Blogger Widgets
Sporty Magazine official website | Members area : Register | Sign in

ค้นหาบล็อกนี้

คลังไฮไลท์แมตช์

ไฮไลท์คลิป เทสหน้าเด้งแค่ไหน หลังโดนบอลอัดแบบสโลว์โมชั่น 12bet 21/04/2555

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555



เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมเวลานักฟุตบอลขึ้นโหม่ง หน้าตาต้องเหยเกกันทุกคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาโดนลูกบอดอัดด้วยความเร็ว วันนี้มีภาพสโลว์โมชั่นของคนที่ถูกบอลอัดหน้ามาให้ชมกัน แต่เป็นการขว้างด้วยมือเท่านั้น มิใช่เตะตูมเข้าที่หน้า





หน้าปะทะลูกบอลในหลายๆมุม







ไฮไลท์คลิป เจทีนวดมือให้ปูโยลแบบเน้นๆ 12bet 21/04/2555



คลิปหลุดๆ ของสองกัปตันทีมคู่แข่ง ในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศนัดแรก เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ระหว่าง เชลซี เปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ บาร์เซโลน่า 





เหตการณ์เกิดขึ้น ขณะที่ คาร์เลส ปูโยล ยืนประกบคู่อยู่กับ จอห์น เทอร์รี กัปตันบาร์ซา ยื่นข้อมือของตัวเองมาให้ เทอร์รี ได้ดูเหมือนจะบอกว่าข้อมือของเขานั้น มีอาการบาดเจ็บอยู่ให้ เทอร์รี ลองคลำดูได้ แต่ดูเหมือนกัปตันสิงห์บูล คงไม่อยากเสียสมาธิเล่นด้วย จึงจัดการบีบเข้าไปที่ข้อมือ ปูโยล อย่างแรงหนึ่งที จนกัปตันทีมบาร์เซโลนาทำหน้าบูดเบี้ยวด้วยอาการเจ็บปวดเลยทีเดียว

ไฮไลท์คลิป ตดปริศนา จับตูดใครดมไม่ได้ 12bet 21/04/2555



ภาพควันหลงข้างสนามจากเกมบิ๊กแมตช์ ศึกบาสเกตบอลเอ็นบีเอคู่ใหญ่ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ไมอามี ฮีท เปิดบ้านบดเอาชนะ ชิคาโก บูลส์ 83-72 ในช่วงท้ายควอเตอร์แรก กล้องทีวีจับไปที่ผู้เล่นซุ้มม้านั่งฝั่ง ฮีท ต่างแสดงสีหน้าอย่างคร่ำเครียดหากดูจากอาการท่าทีแล้วพวกเขาคงไม่ได้อึดอัดกับสกอร์ที่ต้นสังกัดของพวกเขานำทีมเยือนอยู่เพียง 1 แต้ม ณ ช่วงเวลานั้น หากแต่พวกเขาต่างเอาผ้ามาปิดจมูก อุดลมหายใจกันอย่างถ้วนหน้า 





เป็นเพราะว่ามีใครบางคนตรงบริเวณนั้นปล่อยตดออกมาไร้เสียง มีแต่กลิ่น จับมือใครดมไม่ได้ หากสังเกตของสีหน้าผู้เล่น ฮีท ทุกคนที่เอาผ้าอุดจมูกคงจะบ่งบอกได้ว่ากลิ่นตดปริศนาครั้งนี้มันช่างรุนแรงทำร้ายจิตใจพวกเขาเป็นยิ่งนัก

ไฮไลท์แมตช์ ไมนซ์ 05 VS โวล์ฟสบวร์ก Bundesliga - ไมนซ์แชร์แต้มโวล์ฟสบวร์ก หลังเปิดรังเจ๊าจืด 0-0 12bet 21/04/2555



ฟุตบอลบุนเดสลีกา ประจำคืนวันศุกร์ที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ไมนซ์ 05 เปิดรังเจ๊ากับ"หมาป่า"โวล์ฟสบวร์ก ไปแบบจืดชิด 0-0 แบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม



วันศุกร์ที่ 20 เมษายน 2555


ฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน 
ไมนซ์ 0-0 โวล์ฟสบวร์ก



ไมนซ์ 05 เปิดรังเจอกับ โวล์ฟสบวร์ก โดยทั้งสองทีมต่างอยู่กลางตารางทั้งคู่ เกมนี้ เจ้าบ้านส่ง โมฮาเหม็ด ซีดาน ดาวเตะอียิปต์เป็นตัวจริง หลังโดนดร็อปไปนาน ขณะที่ขุมกำลังอื่นยังเป็นชุดใหญ่ เหมือนเคย


ผ่านไปเพียง 5 นาที เจ้าถิ่นลุยใส่ทันที เอลกิน โซโต้ ผ่านบอลให้ โมฮาเหม็ด ซีดาน ยิงเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษไปตรงตัว ดีเอโก้ เบนาโญ่ ผู้รักษาประตูโวล์ฟสบวร์ก


เอริค ชูโป โมติง ได้บอลจ่ายให้ ซเดเน็ค พอสเพ็ค ซัลโวเท้าขวาจากกรอบเขตโทษฝั่งขวาแต่ว่าก็ติดเซพของดีเอโก้  เบนาโญ่ ประตูทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ 


จากนั้นนาที 27 ซีดาน ได้บอลจ่ายให้ อันเดรียส อีวานส์ชิตซ์ ซัลโวเท้าซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษไปตรงตัว เบนาโญ่


นาที 33 เจ้าถิ่นมีลุ้นอีกครั้ง ซีดาน โหม่งตั้งให้ อีวานส์ชิตซ์ ยิงเท้าซ้ายระยะไกล ทว่า เบนาโญ่ เป็นฮีโร่ ช่วยเซฟไม่ให้ทีมเสียประตูอีกครั้ง


นาที 39 ยิราเซ็ครับบอลจากมานด์ซูคิชแล้วชิพขึ้นหน้าให้เดยากาห์ ลากบอลมาทางฝั่งขวาเขตโทษ แล้วตะบันเล็งเสาไกล บอลพุ่งแรงออกหลังอย่างน่าเสียดาย ช่วงทดเจ็บ ไมนซ์น่าได้เหลือเกิน จากฟรีคิกในแดนตัวเอง ซาบาฟนิควางบอลให้ซีดานที่โฉบมาเอาบอลทางฝั่งซ้ายเขตโทษ ก่อนแปเล่นทางด้วยขวา บอลเฉี่ยวเสาสองน่าเสียดาย จบครึ่งแรก เสมอกันอยู่ 0-0


ครึ่งหลัง ทีมเยือน เปลี่ยนผู้เล่นสำรอง 2 คนรวด คริสเตียน ทราสช์ และ ราสมุส ยอนส์สัน ลงเล่นแทน มาโกะโตะ ฮาเซเบะ กับ ปีเตอร์ ยิราเช็ค นาที 46 ตามลำดับ เช่นเดียวกับที่เจ้าถิ่นส่ง ซามี่ อัลลากี ลงเล่นแทน อันเดรียส อีวานส์ชิตซ์


นาที 64 ราโดสลาฟ ซาบาฟนิค กองหลังเจ้าถิ่นทำฟาวล์ วิเอรินญ่า ทำให้ทีมเยือนได้ลูกฟรีคิก อัสคัน เดยากาห์ เปิดฟรีคิกให้ อเล็กซานเดอร์ มาดลุงก์ ยิงจากนอกกรอบเขตโทษ แต่ คริสเตียน เว็ตค์โล่ ผู้รักษาประตูไมนซ์ ปัดบอลออกเส้นหลังไปอย่างหวุดหวิด


นาทีต่อมา วิเอรินญ่า มิดฟิลด์โวล์ฟสบวร์กสบโอกาสซัลโวเท้าซ้าย จากนอกกรอบเขตโทษเข้าข้างประตู และนาที 69 ไมนซ์ ส่ง มาร์โค คาลิกูรี่ ลงเล่นแทน ราโดสลาฟ ซาบาฟนิคที่บาดเจ็บเวลาที่เหลืออยู่ ไม่มีฝ่ายใดยิงประตูได้ จบเกม ไมนซ์ 05 เสมอ โวล์ฟสบวร์ก 0-0 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน




รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ไมนซ์ : คริสเตียน เว็ตค์โล่ - ซเดเน็ค พอสเพ็ค, ยาน เคียร์ชโฮฟฟ์, นิโคลเซ่ โนเวสกี้ (กัปตันทีม), ราโดสลาฟ ซาบาฟนิค - ออยเก้น โพลันสกี้, เอลกิน โซโต้ - เอริค ชูโป-โมติง, โมฮาเหม็ด ซีดาน, อันเดรียส อีวานส์ชิตซ์ - อดัม ซาไล


โวล์ฟสบวร์ก : ดีเอโก้ เบนาโญ่ - มาโกโตะ ฮาเซเบะ, มาร์โค รุสส์, อเล็กซานเดอร์ มาดลุงก์, ริคาร์โด้ โรดริเกซ - ยาน โปลัค, มาร์เซล เชเฟอร์ - อัสคัน เดยากาห์, ปีเตอร์ ยิราเช็ค, วิเอรินญ่า - มาริโอ มานด์ซูคิช

ไฮไลท์คลิป เก่งนักใช่มั้ย ก้านคอซะเลย (ก้านคอ ณ ฟุตซอลคลับ) 12bet 20/04/2555

วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555



เป็นอีกหนึ่งภาพเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากนักฟุตซอล ที่ไม่สามารถยับยั้งระงับอารมณ์ไว้ได้ เมื่อเจอการยั่วยุจากคู่แข่งจนต้องกลายสภาพจากนักฟุตซอลเป็นนักมวยแข้งโหดก้านคอคู่แข่งจนหลับคาสนามฟุตซอล



       
ภาพความรุนแรงนี้เกิดขึ้นหลังจากผู้เล่นเสื้อขาวหมายเลข 8 บุกเข้ายิงประตูทีมชุดดำได้ ก่อนจะหันกลับไปพูดเย้ยผู้เล่นหมายเลข 10 ทีมชุดดำ จากนั้นผู้เล่นหมายเลข 10 เดินเข้ามาหาโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะยืนตั้งหลักโดยวางเท้าขวาและประเคนแข้งซ้ายเข้าไปที่ก้านคอผู้เล่นหมายเลข 8 จนร่วงหลับกลางอากาศนอนนิ่งอยู่กลางสนามฟุตซอล ส่วนผู้ตัดสินที่เห็นเหตุการณ์อยู่ตลอด จึงเดินมาหาพร้อมควักใบแดงไล่นักเตะแข้งโหดออกจากสนามไปในทันที

ไฮไลท์คลิป คลิปล้อเลียนการพุ่งของแอชลีย์ ยังจากสือ่ไต้หวัน 12bet 20/04/2555



แอชลีย์ ยัง ปีกตัวจี๊ด ของผีแดง แมนฯยูไนเต็ด สร้างผลงานให้แฟนบอลจำติดตากันอย่างต่อเนื่อง จากจังหวะพุ่งล้มช่วยให้ต้นสังกัดได้จุดโทษในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดที่เตะกับ ควีนสปาร์ก เรนเจอร์ส และ แอสตัน วิลลา จนสื่อทีวีออนไลน์จากไต้หวัน NMA TV จึงทำอนิเมชันล้อเลียนปีกผีแดงรายนี้ออกมา






        
โดยในคลิปเปรียบวายัง เป็นนักเตะจอมพุ่งที่เน้นซ้อมกระโดดพุ่งลงสระน้ำมากกว่าที่จะสนใจเตะฟุตบอล ลีลาพุ่งสุดพลิ้วเช่นนี้ เหมาะที่จะไปเป็นนักกระโดดน้ำตัวแทนเครือจักรภพลงแข่งขันโอลิมปิกลุ้นรับเหรียญเป็นอย่างยิ่ง แถมคลิปอนิเมชันนี้ ยังเหน็บท่านเซอร์อเล็กซ์ กุนซือผีแดง เป็นภาพชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยไม่สนใจพฤติกรรมลูกทีมที่พุ่งล้มตบตากรรมการเอาเปรียบคู่แข่งแบบซ้ำซากอีกต่างหาก

ไฮไลท์แมตช์ สปอร์ติ้ง ลิสบอน VS แอธเลติก บิลเบา Uefa Europa League- ลิสบอนแซงเชือดบิลเลา 2-1 12bet 20/04/2555



สปอร์ติ้ง ลิสบอน เป็นฝ่ายพลิกเก็บชัยชนะได้ก่อน ในศึกยูโรป้า ลีก รอบรองฯ เกมแรก หลังได้ประตูชัยจากดีเอโก้ กาเปล ในนาทีที่ 80 ช่วยให้ทีมเอาชนะแอธเลติก บิลเบา จากลา ลีกา ไปได้ 2-1 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา 


วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน 2555


ฟุตบอลยุโรป้า ลีก รอบรองนะเลิศเลกแรก
สปอร์ติ้ง ลิสบอน 2-1 แอธเลติก บิลเบา 



Sporting Lissabon 2 - 1 Athletic Bilbao... by Futbol2101



สปอร์ติ้ง ลิสบอนได้ดาเนี่ยล คาร์ริโก้ปราการหลังพ้นโทษแบนลงคุมเกมรับ ส่วนเจฟเฟรน ซัวเรซ,บรูโน่ เปไรรินญ่และโอกูชิ ออนเยวูผ่านทดสอบความฟิตกลับมาเป็นตัวสำรอง แต่อัลแบร์โต้ โรดริเกซยังเดี้ยงหมดสิทธิ์ลงสนาม

ขณะที่ บิลเบาได้ อิเกร์ มูเนียอิน มิดฟิลด์ดาวรุ่งสลัดโรคเดี้ยงพร้อมออกสตาร์ทสามประสานร่วมกับซูซาเอต้าและเฟร์นานโด ญอเรนเต้ แต่จำต้องมองข้ามฆาบี้ มาร์ติเนซที่ติดโทษแบน


ออกสตาร์ทกันมาได้ 4 นาทีสปอร์ติ้งได้ลูกฟรีคิกระยะอันตรายหลังเด มาร์กอสไปทำฟาวล์ใส่คาร์ริโก้แล้วก็เป็นอินซัวอดีตแบ็กซ้ายลิเวอร์พูลที่รับหน้าปั่นบอลโค้งไปให้อิไรซอสชกทิ้งอย่างน่าเสียวไส้

