนใช้เซ็นเตอร์แบ๊ฏสามตัว


เริ่มต้นเพียง 3 นาทีบาร์เซโลน่าก็มีลุ้นได้ประตูก่อนเมื่ออเล็กซิสจ่ายบอลสั้นทะลุช่องให้เมสซี่ควบเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่เพราะมุมบังคับให้ยิงด้วยเท้าขวาเลยอัดเข้าข้างตาข่ายไปอย่างน่าเสียดาย

หลังจากนั้นเคฮิลล์ที่ได้รับบาดเจ็บจากจังหวะพยายามเข้าสกัดการทำประตูของอเล็กซิสในช่วงก่อนหน้านี้ก็ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไปในนาที 12 โดยเป็นทางโบซิงวาที่ลงมาอยู่แบ็คขวาแล้วขยับอิวาโนวิชไปเล่นเซนเตอร์แบ็ค

นาที 16 "สิงห์บลูส์"ทิ้งบอลยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วปิเก้กับดร็อกบาพยายามแย่งบอลกันก่อนที่บัลเดสโผล่เข้ามาแจมด้วยการโถมตัวเข้ารับลูกแต่ดันไปเสยปลายคางปิเก้อย่างจังจนนอนแน่นิ่งยังดีที่ลุกมาเล่นต่อได้

อีกสามนาทีถัดมาเมสซี่ประสานงานกับอเล็กซิสที่หัวกระโหลกก่อนเอาบอลไปทำชิ่งกับฟาเบรกาสจนทะลุเข้าไปล่อเป้าเช็คทว่าดาวเตะอาร์เจนไตน์ดันซัดไปติดเซฟด้วยขาซึ่งช็อตนี้ทำเอาเป๊ปส่ายหัวด้วยเพราะไม่อยากเชื่อ

เชลซีได้โอกาสจบสกอร์เป็นหนแรกในนาที 25 เมื่อดร็อกบาวิ่งตามไปเก็บบอลที่สุดเส้นหลังด้านซ้ายก่อนใช้ความแข็งแกร่งพลิกหนีปิเก้เข้าไปซัดมุมแคบแต่บอลพุ่งเข้าข้างตาข่าย ด้านปิเก้ที่ยังเจ็บก็ถูกแทนที่ด้วยอัลเวส

"อาซูลกราน่า"มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาที 35 จากลูกเตะมุมที่โดนดร็อกบาเคลียร์มาแล้วอัลเวสเก็บบอลได้ก่อนแทงออกซ้ายให้คูเอนก้าเลือกตบกลับเข้ากลางผ่านมาถึงบุสเก็ตส์ได้กดจ่อๆที่ระยะ 6 หลาไม่เหลือซาก

แล้วอีกสองนาทีต่อมาสถานการณ์ของเชลซียิ่งลำบากมากขึ้นเมื่อเทอร์รี่ดันคุมอารมณ์หงุดหงิดที่เสียประตูไม่อยู่จู่ๆเลยวิ่งไปเข่าลอยใส่อเล็กซิสทางด้านหลังในจังหวะนอกเกมเสียอย่างนั้นสุดท้ายเจอใบแดงไล่ออกทันที

แล้วบาร์เซโลน่าก็ฉวยโอกาสได้ดีเมื่อถึงนาที 43 พวกเขาก็ทิ้งห่างเป็น 2-0 หลังอเล็กซิสผ่านบอลจากขวามาให้เมสซี่ที่หน้าเขตโทษแล้วแทงออกซ้ายให้อิเนียสต้าเกี่ยวบอลไปยิงสวนตัวเช็คเข้าไปซุกก้นตาข่าย

แต่ช่วงทดเจ็บของครึ่งแรกแลมพาร์ดก็แทงบอลให้รามิเรสวิ่งสอดผ่านช่องว่างระหว่างปูโญลกับบุสเก็ตส์เข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วพอเห็นบัลเดสวิ่งออกมาจากเส้นก็เลยชิพข้ามหัวเข้าประตูไปเลยให้สกอร์ไล่มา 2-1

กลับมาเล่นครึ่งหลังได้ 3 นาทีบาร์เซโลน่ามาได้จุดโทษเมื่อดร็อกบาไปพลาดท่าเสียบฟาเบรกาสล้มคว่ำในจังหวะที่กำลังหันหน้าพาบอลเข้าหาประตูแต่โชคร้ายสำหรับเจ้าบ้านที่เมสซี่ซัดลูกโทษไปกระแทกคานอย่างจัง

เกมชักหนักเมื่อแลมพาร์ดไปเข้าอัดฟาเบรกาสพร้อมลีลาชวนหาเรื่องสุดท้ายเป็นเมสซี่ที่มาพกอกแลมพ์เพื่อกันออกไปส่วนนาที 54 อัลเวสลุยมาสุดเส้นหลังด้านขวาก่อนครอสบอลไปที่เสาไกลให้อเล็กซิสโหม่งหลุดเสา

นาที 61 บาร์เซโลน่าต่อบอลกันหลายจังหวะหน้าเขตโทษก่อนมาลงเอยที่อิเนียสต้าแทงออกซ้ายมายังที่ว่างให้คูเอนก้าวิ่งเข้ากดด้วยอีซ้ายติดเซฟของเช็คที่ปรี่ออกมาจากเส้นเพื่อปิดมุมได้เร็วเหลือเกิน

อีกสองนาทีให้หลังเชลซีได้โอกาสจบสกอร์อีกครั้งจากลูกเตะมุมที่บอลถูกเปิดเข้ามาให้อิวาโนวิชได้เทคตัวขึ้นโขกแบบฟรีเฮ้ดเดอร์ทว่าดันไม่พิถีพิถันพอบอลเลยหลุดออกนอกกรอบประตู

นาที 78 อิเนียสต้าคำนวณทิศทางลมตามประสาเด็กวิทย์แล้วหยอดบอลเข้าไปที่เสาขวาให้อัลเวสโหม่งชงกลับหลังมาให้บุสเก็ตส์แต่งบอลลงก่อนกดช้อนใต้ลูกมากเกินไปบอลเลยโด่งข้ามคานไปแบบได้ลุ้น

เกมยังตกเป็นของบาร์เซโลน่าแล้วในนาที 82 พวกเขาก็ส่งบอลเข้าประตูไปได้สำเร็จจากจังหวะที่อัลเวสพาบอลขึ้นมาทางด้านขวาแล้วเปิดเลียดมาให้อเล็กซิสชาร์จอย่างไรก็ตามมันกลายเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน

นาทีถัดมาเมสซี่ตัวความหวังของเจ้าบ้านก็ได้จังหวะโซโล่พาบอลแหวกเข้าในก่อนสับไกเต็มข้อผ่านมือเช็คไปแล้วแต่ดันไปกระแทนเสาเสียอีกช่างไร้ดวงจริงๆสำหรับฝั่งยอดทีมแคว้นคาตาลัน


ช่วงทดเจ็บตอร์เรสที่ลงมาเป็นตัวสำรองได้จังหวะพาบอลโต้กลับจากครึ่งสนามเข้าไปโชว์สเต็ปโยกหลอกบัลเดสจนล้ำคว่ำก่อนบรรจงซัดเข้าประตูไปอย่างนิ่มๆให้ทีมตีเสมอได้สำเร็จ

จบเกมเชลซีบุกมายันเสมอบาร์เซโลน่า 2-2 รวมผลสองนัดชนะไป 3-2 ผ่านเข้าไปยืนรอผู้ชนะระหว่างบาเยิร์น มิวนิกกับเรอัล มาดริดในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนลีกส์ที่อัลลิอันซ์ อารีน่าต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
บาร์เซโลน่า : บิคตอร์ บัลเดส 5, คาร์เลส ปูโญล 6.5, เคราร์ด ปีเก้ 6.5 (ดาเนี่ยล อัลเวส น.26, 5), ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ 6, ชาบี เอร์นานเดซ 6, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ 6.5, เชส ฟาเบรกาส 5.5 (เซย์ดู เกอิต้า น.74, 5), อันเดรส อีเนียสต้า 6, อเล็กซิส ซานเชซ 5, ไอซัค คูเอนก้า 6 (คริสเตียน เตโญ่ น.67, 5), ลิโอเนล เมสซี่ 5


เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 7.5*, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6.5, จอห์น เทอร์รี่ 3.5, แกรี่ เคฮิลล์ 5 (โจเซ่ โบซิงวา น.12, 7), แอชลี่ย์ โคล 7, จอห์น โอบี มิเกล 6, แฟร้งค์ แลมพาร์ด 5, รามิเรส 7.5, ราอูล เมยเรเลส 6, ฆวน มาต้า 5 (ซาโลมง กาลู น.58, 5), ดีดิเยร์ ดร็อกบา 5.5 (เฟร์นานโด ตอร์เรส น.80 , 7)

ไฮไลท์แมตช์ แอสตัน วิลล่า VS โบลตัน Premier League - เอ็นก๊อกฮีโร่! โบลตันรัวแซงวิลล่า 2-1 12bet 25/04/2555



โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส มีฮึดลุ้นหนีตกชั้นในเกมท้ายๆเหมือนกัน หลังกดสองประตูรวด ในกลางครึงหลัง กลับมาแซง"สิงห์ผงาด"แอสตัน วิลล่า 2-1 ในเกมพรีเมียร์ชิพ คืนวันอังคารที่ 24 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา



