Blogger Widgets
Sporty Magazine official website | Members area : Register | Sign in

ค้นหาบล็อกนี้

คลังไฮไลท์แมตช์

ไฮไลท์แมตช์ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค VS ฮัมบูร์ก Bundesliga - สิงห์เหนือบุกไล่เจ๊าสิงห์หนุ่ม 1-1 12bet 25/02/2555

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555



โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ฟอร์มแผ่วในบ้าน หลังทำได้แค่เสมอ ในเปิดรังรับการมาเยือนของฮัมบูร์ก ไป 1-1 ในเกมบุนเดสลีกา เยอรมัน เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555ฟุตบอลบุนเดสลีกา
โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 1-1 ฮัมบูร์ก




โบรุสเซียมึนเช่น กลัดบัคชวดใช้งานแพทริค แฮร์มันน์ที่ไหปลาร้าหักจากเกมนัดที่ผ่านมาทำให้ต้องถอยมาร์โก รอยส์มาเล่นแทน ส่วนแดนหน้าที่ว่างอยู่ก็ส่งอิกอร์ เด กามาร์โก้ลงมาประสานงานกับไมค์ ฮานเค่



ฮัมบวร์กมารยาทงามเปิดฉากมาได้ 12 นาทีก็หาโอกาสยิงทักทายใส่เจ้าบ้านกลัดบัคก่อนทันทีโดยเป็นทางด้านซาล่าอดีตแข้งเชลซีที่จ่ายบอลให้อาร์สลันหลุดเข้าไปซัดในกรอบเขตโทษด้านขวาบอลลอดขาดันเต้แต่สเตเก้นยืนตำแหน่งเยี่ยมเลยรับได้ไม่พลาด



 
จังหวะจบสกอร์ของเจ้าบ้านมีมาเรื่อยๆเมื่อในนาที 28 นูสตัดเตอร์วางบอลข้ามแนวรับฮัมบวร์กไปยังที่ว่างหน้าเขตโทษด้านขวาให้เด คาร์มาโก้สับกงล้อวิ่งเข้าไปรอบอลกระดอนเข้าที่แต่พอยิงดันอัดไม่เต็มข้อเลยโดนดร็อบนี่เซฟเอาไว้ได้ เห็นอย่างนี้น่าเปลี่ยนชื่อเป็นเด คาร์มากากจริง



นาที 45 โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัคขึ้นนำ 1-0 จากลูกฟรีคิกระยะไกล 30 หลา มาร์โค รอยส์ เปิดสั้นให้ ฮวน อารานโก้ โยนบอลไปเข้าหัว ไมค์ ฮานเค่ ขึ้นโหม่งเสียบเสาแรกอย่างสวยงาม จบครึ่งแรก กลัดบัคนำ 1-0



กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง 2 นาที ทีมเยือนพลาดโอกาสทองตามตีเสมออย่างน่าเสียดายจากจังหวะสวนกลับเร็วบอลมาอยูที่ เปาโล เกร์เรโร่ เลี้ยงหลบสองกองหลังเจ้าบ้านแล้วไหลให้ โทลกาย อาร์สลัน ยิงจ่อๆ ข้ามคานเหลือเชื่อ


เกมผ่านมาถึงนาที 56 "สิงห์เหนือ"ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายบอลถูกเปิดมากลางเขตโทษแล้วเป็นเกร์เรโร่ที่เทคตัวขึ้นโหม่งแบบไม่เต็มศีรษะแต่ดันกลายเป็นดีเพราะหล่นไปเข้าทางอาร์สลันได้ตวัดยิงจ่อๆจากระยะเพียง 3 หลาผ่านมือสเตเก้นเข้าไปซุกก้นตาข่ายให้ทีมตีเสมอ 1-1


นาทีสุดท้ายของการแข่งขันเจ้าบ้านมาได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวาแล้วเป็นรอยส์รับหน้าที่เปิดบอลเข้ามาที่เสาไกลให้อรานโก้ที่ยืนว่างไร้ตัวประกบวิ่งมาโหม่งเต็มหน้าผากแต่คุมทิศทางไม่ได้เลยย้อนศรหลุดเสาแรกไปอย่างน่าปวดใจ



จบเกมโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัคเปิดบ้านเจ๊าฮัมบวร์ก 1-1 ทำให้"สิงห์หนุ่ม"ไม่แพ้ใครในลีก 13 เกมติดโดยเป็นชัยชนะ 10 เกมและเสมออีก 3 นัด แต่ยังคงรั้งรองจ่าฝูงตามหลังโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เพียง 2 คะแนนแต่เตะมากกว่า 1 นัด



รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม มึนเช่นกลัดบัค : มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น - โทนี่ ยันท์ชเค่อ, โรเอล บรูเวอร์ส, ดานเต้, ฟิลิป เดมส์ (กัปตันทีม) - ฮาวาร์ด นอร์ดท์ไวท์, โรมัน นอยชเตดเทอร์ - มาร์โค รอยส์, ฮวน อารานโก้ - ไมค์ ฮานเค่, อิกอร์ เด คามาร์โก้

ฮัมบูร์ก : ยาโรสลาฟ ดร็อบนี่ - เดนนิส ดีคไมเออร์, ไฮโค เวสเทอร์มันน์ (กัปตันทีม), สโลโบดาน ราจโควิช, เดนนิส อาโอโก้ - โทมัส รินคอน, ดาวิด ยาโรลิม - ยาโคโป ซาล่า, มาร์เซลล์ ยานเซ่น - เปาโล เกร์เรโร่, โทลกาย-อาลี อาร์สลาน

วิเคราะห์บอล GERMANY-BUNDESLIGA I : Borussia Monchengladbach - Hamburger SV 12BET 25/02/2555 02.30น.

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

 GERMANY-BUNDESLIGA I
LIVE 02:30AM Borussia Monchengladbach - Hamburger SV

วิเคราะห์บอล : 

        กลัดบัครองฝูงฟอร์มดีเหลือเกินล่าสุดไม่แพ้มาต่อเนื่องสิบเอ็ดนัดแล้วโดยชนะได้ถึงสิบนัดเลยทีเดียว วันนี้ได้เฝ้ารังด้วยได้เปรียบเข้าไปใหญ่เพราะว่าฟอร์มในบ้านดีไม่แพ้มายี่สิบเอ็ดนัดติดต่อกัน ส่วนฮัมบูร์กเพิ่งจะแพ้คาบ้านให้กับเบรเมนมา แต่ว่าเกมนอกบ้านก็เหนียวใช้ได้ในลีกไม่แพ้มาเจ็ดนัดติดแล้ววันนี้จะเป็นเกมที่สูสีแน่ แต่ว่าด้วยความที่กลัดบัคกำลังลุ้นถึงการเป็นแชมป์เกมในบ้านแบบนี้ต้องไปพลาดยิ่งเกมรุกยิงได้ต่อเนื่องมาสิบสี่นัดมั่นใจเบียดชนะได้แน่นอน  