นาที 9 ยังเป็นโอกาสของสปอร์ติ้งเมื่อเปเรร่ากระชากบอลขึ้นมาทางกราบขวาก่อนเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ฟาน โวล์ฟสวิงเกลวิ่งเข้าตะบันด้วยอีขวาหลุดเสาแรกไปอีก

แต่นาที 12 บิลเบาก็มีจังหวะตอบโต้บ้างเมื่อมาได้ลูกเตะมุมทางด้านขวาก่อนที่ซูซาเอต้าบรรจงเปิดบอลเข้ามาให้หัวหอกตัวความหวังอย่างญอเรนเต้ใช้ความสูงใหญ่เทคตัวขึ้นโหม่งข้ามคาน

สถานการณ์ของยอดทีมแคว้นบาสก์ยังไม่ดีขึ้นเมื่อในนาที 34 เปิดช่องให้สปอร์ติ้งได้ใช้เกมเคาน์เตอร์แอทแท็คเข้าเล่นงานโดยลงเอยด้วยการจบสกอร์ของเปเรร่าที่ไปเข้าข้างตาข่าย

ในช่วงก่อนพักครึ่งไม่กี่นาทีเจ้าบ้านยังโหมเกมบุกไม่เลิกแล้วดาวยิงเลือดดัตช์อย่างฟาน โวล์ฟสวิงเกลมาได้จังหวะวางเท้ายิงหลุดออกนอกกรอบ ทำให้สกอร์ยังหยุดนิ่งอยู่ที่ 0-0


กลับมาเล่นครึ่งหลังถึงนาที 50 เจ้าบ้านได้ฟรีคิกโดยเป็นชาร์สที่เปิดบอลเข้าไปโดนอิตูร์ราสเป้เคลียร์ทิ้งออกมาเข้าทางอินซัวที่ตัดสินใจเลือกยิงมุมแคบแทนที่จะเลือกเปิดสุดท้ายก็โดนอิไรซอสชกทิ้งออกมาได้

แต่แล้วอีกสี่นาทีถัดมาบิลเบาก็มาช็อคเจ้าถิ่นด้วยการชิงประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากลูกฟรีคิกที่ซูซาเอต้าเปิดเข้ามาให้เออร์เตเน็ตเช่ที่ยืนไร้ตัวประกบอยู่ที่เสาไกลทะยานเข้ายิงด้วยซ้ายตุงตาข่าย

นาที 59 ซูซาเอต้าเปิดลูกคอนเนอร์จากทางฝั่งซ้ายเข้ามาให้อมอเรเบียต้าเซนเตอร์แบ็คร่างยักษ์ของทีมเยือนวางเท้ายิงด้วยอีขวาที่ระยะ 15 หลาไปชนเสาซ้ายด้านในกระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย

แต่สปอร์ติ้งก็รวบรวมสมาธิมาสร้างโอกาสจบสกอร์ในนาที 69 เมื่ออิซไมลอฟเปิดบอลจากกราบขวามาหน้าประตูแล้วอิไรซอสออกลูกลังเลเลยโดนฟาน โวล์ฟสวินเกลโหม่งสวนหลุดกรอบ

ความพยายามของเจ้าบ้านมาประสบผลในนาที 77 เมื่อคาเปลกระชากบอลขึ้นมาทางริมเส้นแล้วเปิดเข้ามาในเขตโทษเป็นจังหวะเดียวกับที่อินซัวซอยเท้าวิ่งเข้ามาพอดีเลยโหม่งสวนปาทริซิโอเข้าไปให้สกอร์เป็น 1-1

เท่านั้นไม่พอเจ้าบ้านมาพลิกแซง 2-1 ในนาที 81 เมื่ออิซไมลอฟพาบอลขึ้นมาก่อนจ่ายยัดเข้าในให้คาเปลจับบอลก่อนกระทุ้งไกลจากระยะ 25 หลาเข้าเสียบเสาขวาอย่างสวยงาม ก่อนลงเอยไปด้วยสกอร์ดังกล่าวแล้วต้องไปลุ้นกันต่อในสัปดาห์หน้าที่รังซาน มาเมสของบิลเบาบ้าง

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
สปอร์ติ้ง ลิสบอน : รุย ปาทริซิโอ, เชา เปไรร่า , อันแดร์สัน โพลก้า, ซานเดา, เอมิเลียโน่ อินซัว , สไตจ์น ชาร์ส, ดาเนี่ยล คาร์ริโก้ (อังเดร คาร์ริลโล่ เอวัลโด้ น.68), อังเดร เรนาโต้ ซัวเรส มาร์ตินส์ (เดเอโก้ รูบิโอ น.76), มารัต อิซมายลอฟ , ริคกี้ ฟาน โวล์ฟสวิงเคล, ดีเอโก้ คาเปล (บรูโน่ เปเรรินญ่า น.84)


แอธเลติก บิลเบา : กอร์ก้า อิไรซอซ, อันโดนี่ อิราโอล่า, เฟร์นานโด อมอร์เรบิเอต้า, บอร์ฆ่า อิกิซ่า, โจน เออร์เตเน็ตเช่ , อันเดร์ เอร์เรร่า (มิเกล ซาน โฆเซ่ น.73), อันเดร์ อิตูร์ราสเป้ , ออสการ์ เด มาร์

ไฮไลท์แมตช์ แอตเลติโก มาดริด VS บาเลนเซีย Uefa Europa League - หมีโหดอัดค้างคาว 4-2 12bet 20/04/2555



ราดาเมล ฟัลเกา รับเหมาคนเดียวสองประตู ช่วยให้ "ตราหมี" แอตเลติโก มารดิด เปิด บิเซนเต้ กัลเดร่อน ถล่มบาเลนเซีย 4-2 ในศึกยูโรป้า ลีก นัดจัดเชือกเกมแรก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา 

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน 2555 


ฟุตบอลยูโรป้า ลีก รอบรองชนะเลิศ เลกแรก
แอตเลติโก มาดริด 4-2 บาเลนเซีย 



A-V footyroom.com by footyroom



แอตเลติโก มาดริด ฟอร์มระเบิดสุดๆ เมื่อชนะมา 9 เกมรวดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แต่เกมนี้ต้องขาดดีเอโก้ โกดินปราการหลังโดนพักแข้งแถมไร้เงาอันโตนิโอ โลเปซกัปตันทีมและซิลวิโอ เปไรร่า ที่ยังอยู่ระหว่างพักฟื้น ความหวังยังอยู่ที่ราดาเมล ฟัลเกา

ขณะที่ บาเลนเซียยังไม่เสี่ยงเข็น เฮดวิกส์ มาดูโร่และเซร์คิโอ กานาเลสซึ่งเพิ่งหายเจ็บกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงเลยให้สแตนบายด์ข้างสนาม ขณะที่บิคตอร์ รุยซ์เซนเตอร์ฮาล์ฟผ่านการทดสอบความฟิตเล่นได้ ส่วนทีเด็ดยังอยู่ที่โรแบร์โต้ โซลดาโด้ดาวซัลโวประจำทีม


เริ่มเกมมาได้เพียงนาที 3 แอตเลติโก มาดริดหวิดพังประตูออกนำบาเลนเซียไปก่อนเมื่อเล่นบอลยาวขึ้นหน้าให้ตูรานตามไปเก็บบอลได้ที่สุดเส้นหลังฝั่งขวาแล้วตบเข้าในมาให้ฟัลเกาวิ่งกดเต็มข้อโดนอัลเวสล้มตัวเซฟไว้ได้

นาที 10 ยังเป็นโอกาสของ"ตราหมี"เมื่อดิเอโก้พาบอลขึ้นหน้าก่อนจ่ายทะลุช่องให้อาเดรียนหลุดเข้าไปทางเขตโทษด้านขวาเจอตัวประกบเลยสับขาหลอกว่าจะไปขวาแล้วตัดกลับมาอัดด้วยอีซ้ายแต่ไม่ผ่านมืออัลเวส


ความพยายามของ"ตราหมี"มาสัมฤทธิ์ผลในนาที 18 เมื่อเล่นบอลยาวไปยังเขตโทษด้านขวาแล้วอัลบากับรามี่สกัดเอาไว้ไม่อยู่เลยเปิดโอกาสให้ตูรานตวัดบอลกลับมาให้ฟัลเกาทิ้งตัวโขกสะบัดไปเสาสองเป็นประตูขึ้นนำ 1-0

ผ่านมาถึงนาที 32 "โลส เช"ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายก่อนที่อัลบาเปิดบอลมาหน้าประตูให้รามี่ที่สลัดหนีตัวประกบจนได้ขึ้นโหม่งสะบัดเดี่ยวๆทว่าบอลลอยถากเสาขวาออกหลังไปแบบใกล้เคียง

แต่แล้วช่วงทดเจ็บของครึ่งเวลาแรกแอต.มาดริดก็มียุบจนได้เมื่อ"เจ้าค้างคาว"ได้ลูกเตะมุมด้านซ้ายซึ่งก็เป็นเจ้าเก่าอย่างอัลบาที่เปิดบอลมาเสาแรกให้รามี่โหม่งชงต่อไปยังเสาสองให้โจนาสวิ่งเข้าชาร์จเผาขนตีเสมอ 1-1


เข้าสู่ครึ่งหลังเพียงนาที 49 แอต.มาดริดก็ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 เมื่อดิเอโก้เปิดลูกฟรีคิกด้านซ้ายเข้ามาที่ปากประตูแล้วแนวรับ"โลส เช"มัวไปพะวงฟัลเกาจนเปิดช่องให้มิรานด้าสอดเข้ามาซัดไม่เหลือซาก

เท่านั้นไม่พอเมื่อนาที 55 อาเดรียนพาบอลมาหน้ากรอบเขตโทษเจอรุยซ์ตั้งด่านดักอยู่แต่หัวหอก"ตราหมี"อาศัยความเร็วกระชากบอลหนีออกขวาแล้วกดสวนตัวคูร์กตัวส์เข้าไปเสียบเสาไกลอย่างงามให้ทีมทิ้งห่าง 3-1

นาที 66 ดิเอโก้ลากบอลมายิงหน้าเขตโทษไปโดนอัลเวสพุ่งเซฟเอาไว้ได้ทว่าบอลยังกระดอนมาเป็นใจให้ตูรานได้เข้าซ้ำทว่านายด่านแซมบ้าก็ยังป้องกันเอาไว้ได้อีก

อีกสี่นาทีให้หลังเจ้าบ้านน่าได้ประตูที่ 4 เมื่อดิเอโก้โชว์เทรดมาร์คอย่างการปั่นลูกฟรีคิกโค้งข้ามกำแพงกำลังจะเสียบสามเหลี่ยมบนเสาซ้ายอยู่แล้วแต่อัลเวสบินปัดออกหลังได้เฉย

ผ่านมาถึงนาที 77 ฟัลเกามาพังประตูที่สองของตัวเองด้วยการจบสกอร์อันสวยงามเมื่อกระชากบอลมาทางด้านขวาแล้วล็อกหนีมาติเยอกับรามี่ตัดเข้าในไปที่หัวกระโหลกก่อนกดด้วยซ้ายเต็มข้อเสียบสามเหลี่ยมบนเสาแรก

แต่แล้วช่วงทดเจ็บนาที 4 ติโน่ คอสต้าก็เปิดลูกเตะมุมด้านซ้ายไปที่เสาไกลแล้วเป็นคอสต้าที่โถมตัวเข้าโหม่งผ่านมือคูร์กตัวส์เข้าประตูไปให้บาเลนเซียไล่ตีตื้นมาเป็น 4-2 ก่อนลงเอยไปด้วยสกอร์ดังกล่าว ทำให้พวกเขายังมีความหวังเมื่อต้องกลับไปเปิดบ้านรับมือแอต.มาดริดบ้างในสัปดาห์หน้า

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
แอตเลติโก มาดริด : ธิบอต์ กูร์ตัวส์, ฆวนฟราน, อัลบาโร่ โดมิงเกวซ , เชา มิรานด้า , ฟิลิเป้ ลูอิส, กาบี, มาริโอ ซัวเรซ, อาร์ด้า ตูราน (ติอาโก้ เมนเดส น.81), ดีเอโก้ รีบาส (หลุยส์ เปรีอา น.88), อาเดรียน โลเปซ (เอดูอาร์โด้ ซัลวิโอ น.89), รามาเดล ฟัลเกา 


บาเลนเซีย : ดีเอโก้ อัลเวส , ริคาร์โด้ คอสต้า , อาดิล รามี่, บิคตอร์ รูอิซ, เฌเรมี่ มาติเยอ, ติโน่ กอสต้า, เมห์เหม็ด โตปาล, โซเฟียเน่ เฟกูลี่ (เซร์คิโอ คานาเลส น.72), โชนาส โอลิเวียร่า (อาริตซ์ อาดูริซ น.80), ฆอร์ดี้ อัลบา (ปาโบล ปิอัตติ น.72), โรเบร์โต้ โซลดาโด้

ตูลูสฟอร์มเจ๋ง!เปิดรังถล่มลียง3-0

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

ฟุตบอลลีก เอิง ฝรั่งเศส
วันพุธที่ 18 เมษายน 2555
ตูลูส   3 - 0  โอลิมปิก ลียง


ตูลูส ยังคงรักษาสถิติไม่แพ้ในบ้านต่อไปหลังเปิดบ้านต้อนโอลิมปิก ลียง 3-0 ทำให้ ลียงยังไม่ชนะที่บ้านตูลูสในลีก และ ลียงยิงประตูไม่ได้ที่นี่ในลีก เอิงนับตั้งแต่ฤดูกาล 2005-2006 ฟุตบอลลีก เอิง ฝรั่งเศส เมื่อวันพุธที่ 18 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา

สนาม : สตาเดี้ยม มูนิซิปัล ผู้ชม : 16,000 คน

        ตูลูส ทีมอันดับ 7 ที่มีลุ้นโควตายูโรปา ลีก เปิดสตาเดี้ยม มูนิซิปาล ทางตะวันตกเฉียงใต้ ปะทะ โอลิมปิก ลียง ทีมอันดับ 4 รองแชมป์เฟร้นช์ ลีก คัพ 2012 ที่หวังเข้าป้ายอันดับ 3 ของลีก เพื่อได้สิทธิ์ไปเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า