วันอังคารที่ 24 เมษายน 2555


ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แอสตัน วิลล่า 1-2 โบลตัน










เปิดฉากครึ่งแรกแค่นาทีเดียวเท่านั้น วิลล่า พลาดโอกาสทองหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดายจากจังหวะ อัลไบรตัน โยนลูกเตะมุมไปยังจุดนัดพบ เฮิร์ด โหม่งจ่อๆแค่ 6 หลาหลุดกรอบหน้าตาเฉย

อีก 4 นาทีถัดมายังเป็นเจ้าถิ่นทำเกมไหลลื่น เอ็นซอกเบีย โยนจากทางซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษ ไวมันน์ ตั้งคอพุ่งเข้ามาโหม่งถากเสา

รูปเกมกลายเป็น วิลล่า บุกวันเวย์อยู่ข้างเดียวแล้วกระทั่งเข้าสู่ครึ่งทางครึ่งแรกนาที 22 ไวมันน์ ฉีกไปเอาบอลทางขวาก่อนโยนเข้าหัว วีเตอร์ โขกชง เฮสย์กี ซัดเน้นๆติดเซฟ บ๊อกดาน นายด่านโบลตัน

เกมผ่านจนถึงครึ่งชั่วโมง โบลตัน เพิ่งมีโอกาสส่องเป็นครั้งแรกจากจังหวะฟรีคิก เปตอฟ เปิดให้ มิยาอิชิ พาพื้นที่ว่างได้ดีก่อนซัดตรงกรอบ กิฟเว่น ได้เซฟเป็นครั้งแรก

ทุกอย่างอยู่ในคอนโทรล "สิงห์ผยอง" หมดแล้วขาดเพียงแค่โชคเท่านั้นที่ยังไม่มาในนาที 35 ฮัตตัน เติมเกมบุกทางขวาก่อนเปิดให้ วอร์น็อค เติมขึ้นมาซัดเต็มข้อแต่แม่นเกินไปบอลชนเสาเต็มๆ

ท้ายครึ่งแรกก่อนพักเบรกสองนาที วิลล่า ได้ลุ้นอีกครั้ง เอ็นซอกเบีย ปั่นฟรีคิกระยะ 35 หลาหนีกำแพงมาแล้วแต่ บ๊อกดาน นายทวารอ่านทางออกรับไว้ได้ทัน

ครึ่งหลังทีมเยือนเปลี่ยนเควิน เดวิสลงไปแทนมิยาอิจิ และถึงนาทีที่ 60 เอ็นซ็อคเบียก็พาบอลไต่เส้นริมสนามฝั่งขวาแล้วกระชากไปถึงเส้นหลังได้จึงจ่ายเข้าเขตโทษโดยมีวอร์น็อคปรี่เข้าชาร์จสิบหลาไม่เหลือพาสิงห์ผงาดนำ 1-0


แต่แล้วอีกแค่สองนาที เดอะ ทร็อตเตอร์สก็บุกสู้แล้วเกยาร์ก่อความผิดพลาดแหย่มาร์ค เดวิสล้มในเขตโทษ มาร์ติน เปตรอฟจึงสังหารตุงตาข่ายให้ทีมเยือนตีเสมออย่างรวดเร็ว 1-1


เท่านั้นไม่พอ สถานการณ์พลิกอีกตลบในนาทีที่ 63 เมื่อเกรตาร์ สไตนส์สันจู่โจมขึ้นฝั่งขวาไปผ่านบอลเข้าเขตโทษแล้วอีเกิ้ลส์ส่งต่ออีกทอดไปหน้าประตูให้เอ็นก๊อกซัดนิ่มๆแปดหลาไม่เหลือ จึงเป็นอันว่าอาคันตุกะแซงนำ 2-1


เจ้าถิ่นตัดสินใจเปลี่ยนเฮสกี้ออกในนาทีที่ 71 ให้อั๊กบอนลาฮอร์ลงเสียบแทน ขณะที่ทีมเยือนใช้งานอีวาน คลาสนิชแทนเอ็นก๊อกในอีกสองนาทีต่อมา


วิลล่าเปลี่ยนมาร์ค อัลไบรท์ตันออกอีกรายให้แบร์รี่ แบนนานลงบู๊  แต่ช่วงที่เหลือต่างก็ทำอะไรกันไม่ถนัดช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝายใดทำประตูเพิ่มได้จบเกมโบลตันจึงบุกมาคว้าชัย 2-1 แต่ยังต้องลุ้นหนีตายกันต่อทั้งคู่




รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
แอสตัน วิลล่า : เชย์ กิฟเว่น, อลัน ฮัตตัน, การ์ลอส กวยยาร์, นาธาน เบเกอร์, เอริค ลิฮาจ์, มาร์ค อัลไบรท์ตัน, คริส เฮิร์ด, สตีเฟ่น วอร์น็อค, ชาร์ลส์ เอ็นซ็อกเบีย, เอมิล เฮสกี้, อันเดรียส ไวมันน์


โบลตัน : อดัม บ็อกดาน, เกรตาร์ สไตน์สสัน, ทิม รีม, เดวิด วีเตอร์, แซม ริกเก็ตต์ส, เรียว มิยาอิชิ, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, มาร์ค เดวิส, มาร์ติน เปตรอฟ, คริส อีเกิ้ลส์, ดาวิด เอ็นก็อก

ไฮไลท์คลิป เกาะกระแสบัวขาวซ้อมมวยโบราณ-ล่อเป้าโชว์ 12bet 25/04/2555



เพิ่งจบแมตช์ไทยไฟต์เจ้าปัญหาของบัวขาว ป.ประมุข หรือสมบัติ บัญชาเมฆ ที่น็อคนักชาวรัสเซียมาแบบดุดันมาหมาดๆ วันนี้ขอเอาคลิปการซ้อมโชว์มวยโบราณ(สี่ภาค) มาให้ชมกัน  







ส่วนอีกคลิปเป็นการล่อเป้าโชว์ ที่ประเทศอิตาลี่ ตอกย้ำความยอดเยี่ยมของทั้งบัวขาว และมวยไทย ที่ฝรั่งมังคาพยายามจะมาเรียนกัน




ไฮไลท์คลิป ฟอร์เวิร์ด คลิปเปอร์ส ล้มหงายเงิบสุดเวอร์!! 12bet 25/04/2555



เคยเห็นแต่นักฟุตบอลแสดงละครพุ่งล้มในสนามกันมาก็บ่อย ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาดูในสนามสังเวียนยัดห่วงศึกเอ็นบีเอกันบ้าง เมื่อ เกรวิส วาสเควซ การ์ด นิว ออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส หงุดหงิดควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จากจังหวะเดินถอยหลังไปกระแทกชนเข้ากับ เร็กจี อีแวนส ฟอร์เวิร์ด แอลเอ คลิปเปอร์ส ที่ตั้งใจยืนรอขวางอยู่แล้วอย่างจัง 








เล่นเอาการ์ดหมายเลข 21 ของ ฮอร์เน็ต ถึงกับมีอารมณ์ใช้ท่อนแขนฟาดเข้าไปที่ยอดอก อีแวนส เสียหนึ่งที ทำเอา ฟอร์เวิร์ด คลิปเปอร์ส ล้มหงายท้องอยู่กลางสนาม แต่ดูจากภาพช้าแล้ว ดูเหมือน อีแวนส จะขี้ตกใจดีดตัวยกแขนสุดเวอร์ ล้มหงายท้องนอนแผ่กลางสนามดูง่ายไปสักหน่อย เพราะจังหวะก่อนหน้านี้ที่เจ้าตัวไปยืนขวาง วาสเควซ ดูแล้วยังชนกันหนักกว่านี้อีก

ไฮไลท์คลิป เชิ้ตดำเทพ ไหล่หลุดแต่ขอเป่ายันจบเกม 12bet 25/04/2555



ศึกฟุตบอลกัลโช เซเรีย อา อิตาลี เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 21 เมษายน ผ่านมาคู่ระหว่าง นาโปลี เปิดสนาม ซาน เปาโล เอาชนะ โนวารา ไปด้วยผลการแข่งขัน 2-0 แต่ช่วงครึ่งแรกกว่าจะจบลงได้ต้องใช้เวลาเตะกันกว่า 63 นาที เพราะผู้ตัดสินหลัก ดานิเอเล โดเวรี วัย 35 ปี ได้รับอาการบาดเจ็บไหล่หลุดจากจังหวะเป่าฟาวล์ยกแขนชี้จุดฟรีคิกให้ทีมเจ้าบ้าน 





เป็นเหตุให้ทีมแพทย์ต้องเข้ามาปฐมพยาบาลใช้เวลานานกว่า 18 นาที ขณะเดียวกันผู้ตัดสินที่สี่ก็เตรียมพร้อมวอร์มร่างกายที่จะลงทำหน้าที่แทนแต่ในท้ายที่สุดด้วยสปิริตของ ดานิเอเล โดเวรี หลังปฐมพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยเขาขอกลับลงสนามทำหน้าผู้ตัดสินเป่านกหวีดต่อจนจบการแข่งขัน

ไฮไลท์คลิป ชอตหลอก(ทั้งคู่แข่งและกรรมการ)เทพของเนย์มาร์ 12bet 24/04/2555

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555



แอชลีย์ ยัง มาเจอยังต้องหลบ เมื่อ เนย์มาร์ ดา ซิลวา หัวหอกดาวรุ่งทีม ซานโตส โชว์สเต็ปเทพเลี้ยงบอลหลบคู่แข่งก่อนจะบวกทักษะการแสดงทิ้งตัวลงไปดิ้นหน้าเขตโทษแจกใบแดงให้คู่แข่งสบายๆ








ล่าสุดกองหน้าไฟแรงของบราซิลได้สร้างความฮือฮาด้วยสเต็ปพิฆาตที่งัดเอามาเล่นงานทีมคาตานดูเวนเซ คู่แข่งร่วมลีกในเกมที่ซานโตสเปิดบ้านเอาชนะไปอย่างขาดลอย 5-0


ในคลิป เนย์มาร์ ได้ใช้ความเร็วหลอกให้คู่แข่งหลงกลก่อนจะล็อกบอลหลบออกข้างแต่ก็โดนกองหลังคาตานดูเวนเซ​ อีกคนตามเข้ามาสะกิดเปิดช่องให้นักเตะหนุ่มบราซิลลากขาทิ้งตัวลงไปนอนเรียกใบแดงให้กองหลังทีมเยือนง่ายๆ แถมแนบเนียน.