ต่อ  Borussia Monchengladbach  0.5 @0.780 เดิมพัน 1,000บาท ชนะได้ 1,780บาท รวมทุน

ค้างคาวเปิดรังเฉือนสโต๊ค1-0ฉลุยรอบ16ทีม

ฟุตบอล ยูโรปา ลีก
 รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดสอง
วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555
บาเลนเซีย (สเปน)    1    -    0   สโต๊ค (อังกฤษ)
(รวม2นัด บาเลนเซีย เข้ารอบด้วยประตูรวม 2-0)

        "ไอ้ค้างคาว" บาเลนเซีย เปิดบ้านเฉือนเก็บชัยเหนือ "ช้างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ 1-0 เมื่อรวมผลสองนัดทำให้ บาเลนเซีย ผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยผล 2-0 ในศึกฟุตบอล ยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดสอง เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา

สนาม : เอสตาดิโอ นูโว เมสตาย่า

        เกมที่ เอสตาดิโอ นูโว เมสตาย่า เจ้าถิ่น ไอ้ค้างคาว" เปิดรังรับการมาเยือนของ "ช่างปั้นหม้อ" โดยวาง ปาโบล ปิอัตติ ปั้นเกมหลัง อาริตซ์ อาดูริซ ส่วนทีมเยือนมี ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์, เคนวิน โจนส์ และคาเมรอน เจอโรม เป็น 3 ประสานแนวรุก

        เริ่มเกมมาเป็นทีมเยือนมีโอกาสก่อนเลยเมื่อ รอรี่ ดีแล็ป เติมขึ้นมาทางกราบขวานาทีที่ 15 ก่อนโยนเข้ามาที่เสาแรก เคนวิน โจนส์ โขกเต็มๆ ข้ามคานเหลือเชื่อ

        กลายเป็นนาทีที่ 24 เจ้าบ้านมาได้ประตูทีต้องการเมื่อ ปาโปล เอร์นานเดซ กัปตันทีมลากหนี แดนนี่ คอลลินส์ ขึ้นไปสุดริมเส้นด้านขวาก่อนปาดเข้ามากลางประตู โชนาส ยิงง่ายๆ ไม่เหลือซากเป็น 1-0

        หลังเสียประตูทีมเยือนพยายามตอบโต้ และเกือบมาได้ประตูจากจังหวะที่ วิลสัน ปาลาซิออส แทงบอลเข้าช่องให้ เคนวิน โจนส์ หลุดเดี่ยว แต่ยิงติดเซฟ บิเซนเต้ กวาอิต้า ออกหลัง จบครึ่งแรก บาเลนเซีย นำ 1-0


     กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง บาเลนเซีย ยังเหนือกว่า และเกือบได้ประตูที่สองจากจังหวะฟรีคิกระยะอันตรายเป็น ดาเนียล ปาเรโฆ่ รับหน้าที่สังหาร แต่ โธมัส โซเรนเซ่น ปัดข้ามคาน



     นาที 75 "เจ้าค้งคาว" มีโอกาสบวกประตูเพิ่มมากที่สุดเมื่อ ปาเรโฆ่ จ่ายบอลให้ โรเบรโต้ โซลดาโด้ ตัวสำรองหลุดเดี่ยว แต่ซัดติดเซฟ โซเรนเซ่น อีกรอบ


     ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าบ้านเป็นฝ่ายครองเกมเอาไว้ได้หมดแล้ว ขณะที่ทีมเยือนพยายามฮึดเพื่อเอาประตูกู้หน้าให้ได้บ้าง ทว่าไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม บาเลนเซีย ชนะ 1-0 ทำให้รวมสองนัด บาเลนเซีย ผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยผล 2-0 ขณะที่ขุนพล สโต๊ค ต้องน้ำตาตกในทำได้ดีที่สุดเพียงรอบ 32 ทีมเท่านั้น


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

        บาเลนเซีย
: บิเซนเต้ กวาอิต้า, บรูโน่ ซัลตอร์, อดิล รามี่, อังเคล เดลแบร์ต, ฆอร์ดี้ อัลบา, เมห์เหม็ด โตปัล, ปาโปล เอร์นานเดซ, ดาเนียล ปาเรโฆ่, โชนาส, ปาโบล ปิอัตติ, อาริตซ์ อาดูริซ

        สำรอง :
ดีเอโก้ อัลเวส, บิคตอร์ รูอิซ, เฌเรมี่ มาติเยอ, อันโตนิโอ บาร์รากาน, ดาบิด อัลเบลด้า, โซฟียาน เฟอร์กูลี่

        สโต๊ค :
โธมัส โซเรนเซ่น, รอรี่ ดีแล็ป, โรเบิร์ต ฮูธ, โจนาธาน วู้ดเกต, แดนนี่ คอลลินส์, ดีเอโก้ อริสเมนดี้, วิลสัน ปาลาซิออส, ซาลิฟ ดิเยา, ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์, เคนวิน โจนส์, คาเมรอน เจอโรม

        สำรอง :
ไรอัน ชอตตัน, เจอร์เมน เพนแนนท์, อัสมีร์ เบโกวิช, ลูคัส ดอว์สัน

        ผู้ตัดสิน
: มาร์คุส สตรอมเบิร์กสสัน (สวีเดน)

ผีพ่ายอาแจ็กซ์คาบ้าน1-2แต่สกอร์รวมยังลิ่ว

ฟุตบอล ยูโรปา ลีก
รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดสอง
วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555
แมนฯ ยูไนเต็ด (อังกฤษ)   1   -   2   อาแจ็กซ์ (ฮอลแลนด์)
(รวม 2 นัด แมนฯ ยูไนเต็ด เข้ารอบด้วยประตูรวม 3-2)

        "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกอาการเสียหน้าเมื่อเปิดบ้านพ่าย อาแจ็กซ์ ทีมเยือน 1-2 ทั้งที่เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน แต่ยังผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้ด้วยสกอร์รวม 3-2 และจะเข้าไปพบ แอธ.บิลเบา ในรอบต่อไปโดยเกมนัดแรกจะเล่นในวันที่ 8 มีนาคม


สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

     เกมนัดที่สองในรอบ 32 ทีมสุดท้าย เกมแรกแมนฯ ยูไนเต็ด ชนะมาก่อน 2-0 โดยเกมนี้เจ้าบ้านไม่มีเวย์น รูนี่ย์ ที่เจ็บคอ ทำให้คู่หน้าเป็น ฮาเวียร์ เอร์นาเดซ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ นอกจากนั้นเกมนี้ พาร์ค ชี-ซอง ยังได้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมอีกด้วย