        อแล็ง กาซาโนว่า เทรนเนอร์ตูลูสขาด ฟร้องค์ ตาบานู ปีกซ้ายติดโทษแบนนัดแรกในจำนวนโทษแบน 2 นัด และ อายเมน อับเดนนูร์ เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักติดโทษแบน 1 นัด ทว่าทีมได้ ป็องต์ซี่ ซิริแย็กซ์ มิดฟิลด์พ้นโทษแบนกลับมาลงสนาม ขณะที่ เรมี่ การ์ด เทรนเนอร์ลียงไม่มี เดยัน ลอฟเรน เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติโครเอเชียติดโทษแบน แต่ คริส เซนเตอร์ฮาล์ฟบราซิล กัปตันทีมวัย 34 ปี หายเจ็บกล้ามเนื้อน่องซ้าย ลงตัวจริง ทว่า ลิซานโดร โลเปซ กองหน้าอาร์เจนติน่าโดนดร็อปเป็นตัวสำรอง จิมมี่ บริย็องด์ ได้เล่นคู่ บาเฟติมบี้ โกมิส

        เกมครึ่งแรก นาทีที่ 9 ตูลูสนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว อาเดรียง เรอกัตแต็ง เปิดบอลจากฝั่งขวาไปที่เสาสอง มูอามาดู ดาโบ กองหลังลียงสกัดบอลไม่ดีไปเข้าทาง ป็องต์ซี่ ซิริแย็กซ์ ซัดเท้าขวาระยะ 6 หลาตุงตาข่าย

        สองนาทีต่อมา เกลม็องต์ เกรอนิเย่ร์ มิดฟิลด์ตัวรับลียงซัดฟรีคิกระยะ 25 หลา บอลไปตรงตัว อาลี อาห์มาด้า นายทวารเจ้าถิ่นเซฟได้บนเส้นประตู

        นาที 22 ตูลูสนำห่าง 2-0 จากบอลที่เปิดทางฝั่งซ้าย อาเดรียง เรอกัตแต็ง รับบอลได้ในกรอบเขตโทษ เปิดต่อให้ เอ็มมานูเอล ริวิแยร์ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีโหม่งเผาขนเข้าประตู

        นาทีต่อมา อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ ปีกขวาลียงยิงไกล 25 หลา ไปติด อาลี อาห์มาด้า นายทวารเซฟอยู่หมัด

        ท้าย เกมครึ่งแรก นาที 45 คิม คัลล์สตรอม มิดฟิลด์ทีมชาติสวีเดนโยนบอลมาเข้าหัว บาเฟติมบี้ โกมิส กองหน้าร่างยักษ์ของลียงโขกหน้าประตูเข้าข้างตาข่าย จบครึ่งแรก ตูลูสนำห่าง 2-0

        ในครึ่งหลัง เรมี่ การ์ด เทรนเนอร์ลียงแก้เกมเปลี่ยนสำรอง 2 คนนาที 46 ลิซานโดร โลเปซ และ แฟร์นานเดส มิเชล บาสโต๊ส ลงมาเล่นแทน  บาเฟติมบี้ โกมิส กับ จิมมี่ บริย็องด์ นตามลำดับ

        นาที 55 เป็นโอกาสของลียง เมื่อ แฟร์นาสเดส มิเชล บาสโต๊ส ปีกซ้ายบราซิลสบโอกาสยิงไกล 23 หลาด้วยเท้าซ้าย ไปตรงตัว อาห์มาด้า เซฟได้บนเส้นประตู

        นาที 71 โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์ มิดฟิลด์ตัวสำรองของลียงเปิดลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายไปที่เสาสอง บาการี่ โกเน่ เซนเตอร์ฮาล์ฟโหม่งเผาขนเข้าข้างตาข่าย

        และสามนาทีต่อมา เจ้าถิ่นเกือบได้เพิ่ม ซิริแย็กซ์ เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายบอลมาเข้าหัว โมฮาเหม็ด โฟฟาน่า โขกข้ามคาน

        ทีม เยือนยังพยายามต่อไป กูร์กกุฟฟ์ เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย มักซิม โกนาลงส์ มิดฟิลด์ตัวรับขึ้นโหม่งไปติด อาห์มาด้า นาที 81

        ท้ายเกม นาที 91 จากจังหวะโต้กลับเร็ว ตูลูสนำห่าง 3-0 เอเตียน กาปู จ่ายแม่นยำมาให้ อูมุต บูลุต กองหน้าตัวสำรองชาวตุรกี หลุดกัปดักเช็คล้ำหน้าเข้าไปยิงผ่าน อูโก้ โยริส นายทวารเข้าประตูไป จบเกม ตูลูส ต้อน โอลิมปิก ลียง 3-0 เท่ากับว่า ลียงยังไม่ชนะที่บ้านตูลูสในลีก เอิงนับตั้งแต่ฤดูกาล 2005-2006 และ ลียงยิงประตูไม่ได้ที่นี่ในลีก เอิงนับตั้งแต่ฤดูกาล 2005-2006

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีมตูลูส : อาลี อาห์มาด้า - พาเวล นินคอฟ, ดาเนี่ยล กงเกร้ (กัปตันทีม), โมฮาเหม็ด โฟฟาน่า, เช็ก เอ็มบ็องกูเอ้ - เอเตียน กาปู - เปาโล มาชาโด้ (ดาเนี่ยล บราเท่น น.69), มุสซา ซิสโซโก้, ป็องต์ซี่ ซิริแย็กซ์ (อ็องตวน เดอโวซ์ น.84), อาเดรียง เรอกัตแต็ง - เอ็มมานูเอล ริวิแยร์ (อูมุต บูลุต น.73)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : เรมี่ ริยู (ผู้รักษาประตู), ฌอง-ดาเนี่ยล อัคปา-อัคโปร, สตีฟ ยาโก้,  วิสซาม เบน เยดเด้ร์
ใบเหลือง : โมฮาเหม็ด โฟฟาน่า น.77
โอลิมปิก ลียง : อูโก้ โยริส - มูอามาดู ดาโบ, คริส (กัปตันทีม), บาการี่ โกเน่, ซามูแอล เอิงติตี้ - อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์, มักซิม โกนาลงส์, เกลม็องต์ เกรอนิเย่ร์ (โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์ น.64), คิม คัลล์สตรอม - จิมมี่ บริย็องด์ (แฟร์นานเดส มิเชล บาสโต๊ส น.46), บาเฟติมบี้ โกมิส (ลิซานโดร โลเปซ น.46)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : เรมี่ แวร์กกู้ทร์ (ผู้รักษาประตู), เมห์ดี้ เซฟฟาน, กูเอด้า โฟฟาน่า, เฌเรมี่ ปิเอ้ด์
ใบเหลือง : เกลม็องต์ เกรอนิเย่ร์ น.44
ผู้ตัดสิน : โลร็องต์ ดูอาแมล

สรุปผลฟุตบอลลีก เอิง ฝรั่งเศส- ตูลูส ชนะ โอลิมปิก ลียง 3-0
- มาร์กเซย เสมอ ก็อง 1-1

ดร็อกบาฮีโร่!ซัดชัยดับซ่าบาร์ซ่า1-0นัดแรก

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ฤดูกาล 2011-12
วันพุธที่ 18 เมษายน 2555 

เชลซี (อังกฤษ) 1 - 0 บาร์เซโลน่า (สเปน)



"สิงโตน้ำเงิน คราม" เชลซี เปิดรังเฉือนชนะ บาร์เซโลน่า 1-0 ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ซัดประตูชัยช่วงท้ายครึ่งแรก คว้าชัยนัดแรกไปได้ก่อน ต้องไปลุ้นกันต่อที่คัมป์ นู รังของบาร์เซโลน่า ในนัดที่สอง วันอังคารที่ 24 เมษายน นี้ ในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันวันพุธที่ 18 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา

สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์, ลอนดอน ผู้ชม: 41,841 คน

        "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ต้องปราศจาก ดาวิด ลุยซ์ กองหลังชาวบราซิล ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่ามาจากเกมเอฟเอ คัพ กับ สเปอร์ส ต้องชวดลงสนามทั้งสองนัดที่เจอกับ บาร์ซ่า ในรอบตัดเชือกยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ได้ตัว บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลังเซิร์บกลับคืนทีมอีกครั้ง หลังติดโทษแบนในประเทศ

        ใน ตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟใช้งาน แกรี่ เคฮิลล์ ลงมายืนเคียงข้างกับ จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีม ส่วนแดนกลางมี แฟร็งค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ส กับ ราอูล เมยเรเลส เป็นตัวปั้นเกม

        สามประสานแดนหน้าใช้ ฆวน มาต้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา และ รามิเรส เข้ากระซวกตาข่าย

        ทาง ด้าน "อาซูลกราน่า" บาร์เซโลน่า ได้ เซย์ดู เกอิต้า ผ่านความฟิตกลับมานั่งเป็นสำรอง โดยขุมกำลังตรงกลางสนามวาง ชาบี เอร์นานเดซ ปั้นเกมร่วมกับ อันเดรส อิเนียสต้า

        แนวรุกจัดจ้านสุดๆ มีทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ, ลีโอเนล เมสซี่ และ เชส ฟาเบรกาส โดยรายของ เมสซี่ นำเป็นดาวซัลโวของแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ ซัดไปแล้ว 14 ประตู

        เปิด เกมครึ่งแรกมาได้ 10 นาที ทีมเยือนน่าจะได้ประตูขึ้นนำอย่างยิ่ง จากจังหวะที่ อันเดรส อิเนียสต้า ผ่านบอลขึ้นหน้าให้กับ ลีโอเนล เมสซี่ แตะคืนหลังให้กับ อิเนียสต้า ชิปให้กับ อเล็กซิส ซานเชซ สอดมาพักบอลด้วยอกแล้วกระดกบอลข้ามหัวของ ปีเตอร์ เช็ก นายทวารเชลซี ไปแล้ว แต่บอลไปชนคานกระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย  

        ถัดมานาที เดียว เชลซี ได้ทุ่มทางด้านขวา บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ทุ่มยาวมาหน้าประตู ผู้เล่นของทั้งสองทีมโหนโหม่งกัน แต่ไม่โดนบอลมาตกตรงเท้าของ จอห์น เทอร์รี่ แต่ยิงไม่ทันโดนผู้เล่นทีมเยือนแซะทิ้งออกไปได้อย่างหวุดหวิด

        ผ่าน มา 17 นาที บาร์ซ่า น่าได้ประตูเมื่อ ลีโอเนล เมสซี่ กระชากมาจนสุดเส้นหลังของกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วไหลคืนให้กับ อันเดรส อิเนียสต้า ยิงอัดด้วยขวาเข้ามา ปีเตอร์ เช็ก นายทวารเชลซี ปัดออกมาเข้าทาง เชส ฟาเบรกาส รีบยิงด้วยซ้ายแต่โดนไม่เต็มบอลปลิ้นออกมาทาง อเล็กซิส ซานเชซ ไหลให้กับ ดาเนี่ยล อัลเวส เปิดไปติดกองหลังเชลซี พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย

        เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 27 เจ้าบุญทุ่ม ได้โอกาสจากการยิงของ เชส ฟาเบรกาส แต่ ปีเตอร์ เช็ก ชกทิ้งออกไปได้

        ทีมเยือนบุกมาเป็นระลอก ชาบี เปิดมุมให้กับ ดาเนี่ยล อัลเวส สับไกจากระยะ 25 หลา บอลข้ามคานออกไปในนาที 42

        บาร์ซ่า น่าได้ประตูขึ้นนำจริงๆ ในนาทีที่ 43 เมื่อ ลีโอเนล เมสซี่
แย่ง บอลจาก จอห์น โอบี มิเกล มาได้ ก่อนจะกระชากขึ้นมาแล้วจ่ายให้กับ เชส ฟาเบรกาส หลุดขึ้นไปทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วดีดด้วยขวาบางๆ ผ่านการป้องกันของ ปีเตอร์ เช็ก ไปได้แล้ว แต่ว่า แอชลี่ย์ โคล วิงแบ็คของสิงห์บลูส์ ตามมาหมุนตัวหวดสกัดก่อนบอลจะข้ามเส้นได้ทันท่วงที

        ช่วง ทดเจ็บนาทีที่สองของครึ่งแรก กลายเป็น เชลซี ที่บุกน้อยกว่าเยอะมาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ ราอูล เมยเรเลส ตับอลได้บริเวณกลางสนาม ก่อนวางออกซ้ายให้กับ รามิเรส พักอกเอาบอลลงแล้วเปิดด้วยซ้ายเข้ากลางให้กับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา แปด้วยซ้ายจ่อๆ บิคตอร์ บัลเดส นายทวารบาร์ซ่า ปัดได้นิดหนึ่งแต่บอลยังแรงเข้าประตูไปให้ เชลซี ขึ้นนำก่อน 1-0

        เข้า สู่ครึ่งหลัง บาร์ซ่า กลับลงมาบุกทันที มีโอกาสในนาทีที่ 52 จากจังหวะที่ อาเดรียโน่ คอร์เรอา กระชากขึ้นมาจากทางซ้ายแล้วปั่นด้วยขวา ทว่า ปีเตอร์ เช็ก นายทวารเชลซี ลอยตัวปัดพ้นกรอบออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม

        หก นาทีต่อมา ทีมเยือนสร้างโอกาสได้อีก เชส ฟาเบรกาส ชิปให้กับ อเล็กซิส ซานเชซ หลุดไปทางกรอบเขตโทษด้านขวา แต่จิ้มบอลด้วยขวาหลุดเสาแรกไปแค่คืบเดียวเท่านั้น

        อาซูล กราน่า ลุยขึ้นมาอีก เมสซี่ พาบอลลากโซโล่เดี่ยวขึ้นมา แต่จังหวะยิงด้วยซ้ายไปติดตัว แกรี่ เคฮิลล์ ออกหลังไปในนาทีที่ 64

        สามนาทีให้หลัง บาร์ซ่า ต้องปรับแท็คติกด้วยการส่ง เปโดร โรดริเกซ ลงมาเล่นแทน อเล็กซิส ซานเชซ

        กระเถิบ มาถึงนาทีที่ 69 รามิเรส กองกลางชาวบราซิลของเชลซี โดนใบหลืองไปเป็นคนแรกของเกมนี้จากการไปขวางใส่ เมสซี่ ในจังหวะจะลุยเข้ากรอบเขตโทษ