ไฮไลท์คลิป แฟนประท้วงแข่งช้าประเคนลูกเทนนิสลงสนามร่วมร้อย 12bet 24/04/2555



อีกหนึ่งภาพเหตุการณ์ประท้วงจากแฟนบอลที่เกิดขึ้นใน ลาลีกา ลีก สเปน ช่วงนัดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เซบีย่า เปิดบ้านรับการมาเยือน เลบานเต้ แต่หลังจากกรรมการเป่านกหวีดเริ่มเกมคิกออฟ กลุ่มแฟนบอลเจ้าบ้านต่างพากันขว้างลูกเทนนิสนับร้อยลูกลงไปในสนามฝั่งประตูของทีมเจ้าถิ่น 





เหตุเนื่องมาจากแฟนบอลไม่พอใจเพราะเกมคู่นี้ต้องเริ่มล่าช้าออกไปครึ่งชั่วโมง เนื่องมาจากติดโปรแกรมถ่ายทอดสดการการวิเคราะห์และสัมภาษณ์หลังเกมจากศึก เอล กลาซิโก ที่ บาร์เซโลนา พ่ายคาถิ่น คัมป์ นู ต่อ รีล มาดริด 1-2 เพราะเป็นช่วงที่มีเรตติ้งดีผู้ชมติดตามผ่านหน้าจอทีวีกันเยอะ นอกจากแฟนบอลจะประท้วงด้วยการระดมขว้างลูกเทนนิสลงสนามแล้วแฟน เซบีญา ยังทำป้ายเขียนข้อความประชดด้วยว่า “หยุดแข่งไปเลยสิ มู(รินโญ่) กำลังพูดอยู่”

ไฮไลท์คลิป เซฟไปเสียวไป! น้าซาร์สวมถุงมือเซฟโทษกลางคลอง 12bet 24/04/2555


เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ อดีตนายทวารจอมหนึบของ "ปีศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเด็ต ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในแคมเปญพิเศษของอาดิดาส โดยเป็นการเซฟจุดโทษบนแพทำขึ้นพิเศษกลางน้ำ มาดูว่าอดีตมือหนึ่งทีมชาติฮอแลนด์จะรับได้สักี่ลูกกัน






       
ทาง อาดิดาส ผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์กีฬาชื่อดังทำกิจกรรมพิเศษเชิญ ฟาน เดอร์ ซาร์ สวมถุงมือมายืนเฝ้าเสาประตูบนแพที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ลอยอยู่ในคลองกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม พร้อมโชว์ลีลาป้องกันประตูแบบดวลจุดโทษที่มีแฟนบอลและแข้งรุ่นน้องจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่ยืนรอต่อคิวอยู่ริมฝั่งคลองขอขึ้นแท่นซัดลูกฟุตบอลวัดฝีมือกับนายด่านจอมเก๋ารายนี้

ไฮไลท์แมตช์ โอซาซูน่า VS มาลาก้า La Liga - กาซอร์ล่ากู้ชีพ! มาลาก้าตีเจ๊าโอซา 1-1 12bet 24/04/2555



มาลาก้าหวิดวืดแต้มในเกมลา ลีกา นัดมันเดย์ไนต์ โดยได้ซานติ กาซอร์ล่า กองกลางเลือดกระทิง ยิงไล่เจ๊า ทีมแกร่งในรังอย่าง โอซาซูน่า 1-1 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา




วันจันทร์ที่ 23 เมษายน 2555


ฟุตบอล ลาลีกา สเปน
โอซาซูน่า 1-1 มาลาก้า 





ฟุตบอลลาลีกา สเปน คู่ระหว่าง โอซาซูนา ทีมอันดับ 9 เปิดสนามเรย์โด เดอ นาบาร์รา รับมือ มาลาก้า อันดับ 4 ของตาราง เกมนี้เจ้าถิ่นจัดทัพ 4-4-2 เดยาน เลคิช ยืนล่าตาข่ายแดนหน้าร่วมกับ นีโน ทางฝั่งทีมเยือน รอนดอน ยืนหน้าเป้า โดยมี ซานติ กาซอร์ลา และ ฆัวกิน คอยสนับสนุน
       
เปิดฉากครึ่งแรกไม่ถึงนาที มาลากา มีลุ้นก่อนจากจังหวะที่ ฆัวกิน ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ อันเดรส เฟร์นานเดซ นายด่านเจ้าถิ่นออกมาเร็วเซฟเอาไว้ได้ หลังจากนั้นกลายเป็น โอซาซูนา ครองเกมเหนือกว่า นาที 15 ฟรานซิสโก ปูยัล เก็บตกบอลได้จากลูกเตะมุม ก่อนวอลเลย์มุมแคบให้ อิดริสส์ กาเมนี นายทวารทีมเยือนปัดปลายมือ
       
ต่อมานาที 22 จากจังหวะเตะมุมอีกครั้ง คราวนี้บอลมาเข้าทาง ยาวาด เนคูนัม ซัดด้วยซ้ายออกหลังไป มาลากากลับมาทำเกมบุกได้มากขึ้นในช่วงท้ายครึ่งแรก จนเกือบทำประตูออกนำในนาที 36 แต่ลูกยิงของ นาโช มอนรีล ไปชนเสาทำให้จบ 45 นาทีแรกกินกันไม่ลงเสมอ 0-0
       
เกมครึ่งหลัง โอซาซูนา ลงสนามมาบุกต่อ กระทั่งนาที 53 ก็ทำประตูออกนำ 1-0 ได้สำเร็จ อัลบาโร เกฆูโด เปิดบอลจากกราบซ้ายเข้าไปในเขตโทษ กองหลังทีมเยือนประกบไม่ดีปล่อยให้ นีโน ขึ้นโขกคนเดียวเหน่งๆผ่านมือ กาเมนี เสียบเสาเข้าไป
       
หลังจากเสียประตู มาลากา พยายามทำเกมบุกหนัก กระทั่งนาที 68 กัวฆิน ลากบอลมาหน้าเขตโทษ ก่อนไหลให้ กาซอร์ลา เห็นไม่มีนักเตะเจ้าถิ่นมาประกบ ก็ส่องไกลระยะประมาณ 25 หลาตุงตาข่าย เฟร์นานเดซ พุ่งสุดเหยียดแต่ก็ไม่ทันทำให้สกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1 


หลังจากนั้นทีมเยือนเกือบทำประตูชัยได้อีก 1-2 จังหวะ แต่ไม่สำเร็จ จบเกมด้วยผลเสมอแบ่งกันทีมละคะแนน โดย โอซาซูนา มี 47 คะแนนจาก 34 นัดขยับขึ้นมาที่ 8 ของตาราง ส่วน มาลากา มี 52 คะแนนรั้งที่ 4 ต่อไป
       
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
โอซาซูนา - อันเดรส เฟร์นานเดซ, มิเกล ฟลาโย, โลโล, ดามิยา, มาร์ก เบอร์ทราน, ยาวาด เนคูนัม, ฟรานซิสโก ปูยัล, ดาบิด ติมอร์, อัลบาโร เกฆูโด, เดยาน เลคิช, นีโน


มาลาก้า - อิดริสส์ กาเมนี, ร็อบสัน, มาร์ติน เดมิเชลิส, นาโช มอนรีล, เซร์คิโอ ซานเชซ, นาโช คามาโช, เอนโซ มาเรสกา, อิสโก, ฆัวกิน, รอนดอน, ซานติ กาซอร์ลา

ไฮไลท์แมตช์ ลิเวอร์พูล VS เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน Premier League - หงส์ปีกหัก! แบ๊กกี้ส์บุกเชิอดหวิว 1-0 12bet 23/04/2555

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555



ลิเวอร์พูลยังไม่ละทิ้งเครื่องหมายการค้า "โค่นยักษ์พิทักษ์มด" อีกตามเคย เมื่อบุกทั้งเกม แต่ดันเจอทีเด็ดของโอเด็มวิงกี้ ซัลโวประตูชัยให้ เดอะ แบ๊กกี้ส์ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-0 ในช่วงก่อนหมดเวลา 15 นาที ในเกมพรีเมียร์ชิพ คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2555 