     ฟากทีมเยือนที่ต้องบุกมาชนะสามลูกขึ้นไปปรับทัพจากเกมลีกเมื่อวัน อาทิตย์แต่ตำแหน่งเดียวคือ นิโกลัส โลเดยโร่ ที่ได้ลงแทน ดิมิทรี บูลีกิ้น ที่เจ็บ ส่วนที่เหลือชุดเดิมนำทัพโดยคริสเตียน อีริคเซ่น มิดฟิลด์ดาวรุ่ง และ มิราเล็ม ซูเล็จมานี่


     เขี่ยเริ่มเกมได้แค่ 2 นาทีเจ้าบ้านได้ลุ้นก่อนทันทีเมื่อ นานี่ ได้บอลทางซ้ายก่อนจ่ายให้พาร์ค ชี-ซอง ยิงจากนอกกรอบเขตโทษแต่ เคนเน็ธ แฟร์เมียร์ ยังเซฟเอาไว้ได้


     แต่อีก 4 นาทีถัดมา"ปีศาจแดง" ก็ได้ประตูขึ้นนำจนได้จากจัวหวะที่ พาร์ค ตัดบอลได้กลางสนาม บอลไปถึง เบอร์บาตอฟ จ่ายบอลเร็วให้ ชิชาริโต้ หลุดเข้าไปล็อกหลบกองหลังก่อนยิงผ่าน แฟร์เมียร์ เข้าไปไม่พลาด เป็นประตูให้เจ้าบ้านนำ 1-0


     นาทีที่ 15 แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดโอกาสได้ประตูที่สองจากจังหวะที่ พาร์ค จ่ายบอลให้ ชิชาริโต้ หลุดไปทางขวาของเขตโทษก่อนจะเลือกไหลให้ เบอร์บาตอฟ ทางซ้ายแต่ยาน แฟร์ทองเก้น ยังวิ่งลงมาสกัดทิ้งได้ทันเวลา


     อาแจ็กซ์ เริ่มเดินเกมรุกได้มากขึ้นและก็มาได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 37 จากจังหวะเปิดบอลทางซ้ายแต่กองหลังเคลียร์ไม่ขาดไปเข้าทาง นิโกลัส โลเดยโร่ แตะบอลเข้าเขตโทษแต่ติด โจนส์ บอลไปเข้าทาง อาราซ ออซบิลิซ วิ่งเข้าซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งแหวกกองหลังเสียบเสาเข้าไปทำให้สกอร์เป็น 1-1


     ท้ายครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดเกมบุกหนักอีกครั้งและเกือบได้ประตูจากจังหวะที่นานี่ แย่งบอลได้ที่มุมธงฝั่งซ้ายก่อนพาเข้ากลางแล้วไหลให้ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ตะบันไกลแต่ แฟร์เมียร์ ยังทุบบอลทิ้งได้ดี ทำให้เกมครึ่งแรกยังจบที่เสมอกันอยู่ 1-1


     ครึ่งหลังอาแจ็กซ์ เดินหน้าบุกหนักตั้งแต่เริ่มเกมแต่ก็ได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเท่านั้นกระทั่ง นาทีที่ 56 อีริคเซ่น ได้บอลทางซ้ายของเขตโทษก่อนหักเข้ากลางให้ นิโกลัส โลเดยโร่ ยิงแต่บอลเหินข้ามคานออกหลังไป


     2 นาทีถัดมาทีมเยือนน่าได้ประตูออกนำอย่างที่สุดเมื่อได้ลูกเตะมุม และเป็น อีริคเซ่น ที่โยนมาที่เสาแรกให้ เซียม เด ยองก์ โขกแต่ เด เคอา ยังปฏิกิริยาไวปัดทิ้งออกหลังไปได้สวยวาม


     แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มกลับมาครองเกมได้ดีอีกครั้งและเกือบได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 73 เมื่อ ราฟาเอล ดา ซิลวา พาบอลสวนขึ้นมาก่อนไหลให้นานี่ ทางขวาก่อนเลี้ยงตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งไปชนคานอย่างจัง


     นาทีที่ 87 อาแจ็กซ์กลับมาได้ลุ้นทันทีเมื่อได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จาก  โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ที่โหม่งโล่งๆ เข้าไป 


     ช่วงทดเจ็บไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เสียหน้าเปิดถิ่นพ่าย อาแจ็กซ์ 1-2 แต่ยังผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้ด้วยสกอร์รวม 3-2 และจะเข้าไปพบ แอธ.บิลเบา ในรอบต่อไปโดยเกมนัดแรกจะเล่นในวันที่ 8 มีนาคม 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


     แมนฯ ยูไนเต็ด :
ดาบิด เด เคอา, ราฟาเอง ดา ซิลวา, ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, ฟาบิโอ ดา ซิลวา, หลุยส์ นานี่, พาร์ค ชี-ซอง, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, แอชลี่ย์ ยัง, ฮาเวียร์ "ชิชาริโต้" เอร์นาเดซ, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

     สำรอง :
เบน เอมอส, ปาทริช เอวร่า, จอนนี่ อีแวนส์, ไรอัน กิ๊กส์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, พอล สโคลส์, แดนนี่ เวลเบ็ค


     อาแจ็กซ์
: เคนเน็ธ แฟร์เมียร์, เฟอร์น่อน อานิต้า, ยาน แฟร์ทองเก้น, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ดิโก้ ค็อปเปอร์ส, ริคาร์โด้ ฟาน ไรห์น, นิโกลัส โลเดยโร่, เซียม เด ยองก์, คริสเตียน อีริคเซ่น, มิราเล็ม ซูเล็จมานี่, อาราซ ออซบิลิซ

     สำรอง :
เยสเปอร์ ซิเลสเซ่น, อังเดร ออยเยอร์, ดาลี่ย์ บลินด์, อิสมาอิล ไอส์ซาติ, โลเรนโซ่ เอเบชิลิโอ, ธูลานี่ เซเรโร่, ดาวี่ย์ คลาสเซ่น


     ผู้ตัดสิน
:
ดาเมียร์ สโคมิก้า (สโลวีเนีย)

ไฮไลท์แมตช์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS เอฟซี ปอร์โต้ Uefa Europa League - เรือเปิดรังถล่มปอร์โต้ 10 คน 4-0 12bet 23/02/2555

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555



"เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้" ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในซึก ยูโรป้า ลีกไปแตามความคาดหมาย หลังจากเปิดรังเอดิฮัด สเตเดี้ยม คั่วเอาชนะเอฟซี ปอร์โต้ ผู้มาเยือนจากโปรตุเกส ไปแบบสนุกเท้า 4-0 ในรอบ 32 ทีมสุดท้ายเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา


วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555

ฟุตบอลยูโรป้า ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้ายเกมสอง
รวมสองเกม ซิตี้ผ่านเข้ารอบไปด้วยประตูรวม 6-1