        ข้ามมานาทีที่ 74 เชลซี เปลี่ยนผู้เล่นเป็นคนแรกถอด ฆวน มาต้า ออกแล้วส่ง ซาโลมง กาลู ลงมาเล่นแทน


        เข้าสู่นาทีสุดท้าย บาร์ซ่า เกือบได้ประตูตีเสมออย่างที่สุดเมื่อ เปโดร โรดริเกซ ได้ยิงในกรอบเขตโทษบอลไปโดนโคนเสาเด้งออกมาเข้าทาง อิซัค เกวนก้า ที่ได้ยิงโล่งๆ แต่ดาวรุ่งวัย 20 ปี กลับยิงข้ามคานออกไปไกล

        เวลา ที่เหลือทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม เชลซี เปิดบ้านเฉือนชนะไปได้หวุดหวิด 1-0 ต้องไปลุ้นกันต่อที่คัมป์ นู รังของบาร์เซโลน่า ในนัดที่สอง วันอังคารที่ 24 เมษายน นี้


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี: ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์,จอห์น เทอร์รี่ (กัปตันทีม), แอชลี่ย์ โคล - แฟร็งค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ส, จอห์น โอบี มิเกล, ราอูล เมยเรเลส - ฆวน มาต้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, รามิเรส
สำรอง: รอสส์ เทิร์นบูลล์ (ผู้รักษาประตู) - ไมเคิล เอสเซียง, โชเซ่ โบซิงวา, ซาโลมง กาลู, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, เฟร์นานโด ตอร์เรส, ฟลอร็องต์ มาลูด้า
บาร์เซโลน่า: บิคตอร์ บัลเดส - ดาเนี่ยล อัลเวส, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, การ์เลส ปูโยล, อาเดรียโน่ คอร์เรอา - ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า - อเล็กซิส ซานเชซ, ลีโอเนล เมสซี่, เชส ฟาเบรกาส
สำรอง: โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ (ผู้รักษาประตู) - เคราร์ด ปิเก้, มาร์ก บาร์ตรา, เซย์ดู เกอิต้า, ติอาโก้ อัลกานตาร่า, เปโดร โรดริเกซ, อิซัค เกวนก้า
ผู้ตัดสิน: เฟลิกซ์ ไบรช์ (เยอรมัน)



ไฮไลท์คลิป บัวขาวขึ้นชกไทยไฟต์ ลั่น"ติดคุกก็ยอม" 12bet 18/04/2555

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555



คลิปเก็บตกการชกของบัวขาว ป. ประมุข หรือนาย สมบัติ บัญชาเมฆ ที่ปรากฏตัวขึ้นชกรายการไทยไฟต์ เมื่อเย็นวันอังคารที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา





เมื่อวันอังคารที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ชมชายไทยและต่างประเทศ เซอร์ไพอร์สกันยกใหญ่ เมื่อจู่ๆ บัวขาวที่มีกรณณีพืพาทกับทางค่าย ป.ประมุข ปรากฎตัวพี้อมกับเพลงประจำตัว "บางระจัน" พร้อมขึ้นชกเป็นคู่สุดท้ายกับ สัวเต็ม ซาริโพว คู่ชกชาวรัสเซีย


ซึ่งแมตช์นี้เจ้าของฉายา ดำ ดอทคอม เป็นฝ่ายไล่ถลุงจนกไปั้นจากแดนหมีขาวแพ้น๊อค พร้อมแผลแตกยับบริเวณหน้าผาก ไปในยกที่ 3 


หลังศึกบัวขาวเปิดใจ แม้จะมีปัญหาแต่ก็ขอขึ้นชกในครั้งนี้ พร้อมประกาศถึงจะโดนเล่นงานในด้านคดีความจนติดคุกติดตาราง ก็จะขอขึ้นชกให้ได้

ไฮไลท์คลิป นักบอลแปลงเป็นเสือหมอบชั่วคราวหนีฝูงผึ้ง 12bet 18/04/2555



แมตช์การแข่งขันฟุตบอลที่บราซิล ระหว่างทีม ฟลูมิเนนเซ เดอ ไฟรา พบกับ ฮัวไซเร็นเซ สนามอดัวโต โมแรส ในเมืองบาเฮีย แต่ระหว่างเกมการแข่งขันเกิดเหตุการณ์ระทึกที่ทำเอานักเตะ และเหล่ากองเชียร์ต่างต้องหลบหนีเอาตัวรอด เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับฝูงผึ้งมาป่วนอยู่ในสนามฟุตบอลที่กำลังแข่งขันกันอยู่ 






จากที่เห็นในคลิปทั้งนักเตะและผู้ตัดสินที่อยู่ในสนามต่างต้องก้มหมอบลงนอนราบไปกับพื้นสนาม ส่วนกองเชียร์ต่างหนีหลบจากฝูงผึ้งหาที่กำบังกันอย่างจ้าละหวั่นอยู่ตามซอกหลืบสนาม หรือแม้กระทั่งใต้ธง-ป้ายเชียร์ทีมฟุตบอลก็มุดเข้าไปหลบกันเพื่อความปลอดภัย หลังเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ จึงกลับมาเตะกันต่อจนจบการแข่งขันด้วยผลงานชัยชนะตกเป็นของ ฟลูมิเนนเซ เดอ ไฟรา ผลสกอร์ 1-0

ไฮไลท์คลิป ป่วนดีนัก! นักรักบี้แท็กกระเทยควายหงายท้อง 12bet 18/04/2555



หากใครคิดอยากจะเป็นตัวป่วนลงไปมั่วกวนนักกีฬาในสนาม คงจะต้องทำการบ้านให้มากขึ้น ดูว่าเป็นกีฬาชนิดไหน ไม่งั้นอาจเจ็บตัวได้ อย่างตัวแฟนรักบี้จอมป่วนรายนี้ เมื่ออยู่ดีไม่ว่าดีแต่งหญิงลงไปวิ่งป่วนอยู่ในขณะที่กำลังมีแมตช์ทำการแข่งขันกันอยู่ 






ทำให้เกมต้องหยุดลงชั่วคราว ก่อนที่โอลลี่ บาร์คเลย์ หนึ่งในผู้เล่นจะตัดสินใจวิ่งพุ่งแท็กเข้าใส่ตัวป่วนแต่งหญิงรายนี้ จนหงายท้องสิ้นฤทธิ์ดิ้นไม่หลุดก่อนจะถูก รปภ.หิ้วตัวออกจากสนามไป

ไฮไลท์แมตช์ บาเยิร์น มิวนิค VS เรอัล มาดริด Uefa Champions League - โกเมซฮี่โร่! เสือใต้ดับราชัน 2-1 นาที 90 12bet 18/04/2555



บาเยิร์น มิวนิค กุมความได้เปรียบในเกมแรกของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองฯไว้สำเร็จ หลังเกิดบ้านยิงดับราชันชุดขาว เรอัล มาดริด 2-1 จากประตูชัยของมาริโอ โกเมซ ในนาทีสุดท้ายของเกม เมื่อคืนวันอังคารที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา


วันอังคารที่ 17 เมษายน 2555


ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 
บาเยิร์น มิวนิค 2-1 เรอัล มาดริด 



Bayern Munchen vs Real Madrid (2:1) by larrsson



ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 4 ทีมสุดท้าย บาเยิร์น มิวนิค เปิดอัลลิอันซ์ อารีน่า รับการมาเยือนของเรอัล มาดริด จ่าฝูง ลาลีกา สเปน ซึ่งทีมเสือใต้มีสถิติที่เกือบเพอร์เฟคในการพบกับมาดริด คือชนะ 8 เสมอ 1 ยังไม่เคยปราชัยต่อราชันชุดขาวเลย


แค่ 7 นาที ทั้งสองทีมไม่มีเกียร์หนึ่ง เปิดมาก็จัดเต็มกันตั้งแต่วินาทีแรก ผลัดกันรุกรับ บอลย้ายจากอีกฝั่งไปอีกฝั่งในเวลาแค่ไม่กี่วินาที ก่อนที่มาดริดจะได้โอกาสแรกจากจังหวะที่เบนเซม่ามีโอกาสหลุดไปตะบันบริเวณเส้นเขตโทษ แต่ติดเซฟของนอยเออร์ที่ดีดตัวปัดทิ้งไปได้

นาทีที่ 15 หวิดจะมีเรื่องกันซะแล้ว สำหรับนักเตะของทั้งสองฝ่ายในจังหวะที่บาเยิร์นต่อบอลกันเนียนตา ก่อนที่ริเบรี่จะพยายามแตะหนีรามอส ก่อนที่จะทิ้งตัวลงในกรอบเขตโทษ แต่ดูจากภาพช้าแล้วแทบจะไม่มีการปะทะกัน ทำให้กองหลังของมาดริดฉุนขาดจะเข้าไปเอาเรื่องริเบรี่ จนทำให้เว็บบ์ต้องเข้าไปปรามกันให้เย็น

อีก 2 นาทีต่อมา น่าสงสัยคาซิญาสจริงๆ เพราะในจังหวะเตะมุมของบาเยิร์น กองหลังของมาดริดเคลียร์บอลไม่ขาด รามอสไปสกัดแล้วโดนผู้เล่นของบาเยิร์น จนทำให้เหมือนกับตั้งให้ริเบรี่วิ่งมาบวกเต็มตีนยังระยะแค่ราวๆ 10 หลา บอลพุ่งตุงตาข่าย สุดปัญหาที่นายทวารทีมชาติสเปนจะทำอะไรได้ ทำให้บาเยิ์นขึ้นนำไปก่อนแล้ว 1-0

นอกจากจะเป็นรองด้านสกอร์ที่โดนนำออกไปก่อนแล้ว มาดริดยังท่าไม่ค่อยดี เพราะเกมของพวกเขาดูจะด้อยกว่าบาเยิร์นลงไปแบบถนัดตา ผู้เล่นแนวรุกในแดนหน้าแทบจะไม่ได้มีโอกาสสร้างสรรค์เกม พอจะบุกจะสวนก็โดนกองหลังของเจ้าบ้านที่วันนี้แน่นปึ้กยืนดักเอาไว้ได้หมด

ผ่านช่วงครึ่งชั่วโมงไปสักหน่อย ตอนนี้เกมของมาดริดดูจะตื่นตาตื่นใจขึ้นมาบ้าง หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ส่วนมากโอกาสจะเป็นของโรนัลโด้ที่ได้ซัดฟรีคิกและพาบอลไปลองเองทีสองที แต่ล้วนแล้วแต่ห่างไกลกับความเป็นจริงที่จะตีเสมอให้ได้อยู่

นาทีที่ 40 ทำเอาต้องออกแรงเหนื่อยปัดทิ้งออกหลังเหมือนกันสำหรับคาซิญาส ในจังหวะทีบาเยิร์นฉวยโอกาสแทงบอลทะลุแนวรับของมาดริดให้กับโกเมซทะลุฉีกขึ้นไปทางซ้าย ก่อนที่จะบิดตัวซัดเต็มข้อทันที บอลพุ่งเหมือนจะเสียบเสยคานเข้าไปอยู่แล้ว แต่คาซิญาสก็ดีดตัวปัดกึ่งทุบทิ้งออกไป

จบ 45 นาทีแรกของเกมการแข่งขัน บาเยิร์นกุมความได้เปรียบเอาไว้ด้วยการออกนำไปก่อน 1-0 แต่ต้องระวังการแก้เกมของมูริญโญ่ในช่วงพักครึ่งเอาไว้ให้มาก เพราะถ้ามาดริดตีเสมอได้ขึ้นมา เจ้าบ้านยุ่งแน่


ครึ่งหลัง เริ่มจากจังหวะที่โรันลโด้หลุดเข้าไปได้ซัดโล่งๆในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย แต่เหมือนจะยิงฝืนๆเลยไปติดเซฟของนอยเออร์ แต่บอลเด้งไปเข้าทางโอซีล แปะต่อให้เบนเซม่าที่เติมขึ้นมาทางขวา ปาดบอลกลับไปเสาไกลใหม่ แม้ว่าบอลกำลังจะออก แต่โรนัลโด้ก็ตามไปตบกลับมาให้โอซีลได้แปบอลเข้าไปตุงตาข่ายโล่งๆ มาดริดตามตีเสมอเป็น 1-1 จนได้ งานเข้าแล้วสำหรับบาเยิร์นในนาที 53

นาทีที่ 61 ดูเหมือนจะผิดหวังอยู่พอสมควรสำหรับชไวน์สไตเกอร์ หลังจากโดนเปลี่ยน เพราะบาเยิร์นต้องการส่งมุลเลอร์ที่ชั่วโมงนี้น่าจะคาดหวังประตูได้มากกว่าลงไปเล่นแทน

ตอนนี้บาเยิร์นพยายามที่จะขยับระดับเกมของพวกเขาให้เพิ่มมากขึ้น หลังจากเฉื่อยไปนิดจนโดนตีเสมอ แต่ปัญหาคือแนวรุกของพวกเขายังไม่สามารถสร้างความอันตรายและกดดันกองหลังของมาดริดได้เหมือนอย่างในครึ่งแรก

ได้ทั้งเกมรุกและรับผสานไปในตัวสำหรับมาดริด เมื่อจัดการส่งมาร์เซโล่ลงไปเล่นแทนที่โอซีลซึ่งเป็นผู้ทำประตูตีเสมอให้กับทีม เนื่องด้วยน่าจะมองเกมที่จะเจอกับบาร์เซโลน่าในช่วงสุดสัปดาห์นี้ด้วย สำหรับเกมในลา ลีกา

นาทีที่ 72 ดูเหมือนว่าวันนี้อาจจะไม่ใช่วันของเขาก็ได้สำหรับโกเมซ เพราะมีโอกาสทองถึงสองครั้ง จังหวะแรกรามอสสกัดไม่ดี เหมือนไปกึ่งๆตั้งให้ได้ซัด แต่บอลมันกระดอนไปนิดเลยเหินข้ามคานไป ก่อนที่จะมาโฉบตัดไปซัดได้อีกลูก แต่ที่หมายเดิมคือหลังประตูอีกดอก

นาทีที่ 79 ดูเหมือนผลเสมอก็น่าจะพอใจเป็นที่สุดแล้วสำหรับมาดริด เมื่อส่งเอากราเนโร่ลงไปเล่นแทนดิ มาเรีย เพื่อที่จะพักปีกอาร์เจนไตน์ตัวนี้เอาไว้ก่อนและดูเหมือนว่าการเติมผู้เล่นที่เล่นเกมรับได้ดีกว่าน่าจะเหมาะสำหรับเวลานี้