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล 0-1 เวสบรอมวิช อัลเบี้ยน 








เจ้าถิ่นได้เปเป้ เรน่า กลับมายืนตัวจริงอีกครั้งนึงหลังพ้นโทษแบนมา ส่วนกองหน้าก็ยังให้ซัวเรสกับคาร์โรลล์จับคู่เหมือนเดิมแต่เจอร์ราร์ดยังหายไปไม่มีชื่อ ด้านฟอร์มแม้ช่วงหลังในลีกจะไม่ดีแต่กับเวสบรอมวิชแล้ว 5 นัดหลังสุดในบ้านพวกเขาชนะรวด อีกทั้งยังไม่เสียประตูให้เลย


เริ่มเกมมาอย่างคึกคักโดยนาทีที่ 9 "หงส์แดง"ได้โอกาสลุ้นประตูขึ้นนำก่อนเลยเป็นจังหวะที่สเปียริ่งไปไล่กดดันจนแย่งบอลมาได้ก่อนเป็นซัวเรสที่พาบอลขึ้นมาทางหน้าเขตโทษมีตัวคอยขวาไว้เลยเลือกไหลออกไปทางขวาให้เคาท์ที่หลุดมาโล่งๆได้ยิงแต่บอลก็ยังหลุดเสาไกลออกหลังไป

จากนั้น"หงส์แดง"เกือบได้ประตูอีกแล้วจากจอห์นสันที่พาบอลขึ้นมาเองทางขวาก่อนจะตัดเข้าในแล้วไหลเข้าเขตโทษให้ซัวเรสสอดมายิงเจอเซฟ มาเข้าทางจอห์นสันพยายามจะหามุมยิงไม่เจอโดนสกัดแต่มาเข้าทางมักซี่วิ่งมากดด้วยขวาบอลก็ยังโด่งข้ามคานออกไปอีก

คราวนี้เป็นโอกาสของทาง"มวยโลก"บ้างจากบอลที่เปิดเข้าไปในเขตโทษแล้วเป็นโอลส์สันโหม่งชงเข้าไปตรงกลางให้กับบรันท์ที่สอดเข้ามาได้ยิงแต่ยังเป็นเรน่าที่พุ่งออกมาปิดมุมเซฟเอาไว้ได้

นาที 33 ทีมเยือนได้ลุ้นออกนำไปก่อนอีกแล้วจากจังหวะเตะมุมทางซ้ายเปิดเข้ามาตรงกลาง ตัวโฉบที่เสาแรกเข้าไม่ถึงแต่ก็ยังหลุดมาให้ริดจ์เวลล์สอดมามแปเน้นๆโชคดีบอลไม่ได้หนีตัวเรน่ามากทำให้ยังปัดออกไปได้ทันท่วงที

ฝั่งลิเวอร์พูลก็พลัดมาได้บุกเช่นเดียวกันคราวนี้เริ่มจากซัวเรสฝากไปที่คาร์โรลล์ก่อนได้คืนกลับมาแล้วออกต่อให้กับเคาท์อีกที ก่อนเลือกจ่ายย้อนมาให้กับสเปียริ่งเห็นช่องข้างหน้าโล่งๆไม่มีใครเลยพาขึ้นมาเองแล้วจัดการสับไกนอกเขตโทษแค่บอลยังหลุดเสาอยู่

เข้าช่วงท้าย"หงส์แดง"ได้กดดันอย่างหนักแล้วก็มีโอกาสได้จบแบบเรื่อยๆโดยเป็นลูกเตะมุมเข้ามาคาร์โรลล์โขกยังติดบล็อกมีมักซี่มาซ้ำก็ยังติดอีก คราวนี้บอลเข้าเท้าจอห์นสันเปิดจากขวาข้ามไปซ้ายให้กับแอกเกอร์อยู่โล่งๆได้เอาบอลลงแล้วก็ยิงแต่ฟอสเตอร์ยังเซฟเอาไว้


กลับมาเริ่มครึ่งหลังได้ 5 นาที"หงส์แดง"เจอเพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจอีกแล้วจากจังหวะที่ซัวเรสจ่ายให้กับเคาท์ก่อนจะมีจอห์นสันสอดเข้าไปรับในเขตโทษคืนมาหน้าเขตโทษให้กับเฮนเดอร์สันได้ยิงหน้าเขตโทษแต่ดันไปชนคานอย่างจัง

เจ้าบ้านยังบุกไม่หยุดไม่หย่อนแล้วก็ได้โอกาสลองส่องอีกครั้งนึงเป็นเอนริเก้ที่ดีดออกไปริมเส้นซ้ายให้กับซัวเรสก่อนจะเลี้ยฝ่าตัวประกบผ่านสุดเส้นหลังมาได้ก่อนจะพยายามเลี้ยงจนได้มุมยิงแล้วสับไกแต่ก็ข้ามคานออกไป

นาที 60 "หงส์แดง"ก็ยังไม่มีโชคเสียทีหลังได้โอกาสส่องอีกแล้วจากซัวเรสที่พาบอลขึ้นมาเองก่อนจะออกมาทางขวาให้กับเคาท์ได้จับบอลก่อนทีนึงจากนั้นจัดการซัดเลย บอลไปแฉลบขาตัวบล็อกก่อนจะพุ่งไปชนเสาอย่างจังอีกแล้ว

ยังไงก็ไม่ได้ซักทีสำหรับลิเวอร์พูลที่มีโอกาสได้บดชุดใหญ่แล้วน่าได้ประตูแบบสุดๆจากจังหวะที่ซัวเรสหลุดมาจนถึงสุดเส้นหลังก่อนเปิดเข้าไปตรงกลาง ฟอสเตอร์ออกมาปัดไว้ได้ก่อนตามออกมาชก บอลยังไม่ไปไหนเข้าทางคาร์โรลล์ถอยหลังยิงแต่ดันวืด บอลยังไม่ไปไหนเลยคืนออกมาให้กับสเปียริ่งได้กดแต่ก็ยังเจอตัวบล็อกหน้าปากประตูอีก

แต่แล้วนาที 75 พลาดเพียงแค่ครั้งเดียวทำเอา"หงส์แดง"พังเลยหลัง"มวยโลก"ฉกฉวยโอกาสได้สำเร็จจากจังหวะที่มูลุมบูวิ่งเบียดบอลไปกับจอห์นสัน แล้วจอห์นสันพยายามจะจ่ายบอลแต่ดันไปเจอมูลุมบูสกัดไว้ได้ไปเข้าทางโอเด็มวิงกี้พาบอลหลุดเข้าเขตโทษเข้าไปเดี่ยวๆเลยก่อนจะยิงผ่านมือเรน่าเข้าไป เวสบรอมวิชพลิกนำเฉย 1-0

เข้าช่วง 10 นาทีสุดท้าย"หงส์แดง"เกือบได้ประตูตีเสมอแล้วเป็นเบลลามี่ที่ได้บอลทางซ้ายก่อนจะยิงเข้าไป ฟอสเตอร์เซฟได้แต่ยังมาเข้าทางคาร์โรลล์ได้ซ้ำบอลก็ยังมาติดโอลส์สันอยู่ดี

ซัวเรสยิงมุมแคบยังไม่ผ่านเหมือนเดิม 
ทดเจ็บลิเวอร์พูลมีลุ้นอีกเฮือกจากบอลแทงเข้าเขตโทษและเป็นซัวเรสที่หลุดไปได้ยิงมุมแคบแต่ฟอสเตอร์ยังเซฟไว้ได้เหมือนเดิม

จบเกมลิเวอร์พูลก็พลาดพ่ายเวสบรอมวิชไป 1-0 ทำให้แพ้ในบ้านเป็นนัดที่ 3 และยังคงอยู่ในอันดับที่ 8 ของตารางต่อไป ส่วน"มวยโลก"ก็ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 10 แล้ว

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 
ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า 6.0, ดาเนียล แอกเกอร์ 6.0, มาร์ติน สเคอร์เทล 6.5, โฆเซ่ เอนริเก้ 6.0, เกล็น จอห์นสัน 5.5, เจย์ สเปียริ่ง 6.0, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6.0 (เชลวี่ย์ น.83 -), มักซี่ โรดริเกซ 6.0 (ดาวนิ่ง น.74 5.5), เดิร์ก เคาท์ 5.5 (เบลลามี่ น.68 6.0), แอนดี้ คาร์โรลล์ 6.0, หลุยส์ ซัวเรส 7.0*

เวสบรอมวิช อัลเบี้ยน : เบน ฟอสเตอร์ 6.0, แกเร็ธ แม็คออลี่ย์ 6.0, โจนาส โอลส์สัน 5.0, เลียม ริดจ์เวลล์ 6.5, บิลลี่ โจนส์ 5.0, แกรห์ม ดอร์แรนส์ 5.5 (ค็อกซ์ น.86 -), ยูสซูฟ มูลุมบู 5.5, เจโรม โทมัส 6.0 (แอนดรูว์ น.63 6.0), คริส บรันท์ 6.0, เชน ลอง 4.5, ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ 6.5 (ชาร์เนอร์ น.83 -)