สนาม : เอดดิฮัด สเตเดี้ยม




เรือใบ" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงอย่างเต็มสูบ วางซิลบา, นาสรี่และยาย่าคอยปั้นเกมกันตรงกลาง โดยมีอเกวโร่ยืนค้ำด้านหน้า โดยในเกมแรก พวกเขาเอาชนะมาได้ก่อนแล้ว 2-1 และในเกมนี้ อังเดร วิลลาส โบอาช กุนซือของเชลซี ได้เข้าไปให้กำลังใจทีมเก่าของเขาอยู่บนอัฒจรรย์ด้วย


แค่ 20 วินาที แมนฯซิตี้ก็ได้เฮกันลั่นสนาม เพราะกองหลังของปอร์โต้ดันพลาดจ่ายไปติดแบบดื้อๆ จนโดนยาย่าตัดบอลได้ ก่อนที่จะแทงทะลุช่องให้อเกวโร่หลุดพรวดเดียวเข้าไปสังหารผ่านเฉลตันอย่างเยือกเย็น "เรือใบ" นำ 1-0 รวมสองนัด 3-1 สบายใจกันเลยทีเดียว

จากสกอร์รวมที่นำไปถึง 3-1 ทำให้เกมของเจ้าบ้านง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเป็นปอร์โต้ที่พบกับความกดดัน และต้องไล่บอลให้มากขึ้น

นาที 17 ยายาตูเร่หลุดเข้าไปดวลกับผู้รักษาประตูในกรอบเขตโทษ แต่ยิงไปติดเซฟ ก่อนที่ทีมเยือนจะมาต่อบอลกันสวยจนบาเลร่าหลุดเข้าไปได้ซัดเหน่งๆ แต่มุมออกจะแคบไปนิดหนึง เลยติดบล็อกของฮาร์ทที่คุมเอาไว้อยู่หมัด


อย่างไรก็ตามครึ่งแรกสกอร์ยังจบอยู่ที่ 1-0 เท่านั้น


นาที 57 ในครึ่งหลัง ปอร์โต้ โดยโรดริเกวซาส่งบอลข้ามเส้นไปแล้ว ทว่าโดนปฎิเสธโดยไลน์แมน เพระาฮัลค์ กัปตันทีม ดันไปสะกิดบอลที่เพื่อนจ่ายมาอีกจังหวะก่อนหน้านั้น
ประตูที่สองเกิดขึ้นในนาที 76 คราวนี้กุน อเกวโร่ ไหลบอลให้เอดิน เชโก้ หอกชาวบอสเนีย ที่วิ่งทำทางสอดขึ้นมา ยิงยัดไว้เข้าไปไม่เหลือ ให้เจ้าถิ่นนำ 2-0


อีกแปดนนาทีลูกที่สามก็ตามมา ไมก้า ริชาร์ด ตั๊นบอลกดดันแย่งมาได้จากผู้มาเล่นทีมเยือน ก่อนจะเข้าทางปิร์ซารโร่ ชิ่งกับเชโก้  และไหลให้กับดาบิด ซิลบา แปแบบง่ายๆ ในนาที 84 สกอร์ขยับเป็น 3-0 และประตูรวม 5-1


อีก 2 นาทีต่อมา มาแบบนี้เรียกว่าขโมยซีนเพื่อนชัดๆเลยสำหรับปิซาร์โร่ที่เพิ่งจะจ่ายให้เพื่อนไป ก็มาทำประตูได้ ในจังหวะเก็บตกบอลที่กระฉอกออกมาเข้าทางเขาแตะเข้าในกรอบเขตโทษแล้วยิงสวนเฮลตันเข้าประตูไปอย่างเฉียบ แมนฯซิตี้ไล่อัดแชมป์เก่าถึง 4-0 เข้าให้แล้ว


ช่วงท้ายเกมฮาร์ทมีจังหวะได้โชว์เซฟแบบจังๆไม่ยอมเสียคลีนชีทไปหนึ่งดอก ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่าจบ 90 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ถล่มเอาชนะปอร์โต้ไปแบบหล่อสุดๆด้วยสกอร์ 4-0 เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท 6.0, โจเลี่ยน เลสค็อตต์ 6.0, แวนซองต์ กอมปานี 7.0, กาแอล กลิชี่ 5.5, ไมกาห์ ริชาร์ดส์ 6.0, แกเร็ธ แบร์รี่ 5.5 (มิลเนอร์ น.58 6.0), ไนเจล เดอ ยอง 6.0, ซาเมียร์ นาสรี่ 5.5 (เชโก้ น.69 6.5), ดาวิด ซิลบา 7.0, ยาย่า ตูเร่ 7.0, แซร์คิโอ้ อเกวโร่ 7.5* (ปิซาร์โร่ น.80 7.0)

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : คอสเทล ปันติลิมง, ปาโบล ซาบาเลต้า, สเตฟาน ซาวิช, มาริโอ บาโลเตลลี่

เอฟซี ปอร์โต้ : เฮลตัน 6.0, นิโกลาส์ โอทาเมนดี้ 4.0 (โรดริเกซ น.63 5.5), ไมค่อน 5.5, โรแลนโด้ 4.0, อเล็กซ์ ซานโดร 5.0, เจา มูตินโญ่ 6.5, ลูโช่ กอนซาเลซ 5.5, เจมส์ โรดริเกซ 5.5 (เดฟูร์ น.81 -), เฟร์นานโด 6.0, บาเรล่า 5.0 (ซาปูนารู น.63 5.0), ฮัลค์ 6.0

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : ราฟาเอล บราซาลี่, โทมัส พอดส์ตาวสกี้, แคมโปส อเบล ยาม่า, เคลเบอร์

ไฮไลท์แมตช์อินเตอร์ มิลาน VS โอลิมปิก มาร์กเซย Uefa Champions League - อายิวแสบโขกทดเจ็บพาโอแอมเชือดงู 1-0 12bet 23/02/2555




"งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน สถานการณ์ไม่ดีซะแล้ว หลังจากเปิดบ้านพ่ายแก่โอลิมปิก มาร์กเซย คาถิ่น 1-0 โจากลูกโขกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ  อังเดร อายิว ให้โอแอมเก็บชัยได้ก่อนในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบ 16 ทีมเลกแรก เมื่อคืนวันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา



วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเกมแรก
สนาม : ซาน ซิโร่





เกมเปิดฉากมาได้ 10 นาที อินเตอร์ ได้บุกครั้งแรก และก็เกือบได้ประตูขึ้นนำ จังหวะ กัมบิอาสโซ วิ่งมาเปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้าย เข้ากลางให้ฟอร์ลัน วิ่งมากระดกบอลหน้าประตูระยะไม่เกิน 8 หลา แต่บอลลอยข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นนาที 15 ซาเน็ตติ วิ่งสปีดลืมแก่มาฉกบอลจากกราบขวา ก่อนตวัดเข้ากลางให้ซาราเต วิ่งมาชาร์จ แต่บอลปลิ้นออกหลังไป