นาทีที่ 87 ลุกฮือกันทั้งสนามสำหรับแฟนบอลของบาเยิร์น เมื่อโกเมซพยายามจะพุ่งเข้าหาบอลในกรอบเขตโทษ แล้วเจอรามอสกับโคเอ็นเทราเข้าแพ็คคู่นล้มลงไป แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร แม้เจ้าตัวจะโวยวายอย่างหนัก แต่เมื่อดูจากภาพช้าแล้วจะให้ก็คงยาก เพราะโกเมซไม่ถึงบอลเลย

โคตรดราม่าไปเลย เพราะในอีก 3 นาทีต่อมา บาเยิร์นมาทำประตูชัยจนได้ จากจังหวะที่ลาห์มกระชากบอลหนีโคเอ็นเทราที่เข้าพรวด ก่อนที่จะลากไปเปิดเข้ากลางให้โกเมซได้เข้าชาร์จตุงตาข่าย บาเยิร์นขึ้นนำอีกครั้ง

ช่วงท้ายเกมถือว่าพกพระรอดมาเลยสำหรับมาร์เซโล่ที่ออกลูกเกเรไปเข้าบอลหนักใส่โกเมซชนิดที่ให้ใบแดงก็ไม่น่าเกลียด จนทำให้ผู้เล่นบาเยิร์นไม่พอใจอย่างแรง เพราะผู้ตัดสินให้แค่เหลืองเท่านั้น

ก่อนที่บาเยิร์นจะเอาชนะมาดริดไปแบบสุดระทึกด้วยสกอร์ 2-1 แต่ยังมีเลกสองให้ทีมเยือนได้ลุ้นอีก เพราะพวกเขามีอเวย์โกลตุนเอาไว้หนึ่งลูก

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, เจอโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบ้า, ฟิลิปป์ ลาห์ม, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์(มุลเลอร์ น.61), หลุยส์ กุสตาโว่ ดิแอส, ฟร็องค์ ริเบรี่, อาร์เยน ร็อบเบน, มาริโอ โกเมซ, โทนี่ โครส

เรอัล มาดริด : อีเคร์ คาซิญาส, แซร์คิโอ้ รามอส, เปเป้, ฟาบิโอ โคเอ็นเทรา, อัลวาโร่ อาร์เบลัว, ซามี เคดิร่า, ชาบี อลอนโซ่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, อังเกล ดิ มาเรีย (กราเนโร่ น.79), คาริม เบนเซม่า(อิกวาอิน น.84), เมซุต โอซีล (มาร์เซโล่ น.69)

ไฮไลท์คลิป 37 ยังแจ๋วลูกพี่เบ็คส์ยิงไกลพาแอลเอ ดับ ทีมเบอร์ส 3-1 12bet 17/04/2555

วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555



เดวิด เบ็คแฮม อดีตแข้งผีแดงแมนฯยูไนเต็ดในวัย 37 ปี ปัจจุบันค้าแข้งอยู่ในเมเจอร์ ลีก กับ แอลเอ กาแล็คซี กับการแข่งขันนัดล่าสุดเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 14 เมษายน ผ่านมา จังหวะนี้เป็นคลิปการวางเท้ายิงแบบเพอร์เฟคระยะกว่า 30 หลาที่เราเคยเห็นกันบ่อยๆสมัยเขาอยู่อังกฤษ กับ สเปน





เบ็คแฮม ยังคงพิสูจน์ให้แฟนบอลประจักษ์แก่สายตาว่า เขายังรักษาสภาพร่างกายความฟิตได้เหมือนช่วงวัยรุ่นสมัยค้าแข้งอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเป็นส่วนหนึ่งช่วยต้นสังกัดเปิดบ้านเอาชนะทีมคู่แข่ง ปอร์ตแลนด์ ทิมเบอร์ส 3-1 เบ็คแฮม โชว์พลังฝีเท้ายิงประตูระยะไกลนอกกรอบเขตโทษปั่นไซด์บอลพุ่งเข้าสามเหลี่ยมเป็นสกอร์ปิดท้ายในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอย่างสวยงาม


ภาพจังหวะเงื้อเท้าที่คุ้นตา มุมเป๊ะ ท่าเป๊ะ

ไฮไลท์คลิป เกย์สวิงไปเสียวไป เมื่อไอ้เข้อยู่ข้างหลัง 12bet 17/04/2555



ภาพควันหลงวันแรกจากการแข่งขันศึกกอล์ฟพีจีเอ ทัวร์ รายการ อาร์บีซี เฮริเทจ ที่สนามฮาร์เบอร์ ทาวน์ กอล์ฟ ลิงค์ส ในเมืองฮิลตัน เฮด มลรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่หลุม 15





โดยจังหวะนี้ เบรน เกย์ โปรชาวอเมริกันกำลังจะเล่นลูกที่ตกอยู่ริมสระน้ำของสนาม แต่เจอปัญหา เมื่อมีแขกไม่ได้รับเชิญเป็นจระเข้ขนาด 6 ฟุต ขึ้นมานอนอาบแดดอยู่บนสนามหญ้าริมสระร้อนถึง คิพ เฮ็นลีย์ แคดดีคู่ใจ เกย์ ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยไม้ยาวจัดการไล่จระเข้คลานกลับลงสระไปด้วยมือของตัวเอง จากนั้น เบรน เกย์ จึงกลับมาเล่นต่อได้โดยมีไอ้เข้ตัวป่วนลอยคอในสระน้ำอยู่ทางด้านหลังห่างจากเขาออกไปอีกเพียง 10 เมตรเท่านั้น

ไฮไลท์แมตช์ เกตาเฟ่ VS เซบีย่า La Liga - เกตาเฟ่เปิดรังรัวเซบีย่า 5-1 12bet 17/04/2555



เกตาเฟ่ เปิดบ้านโชว์ฟอร์มหรู เตรียมลุ้นไปบอลยุโรปในฤดูกาลหน้า  หลังพลิกกลับมายิงระเบิด 5 เม็ดรวด แซงชนะเซบีย่า 5-1  ในศึกลาลีกา สเปน เมื่อวันจันทร์ที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา


วันจันทร์ที่ 16 เมษายน 2555 
      
ฟุตบอล ลาลีกา สเปน
เกตาเฟ่ 5-1 เซบีย่า
       

Getafe CF 5 - 1 FC Sevilla footyroom.com by Futbol2101



ศึก ลาลีกา สเปน ประจำวันจันทร์ที่ 16 เมษายน เป็นการพบกันระหว่าง เกตาเฟ่ ทีมอันดับ 11 และ เซบีย่า ที่กำลังลุ้นพื้นที่ยุโรปในอันดับ 7 เจ้าถิ่นส่ง มิคู และ ดีเอโก คาสโตร เป็นหัวหอกในเกมนี้ ส่วนทีมเยือน มีสามประสานในแนวรุกอย่าง เฆซุส นาบาส, อัลวาโร เนเกรโด และ มานู เดอ มอราล ลงสนามกันพร้อมหน้า
       
ทีมเยือนครองเกมมากกว่าในต้นเกม และมีโอกาสลุ้นจาก มานู เดอ มอราล ในนาที 13 และ พิเตอร์ ทรอฟชอฟสกี ในนาที 15 แต่ทว่า บอลหลุดกรอบออกไม่หมด 


แฟนทีมเยือนมาเฮจนได้ จากจังหวะที่ต่อบอลกันอยู่นานจนมีช่อง ทรอฟชอฟสกี ไหลต่อให้ อัลวาโร เนเกรโด ซัดด้วยอีซ้ายบอลเข้าไปตุงตาข่ายชนิดที่ มิเกล โมยา ไม่ต้องเซฟ เซบีย่าออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 19
       
ดำนเนินถึงนาที 23 ทีมเยือนน่าจะได้ประตูขึ้นนำก่อน นาบาส รับบอลจาก มานู ก่อนแปด้วยขวา แต่ มิเกล โมยา พุ่งไปปัดทิ้งไว้ได้หวุดหวิด แต่แล้วนาที 35 กลับเป็นเจ้าถิ่นออกนำก่อนแบบมีโชค จากลูกเตะมุมแนวรับเคลียกันไม่ขาด มิเกล ตอเรส ที่อยู่ทางเสาสองยิงจ่อๆ เข้าไปไม่มีเหลือ เกตาเฟ ไล่มาเป็น 1-1 ท้ายครึ่งแรก เจมี กาวิลัน นำจะทำประตูขึ้นนำให้เจ้าถิ่นได้แต่ ฆาบี บาราส ยังเซฟได้ยอดเยี่ม จบ 45 นาที ยังเสมอกันอยู่ 1-1
       
เริ่มครึ่งหลังมาเป็น เซบีย่า ได้บุกก่อนเหมือนเดิม แต่นที 49 กลับเป็น เกตาเฟ ที่แซงขึ้นนำได้สำเร็จ จากการขึ้นเกมรุกทางขวา ตบเข้าในมาให้ ดีเอโก คาสโตร แตะต่อให้ เมดีห์ ลาเซน ตะบันจากนอกกรอบบอลพุ่งเข้าประตู ส่งให้เจ้าบ้านพลิกแซง 2-1 หลังได้ประตูเกมเจ้าถิ่นดูดีกว่าอย่างชัดเจน และสกอร์ไหลเป็น 3-1 ในนาที 63 เปรโด ริออส ไหลคืนมาให้ มิคู ยืนเลือกมุมยิงโล่งๆ ก่อนส่งบอลเข้าไปทางเสาสองง่ายๆ
       
นาที 69 กาตาเฟ ต่อบอลขว้างสนามจากขวามาซ้าย บอลลำเรียงมาถึง มาเน ที่เติมมาทางซ้าย ก่อนเปิดเข้ากลาง เปรโด ริออส โฉบมาโขกที่กรอบ 6 หลาบอลกระดอนพื้นเข้าไปซุกก้นตาข่ายอีกหน เจ้าบ้านขยับหนีเป็น 4-1 ถัดมา 2 นาที สกอร์ไหลไปเป็น 5-1 จากการประสานงานของคูเดิม เปรโด ริออส จ่ายให้ มิคู หลุดเข้าไปเลือกมุมแปผ่านมือ ฆาบี บาราส เข้าไปง่ายๆ
       
ช่วงท้ายเกม เซบีย่า ไม่ทีท่าทีว่าจะดีขึ้นพยายามตั้งเกมสู้ แต่เกมก็ไปเข้าทางของเจ้าบ้านทั้งหมด อาศัยการถ่ายบอลไปมาเผาเวลาไปเรื่อย กระทั่งจบเกม เป็น เกตาเฟ ที่เปิดบ้านโชว์ฟอร์มสุดยอดไล่อัด เซบีย่าไป 5-1 มี 45 แต้ม เท่ากับ เซบีย่า ในอันดับ 9 แต่เป็นเรื่องลูกได้เสีย รั้งอยู่อันดับ 11 ขณะที่ ทีมเยือน มี
       
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
เกตาเฟ : มิเกล โมยา, อโรโย, แดเนียล ดิอาซ, มาเน, มิเกล ตอเรส, เมดีห์ ลาเซน, มิเชล, เจมี กาวิลัน, เปรโด ริออส, มิคู, ดีเอโก คาสโตร


เซบีย่า : ฆาบี บาราส, จูเลียน เอสคูเด, เฟเดริโก ฟาซิโอ, เฟอร์นานโด นาบาโร, โฆเก อันดูฮา, พิเตอร์ ทรอฟชอฟสกี, แกรี มีเดล, อันโตนิโอ ลูนา, เฆซุส นาบาส, อัลวาโร เนเกรโด, มานู เดอ มอราล

ไฮไลท์แมตช์ อาร์เซน่อล VS วีแกน แอธเลติก Premier League - เขียนบทรึเปล่า? วีแกนล้มยักษ์ตนที่ 3 หักกระบอกปืน 2-1 12bet 17/04/2555



วีแกน แอธเลติก เค้นพลังในการเอาตัวรอดตกชั้นแบบสุดๆ เมื่อได้สองประตูติดๆกันในช่วงต้นเกม ช่วยให้บุกเฉือน "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ที่กำลังฟอร์มเข้าฝักไปหน้าตาเฉย 2-1 ในเกมพรีเมียร์ลีก คืนวันจันทร์ที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา 


วันจันทร์ที่ 16 เมษายน 2555


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 
อาร์เซน่อล 1-2 วีแกน แอธเลติก 



A-W footyroom.com by footyroom



เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล ฟอร์มเยี่ยมในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 9 นัดหลังสุดในลีกเก็บชัยไปได้ถึง 8 เกมเลยทีเดียวทำ ให้โควต้าแชมป์เปี้ยนส์ ลีกไม่น่าหลุดมือไปไหนแล้ว

ด้าน วีแกนเพิ่งพลิกล็อคชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมา 1-0 ทำให้ถีบตัวเองขึ้นมาจากโซนตกชั้นได้สำเร็จโดยมีคะแนนเหนือโบลตันทีมอันดับ 18 อยู่ 2 แต้มแต่แข่งมากกว่า 1 นัด


เริ่มมา 2 นาทีอาร์เซน่อลได้โอกาสลุ้นเบาๆก่อนเมื่อโธมัส แฟร์มาเล่นเติมเกมขึ้นมาก่อนจะซัดด้วยซ้ายบอลไม่แรงมากแถมไม่ตรงกรอบอีกต่างหากหลุดเสาออกไป

เกมยังเป็นอาร์เซน่อลได้ครองบอลบุกกดดันเรื่อยๆ 3 นาทีต่อมาวัลคอตต์ก็เปิดบอลที่แทงทะลุช่องมาจากซงก่อนจะเปิดเข้าไปตรงกลางให้กับเบนายูนโขกโล่งๆแต่ไปตรงตัวอัล ฮับซี่ปัดข้ามคานไปได้

นาทีที่ 7 กลับเป็น เดอะ ลาติกส์ ที่ขึ้นนำไปก่อน เมื่อดิ ซานโตส ตามเข้าไปซ้ำลูกนิงที่ถูกเซสนี่เซฟในจังหวะแรก  ส่วนดาบสองดาวเตะละติน ไม่พลาดที่จะส่งบอลเข้าไปสู่ก้นตาข่าย