ผลฟุตบอล พรีเมียร์ชิพคืนวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2555
แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ เอฟเวอร์ตัน  4 - 4
วูล์ฟแฮมป์ตัน แพ้ แมนฯ ซิตี้  0 - 2
ลิเวอร์พูล แพ้ เวสต์บรอมวิช  0 - 1



ไฮไลท์แมตช์ ยูเวนตุส VS โรม่า Series A Italy - ราศรีแชมป์! ม้าลายรัวหมาป่า 4-0 ทิ้งมิลาน 3 แต้ม 12bet 23/04/2555



ยูเวนตุสเขยิบเข้าใกล้สคูเด็ตโดต้เข้าไปอีก้าวแล้ว หลังระเบิดฟอร์มโหด ถลุงอาแอส โรม่า ที่เหลือผู้เล่น 10 คน ไปยับเบิน 4-0 พร้อมทิ้งเอซี มิลาน ที่ทำได้แค่เสมอในวันนี้ไปแล้ว 3 แต้ม ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา คืนวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา



วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2555 


ฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา
ยูเวนตุส 4-0 โรม่า 








อันโตนิโอ คอนเต้ บอสยูเวนตุสได้ฤกษ์ดีเมื่อ ฟาบิโอ กวายาเรลล่า หอกจอมสังหารผ่านทดสอบความฟิตยืนหน้าคู่กับ มีร์โค วูชินิช มาในระบบ 3-5-2 ส่วน หลุยส์ เอ็นริเก้ เอลบอสโรม่าขาดตัวหลัก ฮวน จำต้องถอย ดาเนียเล่ เด รอสซี่ ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่ ไซม่อน เคียร์ ส่วน ฟรานเชสโก้ ต๊อตตี้ กัปตันนั่งดู

เปิดฉากแค่ 3 นาทีเศษๆเท่านั้นแฟนบอลเจ้าถิ่นไม่ต้องรอนานได้เฮกันทั้งสนามเมื่อ ยูเว่ ขึ้นนำเร็ว 1-0 จากการประสานงานเริ่มต้นด้วย วูชินิช ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษจ่ายไปทางซ้าย เด เชเญ่ หลุดโล่งๆไม่ล้ำหน้ากระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจ่ายหักกลับมา วิดาล วางเท้ายิงคนเดียวโล่งๆแบบไม่มีใครประกบเลยเสียบตาข่าย

ได้ประตูเร็วอะไรๆดูง่ายไปหมดสำหรับทีมเบียงโคเนรี่อีก 4 นาทีถัดมาขยับหนีเป็น 2-0 จากจังหวะสวนกล้บบอลมาถึง วูชินิช ไหลไปทางขวา วิดาลเจ้าเก่าบรรจงวางเท้ายิงด้วยขวาแบบไม่ต้องจับบอลแหวกอากาศผ่านมือ สเตเคเลนเบิร์ก นายทวารเสียบเสาสอง

นำห่างไปสองประตูแต่ "ม้าลาย" ยังคึกเดินหน้าลุยต่อนาที 10 บอลวางทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวา วูชินิช พลิกกลับตัวยิงไปติดเซฟ สเตเคเลนเบิร์ก ตามตะครุบรับอีกที

สถานการณ์ของ "หมาป่า" นอกจากตามหลังถึงสองประตูแล้วยังเข้าขั้นวิกฤติกู่ไม่กลับเหลือ 10 คนแถมเสียจุดโทษในนาที 26 ทางจากจังหวะ วูชินิช จ่ายทะลุช่อง มาร์คิซิโอ หลุดเดี่ยวเจอ สเตเคเลนเบิร์ก นายทวารใช้ขาสกัดล้ำคว่ำในเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือกควักใบแดงไล่โกล์หมาป่าออก ปิร์โล่ รับหน้าที่สังหารยิงไปติดเซฟประตูสำรอง คูร์ชี่ ปัดไม่พ้นเลยเสร็จ ปิร์โล่ แปจ่อๆไม่เหลือ ยูเว่ นำโด่ง 3-0

เข้าสู่ท้ายครึ่งแรก "ม้าลาย" มีโอกาสขยับสกอร์เม็ดที่ 4 ปิร์โล่ โยนลูกเตะมุมทางขวามาหน้าปากประตูกองหลังโรม่าสกัดไม่ขาด เด เชเย่ รออยู่แถวสองยิงสวนทันทียบอลพุ่งเป็นจรวดถากเสานิดเดียว จบครึ่งแรก ยูเว่ ตุน 3 เม็ด

เปิดฉากแค่สองนาทียังเป็น ยุเว่ ที่ตัวเหนือกว่าเป็นฝ่ายเดินหน้าลุยต่อแค่ 2 นาทีเท่านั้น มาร์คิซิโอ ทดสอบความเหนียวนายทวารมือสองสับไกยิงนอกกรอบเขตโทษระยะ 25 หลาเข้าซอง คูร์ชี่

บทจะได้ก็ได้ง่ายดายเหลือเกิน ยูเว่ ขยับสกอร์เป็น 4-0 พูนสวิสดิ์ ลิชท์สไตเนอร์ เติมเกมบุกทางซ้ายก่อนผ่านเข้ากลาง วูชินิช โชว์ไขว้ดีดลูกหลังมาให้ มาร์คิซิโอ รอตั้งป้อมบรรจบปั่นด้วยขวาบอลเลี้ยวหนีมือนายทวารโรม่าเสียบโคนเสา

แม้สกอร์ขาดไปแล้วแต่ ยูเว่ ยังเดินหน้าลุยต่อนาที 70 ลิชท์สไตเนอร์ กระชากมาทางซ้ายก่อนผ่านมาแถวๆหัวกระโหลก มาร์คิซิโอ จับก่อนแตกลากผ่าน เคียร์ แล้วยิงเน้นๆแต่ไปติดซูเปอร์เซฟนายทวาร คูร์ชี่


อีก 2 นาทีถัดมายังเป็น "ม้าลาย" มีจังหวะเข้าทำตลอดคราวนี้เป็น เดล ปิเอโร่ ขวัญใจแฟนๆลองตะบันไกลระยะ 25 หลาเหินข้ามคาน จากนั้นเป็น ยูเว่ คุมสถานการณ์ไว้ได้หมดถล่ม 4-0



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
ยูเวนตุส: บุฟฟ่อน,บาร์ซายี่,โบนุชชี่,คิเอลลินี่,ลิชท์สไตเนอร์,วิดาล(จาคเครินี่ น.67),ปิร์โล่,มาร์คิซิโอ,เด เชเย่,กวายาเรลล่า(เดล ปิเอโร่ น.61),วูนิชิช(บอร์ริเอลโล่ น.57)

โรม่า:สเตเคเลนเบิร์ก,โรซี่,เด รอสซี่,เคียร์,อังเคล,แปร์ร็อตต้า,กาโก้,มาร์กินโญ่,ปายิช(ลาเมล่า น.61),ออสวัลโด้(โบยาน น.57),บอรินี่ (คูร์ชี่ น.27)

ผลฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลีคืนวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2555
ฟิออเรนติน่า เสมอ อินเตอร์ มิลาน 0 - 0
เอซี มิลาน เสมอ โบโลญญ่า 1 - 1
ลาซิโอ เสมอ เลชเช่ 1 - 1
เชเซน่า เสมอ ปาแลร์โม่ 2 - 2
เจนัว แพ้ เซียน่า 1 - 4
ยูเวนตุส ชนะ โรม่า  4 - 0

ไฮไลท์แมตช์ เอซี มิลาน VS โบโลญญ่า Series A Italy - มิลานหืด! ซลาตันซัลโวเจ๊าโบโลญญ่า 1-1 นาทีสุดท้าย 12bet 23/04/2555



เอซี มิลาน ยังโชคดีได้ 1 แต้มในรังซาน ซิโร่ หลังได้ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ช่วยยิงตีเสมอ โบโลญญ่า 1-1 ในนาทีสุดท้ายของเกม ส่งผลให้โอกาสลุ้นสคูเด็ตโต้อีกสมัยแทบเลือนลางแล้ว เพราะยูเวนตุสที่ลงทีหลังอาจทำแต้มหนีห่างออกไปอีก 

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2555 


ฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี่
เอซี มิลาน 1-1 โบโลญญ่า 


โบโลญญ่านำ 1-0




มิลานตีเสมอ 1-1




เจ้าบ้านครองเกมบุกนาที 15 โอกาสทองมาแล้วแต่หลุดลอยไปเอง เซดอร์ฟ จ่ายปั่นไซด์ทะลุให้ อิบราฮิโมวิช หลุดโล่งๆไม่มีใครประกบแต่กลับยิงหลุดออกข้างหน้าตาเฉย

บุกไปบุกมาจนมา กลับเป็นมิลานที่เจอทีเด็ด โบโลญญ่า สวนกลับพลิกขึ้นนำ 1-0 ฟาน บอมเมล เสียบอลจากกลางสนามโดน เดียมานติ แย่งไปได้กระชากมาทางขวาก่อนผ่านเข้ากลาง รามิเรส จับก่อนจิ้มผ่านมือ อับเบียติ ตุงตาข่าย ในนาทีที่ 26

หลังเสียประตู มิลาน เสียกระบวนไปใหญ่อีก 3 นาทีเสียฟรีคิกระยะหวังผลหน้าปากประตู เดียมานติ ปั่นข้ามกำแพงมาแล้วแต่ อับเบียติ ดักทางเซฟเอาไว้ได้