      
รูปเกมดำเนินไปอย่างจืดชืดและหาจังหวะทำประตูกันได้น้อย นาที 27 อินเตอร์ ได้ลุ้นฟรีคิกระยะ 30 หลา ทางซ้าย แต่ สไนจ์เดอร์ ผู้รับหน้าที่สังหาร ยิงเรียดติดกำแพง จังหวะต่อมา ทีมเยือนเล่นงานด้วยลูกกลางอากาศ ก่อนเป็นกัมบิอาสโซ วิ่งหลุดเข้าไปยิงติดมือผู้รักษาประตู แต่โดนผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน
      
ท้ายครึ่งแรก มาร์กเซย ได้ลุ้นฟรีคิกระยะ 30 หลา หลังบรันเดา โดนซามูเอล แซะล้มหน้าเขตโทษ แต่เบอนัวต์ เชย์รู ยิงไม่ผ่านมือ ชูลิโอ เซซาร์ ส่วนอินเตอร์ เล่นเกมสวนกลับ ก่อนจบด้วยจังหวะยิงของกัมบิอาสโซ แต่บอลกระดอนเข้ามือม็องดองดา และจบครึ่งแรกไปด้วยผลเสมอ 0-0

กลับมาเริ่มต้นกันใหม่แค่สี่นาทีเท่านั้น โอแอม เดินหน้าเข้าหาได้เสียวก่อน อามัลฟิตาโน่ กระชากมาทางซ้ายก่อนตักโด่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ แบรนเดา เทคตัวโหม่งไปติดมือ เซซาร์ ยืนถูกที่ถูกตำแหน่งดักรับเอาไว้ได้


มาร์กเซย ครองเกมไว้ได้แล้วพยายามเจาะตาข่ายให้ได้ผ่านหนึ่งชั่วโมง อัซปิลิซูเอต้า กระชากสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งขวาโยนไปยังเสาสอง โมเรล วอลเลย์ทันทีแบบไม่ต้องจับไปไหนก็ไม่รู้



เหลือสิบนาทีสุดท้าย โอแอม เรียกเสียงฮือฮาจากกองเชียร์เจ้าถิ่น อิซปิลิซูเอต้า แบ็กขวาเติมเกมบุกกระชากลากตะลุยก่อนโยนไปยังเสาสองให้ อายิว เบียดไปกับ นากาโตโม๊ะ ประกบติดแน่นขวางทางยิงบอลหลุดกรอบออกไป



เกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอแบบจืดชืดแต่แล้วทดเจ็บนาทีที่ 3 มาร์กเซย มาได้ประตูชัย วัลบูเอน่า โยนลูกเตะมุมทางซ้ายบอลเลย ดิยาร์ร่า ที่พยายามเทคตัวโฉบเข้าหาหลุดมาเข้าหัว อายิว โขกตุงตาข่ายไม่เหลือ ก่อนอีกไม่กี่วินาทีถัดมากรรมกาเป่าจบเกมทันที มาร์กเซย เฉือน 1-0



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โอลิมปิก มาร์กเซย: มาด็องด้า,อัซปิลิซูเอต้า(ฟานนี่ น.81),เอ็นคูลู,โมเรล,ดิยาร์วาร่า,ดิยาร์ร่า,เชย์รู(กาบอเร่ น.83),อามัลฟิตาโน่,วัลบูเอน่า,แบรนเดา(จอร์ดัน อายิว น.73),อังเดร อายิว

อินเตอร์ มิลาน: เซซาร์,ไมค่อน(นากาโตโม๊ะ น.46),ลูซิโอ,ซามูเอล,คิวู,ซาเน็ตติ,สแตนโควิช,คัมบิอัสโซ่,สไนจ์เดอร์,ฟอร์ลัน,ซาราเต้(โอบิ น.63)

ไฮไลท์แมตช์ บาเยิร์น มิวนิค VS บาเซิ่ล Uefa Champions League - เสือใต้ช็อคบุกพ่ายบาเซิ่ล 1-0 12bet 23/02/2555



"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ต้องพบงานหนัก ในเกมที่สองศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอย่างแน่นอน หลังจากเป็นฝ่ายบุกโดนลูบคมในช่วงท้ายเกมพ่ายไปก่อน 1-0 จากประตูชัยของ สตอคเกอร์ นาที 86 ในเกม UCL รอบ 16 ทีมสุดท้ายเลคแรก เมื่อวันพุธที่ 22 กพ. ที่ผ่านมา

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555
ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเกมแรก

สนาม : เซนต์ จาคอป ปาร์ค




เจ้าบ้านไม่ขาดนักเตะตัวหลักมากนักมาครบทั้งชาคิรี่ที่จะย้ายไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค คู่แข่งวันนี้ในซีซั่นหน้า รวมถึงดาวรุ่งมากมายทั้งซาห์ก้า, ฟรายและซอมเมอร์ ส่วนด้านทีมเยือนจัดเต็มส่งทั้งริเบรี่กับรอบเบนลงสนามมาแต่ให้โครสมายืนหลังโกเมซแทนที่ของมุลเลอร์


ต้นเกมนาที 11 ทาง"เสือใต้"น่าได้ประตูอีกแล้วจากริเบรี่กับลาห์มที่ไปช่วยแย่งบอลมาได้หน้าเขตโทษก่อนจะเป็นลาห์มที่จ่ายทะลุให้กับริเบรี่หลุดกับดักล้ำหน้าไปยิงกะยัดเสาแรกแต่ซอมเมอร์ยังไวล้มตัวปัดออกหลังไปได้อีก

เจ้าบ้านได้ลุ้นทีเกือบได้ประตูเลยจากลูกเตะมุมชาคิรี่เล่นสั้นมาก่อนจะวิ่งลงมารับบอลเองแล้วเปิดเข้าไปที่เสาแรกให้กับดราโกวิชได้โขก นอยเออร์ยังปัดไว้ได้บอลชนเสาอย่างจังแต่ไม่ใช่เหลี่ยมเข้าประตู บาดสตูเบอร์เลยเคลียร์ทิ้งออกไป


ช่วงท้ายครึ่งแรกนาที 42 บาเยิร์นได้ลุ้อีกครั้งจากโกเมซที่พาบอลขึ้นมาเองมีรอบเบนวิ่งประคองมาทางขวาด้วยแต่ก็เลือกจะไม่ให้แล้วพาบอลเข้าในเขตโทษไปเองก่อนจะลองสับไกแต่ซอมเมอร์ก็ยังทุบไว้ได้ ก่อนจะหมดเวลาครึ่งแรกกันไปที่ 0-0


เริ่มครึ่งหลังมาแปปเดียวบาเซิ่ลโดย ชาคิรี่ เกือบเล่นงานทีมเยือน ด้วยลูกฟรีคิก แต่ว่าสเตรลเลอร์ ยังโชว์ลูกเก๋าเซฟเอาไว้ได้ทัน