เหมือนจะเสียกระบวน อาร์เซน่อลมาเสียประตูในนาทีต่อมาเมื่อโมเสสเลื้อยหลบซานญ่ามาอย่างสวยก่อนที่จะเปิดเรียดเข้ามาตรงกลางให้โกเมซโดยมีเซสนี่พยายามล้มตัวตะครุบบอลไว้แต่ไม่สำเร็จโดนโกเมซฉกมาซัดเข้าไปง่ายๆ สกอร์ขยับไปเป็น 2-0 แล้วใครจะไปเชื่อ

สถานการณ์ของอาร์เซน่อลย่ำแย่หนักเข้าไปอีกเมื่ออาร์เตต้าได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนแรมซี่ย์ลงมาแทนและนาทีที่ 16 เจ้าถิ่นก็เกือบตีไข่แตกได้เมื่อโรซิคกี้เปิดบอลไปให้กับเบนายูนคนเดิมได้โหม่งสะบัดเกือบเสียบสามเหลี่ยมแต่อัล ฮับซี่ยังบินปัดได้อย่างเหลือเชื่อ

ประตูตีไข่แตกของอาร์เซน่อลมาแล้วในนาทีที่ 21 เมื่อโรซิคกี้ที่วันนี้จ่ายบอลสวยๆได้หลายลูกแล้วครั้งนี้ก็เปิดบอลอย่างแม่นยำมาจากทางขวาให้กับแฟร์มาเล่นสอดขึ้นมาโขกเข้าประตูไป เจ้าถิ่นไล่มาเป็น 2-1 แล้ว

หลังได้ประตูอาร์เซน่อลยิ่งคึกหนัก 2 นาทีต่อมาฟาน เพอร์ซี่ก็ได้ส่องจากระยะ 25 หลาแต่ยังติดเซฟอัล ฮับซี่อีก นาที่ต่อมากองหลังทีมเยือนเคลียร์บอลกันไม่ดีฌูรูเลยได้ยิงแต่บอลก็เฉี่ยวเสาออกไปอีก

หลังจากนั้นแม้ว่าจะเป็นเจ้าถิ่นที่พยายามบุกอย่างหนักหวังตีเสมอให้ได้แต่ก็ยังไม่มีประตูเพิ่ม จบครึ่งแรกวีแกนบุกมานำอาร์เซน่อลอยู่ 2-1


กลับมาในครึ่งหลังยังเป็นอาร์เซน่อลที่พยายามเคาะบอลกันไปมาหาจังหวะเข้าทำให้ได้แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับวีแกนได้เลยเกมตรงกลางของเจ้าถิ่นตอนนี้ดูเหมือนมีโรซิคกี้คนเดียวที่พยายามปั้นเกมอยู่ตลอดเวลา

บุกเพลินๆต้องระวังวีแกนสวนหายเหมือนลูกแรก นาทีที่ 53 โมเสสเลี้ยงบอลเลาะมาจากทางซ้ายเข้าเขตโทษก่อนจะยิงทันที ดีที่เซสนี่ยังไว้ล้มตัวปัดทิ้งไปได้ก่อน

เกมรับปืนวันนี้ดูผิดพลาดกันบ่อยมา นาทีที่ 58 นักเตะเจ้าถิ่นก็สกัดกันไม่ขาด 2 คนทำให้โมเสสได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษแต่จังหวะยิงทำได้ไม่ดีพอซัดไปให้เซสนี่ล้มตัวเซฟไว้ได้สบาย

เกมของอาร์เซน่อลยังเหมือนเดิมคือได้แต่เคาะบอลไปๆมาๆหาช่องเจาะแนวรับทีมเยือนไม่ค่อยได้กลับกันเป็นวีแกนที่สวนขึ้นมาทีอันตรายเหลือเกินนาทีที่ 69 โมเสสก็เปิดบอลไปให้กับโกเมซได้วอลเลย์เต็มๆแบบไม่มีคนประกบที่เสาสองแต่บอลลอยข้ามคานไป

เหลืออีก 15 นาทีเวนเกอร์ทนไม่ไหวต้องถอดเอากองหลังอย่างฌูรูออกแล้วส่งตัวรุกอย่างแชมเบอร์เลนลงมาเพิ่มแล้ว แต่เกมของอาร์เซน่อลก็ยังไม่ดีขึ้นไม่มีจังหวะได้ลุ้นเลย

นาทีที่ 85 โรซิคกี้ก็ข่ายบอลทะลุให้วัลคอตต์วิ่งหนีแนวรับของวีแกนไปแต่โดนฟิเกอรัววิ่งตามมาเบียดล้มลงไปแต่กรรมการไม่ได้ให้อะไรเลย จังหวะนี้น่าจะเป็นลูกฟาล์วแถมอย่างน้อยต้องมีใบแล้ว ทำเอาเวนเกอร์หัวฟัดหัวเหวี่ยงเลยทีเดียว

จบเกมอาร์เซน่อลตามตีเสมอไม่สำเร็จพ่ายวีแกนคาบ้าน 2-1 อันดับที่ 3 เริ่มไม่แน่เสียแล้วหลังเกมหน้ามีคิวพบกับเชลซีอีกขณะที่วีแกนเก็บ 3 แต้มสุดสำคัญแซงควีนส์ ปาร์ก เรนเจอร์สขึ้นไปอยู่ที่ 16 แล้ว

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล : วอจเซียค เซสนี่, อังเดร ซานโตส, โยฮัน ฌูรู(อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด แชมเบอร์เลน น.74), โธมัส แฟร์มาเล่น, บาการี่ ซานญ่า, อเล็กซ์ ซง, โทมัส โรซิคกี้(อารอน แรมซี่ย์ น.12), มิเคล อาร์เตต้า, ธีโอ วัลคอตต์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, ยอสซี่ เบนายูน(แซร์วินโญ่ น.61)

วีแกน : อาลี อัล ฮับซี, ไมเนอร์ ฟิเกอรัว, แกรี่ คัลด์เวลล์, อันโตลิน อัลคาเรซ, ฌอง เบอร์เซชัวร์, เจมส์ แม็คอาเธอร์, เจมส์ แม็คคาร์ธี่ย์, เอ็มเมอร์สัน บอยซ์, ฆอร์ดี้ โกเมซ(โมฮาเหม็ด ดิยาเม่ น.86), วิคเตอร์ โมเสส, ฟรังโก้ ดิ ซานโต้(คอนอร์ แซมม่อน น.76)

ไฮไลท์แมตช์ สเปอร์ส VS เชลซี Fa Cup - 12bet 16/04/2555 สิงห์ขย้ำไก่เละ 5-1 ลิ่วชิงหงส์ 12bet 16/04/2555

วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555



เชลซีผ่าน ท็อตแย่ม ฮอตสเปอร์ เข้าไปชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ ได้ในที่สุด โดยในเกมนี้สิงห์บลูทำสามประตูท้ายเกม ยำไก่เดือยทองไปราบคาบ 5-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 


วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2555


ฟุตบอลเอฟเอ คัพ
สเปอร์ส 1-5 เชลซี



T-C footyroom.com by footyroom



รอบรองชนะเลิศคู่ที่สอง เป็นลอนดอนดาร์บี้แมตช์ ระหว่างไก่เดือยทอง และสิงโตน้ำเงินคราม โดยคู่นี้จะเข้าไปพบ


กับลิเวอร์พูล ที่ชนะไปเมื่อวันเสาร์ก่อนแล้วในรอบชิงที่สนามเวมบลีย์ต่อไป 


สเปอร์ส วาง ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ปั้นเกม มี เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ลงล่าตาข่าย ด้าน เชลซี ส่ง ซาโลมง กาลู, ฆวน มาต้า และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็นสามหอก


เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายยังผลัดกันได้ครองบอลบุกเข้าใส่กันตลอดแต่ก็ยังไม่มีจังหวะน่าหวาดเสียวอะไรมากโดย 15 นาทีแรกมีโอกาสได้ลองกันบ้างทาง"สิงห์บลูส์"ลุ้นจากลูกโหม่งของแลมพาร์ดแต่ก็ไม่ตรงกรอบ ส่วน"ไก่เดือยทอง"ก็ได้โอกาสจบจากจังหวะโต้กลับขึ้นมาก่อนเป็นฟาร์ทยิงจากหน้าเขตโทษก็ไม่แม่น

จังหวะอาจยังไม่มีอะไรกันมากแต่ทางสเปอร์สเกือบได้ยิงจ่อๆอยู่เหมือนกันเป็นปาร์คเกอร์ที่พาบอลเข้าไปในเขตโทษเองเลยเจอลูอิซมาสกัดไว้ บอลกำลังจะไหลไปเข้าทางอเดบายอร์ได้ยิงโล่งๆแล้วแต่โคลยังวิ่งมาสกัดออกไปได้ทัน

เชลซีเองก็น่าได้ประตูเช่นกันเดียวกันเป็นจังหวะโต้กลับขึ้นมาทางซ้ายโดนกาลูโดนเบียดแต่ก็เอาไม่อยู่ลากตัดเข้าในมาก่อนจะดึงจังหวะรอแล้วแทงทะลุช่องให้กับมาต้าสอดเข้าเขตโทษไปเดี่ยวๆแล้วแต่ดันจับบอลไม่ดีเลยลึกไปเข้ามือคูดิชินี่

"สิงห์บลูส์"มีโอกาสลุ้นกันอีกซักทีเป็นกาลูที่ได้บอลทางซ้ายก่อนจะเปิดเข้าไปข้างในให้กับดร็อกบาที่อยู่ตรงเสาแรกเทคตัวดีโหม่งได้แต่น่าเสียดายบอลติดบล็อกคิงนิดนึงเลยกลายเป็นหลุดเสาแรกออกหลังไปเท่านั้น
  
ผ่านมาจนถึงนาที 35 "ไก่เดือยทอง"น่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆจากจังหวะที่อเดบายอร์หลุดขึ้นมาทางขวามีโบซิงวามาชะลอก่อนจะเลือกเปิดเข้าไปตรงกลาง ฟาน เดอร์ ฟาร์ทโหม่งแต่บอลหลุดมาถึงเสาสองให้กับเลนน่อนเปิดกลับไปหน้าประตูให้กับฟาน เดอร์ ฟาร์ทโหม่งซ้ำอีกทีบอลผ่านมือเช็คไปแล้วแต่เทอร์รี่ยืนบนเส้นเคลียร์ออกมาได้ทัน

ช่วงท้ายครึ่งแรกเป็นสเปอร์สที่น่าได้ประตูออกนำไปก่อนอีกแล้วจากฟาน เดอร์ ฟาร์ทที่ได้บอลทางขวาก่อนจะตั้งป้อมหยอดเข้าไปข้างใน มีอเดบายอร์โฉบมาเหมือนจะเล่นแต่ไม่ถึงบอลตกพื้นทีนึงก่อนจะหลุดไปเชนเสากระดอกออกมาอย่างจัง

แต่ก่อนจะหมดครึ่งแต่ 2 นาทีกลับเป็นฝั่ง"สิงห์บลูส์"ที่ได้ประตูออกนำไปก่อนเลยจากบอลวางยาวขึ้นมาข้างหน้าก่อนจะเป็นดร็อกบาที่เอาบอลลงได้พิงกับกัลลาสอยู่ก่อนจะพลิกหนีมาเองแม้กัลลาสจะยิงตามเบียดแต่ก็ยังได้กดเต็มข้อด้วยขวา บอลพุ่งเต็มแรงผ่านมือคูดิชินี่เข้าไปไม่มีเหลือ เชลซีออกนำไปก่อน 1-0 ก่อนจะจบครึ่งไปด้วยสกอร์นี้

เข้าสู่ครึ่งหลัง สิงห์บลูส์มาหนีห่างเป็น 2-0 จนได้จากลูกชุลมุนหน้าประตูสุดท้ายทะลุไปถึง ฆวน มาต้า สอดมาแปด้วยซ้ายบอลติดขา อัสซู-เอก็อตโต้ ค้างอยู่ที่เส้นโดยที่ยังไม่เข้าไปข้างใน แต่กรรมการตัดสินใจให้เป็นประตูของสิงห์บลูไปในท้ายที่สุด ในนาทีที่ 49

น.56 สเปอร์ส ไล่มาเป็น 1-2 จนได้เมื่อ พาร์เกอร์ จ่ายให้ อเดบายอร์ หลุดเดี่ยวไปแตะหลบ เช็ก แล้วถูกนายด่านสิงห์บลูส์รวบล้ม แต่บอลยังทะลักมาเข้าทาง แกเร็ธ เบล ที่เติมขึ้นมายิงตุงตาข่ายเข้าไป

เชลซี มาทิ้งห่างอีกครั้งเมื่อ มาต้า จ่ายไปให้ รามิเรส หลุดไปในเขตโทษฝั่งขวาแล้วดีดผ่านมือ คูดิชินี่ เข้าประตูไปไม่เหลือส่งสิงห์บลูส์หนีเป็น 3-1 ในนาทีที่ 77

น.81 สิงห์ลอนดอนมาดับความหวังไก่เดือยทองเมื่อหนีเป็น 4-1 จากฟรีคิกระยะ 25 หลา แฟร้งค์ แลมพาร์ด วิ่งเข้าซัดบอลพุ่งโด่งข้ามกำแพงเสียบโคนเสาอย่างสุดสวย

น.90 ช่วงทดเจ็บ สิงห์บลูส์มาตอกฝาโลงเมื่อ มาต้า ชิ่งจังหวะเดียวให้ ฟลอร็องต์ มาลูด้า หลุดเดี่ยวไปจิ้มผ่าน คูดิชินี่ เสียบตาข่าย จบเกม เชลซี ถล่ม สเปอร์ส 5-1 ส่งผลให้สิงห์บลูส์ผ่านเข้าไปยังรอบชิงชนะเลิศโดยจะพบกับ ลิเวอร์พูล ที่เวมบลี่ย์ในวันที่ 5 พฤษภาคม


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
สเปอร์ส : คาร์โล คูดิชินี่, ไคล์ วอล์คเกอร์, เล็ดลี่ย์ คิง, วิลเลี่ยม กัลลาส, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้, อารอน เลนน่อล, ลูก้า โมดริช, สกอตต์ พาร์เกอร์ (รานิเอเร่ ซานโดร น.90), แกเร็ธ เบล, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท (เจอร์เมน เดโฟ น.75), เอ็มมานูเอล อเดบายอร์


เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, โชเซ่ โบซิงวา, จอห์น เทอร์รี่, ดาวิด ลุยซ์ (แกรี่ เคฮิลล์ น.59), แอชลี่ย์ โคล, รามิเรซ (ฟลอร็องต์ มาลูด้า น.82), แฟร้งค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเกล, ซาโลมง กาลู, ฆวน มาต้า, ดิดิเยร์ ดร็อกบา (เฟร์นานโด ตอร์เรส น.84)

ไฮไลท์แมตช์ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค VS เอฟซี โคโลญจน์ - สิงห์หนุ่มขยุ้มแพะ 3-0 จี้ชาลเก้แต้มเดียว 12bet 16/04/2555



สิงห์หนุ่ม" โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เปิดรังถล่ม เอฟซี โคโลญจน์ ทีมหนีตกชั้น 3-0 เก็บ 3 แต้มขยับช่องว่างกับ ชาลเก้ เหลือแต้มเดียวเท่านั้น ในศึกฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมนี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา
   
วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2555
    
ฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน
โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 3-0 เอฟซี โคโลญจน์



Monchengladbach 3-0 Cologne - Goal highlights by Hamza_Artin

       
เกมลีกสูงสุดของเมืองเบีนร์คู่แรกประจำวันอาทิตย์ โบรุสเซีย มึนเซนกลัดบัค ทีมอันดับ 4 เปิดบ้านต้อนรับ เอฟซี โคโลญจน์ ทีมเยือนที่กำลังหนีตกชั้น เจ้าถิ่นต้องการ 3 แต้มเพื่อไล่ ชาลเก ทีมอันดับ 3 โดยเกมนี้ 3 ประสานอย่าง อีกอร์เดอร์ คามาร์โก, ไมค์ ฮานเค และ มาร์โก รอยส์ ลงสนามพร้อมหน้า ฝั่งทีมเยือนนำทัพโดย ลูคัส โพเดลสกี และ ซาชา ริทเธอร์
       
เริ่มเกม 3 นาที เจ้าถิ่นได้โอกาสทักทายก่อนทันที ไมค์ ฮานเค รับบอลต่อจาก ฟิลิป ดีม ก่อนตะบันด้วยขวา แต่บอลไปติดเซฟของ มิซาเอล เรนซิง เกมจากนั้นเป็น กลัดบัค ขึ้นเกมรุกกดดันต่อเนื่อง 


โดยนาที 19 แฟนก็ได้เฮกันลั่น เมื่อ มาร์โก รอยส์ พยายามพลิ้วหลบแต่ถูกเตะร่วงหน้าเขตโทษ เป็น ฮวน อรานโก รับหน้าที่สังหารฟรีคิกระยะ 25 หลา บอลโค้งมุดเข้าประตูอย่างสวยงาม เจ้าบ้านนำ 1-0
       
โคโลญจน์ ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น และเกือบโดนประตูที่ 2 อีกหลายครั้ง กระทั่งนาที 40 การประสานงานระหว่าง มาร์โก รอยส์ และ ไมค์ ฮานเค เกือบเป็นประตูอีกครั้ง แต่ลูกยิงจากกรอบ 6 หลาดันไปติดเซฟของ เรนซิง อีกครั้ง เวลาที่เหลือครึ่งแรก เจ้าถิ่นหวังทำประตูที่สองให้ได้ แต่แล้วไม่มีสกอร์เพิ่ม จบ 45 นาทีแรก กลัดบัค นำ 1-0
       
เริ่มครึ่งหลังมาไม่ถึงนาที อรานโก วางเท้าสับไกด้วยซ้ายข้างถนัดบอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย ถัดมา 1 นาที คริสเตียน คลีเมนส์ ทำชิงกับ ลูคัส โพเดลสกี ก่อนตะบันด้วยขวา แต่ยังไม่ดีพอที่จะผ่านมือของ มาร์ก อันเดร เตอร์-สเตเกน 


ทีมเยือนคล้ายว่าจะดีขึ้นแต่ก็มาโดนของ โทนี ยานชุค โขกลูกเปิดฟรีคิกของ รอยส์ เข้าไปซุกตาข่าย ส่งให้เจ้าถิ่นขยับหนี 2-0
       
ถัดมา 2 นาที สกอร์ไหลเป็น 3-0 อย่างรวดเร็ว คราวนี้เป็น รอยส์ ตวัดยิงตามน้ำจากลูกเปิดมุมของ ฮวน อรานโก บ้าง บอลผ่านมือ มิซาเอล เรนซิง เข้าไปชนิดหมดสิทธิ์เซฟ 


หลังเสีย 2 ประตูรวดเกมของทีมเยือน ช๊อตไปดื้อๆ และโดนขึงเกมรุกอยู่ฝ่ายเดียว จนเกือบเสียประตูอีกหลายครั้ง อย่างไรก็ตามแนวรุกของเจ้าถิ่นกลับไม่คมกันเอง ยิงออกไปหรือติดเซฟของ เรนซิง ทำให้จบเกม กลัดบัค เอาชนะไป 3-0 มี 56 แต้มตามหลัง ชาลเก เพียงแต้มเดียวเท่านั้น ส่วน โคโลญจน์ มี 29 แต้มจมอยู่ท้ายตาราง

ไฮไลท์แมตช์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS แอสตัน วิลล่า Premier League - ผีทุบวิลล่า 4-0 หนีเรือ 5 แต้ม 12bet 16/04/2555



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทิ้งแมนฯ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองไป 5 คะแนนอีกครั้ง หลังเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด อัดวิงห์ผงาด แอสตัน วิลล่า กระจาย 4-0 โดยเวนย์ รูนีย์ เป็นผู้ทำคนเดียวสองประตูในเกมนี้ 


วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2555


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 แอสตัน วิลล่า 



Manchester United vs Aston Villa 4:0 GOALS... by maidb7abc



ปีศาจแดงเจ้าถิ่น ต้องการสามคะแนนเพื่อขยับหนีแมนฯ ซิตี้ ที่ตามมาเหลือสองคะแนนแล้ว หลังถล่มนอริช ซิตี้ เละ 6-1 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ในวันนี้เซอร์ อเล็กซ์ ตัดสินใจดรอป ชิชาริโต้ และส่งแดนนี่ เวลเบ็ค ลลงคู่กับเวนยู รูนีย์ ในแดนหน้า


ส่วนวิลล่า ทีมเยือนก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะมีแต้มเหนือโบลตัน ที่อยู่อันดับ 17 โซนตกชั้นเพียง 6 คะแนน จึงเป็นเกมที่ต้องเน้นผลของสิงห์ผงาดเช่นกัน


แค่ 7 นาทีแรก แมนยูก็ขึ้นนำแล้วจากจุดโทษ โดยเป็นแอขลีย์ ยัง ที่ถูกคลาร์ก กองกลางทีมเยือน เกี่ยวขาล้มลงในจุดโทษ รูนีย์ สังหารไปด้านขวาคนละทิศกับที่เชย์ กิฟเว่น นายทวารสิงผงาดพุ่ง ให้ปีศาจแดงออกนำ 1-0 


จากนั้นไมเคิ่ล คาร์ริค มาโดนใบเหลืองเป็ฯคนแรกของเกม จากจังหวะสไลด์เปิดปุ่มบวกกับการ์ดเนอร์  มาร์ค เฮาซี่ ตัดสินใจแจกเหลืองให้ทันทีแบบไม่มีลังเล


นาที 17 แดนนี่ เวลเบ็ค ได้เทคตัวขึ้นโขกลูกครอสจากด้านข้าง แต่ยังดีที่เนธาน เบเกอร์ ยกขามาบล็อกไว้ได้ทัน อีกนาทีถัดมารูนีย์ ได้หาช่องทางขวาของกรอบโทษก่อนจะส่องเหน่งๆ แต่กิฟเว่นก็ล้มตัวปัดออกไปได้ทัน


นาที 22 เวลเบ็คพลิกบอลหลุดเข้ามาในกรอบอีกครั้ง แต่ว่าตัดสินใจยิงเอง แล้วก็ไปติดเบเกอร์ ที่กระโดบล็อกได้เต็มๆอีกครั้ง 


ปีศาจแดงเปิดเกมกดดันวิลล่าอยู่ตลอดเวลา นาที 25 วาเลนเซีย ทำชิ่งกับรูนีย์เข้ามาในโซนอันตรายก่อนจะโยนข้ามไปให้เวลเบ็คโล่งๆ แต่กองหน้าผิวสีก็ยิงไปติดการป้องกันของเจมส์ คอลลิน ที่เอาตัวบล็อกไว้จนจุก 


วิลล่าได้ลุ้นบ้างเป็นครั้งแรก สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ รับบอลที่ตัดได้กลับมา ก่อนจะเอี้ยวตัวแปบอลโค้งหรีการบล็อกของคาร์ริค ทว่าบอลก็โค้งหลุดเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย


พอล สโคลส์ เกือบกดเม็ดที่สองให้เจ้าถิ่น โดยดักรอลูกเตะมุมที่ระยะ 10 กว่าหลาหน้ากรอบโทษ แต่ลูกวอลเลย์ของแข้งวัย 37 ปี ติดไซด์ก้อยออกหลังไปอย่างมันเท้า


แมนฯยูฯได้ลุ้นอีกครั้ง เป็นวาเลนเซีย ที่เปิดยัดแรงเข้าไปตรงกลาง เป็นเวลเบ็คที่สะกิดบอล แต่ไปตรงตัวให้กิฟเว่นปัดบอลไปทันเฉียดฉิว


ช่วงต่อมาปีศาจแดงพยายามกดดันเอาลูกที่สองให้ได้ แต่ก็ยังไม่เป็นผล ดูเหมือนการรับส่งบอล และจังหวะการทำประตูยังขาดๆเกินๆ


แต่แล้วนาที 44 ยูไนเต็ดก็มาได้ลูกที่สองจนได้ เมื่อคาร์ริคป้ายบอลให้กับเอฟร่า ที่เติมมาด้านซ้าย แบ๊กเลือดน้ำหอมป้ายบอลเรียดเข้ากลาง บอลวิ่งหนีการสลัดของหลังวิลล่าทั้งหมด และกิฟเว่นก็ออกมาไม่เจอบอลอีก ก่อนที่เวลเบ็คจะรับส้มหล่นจิ้มบอลในระยะเผาขนเข้าไปง่ายๆ สกอร์ขยับขึ้นเป็น 2-0 


ครึ่งหลังปีศาจแดงยังคงพับสนามบุกตั้งแต่ต้น ทำเอากองหลังวิลล่าต้องสกัดบอลกันชุลมุน แต่ว่าสโคลส์กับต้องเสียใบเหลือง เพราะไปยกขายันกาเบรีบล อั๊กบอนลาฮอร์ 


จากนั้นเกมเริ่มกลับมาสูสีมากขึ้น เพราะเจ้าบ้านก็เสียบอลกันเองบ่อยครั้ง แต่วิลล่าเองก็ฉวยโอกาสยิงประตูไว้ไมได้เช่นกัน


เกมต้องหยุดไปสักพัก เมื่อครีแรน คลาร์ก ประทะกับ เอฟร่า จนเจ็บทั้งคู่ โดยคลาร์กนั้นได้แผล คิ้วซ้ายแตก หลังจากชนกับไหล่ของกัปตันยูไนเต็ดเข้าอย่างจัง


ปีศาจแดงเปลี่ยนเอายังออก และส่งนานี่ ลงมาแทน  ปีกโปรตุกีสได้ลุ้นทันที เมื่อได้วอลเลย์ลูกเตะมุม ไปโดนแขนของเบเกอร์ แต่กรรมการก็ไม่เป่าให้เป็นจุดโทษลูกที่สองของเจ้าบ้าน


เอมิล เอสกี้ ที่เพิ่งลงสนามา ก็ได้ลุ้นเช่นกัน เมื่อโขกลูกโยนของอั๊กบอนลาฮอร์ย้อยลงเกือบเสียบคาน แต่ดาบิด เดเกอา ไม่ปรพะมาท สปริงตัวปัดบอลออกหลังไปก่อน


วิลล่าได้สวนมาเป็นระยะๆ แต่ไม่มีจังหวะได้จบได้ถนัด จะได้ลุนก็จากลูกยิงไกลที่โดนบล็อค และลูกเตะมุมที่เบกอร์ ได้ขึ้นเทกตัวโหม่ง เหนือรูนีย์ได้


และแล้วรูนีย์ ก็มาทำประตู 3-0 ให้กับเจ้าบ้าน เมื่อประสานงานกับวาเลนเซีย ก่อนจังหวะสุดท้าย จะดีดบอลลอดขาอลัน ฮัตตัน เข้าไปนิ่มๆ ในนาทีที่ 74


จากนั้นเจ้าหมูบิน ก็ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามทันที โดยเป็นดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ที่ลงมาแทน ทำเอารูนีย์หัวเสียนิดหน่อย เพราะจะอดทำแฮตทริคในเกมนี้ทอม เคลฟเวอรี่ ได้โอกาสลงสนาม เซอร์ อเล็กซ์ ตัดสินใจเอาสโคลส์ ที่ติดเหลืองอยู่ออกไปพัก


วิลล่าเกือบเสียประตูที่ 4 เริ่มมาจากราฟาเอล ยิงยัดเข้ามาในกรอบ บอลเด้งจากการสกัดของคอลลินส์ มาเข้าทางเวลเบ็ควํดจ่อๆ แต่ก็ติดกิฟเว่น ที่ใช้หัวป้องกันประตูเอาไว้ได้อีก และกิฟเว่นก็ต้องออกแรงรับลูกยิงแฉลบของวาเลนเซศียอีกครั้งในอีกไม่กี่นาทีต่อมา


นาทีสุดท้ายเบอร์บาตอฟ ชวดทำประตูที่ 8 ให้่ตัวเองในซีซั่น เมื่อพยายามยิงเร็วลูกไหลของนานี่ แต่ก็โดนบล็อกออกหลังไป


สุดท้าย สกอร์ก็ไหลมาที่ 4-0 โดยอีแวนส์ จ่ายบอลจังหวะเดียวเร็วมาให้นานี่ แปบอลด้วยซ้ายผ่านตัวกิฟเว่นเสียบเสาแรกไปอย่างเหนือชั้น ในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 3  จบเกมที่ 34 ของปีศาจแดง เก็บแต้มขยับเป็น 82 คะแนนทิ้งทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ออกห่างเป็น 5 แต้มอีกครั้ง 