ผ่านครึ่งชั่วโมงเกมกลับมาเป็นของ "ปีศาจแดงดำ" อีกครั้งได้ลุ้นจาก โรบินโญ่ กึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าปากประตูแต่ไม่มีกองหน้าคนไหนเข้าชาร์จเลย

เข้าสู่ท้ายครึ่งแรก มิลาน รอดพ้นเสียประตูไปได้อีกครั้ง มูดินกายี สอดจากแนวรับหลุดกับดักล้ำหน้ากระชากไปดวลกับนายทวารแต่ดันยิงผ่านหน้าปากประตู จบครึ่งแรก โบโลญญ่า นำ 1-0


กลับมาเริ่มต้นกันใหม่แค่ 3 นาทีเท่านั้น มิลาน พลาดโอกาสทองตามตีเสมอไปอีกครั้งจากจังหวะ โรบินโญ่ กระชากจากกลางสนามลากเกือบสุดเส้นหลังผ่านให้ โนเชริโน่ เติมขึ้นมายิงหักข้อเกินไปหลุดเสาสอง

นาที 52 ทีมรอสโซเนรี่รอดตัวไปยังมีดวงช่วยไม่เสียประตูที่สอง เดียมานติ หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษทางซ้ายบอลย้อยข้ามตัวนายทวาร อับเบียติ ชนคานเต็มๆ

เกมกำลังจะครบครึ่งชั่วโมง มิลาน ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะ คาสซาโน่ ตัวสำรองไหลไปทางขวาบอลตกมาถึง โรบินโญ่ ฮาล์ฟวอลเลย์ใกล้เส้นเขตโทษแต่ อัญยาดี้ ยืนถูกที่ถูกตำแหน่งปัดก่อนตามรับไว้ได้ทัน

อีก 7 นาทีต่อมา "ปีศาจแดงดำ" ยังได้แค่เฉียดไปเฉียดมาบอลจ่ายทะลุ อิบราฮิโมวิช หลุดเดี่ยวกำลังจะได้ยิงโดน อัญยาดี้ นายทวารออกมาบล็อคบอลทะลักกำลังจะตุงตาข่ายแต่โดนเตะสกัดทิ้งออกไปได้

เกมผ่านไปนานเท่าไหร่ มิลาน เล่นด้วยความกดดันจนสถานการณ์เริ่มเลวร้ายในนาที 82 เมื่อเหลือผุ้เล่นแค่ 10 คน โบเนร่า ไม่ระวังตัวโดนใบเหลืองไปแล้วเจตนาดึง อัคกวาเฟรสก้า ผุ้ตัดสินชักใบเหลืองอีกใบเป็นใบแดงไล่ออก

อีกนาทีถัดมา โบโลญญ่า ตัวมากกว่าเกือบได้ประตูเพิ่ม การิคส์ เปิดฟรีคิกยาวจากริมเส้นทางซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษเสาสอง ปอร์ตาโนว่า โหม่งเช็ดบอลพุ่งชนหน้าต่างตาข่าย

แม้ตัวน้อยกว่าแต่ มิลาน สวมสปิริตเปิดเกมบุกเข้าใส่กระทั่งนาทีสุดท้ายตามตีเสมอได้สำเร็จ เอมานูเอลสัน ทุ่มไกลจากริมเส้นเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวา มูดินกายี เสียท่า อิบราฮิโมวิช ยืนอยู่ด้านหลังยิงผ่านนายทวารทีมเยือนตุงตาข่าย

จากนั้น "ปีศาจแดงดำ" คึกใหญ่หวังแซงประตูชัยทดเจ็บนาทีสุดท้ายพลาดโอกาสชนะไปอย่างน่าเสียดาย เอมานูเอลสัน เปิดจากทางซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษ โรบินโญ่ พุ่งตอร์ปิโดบกโหม่งหลุดกรอบนิดเดียว จบเกม มิลาน ทำได้แค่เสมอ 1-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
เอซี มิลาน: อับเบียติ,อาบาเต้,เนสต้า,โบเนร่า,อันโตนินี่,โนเชริโน่,ฟาน บอมเมล,มุนตารี่,เซดอร์ฟ,อิบราฮิโมวิช,โรบินโญ่

โบโลญญ่า: อัญยาดี้,รัจจี้,ปอร์ตาโนว่า,เชรูบิน,การิคส์,เปเรซ,มูดินกายี,มอร์เลโอ,รามิเรซ,เดียมานติ,ดิ วาโย่

ไฮไลท์แมตช์ วูล์ฟส์ VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้ Premier League - เรือบี้หมาป่า 2-0 จี้ผีเหลือ 3 แต้ม 12bet 23/04/2555



แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีปัญหาในการบุกเก็บสามแต้มที่รังโมลินิวซ์ ของวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส โดยเรือใบสีฟ้าได้กุน อเกวโร่ และ ซาเมียร์ นาสรี่ ทำคนละประตูเอาชนะไปแบสบายๆ 2-0 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2555


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วูล์ฟส์ 0-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 






แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ลงเล่นเกมหลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเล่นเป็นคู่แรกในช่วงหัวค่ำ ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 4-4 กับเอฟเวอร์ตัน ทำให้พลพรรคนักเตะเรือใบสีฟ้าน่าจะมีแรงกระตุ้นในการเก็บแต้มมากเป็นพิเศษ


ยังไม่ถึง 10 นาทีดี กุนก็มีโอกาสก่อนจากจังหวะรับบอลจากเพื่อน ก่อนจะแตะจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษ มีบาสซงไปป้วนเปี้ยนอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตวัดยิงผ่านเดอ ฟรีส์ที่ปิดเสาแรกอยู่ไปได้ แต่บอลพุ่งผ่านหน้าประตูเฉี่ยวโคนเสาสองหลุดออกไป

นาทีที่ 13 ต้องออกแรงเซฟเหมือนกันสำหรับฮาร์ท เมื่อวูล์ฟส์ทำเกมขึ้นมาบุกกดันใส่แมนฯซิตี้ จนบอลไปเข้าทางของเดวิสที่ได้ตะบันจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงได้ใจ แต่ไม่พ้นมือของฮาร์ทที่ทุบทิ้งออกหลังไปได้

ไม่กี่จังหวะถัดมาแมนฯซิตี้เกือบจะได้ประตูขึ้นนำแล้ว จากจังหวะที่ซิลบาแตะบอลให้ซาบาเลต้าที่มองอย่างเฉียบกระแทกบอลทะลุช่องไปให้นาสรี่วิ่งหลุดเข้าไปตวัดยิงที่เสาแรก บอลผ่านมือเดอ ฟรีส์ไปแล้ว แต่หลุดโคนเสาไกลออกหลังไปนิดเดียวแค่นั้นเอง

ผ่านช่วง 20 กว่านาทีแรกไป โอกาสของแมนฯซิตี้มีมาเรื่อยๆเหมือนกัน แต่อเกวโร่ดูเหมือนจะใจร้อนไปหน่อย ในจังหวะที่กองหลังของวูล์ฟส์ไปโหม่งแล้วบอลลอยกลับหลัง อเกวโร่พยายามจะไปดีดตั้งแต่จังหวะแรก บอลเลยแป้กๆหลุดออกหลังไป

นาทีที่ 27 ลองปล่อยให้อเกวโร่ได้หลุดแบบนี้จะไปเหลือได้อย่างไร แต่ก็ต้องชมจังหวะการจ่ายของกลิชี่ที่พลิกบอลหนีผู้เล่นวูล์ฟส์ ก่อนที่จะจ่ายกึ่งครอสจากด้านข้างมา กองหลังวูล์ฟส์พยายามล้มตัวสกัดแต่ไม่ถึง บอลเลยเข้าทางอเกวโร่ที่เแม้จะดูเสียหลักอยู่หน่อย แต่ก็จิ้มบอลสวนเดอ ฟรีส์เข้าประตูไปตามคาด แมนฯซิตี้ขึ้นนำ 1-0
  
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย ยังไงดูแล้วก็ยากเอามากๆสำหรับวูล์ฟส์หากคิดที่จะตีเสมอแมนฯซิตี้ เพราะทีมเยือนวันนี้ก่ะมาเล่นเกมเขี้ยวๆคอยสวนคอยโต้เจ็บๆอยู่แล้ว เจ้าบ้านเลยลุยขึ้นไปเจาะแนวรับไม่ผ่านสักที

ช่วงเวลาที่เหลือแมนฯซิตี้ก็เล่นกันอย่างชิลๆท่ามกลางใบหน้ายิ้มแย้มของแฟนบอล เพราะเจ้าบ้านแทบจะทำอะไรให้พวกเขาระคายผิวไม่ได้เลย จบ 45 นาที "เรือใบ" นำอยู่ 1-0

นาทีที่ 56 เหมือนครึ่งแรกเลยคือช่วงต้นเกมที่วูล์ฟส์งัดพลังออกมาบุกลุยใส่แมนฯซิตี้แบบติดๆกัน จนมามีโอกาสในจังหวะโยนบอมบ์เข้าไปในกรอบเขตโทษ เฟล็ทเชอร์เทคตัวขึ้นโหม่งเล็งไปเสาไกล แต่บอลมันไม่แรงเท่าไหร่ ฮาร์ทเลยพุ่งตัวไปปัดทิ้งออกหลังได้ทัน