นาที 64 บาเยิร์นมีโอกาสลุ้นจากลูกฟรีคิกเกือบจะบนเส้นเขตโทษกลางประตูเลยก่อนเป็นรอบเบนรับหน้าที่ยิง บอลติดกำแพงแต่มาเข้าทางอีกเลยยิงซ้ำคราวนี้บอลกระดอนมาเข้าทางให้กับโกเมซตีลังกายิงแต่ก็ติดเซฟซอมเมอร์อีกครั้งนีง


นาที 73 "เสือใต้"มีโอกาสอีกครั้งนึงจากลาห์มที่จ่ายทะลุช่องให้กับโกเมซวิ่งเสมอไลน์แนวรับหลุดเข้าเขตโทษไปก่อนเลือกยิงมุมแคบแต่ก็ยังติดซอมเมอร์ที่ออกมาปิดมุมเอาไว้


กลับกลายเป็นพี่เสือทีมเยือนที่ต้องเสียประตู เริ่มจากโซอาที่ได้บอลทางขวาก่อนจะลากตัดเข้าในแล้วจ่ายเข้าเขตโทษให้กับสตอคเกอร์ที่ไร้ตัวประกบและไม่ล้ำหน้าจับบอลก่อนที่จะจัดการกดด้วยซ้ายลอดขานอยเออร์เข้าประตูไปเลย บาเซิ่ลทำช็อคขึ้นนำท้ายเกม 1-0 และกลายเป็นลูกโทนของเกม ให้เจ้าบ้านบาเซิ่ล เอาชนะไปก่อนในเลคแรก 1-0

 
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม เอฟซี บาเซิ่ล : ยานน์ ซอมเมอร์, ดาวิด อังเคล, อเล็กซานเดอร์ ดราโกวิช, ปาร์ค จู โฮ, มาคุส สไตน์โฮเฟอร์, กรานิท ซาห์ก้า, เบนจามิน ฮักเกิล, ฟาเบียน ฟราย (สตอคเกอร์ น.66 ), เซร์ดาน ชาคิรี่ (โซอา น.83), มาร์โก้ สเตรลเลอร์, อเล็กซานเดอร์ ฟราย (กาบราล น.89)

รายชื่อนักเตะตัวสำรอง : ฟิลิปป์ เดเก้น, มาสซิโม่ โคลอมบ้า, ราโดสลาฟ โควัช, สเตฟาน อันดริสท์

บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, เยโรม บัวเต็. ฟิลิปป์ ลาห์ม, ราฟินญ่า, ดาวิด อลาบ้า, อนาโตลี่ ติมอสชุค, ฟรองค์ ริเบรี่ (มุลเลอร์ น.71), อาร์เยน รอบเบน, มาริโอ โกเมซ, โทนี่ โครส (โอลิช น.88)

รายชื่อนักเตะตัวสำรอง : ฮันส์-ยอร์ค บุตต์, ดานิเยล ปรานยิช, นีลส์ ปีเตอร์เซ่น, หลุยส์ กุสตาโว่, เอมเร่ คาน

ไฮไลท์แมตช์นาโปลี VS เชลซี Uefa Champions League - นาโปลีพลิกอัดสิงห์ 3-1 จ่อเข้า 8 ทีม

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555



นาโปลี ทีมดังจากกัลโช่ เซเรีย อา โชว์ฟอร์มแกร่งในบ้าน ด้วยการต้อนเอาชนะเชลซี จากเวทีพรีเมียร์ชิพ 3-1 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 สุดท้าย เมื่อคืนวันอังคารที่ 22 กพ. ที่ผ่านมา


       วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555 ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
                นาโปลี 3-1 เชลซี



สนาม : สตาดิโอน ซาน เปาโล



นาโปลีนัดนี้จะไม่มีวอลเตอร์ มาซซาร์รี่กุนซือจอมวางแผนที่ติดโทษห้ามคุมทีมข้างสนามทำให้นิโคโล ฟรัสตาลูปีต้องรับบทกุนซือจำเป็นแทนแต่สำหรับตัวผู้เล่นนั้นนับว่าลงสนามกันอย่างครบครันเลยทีเดียวนำโดย 3 แนวรุกตัวอันตรายทั้งเอดินสัน คาวานี่, มาเร็ค ฮัมซิคและเอลเซเกล ลาเวซซี่


ขณะที่เชลซีนัดนี้ขาดตัวกัปตันทีมอย่างจอห์น เทอร์รี่ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บและแอชลี่ย์ โคลที่มีชื่อเป็นเพียงสำรองเท่านั้นขณะที่แนวรุกส่งดร็อกบาลงเป็นหัวหอกตัวเป้า ขนาบข้างด้วยมาต้าและสเตอร์ริดจ์โดยมีตอร์เรสกับแลมพาร์ดคอยสแตนด์บายอยู่ที่ข้างสนาม

เกมในช่วงแรกทั้ง 2 ทีมพยายามหาจังหวะกันอยู่เลยเล่นแบบระมัดระวังและเป็นเจ้าถิ่นที่เกือบได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะที่กองหลังเชลซีเช็กล้ำหน้ากันพลาดทำให้คาวานี่ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปแต่ดันแปไปติดเซฟของปีเตอร์ เช็กแบบที่ป้องกันไว้ได้แบบเหลือเชื่อ


เกมรับทีมเยือนว่าแย่แล้วเกมรุกยังดูไร้จินตนาการกว่าเมื่อทำได้แค่เคาะบอลกันไปมาก่อนจ่ายออกข้างแล้วเปิดเข้ามาลุ้นกันตรงกลางที่มีเซ็นเตอร์แบ็คของนาโปลียืนกันอยู่ 3 คนทำให้ดร็อกบาทำไม่มีโอกาสลุ้นประตูเลย และนาทีที่ 70 โบอาสก็เปลี่ยนเอาเอสเซียงและแลมพาร์ดลงมาแทนมาลูด้าและเมเรเลส หวังเปลี่ยนเกมให้ได้


นาทีที่ 54 มาต้าก็ลากบอลขึนมาตรงกลางก่อนตัดสินใจซัดด้วยซ้ายแต่บอลก็ไปตรงตัวผู้รักษาประตู นาทีต่อมานาโปลีก็บุกสวนขึ้นมาคาวานี่ไหลบอลให้กับลาเวซซี่หลุดไปยิงด้วยซ้ายบอกผ่านตัวของเช็กไปแล้วแต่หลุดเสาไปอย่างน่าเสียดาย


ผ่านกว่า 20 นาทีของครึ่งหลัง โบอาสเริ่มอึดอัดกับรูปเกมที่ไม่สามารถเจาะแนวรับของเจ้าบ้านไปได้ จึงปล่อยมิคาเอล เอสเซียง และแฟรงค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์คู่กลางลงมาช่วยเก็บบอล และหมายอาศัยลูกยิงไกลของแลมพ์เล่นงาน