ไฮไลท์แมตช์ เอสปันญ่อล VS บาเลนเซีย La Liga - ค้างคาวอ่วม! บุกโดนนกแก้วจิกเละ 4-0 จ่อเสียที่สาม 12bet 16/04/2555



บาเลนเซีย ทำท่าจะเสียอันดับสามของตาราง ให้มาลาก้า หลังบุกโดน"เจ้านกแก้ว" เอสปันญ่อล จิกยับ 4-0 ในเกมลา ลีกาเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา



วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2555 


ฟุตบอลลา ลีกา สเปน
เอสปันญ่อล 4-0 บาเลนเซีย 




Espanyol 4-0 Valencia Goals | utakmice.net by sportsbett





ก่อนเกมนี้ บาเลนเซีย ทีมเยือน ต้องการสามแต้มเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่โดนมาลาก้า ทีมเงินถังของลีก ที่จะได้เฝ้าบ้านเจอ เรอัล โซเซียดัด แย่งอันดับสาม เพราะแต้มตามหลังเพียงสองคะแนนเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่งานง่ายของไอ้ค้างคาวเลย เพราะเอสปันญ่อลเป็นทีมที่สถิติการลงเล่นในบ้านค่อยข้างดี


เริ่มเกมมาเป็นทั้ง 2 ทีมได้ครองบอลพอๆกันและในนาทีที่ 6 บาเลนเซียได้ลุ้นเบาๆก่อนจากจังหวะทำเร็วแต่สุดท้ายปาโบล เอร์นานเดซก็เปิดไปเข้ามือของอัลบาเรซล้มตัวรับไว้ได้ก่อนที่บอลจะถึงโจนาสที่หน้าประตู

เกมผ่านมาเกือบ 20 นาทียังไม่มีจังหวะได้ลุ้นกันเต็มเหนี่ยวเลย แม้ว่าเอสปันญ่อลจะได้ครองบอลบุกกดดันบาเลนเซียอยู่ช่วงหนึ่งแต่ก็ยังหาช่องเข้าทำไม่ได้อยู่ดี

เกมมาถึงนาทีที่ 21 แฟนบอลเอสปันญ่อลก็ลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับดาเนี่ยล ฆาร์เก้ดาวเตะของพวกเขาที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2009 ด้วยซึ้งกันไป เมื่อวานเซเรีย บีก็เพิ่งมีการสูญเสียนักบอลไปอีก 1 รายจากอาการหัวใจวายเช่นกันจนทำให้อาทิตย์นี้ยกเลิกบอลอิตาลีทุกคู่ไปเรียบร้อย

นาทีที่ 25 เอสปันญ่อลก็มาได้ประตูขึ้นนำเมื่อเซร์คิโอ การ์เซียได้บอลทะลุไปด้านขวาก่อนจะล็อกหลบอัลบาแล้วเปิดตัดกลับเข้ามาจากเส้นหลังและก็เป็นคริสเตียน โกเมซวิ่งมาแปเข้าประตูไปหมดสิทธิ์สำหรับกวาอิต้า เอสปันญ่อลขึ้นนำ 1-0

และ 5 นาทีต่อมาเอสปันญ่อลก็มาได้ประตูที่ 2 ตามมาอย่ารวดเร็วเมื่อเวอร์ดูได้บอลบริเวณหน้าเขตโทษก่อนพลิกเข้าซ้ายแล้วซัดทันทีบอลติดไซด์นิดๆเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม สุดตรีนจริงๆลูกนี้ สกอร์เป็น 2-0 แล้ว

หลังจากนั้นเกมของไอ้ค้างคาวยังไม่กระเตื้องขึ้นแม้ว่าเจ้าถิ่นจะดูผ่อนเกมลงไปก็ตาม จบครึ่งแรกเอสปันญ่อลนำบาเลนเซียอยู่ 2-0

ครึ่งหลังบาเลนเซียเปลี่ยน 2 ตัวเลยส่งเฟกูลี่กับอาดูริซลงมาและเปลี่ยนเอาปาโบลกับปาเรโฆ่ที่ครึ่งแรกแทบจะไม่มีบทบาทออกไป รูปเกมช่วงต้นเป็นทีมเยือนที่ทำได้ดีขึ้นมีจังหวะทะลุทะลวงสวยๆหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าไหร่

และแล้วในนาทีที่ 58 เกมรับบาเลนเซียก็พลาดกันเองเมื่อกวาอิต้าโดนบีบทำให้จ่ายบอลให้เพื่อนพลาดโดนเอสปันญ่อลฉกบอลไปได้ก่อนที่บาสเกซตัวสำรองจะใจเย็นซัดเข้าไปง่าย โดนฝังเลยสำหรับไอ้ค้างคาวโดนนำห่าง 3-0 เข้าไปแล้ว

เล่นไปเล่นมากลายเป็นเอสปันญ่อลที่ทำได้ดีกว่าเป็นฝ่ายบุกมาสร้างความหนักใจให้กับเกมรับของบาเล่นเซียอยู่เรื่อยๆ กลับมายากซะแล้วสำหรับทีมเยือน นาทีที่ 66 เอเมรี่ต้องเปลี่ยนเอากานาเลสลงมาปั้นเกมตรงกลางแล้ว

นาทีที่ 70 เอสปันญ่อลก็เกือบได้เฮอีกครั้งเมื่อเวอร์ดูได้โอกาสซัดฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาแต่กวาอิต้ายังเซฟออกหลังไปได้ ก่อนหน้านี้มีจังหวะค้านสายตาเมื่อเจ้าถิ่นน่าจะได้จุดโทษหลังอัลบาโร่โดนเสียบล้มในเขตโทษแต่ผู้ตัดสินก็ไม่ได้ว่าอะไร

ไปกันใหญ่แล้วเอสปันญ่อลคึกจริงๆมาบวกเพิ่มได้อีกลูกในนาทีที่ 79 จากอูเช่ที่ได้รับบอลมาจากซานเชซหลุดกับดักล้ำหน้าก่อนจะซัดด้วยสายบอลค่อยๆไหลเข้าเสาสองไปเป็นประตูฝังบาเลนเซียไป 4-0

ไม่ใช่วันของทีมเยือนจริงๆ รูปเกมก็สู้ไม่ได้แถมสกอร์ก็โดนทิ้งห่างด้วย ต้องชมเอสปันญ่อลที่วันนี้เล่นได้ดีจริง จบศึกสัตว์ปีกบอลสเปน "นกแก้ว"จิก"ไอ้ค้างคาว"บินกลับบ้านไม่ถูก 4-0 เพิ่มโอกาสลุ้นพื้นที่บอลยุโรปส่วนบาเลนเซียยังรั้งอันดับ 3 ต่อไปและมีสิทธิ์โดนมาลาก้าแซงขึ้นมาหากเอาชนะในเกมวันนี้ได้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
เอสปันญ่อล : คริสเตียน อัลบาเรซ, เฮคเตอร์ โมเรโน่, ราอูล โรดริเกซ, ดิดัช, ฆาบี โลเปซ, คริสเตียน โกเมซ(ซานเชซ น.62), ราอูล บาเอน่า, คาลู อูเช่, เวอร์ดู, วลาดิมีร์ ไวส์(บาสเกซ น.55), เซร์คิโอ การ์เซีย(ฟอนเต้ น.82)

บาเลนเซีย : บิเซนเต้ กวาอิต้า, ริคาร์โด้ คอสต้า , อดิล รามี่, ฆอร์ดี้ อัลบา, อันโตนิโอ บาร์รากัน, อัลเบร์โต้ คอสต้า, มาห์เม็ต โทปาล, โจนาส(กานาเลส น.66), ดาเนี่ยล ปาเรโฆ่(เฟกูลี่ น.46), เฌเรมี่ มาติเยอ, ปาโบล(อาดูริซ น.46)

ไฮไลท์แมตช์ เลบานเต้ VS บาร์เซโลน่า La Liga - บาร์ซ่าพลิกแซงเลบานเต้ 2-1 จี้ราชัน 4 แต้มเท่าเดิม 12bet 15/04/2555

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555



บาร์เซโลน่า ยังคงได้ความเหนือชั้นของลีโอเนล เมสซี่ ช่วยทีมเอาไว้ได้อยู่เสมอ หลังดาวเตะโ,กตะลึง เหมาคนเดียวสองประตูให้ทีมพลิกกลับมาเอาชนะ "ค้างคาวจิ๋ว" เลเบานต้ ได้ 2-1 ในเกมลา ลีกาเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา 

วันเสาร์ที่ 14 เมษายน 2555


ฟุตบอลลา ลีกา สเปน
เลบานเต้ 1-2 บาร์เซโลน่า 


Levante UD 1-2 Barcelona footyroom.com by Futbol2101

ก่อนเกมนี้ เรอัล มาดริด ทิ้งบาร์ซ่าออกไป 7 แต้มแล้ว โดยเอาชนะสปอร์ติ้ง กิฆอน ได้ 3-1 ซึ่งคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ทำสกอร์ขึ้นหลัก 41 ประตู แซงเมสซี่ ขึ้นเป็นดาวซัลโวไปอีก ทำให้เจ้าบุญทุ่มต้องเน้นผลการแข่งขันเพื่อไม่ให้ถูกทิ้งห่างออกไปอีก


เกมในช่วงแรกเป็นบาร์เซโลน่าที่ทำได้เหนือกว่าแล้วก็มีโอกาสสำคัญในนาที 10 เมื่ออเล็กซิสพาบอลตะลุยเข้ามาทางเขตโทษด้านขวาแล้วครอสบอลมาเสาไกลให้ธิอาโก้ที่ยืนว่างซัดหลุดกรอบเฉยเลย

นาที 19 ยอดทีมแคว้นคาตาลันมาได้ลูกฟรีคิกแล้วเป็นเมสซี่ที่เปิดบอลเข้าไปให้ธิอาโก้ที่สลัดหนีตัวประกบเทคตัวขึ้นโหม่งจากระยะ 12 หลาไปติดเซฟของมูนูอาที่ยืนตำแหน่งยอดเยี่ยม

อีกสามนาทีถัดมาบาร์เกโร่เปิดบอลเข้ามาในเขตโทษแล้วบัลเดสออกมาชกพลาดบอลเข้าทางฆวนฟรานซัดติดมือบุสสเก็ตส์กลายเป็นจุดโทษซึ่งบาร์เกโร่ก็รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาดให้เลบานเต้นำ 1-0

พอเสียประตูไปแล้ว"อาซูลกราน่า"ก็ตั้งหน้าตั้งตาบุกคืนทันทีแล้วในนาที 29 เมสซี่ก็ครอสบอลเข้าในกรอบเขตโทษให้ฟาเบรกาสวิ่งสอดเข้าไปโหม่งตรงตังของมูนูอาอีก

เกมดำเนินมาถึงนาที 37 อเล็กซิสเปิดบอลเข้าไปในเขตโทษแล้วโดนบาเญสเตรอสเคลียร์ทิ้งออกมาแล้วกลายเป็นเลบานเต้ได้สวนกลับวัลโด้ส่งบอลให้โลเปซซัดหลุดเสาไปอีก ทำให้จบครึ่งแรกด้วยการที่เจ้าบ้านนำ 1-0


เข้าสู่ครึ่งหลังในนาที 52 โคเน่ฉกบอลจากความผิดพลาดของธิอาโก้ได้ที่กลางสนามก่อนกระชากบอลมาหน้ากรอบเขตโทษแล้วแทงออกซ้ายให้บาร์เกโร่เปิดกลับมาหน้าประตูแต่ปูโญลมาเคลียร์ทิ้งได้ทันเวลา

เกมผ่านมาครึ่งชั่วโมงอาเดรียโน่เติมเกมขึ้นไปหน้ากรอบเขตโทษเลบานเต้ก่อนโยกหนีผู้เล่นเจ้าบ้านตัดเข้าในแล้วส่องไกลไปให้มูนูอาบินปัดบอลทิ้งไว้ได้ที่เสาซ้าย

แต่แล้วนาที 64 บาร์เซโลน่าก็ตามตีเสมอเป็น 1-1 เมื่อคูเอนก้าพาบอลมาทางขวาก่อนจ่ายไปแถวหัวกระโหลกเมสซี่กระชากหนีตัวประกบแล้วฝากบอลไปให้อเล็กซิสเบิ้ลคืนมาให้เขาซัดผ่านตัวมูนูอาซุกก้นตาข่าย

เท่านั้นไม่พอเมื่อนาที 72 ทีมเยือนมาได้จุดโทษจากจังหวะที่คูเอนก้าลากบอลเข้าไปในเขตโทษด้านขวาแล้วโดนฆวนฟรานเบียดล้มลงไปซึ่งในทีแรกกรรมการให้เล่นต่อแต่ไลน์แมนบอกว่าฟาวล์เลยกลายเป็นเมสซี่ที่ได้สังหารจุดโทษเข้าไปให้บาร์เซโลน่าแซงนำ 2-1 แน่นอนว่าลูกนี้มูรินโญ่คงเอาไปฟ้องคุณครูอังคณาแน่

จบเกมบาร์เซโลน่าบุกมาเก็บชัยเหนือเลบานเต้แบบหืดขึ้นคอ 2-1 ยังรั้งที่สองของตารางตามหลังเรอัล มาดริดอยู่ 4 คะแนนเช่นเดิม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
เลบานเต้ : กุสตาโว่ มูนูอา, เปโดร โลเปซ, เซร์กิโอ บาเญสเตรอส, กุสตาโว่ กาบราล , ฆวนฟราน , ฆาบี ตอร์เรส (รูเบน ซัวเรซ น.89), บิเซนเต้ อิบอร์ร่า , วัลโด้ , โฆเซ่ บาร์เกโร่ (ฆวนลู น.88), เปโดร โบเตลโญ่ (อับเดลเกเดอร์ เกซซัล น.79), อารูน่า โคเน่


บาร์เซโลน่า : บิคตอร์ บัลเดส, ดาเนี่ยล อัลเวส, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, การ์เลส ปูโยล, อาเดรียโน่ กอร์เรอา , ชาบี เอร์นานเดซ (ไอซัค คูเอนก้า น.46 ), เซร์กิโอ บุสเก็ตส์ , ธิอาโก้ อัลคันทาร่า, อเล็กซิส ซานเชซ (ดาเนี่ยล อัลเวส น.76), ลิโอเนล เมสซี่ , เปโดร โรดริเกวซ (อันเดรส อิเนียสต้า น.55)

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สุดยอดแมตช์ตลอดกาล