นาทีที่ 60 เน้นความชัวร์เอาไว้ก่อนเลยทีกว่าสำหรับมันชินี่ เมื่อตัดสินใจถอดตัวปั้นเกมอย่างซิลบาออกไปพัก แล้วส่งเดอ ยองที่ถนัดเล่นเกมรับลงไปแทน โดยขยับเอายาย่าขึ้นไปยืนสูง คอยเชื่อมบอลระหว่างกลางกับหน้า

นาทีที่ 67 ทำท่าซะสวยเลยสำหรับสเตียร์แมนกับเฮนรี่ เพราะอุตส่าห์ดักจังหวะจ่ายของแมนฯซิตี้ในเขตโทษได้แล้ว แต่ไปกั๊กบอลกันเองไม่รู้ว่าใครจะเล่น เลยกระโดดข้ามบอลพร้อมกัน เป็นท่าเต้นคู่ที่เห็นแล้วอดขำไม่ได้

อีก 2 นาทีต่อมา เกือบจะได้ประตูนำห่างแล้วสำหรับแมนฯซิตี้ จากจังหวะที่เตเบซไปเบียดเอาบอลมาจากสเตียร์แมนได้ ก่อนที่จะยึกไปยึกมารอเพื่อน เห็นว่าไม่มีใครเติมเลยต้องแตะเข้าขวาแล้วยิงทันที แต่สเตียร์แมนแก้ตัว พุ่งบล็อกลูกยิงเอาไว้ได้

นาทีที่ 74 น่าจะได้ 3 คะแนนแน่นอนแล้วสำหรับแมนฯซิตี้ เมื่อพวกเขามาได้ประตูจากจังหวะสวนกลับที่เตเบซได้ฟาวล์แล้วเล่นเร็วต่อบอลไปให้กับอเกวโร่ จ่ายกลับมาให้เตเบซอีกครั้ง ก่อนที่จะแทงออกข้างไปให้กับนาสรี่ที่ได้ตั้งป้อมยิงเน้นๆ เพราะบาสซงที่เหมือนจะวิ่งมาดักได้ดันเจ็บต้นขาขึ้นมาซะก่อน บอลพุ่งผ่านเดอ ฟรีส์เข้าประตูไป แมนฯซิตี้นำห่าง 2-0

อีก 2 นาทีต่อมา เพิ่งจะลงไปเล่นแทนเตเบซอยู่หยกๆ แต่จอห์นสันก็ได้ลุ้นประตูเลยในจังหวะที่เขาเก็บตกบอลซึ่งย้อนหลังเพื่อน ล็อกหลับก่อนหนึ่งจังหวะแล้วยิงทันที บอลพุ่งพร้อมเบียดเข้าเสาแรก แต่เดอ ฟรีส์พุ่งไปปัดทิ้งได้ทัน

นาทีที่ 84 พลาดไปเลยสำหรับอเกวโร่ เพราะเขาอุตส่าห์ทะลุหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ เหลือกองหลังวูล์ฟส์แค่ตัวเดียว แต่จังหวะหลอกจะเกี่ยวบอลหนีกลับไปสะดุดขาตัวเอง ทำให้หมดโอกาสยิงไปเลย

จบ 90 นาทีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ทำได้ตามคาดบุกไปเอาชนะวูล์ฟส์ด้วยสกอร์ 2-0 ทำให้พวกเขามีคะแนนเพิ่มเป็น 80 แต้ม ตามหลังแมนฯยูไนเต็ดเหลือ 3 คะแนน แถมตุนประตูได้เสียมากกว่า 6 ลูก ก่อนที่จะเปิดศึกดาร์บี้แมตช์ชี้ชะตาแชมป์กันในสัปดาห์หน้า

ส่วนวูล์ฟส์ก็ต้องหล่นลงไปเล่นแชมป์เปี้ยนชิพตามระเบียบ หลังลงเล่นไป 35 นัดมีแค่ 23 แต้ม ต่อให้ชนะรวดในอีก 3 เกมที่เหลือก็ไม่ทันการณ์แล้วนั่นเอง

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
วูล์ฟส์ : โดรุส เดอ ฟรีส์, เซบาสเตียน บาสซง, ริชาร์ด สเตียร์แมน, สตีเฟ่น วอร์ด, เควิน โฟลี่ย์, เดวิด เดวิส, คาร์ล เฮนรี่, เดวิด เอ็ดเวิร์ดส์, แมทธิว จาร์วิส, ไมเคิ่ล ไคท์ลี่ย์, สตีเว่น เฟล็ทเชอร์

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, โจเลี่ยน เลสค็อตต์, แวนซองต์ กอมปานี, กาแอล กลิชี่, ปาโบล ซาบาเลต้า, แกเร็ธ แบร์รี่, ยาย่า ตูเร่, ซาเมียร์ นาสรี่, ดาวิด ซิลบา, คาร์ลอส เตเบซ, แซร์คิโอ้ อเกวโร่


ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคืนวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2555
แมนฯยูไนเต็ด เสมอ เอฟเวอร์ตัน 4-4 
ลิเวอร์พูล แพ้ เวสต์บรอมวิช 0-1
วูล์ฟส์ แพ้ แมนฯซิตี้ 0-2

ไฮไลท์แมตช์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS เอฟเวอร์ตัน Premier League - ผีสุดบู่ทอฟฟี่ตีเจ๊า 4-4 ท้ายเกม 12bet 23/04/2555



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสองแต้มสำคัญหล่นหายเอาในช่วงสำคัญของฤดูกาล โดยเกมรับพลาดท่าถูกเอฟเวอร์ตัน ยิงไล่ขึ้นมาสองลูกรวดจนจบเกมด้วยผลเสมอ 4-4 มรศึกพรีเมียร์ชิพ คืนวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา



วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2555 


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-4 เอฟเวอร์ตัน 





แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดต้อนรับการมาเยือนของเอฟเวอร์ตัน เกมนี้พวกเขาต้องการ 3 คะแนนแน่นอน เพราะมีโอกาสจะทำแต้มฉีกหนีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่เตะทีหลังได้ก่อน

วันนี้แมนฯยูไนเต็ดตัดสินใจส่ง รูนี่ย์และเวลเบ็ค เป็นกองหน้าคู่ ส่วนแผงมิดฟิลด์หัวใจสำคัญอยู่ที่สโคลส์และมีวาเลนเซียคอยแทงขวาอยู่ริมเส้น

เอฟเวอร์ตันไม่มีเลห์ตัน เบนส์ แบ๊กซ้ายจอมบุก ที่เจ็บข้อเท้า ไม่สามารถช่วยทีมได้อีกในฤดูกาลนี้ โดยในแดนกลางมีดารอน กิ๊บสัน ที่ได้กลับมาเล่นที๋โอลด์ แทรฟฟอร์ดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายทีมออกไป


เริ่มเกมมา 5 นาที กองหลังแมนฯยูไนเต็ดไม่รู้ว่ายืนเล่นอะไรกันอยู่ แต่เปิดช่องโล่งโจ่งให้เอฟเวอร์ตันได้เจาะ จ่ายทะลุไปถึงเยลาวิชที่พยายามตวัดยิงให้เบียดเสาแรก แต่ไม่ผ่านมือของเด เกอาที่ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้

ช่วงต้นเกมบอกได้เลยว่าแมนฯยูไนเต็ดเล่นได้ไม่สมกับเป็นเจ้าบ้านเลย เพราะนอกจากจะบุกไม่ขึ้น กองหลังยังยืนกันรวนๆอยู่

นาทีที่ 11 เกมบุกเหมือนรถเครื่องกระตุกยังไงไม่รู้สำหรับแมนฯยูไนเต็ด เพราะเป็นอืดๆเร่งกันไม่ค่อยขึ้น พอจะบุกหาทางเจาะก็ต้องจ่ายตัดข้างไม่ก็คืนหลัง แต่ก็มีช็อตได้ลุ้นจากลูกยิงไกลของนานี่เหมือนกัน แม้ว่าจะหลุดกรอบไปหนึ่งและตรงตัวของฮาวเวิร์ดอีกหนึ่งก็ตาม

ผ่าน 20 นาทีแรก ตอนนี้เกมมันอึดอัดสุดๆ เพราะทั้งสองทีมยันเชื่อมเกมกันได้ไม่สุด เอฟเวอร์ตันหลังจากมีโอกาสแรกๆตอนนี้เกมรุกก็หายไป ส่วนแมนฯยูไนเต็ดแม้ว่าจะได้ครองบอลมากขึ้น แต่มิติที่จะเจาะเข้าไปหาโอกาสยิงน้อยมากในวันนี้

เล่นกันเหมือนเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กหลับเลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เพราะเกมต่อกันไม่ติดจริงๆ จนรูนี่ย์ต้องลงต่ำ ออกไปเล่นด้านข้าง ทำให้ข้างหน้าไม่มีคนคอยไปป้วนเปี้ยนหน้าประตูช่วยเวลเบ็ค จะหวังพึ่งนานี่ ดูแล้วยังยากเพราะฟอร์มไม่เปรี้ยง เล่นยังไม่ออก