ช่วง 10 นาทีสุดท้ายนาโปลีติกเกมบุุกเต็มสูบ ฮัมซิคขึ้นบอลไปทางฝั่งซ้ายก่อนจะไหลผ่านเข้ามาปากประตู บอลเลยตัวกาวานี่ไปแล้ว แต่ว่ายังมีมาจโจ้ที่ยืนอู่เสาไกล แต่ว่ากองกลางอิตาเลี่ยนก็แปบอลเบาเกิน ทำให้โคลที่ยืนเฝ้าเส้นประตูอยู่เคลียร์ออกไปได้ไว้ทัน
ท้ายเกมเชลซีพยายามทิ้งบอลไปที่ดร็อกบา หมายเอาประตูทีมเยือนมาตุนไว้ให้ได้ แต่สูนยหน้าไอเวอรี่ โคสต์ ก็โดนประกบติด ไม่สามารถเก็บบอลเอาไว้ได้เลย ทำให้จบเกมไปด้วยสกอร์ 3-1 และอีก 3 สัปดาห์จะเป็นคิวของนาโปลี ยกพลไปเยือนที่สแตมฟอร์ด บริดจ์บ้าง

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
นาโปลี : มอร์แกน เด ซานค์ติส, เปาโล คันนาวาโร่, ซัลวาตอเร่ อโรนิก้า, อูโก้ กัมปาญาโร่, วอลเตอร์ การ์เกโน่, ก็อกคาน อินแลร์, ฮวน ซูนิก้า, คริสเตียน มาจโจ้, เอดินสัน คาวานี่, มาเร็ค ฮัมซิค(โกรัน ปานเดฟ น.82), เอลเซเกล ลาเวซซี่(เบลริม เซไมลี่ น.74)
สำรองไม่ได้ใช้ : อันเดรีย ดอสเซน่า, อันโตนิโอ โรซาติ, จิอันลูก้า กราว่า, มิเกล บริโต้, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ


เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, แกรี่ เคฮิลล์, ดาวิด หลุยส์, โจเซ่ โบซิงวา(แอชลี่ย์ โคล น.12), บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ราอูล เมเรเลส(มิคาเอล เอสเซียง น.70), ฟลอร็อง มาลูด้า(แฟร้งค์ แลมพาร์ด น.70), รามิเรส, ฆวน มาต้า, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบ้า, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

สำรองไม่ได้ใช้ : เฟร์นานโด ตอร์เรส, รอสส์ เทิร์นบูลล์, ซาโลมง กาลู, จอห์น โอบี มิเกล

ไฮไลท์แมตช์ โบโลญญ่า VS ฟิออเรนติน่า Serie A - โบโลญญ่าเปิดรังฟัดม่วงนิ่ม 2-0 12bet 22/02/2555



โบโลญญ่า เปิดรังสตาดิโอ เรนาโต้ ดัลลาล่า เอาชนะ "ม่วงมหากาฬ" ฟิออเรนติน่า  ที่ต้องเหลือผู้เล่น 10 คน 2-0 ในเกมกัลโช่เซเรีย อา เมื่อคืนวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555
     ฟุตบอล กัลโช่ เซเรีย อา
โบโลญญ่า 2-0 ฟิออเรนติน่า



เริ่มเกมในนาทีที่ 3 โบโลญญ่าทักทายก่อน โดยเป็นมิคาเอล อันดอนสัน ที่โหม่งบอล จากลูเปิดของกัสตอน รามิเรส แต่น่าเสียดายที่บอลเข้าด้านข้างของประตูไป ฟิออได้โอกาสบ้างคราวนี้เป็นสเตฟาน โยเวติช ได้ซัดจากนอกกรอบโทษ แต่บอลก็ไปเข้าด้านข้างเหมือนกัน


อย่างไรก็ตามสกอร์แรกกลับกลายเป็นของเจ้าบ้าน เป็นอเลสซานโดร เดียมานติ จอมเทคนิคเท้าซ้าย ยิงเท้าข้าวงถนัดในเขตโทษ จากลูกแอสซิสของ มาร์โก ดิ วาโญ่ กองหน้าตัวเก่งของทีมเข้าไป นาที 30 โบโลญญ่าออกนำ 1-0


ช่สงปลายครึ่งแรกสกอร์มากลายเป็น 2-0 เมื่อดิ วาโญ่ คนเดิม เปิดบอลมาให้รามิเรซ ยิงตามน้ำด้วยเท้าขวา ในกรอบเขตโทษเข้า ในนาทีที่ 43 พร้อมกับจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้


ครึ่งหลังรูเบน โอลิเวียร่า นักเตะของทีมเยือน โดนใบแดงออกจากสนาม เพราะไปเสียบสกัดเข้าใส่เดียมานติ จนได้รับบาดเจ็บ

เจ้าบ้านต้องเปลี่ยนเอาดานิเอเล่ ปอร์ตาโนว่า กองหลังตัวเก่ง ออกจากสนาม เพราะมีอาการเจ็บ และเป็นเชรูบินที่ลงมาแทน แต่เวลาที่เหลืออยู่ โบโลญญ่าก็ไม่สามารถบดเอาประตูที่สามได้ และจบเกมด้วยสกอร์ 2-0


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีมโบโลญญ่า : ฌอง ฟรองซัวส์ ชิลเล่ห์, ดานิเอเล่ ปอร์โตนาว่า (นิโกโล่ เชรูบิน), อันเดรีย ราจจี้, มิคาเอล อันดอนน์สัน,นิโก้ พูลเซ็ตติ, กาบี้ มูดินกายี่, ดีเอฌก้ เปเรซ , มัตเตโอ รูบิน, กัสตอน รามิเรซ (โกเน่),อเลสซานโดร เดียมานติ,มาร์โก ดิ วาโญ่(อัคววาเฟรสก้า)

ฟิออเรนติน่า : อาเธอร์ โบรุค, อเลสซานโดร กัมเบรินี่, เซซราเร่ นาตาลี, มาติย่า นาสตาซิซ (ลอเรนโซ่ เด ซิลเวสตรี), มัทเทีย คัสซานี่, ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่, อันเดรีย ลาซซารี่, รูเบน โอลิเวียร่า, สเตฟาน โยเวติช, อเมารี, ฮวน วาร์กาส (ซาลิฟู)

ไฮไลท์แมตช์ ซีเอสเคเอ มอสโคว VS เรอัล มาดริด Uefa Champions leaguge - มอสโควไล่เจ๊าชุดขาว 1-1 12bet 22/02/2555



เรอัล มาดริด หวิดโดนอากาศหนาวเล่นงานหมดท่า  หลังเจอราชันชุดขาวลูกฮึดของทีมเจ้าบ้านซีเอสเคเอ มอสโควไล่ตีเสมอ 1-1 จากประตูของ พอนตุส เวิร์นบลูม ช่วงท้ายเกม ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก คืนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

  