นาทีที่ 33 เป็นการโหม่งที่คมสุดๆเลยสำหรับเยลาวิชที่จัดการลงโทษแมนฯยูไนเต็ดซึ่งเล่นกันเอื่อยเฉื่อยน่าเบื่อ จนต้องมาเสียประตูไปก่อน จากจังหวะที่ฮิบเบิร์ตขึ้นไปโยนบอลเข้ากลาง บอลแรงยาวไปเสาสอง เยลาวิชเทคตัวขึ้นโหม่งย้อนศร แม้ว่ามุมจะแคบ แต่ทิศทางเป๊ะสุดๆ ข้ามหัวของเด เกอาเข้าไปเสียบเสาสองเป๊ะเช๊ะ เอฟเวอร์ตันนำ 1-0

อีก 1 นาทีต่อมา แมนฯยูไนเต็ดเกือบจะได้ประตูตีเสมอแบบรวดเร็วแล้ว ในจังหวะที่สโคลส์ตะบันจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแหวกฝูงนักเตะที่ยืนออกันอยู่หน้าประตู แฉลบสองจังหวะ แต่บอลไปติดมือของฮาวเวิร์ดที่มองไม่เห็นแล้ว ก่อนที่ะตะครุบจังหวะสองเอาไว้ได้

นาทีที่ 41 กว่าจะเปิดแม่นๆให้เพื่อนได้ก็ล่อซะเกือบพักครึ่งเลย สำหรับนานี่ที่ยึกโยนบอลจากด้านข้าง โด่งก่อนที่จะฮุคลงอย่างสวย พอดีกับที่รูนี่ย์เทคตัวเข้าโหม่งสะบัดส่งบอลผ่านมือของฮาวเวิร์ดเข้าไปกระแทกตาข่าย แมนฯยูไนเต็ดตีเสมอได้แล้วเป็น 1-1

ตอนที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงทดเวลา มอยส์โชว์ช็อตน่ารักขำๆ หลังเห็นเซอร์ อเล็กซ์ยืนโวยวายเรื่องเวลากับผู้ตัดสินที่ 4 อยู่ข้างสนาม พร้อมชี้ดูนาฬิกา กุนซือหน้าอีทีเลยเดินเข้าไปพูดแซวพร้อมจับหัวมือ หัวเราะร่วน ดูแล้วผ่อนคลายอารมณ์ดีแท้

ช่วงท้ายครึ่งแรก เกือบจะได้ประตูพลิกขึ้นนำเหมือนกันสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อพวกเขาได้ฟรีคิกในนาทีสุดท้าย นานี่โยนเข้าไป มีการโหม่งสกัดกันก่อนที่บอลจะไปเข้าทางของเวลเบ็คที่โถมตัวเข้าโขก แต่บอลพุ่งหลุดเสาแรกออกไปนิดเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะจบ 45 นาทีแรก ต้องแก้เกมกันบานเลยสำหรับเฟอร์กูสัน หากหวังที่จะเก็บ 3 คะแนนเต็มในเกมนี้ให้ได้


ผ่าน 10 นาทีของครึ่งแรกไป เกมก็ยังไม่ได้ต่างอะไรไปมากกว่าครึ่งแรกเท่าไหร่สำหรับแมนฯยูไนเต็ด อาจจะดูคึกคักขึ้นบ้าง แต่จังหวะยังเหนือยอยู่เวลาที่จะสปีดทำเกมรุกขึ้นไปข้างหน้า


นาทีที่ 57 ปกติยิงไม่ค่อยจะคม แต่คราวนี้ซัดซะงามเลยสำหรับเวลเบ็ค ในจังหวะที่แมนฯยูไนเต็ดทำเกมกดดันจนกองหลังเอฟเวอร์ตันออกอาการ สกัดกันไม่ขาด ทำให้นานี่โหม่งเข้ากลางได้อีกครั้ง บอลไปตกที่เวลเบ็คซึ่งยึกหลอกผู้เล่นเอฟเวอร์ตันที่เข้าพรวดก่อนที่จะบรรจงวางเท้ายิงปั่นไซด์ส่งบอลพุ่งโค้งหนีมือของฮาวเวิร์ดเข้าไปเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม แมนฯยูไนเต็ดขึ้นนำแล้ว 2-1

จังหวะนี้มอยส์ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เนื่องจากจังหวะที่วาเลนเซียลากบอลขึ้นทางข้าง พีนาร์พยายามจะพลิกตัวกลับไปสกัด แต่ดันเจ็บขึ้นมาเองจนลงไปนอนกอง ก่อนที่จังหวะต่อมาจะเสียประตูในที่สุด

นาทีที่ 61 เกมมาห่างแบบรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัวเลย เมื่อกองหลังของเอฟเวอร์ตันเจอนวดหนักๆเลยรวนจนมีช่อง ทำให้แมนฯยูไนเต็ดบุกเจาะ เริ่มจากคาร์ริคจ่ายเล่นกับนานี่ ก่อนที่ะผ่านให้เวลเบ็ค แตะต่อทะลุช่องไปให้กับนานี่หลุดเข้าไปชิพบอลข้ามตัวของฮาวเวิร์ดเข้าไปไม่มีเหลือ แมนฯยูไนเต็ดคักโคตร นำห่างแล้ว 3-1

นาทีที่ 67 เกมสนุกขึ้นมาเรื่อยๆ กองหลังของแมนฯยูไนเต็ดผิดพลาดเหมือนกัน เพราะยืนเหม่อไม่ยอมประกบตัว เลยทำให้เฟลไลนี่โชว์จังหวะวอลเล่ย์ลูกเปิดของฮิบเบิร์ต บอลพุ่งไปเสาแรก แม้ว่าเด เกอาจะปัดได้ แต่ระยะมันใกล้เกิน เลยไม่พ้น เอฟเวอร์ตันตามมาเป็น 3-2 ลุ้นกันสุดๆ

อีก 3 นาทีต่อมา โล่งใจขึ้นมาได้เลยสำหรับแฟนแมนฯยูไนเต็ด เมื่อทีมมาได้ประตูนำห่างออกไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง จากจังหวะที่วาเลนเซียเจาะขึ้นทางขวาเหมือนเดิม ก่อนที่จะจ่ายต่อไปให้กับเวลเบ็คที่ตวัดบอลเข้ากลางให้รูนี่ย์แปบอลฉีกหนีมือของฮาวเวิร์ดเข้าเสาสอง แมนฯยูไนเต็ดทิ้ง 4-2 ห่างไปอีกครั้ง

นาทีที่ 76 เกือบทำทีมเสียวอีกคำรบแล้วสำหรับสโคลส์ เพราะจังหวะครอสบอลเข้ากลางของเอฟเวอร์ตันเขาเข้าไปดักเอาบอลได้แล้ว แต่ดันไม่ยอมสกัดทิ้งจังหวะแรก ไปยึกยักก่ะจ่ายเอาชัวร์เลยโดนจิ้มไปได้ ยังดีที่ลูกยิงของเยลาวิชมันฝืนๆเลยพุ่งออกหลังไป

งานนี้ลุ้นกันยาวไปเลย ในนาทีที่ 83 กองหลังของแมนฯยูไนเต็ดสกัดกันไม่ดี ทำให้เฟลไลนี่โหม่งบอลเด้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ เยลาวิชวิ่งมาตะบันเต็มๆ บอลพุ่งเสียบเสาชนิดที่เด เกอาไม่ต้องพุ่งไม่เสียเวลา เอฟเวอร์ตันตามมาเป็น 4-3 แล้ว

อีก 2 นาทีต่อมา โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองเท่านั้นสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อพวกเขายืนกันหละหลวม ปล่อยให้เอฟเวอร์ตันต่อบอลกันไปมา ก่อนที่เฟลไลนนี่จะป้ายให้พีนาร์ทะลุเข้าไปจิ้มบอลผ่านเด เกอาตุงตาข่าย เอฟเวอร์ตันตีเสมอได้อย่างเหลือเชื่อ 4-4

ช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย เฟอร์ดินานด์น่าจะทำประตูให้กับแมนฯยูไนเต็ดได้ แต่ก็ไปติดเซฟของฮาวเวิร์ดที่เซฟเอาไว้ได้ยอดเยี่ยม จบ 90 นาทีเสมอกัน 4-4


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: ดาบิด เด เกอา 6, จอนนี่ อีแวนส์ 5, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 4.5, ปาทริซ เอฟร่า 5, ราฟาเอล 5, พอล สโคลส์ 6(โจนส์ - น.86), ไมเคิ่ล คาร์ริค 7, นานี่ 6.5, อันโตนิโอ วาเลนเซีย 5.5(เอร์นานเดซ - น.89), แดนนี่ เวลเบ็ค 7.5, เวย์น รูนี่ย์ 7.5

เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด 7, ซิลแวงน์ ดิสแตงน์ 4 (เคฮิลล์ - น.83), โทนี่ ฮิบเบิร์ต 7, ฟีล จาเกียลก้า 6, ฟีล เนวิลล์ 6.5, จอน ไฮติงก้า 6, ลีออน ออสมัน 6(แม็คฟาดเด้น 6 น.64), ดาร์รอน กิ๊บสัน 6, มารูยาน เฟลไลนี่ 8*, สตีเว่น พีนาร์ 7, นิกิก้า เยลาวิช 7.5

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สุดยอดแมตช์ตลอดกาล