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์    
ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก
ซีเอสเคเอ มอสโคว 1-1 เรอัล มาดริด




      
ศึกชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่ลุซนิกิ สเตเดียม ซีเอสเคเอ มอสโคว ทีมยักษ์แห่งลีกรัสเซีย เปิดรังหญ้าเทียมเจอกับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด แชมป์ 9 สมัย เจ้าบ้านสภาพทีมค่อนข้างพิการ ขาด อิกอร์ อคินเฟเยฟ นายทวารมือหนึ่ง มีปัญหาบาดเจ็บ ส่วน เคย์ซึเกะ ฮอนดะ ห้องเครื่องชาวญี่ปุ่นมีชื่อแค่สำรอง ด้าน มาดริด ตัวหลักลงสนามกันครบ โดยมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ คาริม เบนเซมา เป็นตัวชูโรง
      
เปิดฉาก 7 นาที มอสโคว ทักทายก่อน เชนนิคอฟ ลากมาสุดเส้นหลัง ก่อนตวัดเข้ากลางให้ ซาโกเยฟ พลิกตัวยิงด้วยขวา แต่บอลหลุดออกเสาแรกไป ส่วนรูปเกม แม้ มาดริด ทำได้ดีกว่า แต่นาที 14 คาริม เบนเซมา มีปัญหาบาดเจ็บกระทันหัน ร้อนถึง โชเซ มูรินโญ กุนซือชาวโปรตุกีส ส่ง กอนซาโล ฮิกัวอิน ลงมาล่าตาข่ายแทน และได้ยิงทันทีนาที 17 แต่เชฟชูกอฟ นายด่านมือ 2 ของมอสโคว ปัดได้
      
มอสโคว ใช้ความได้เปรียบในการเล่นรังเหย้าที่เป็นหญ้าเทียม เล่นงาน มาดริด บ่อยครั้ง ทว่านาที 28 กลับเป็นทีมเยือนที่มายิงประตูนำได้สำเร็จ จังหวะ โคเอนเทรา โยนจากกราบซ้าย แนวรับของมอสโคว โหม่งสกัดบอลพลาด กลายเป็นโรนัลโด ที่วิ่งมาซัดด้วยซ้ายเข้าประตูไปอย่างสวยงามเป็น 1-0 เป็นประตูที่ 111 ของเจ้าตัวทุกรายการหลังย้ายมา "ชุดขาว"
      
เจ้าบ้านแม้โดนนำก่อน แต่ไม่ยอมแพ้เปิดเกมแลกเข้าใส่ แต่ยังทำอะไรแนวรับของมาดริด และ กาซิยาส ไม่ได้ จบครึ่งแรก มาดริด บุกมานำ มอสโคว ก่อน 1-0
      
ครึ่งหลังนาที 49 มาดริด หวุดหวิดได้ประตูนำอีกครั้ง โรนัลโด แทงทะลุช่องให้ กาเยฆอน ควบบอลไปดวลกับผู้รักษาประตู แต่จับบอลไม่ดียิงออกเสาแรกไป จากนั้น กาเยฆอน เจ้าเก่า ได้โอกาสยิงอีกครั้ง แต่ยังไม่ผ่านมือของ เชฟชูกอฟ นายด่านของมอสโคว


      
 มอสโคว เกือบยิงตีเสมอได้นาที 70 โอลิดซ กองกลางตัวสำรองของทีม หลอกโคเอนเทราหัวทิ่มสองรอบ ก่อนเปิดจากกราบขวาเข้ากลางให้ ซาโกเยฟ จักรยานอากาศแต่ยิงแป้กแบบน่าเสียดาย ส่วนโรนัลโด นาที 76 มีโอกาสยิงอีกครั้ง แต่เชฟชูกอฟ ตามมาบังจนยิงไม่ถนัดออกหลังไป


      
เจ้าบ้าน ทำเกมได้ดีกว่าในช่วง 10 นาทีสุดท้าย และน่าจะได้ประตูตีเสมอจากลูกฟรีคิกของฮอนดะ บริเวณเยื้องกะโหลกด้านขวา แต่กาซิยาส เซฟได้ จากนั้นนาที 82 แนวรับมอสโคว สกัดบอลพลาด บอลไหลเข้าทางโรนัลโด ได้ซัดเต็มข้อแต่บอลกลิ้งเฉียดเสาแรกแบบเหลือเชื่อ และท้ายเกม มอสโควมีฮึดจนไล่ตีเสมอได้สำเร็จ จากประตูของ พอนตุส เวิร์นบลูม ก่อนจบเกมด้วยผลเสมอ 1-1 อย่างไรก็ตาม มาดริด ได้เปรียบเรื่องประตูทีมเยือน ก่อนกลับไปเล่นในซานติเอโก เบอร์นาบิว ในเกมนัดสองต่อไป


      
 ายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีมซีเอสเคเอ มอสโคว : เซร์จี เชฟชูกอฟ,วาซิลี เบเรซุตสกี,เซร์จี อิกนาเชวิช,จอร์จี เชนนิคอฟ,อเล็กเซ เบเรซุตสกี,เยฟเชนี อัลโดนิน,พอนตุส เวิร์นบลูม,โซรัน โทซิช,อาเหม็ด มูซาปป์,เซย์ดู ดวมเบีย,อลัน ซาโกเยฟ


เรอัลลมาดริด : อิเกร์ กาซิยาส,เซร์จิโอ รามอส,เปเป,ฟาบิโอ โคเอนเทรา,อัลวาโร อาเบลัว,ชาบี อลอนโซ,ซามี เคดิรา,คริสเตียโน่ โรนัลโด้,เมซุต โอซิล,โชเซ มาเรีย กาเยฆอน,คาริม เบนเซมา

ไฮไลท์แมตช์ เรอัล ซาราโกซ่า VS เรอัล เบติส Spain Primera Division - กาสโตรเบิ้ล! เบติสบุกอัดซาราโกซ่านิ่ม 2-0 12bet 20/02/2555

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555



เรอัล เบติส ได้รูเบน กาสโตร เหมาคนเดียวสองประตูช่วยทีมบุกต้อนเรอัล ซาราโกซ่าไปสบายๆ 2-0 ในศึกลา ลีกา สเปน เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 20 กพ. ที่ผ่านมา


วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555
ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
เรอัล ซาราโกซ่า 0-2 เรอัล เบติส



สนาม : เอสตาดิโอ ลา โรมาเรด้า




เรอัล ซาราโกซ่า ืชทีมอันสุดท้ายของตาราง ไม่มีดาบิด มาเตโอา และเฟร์นานโด เมยร่า ที่เจ็บ แต่ได้ตัวฆเาบบียร์ ปาเรเตส ฟิตกลับมา โดยในแดนหน้าสางการ์ลอส อารันด้า ที่ฟิตเต็มถังแล้วกลลับมาล่าตาข่าย

ด้านเบติสนั้นได้มาริโอ อัลบาเรซ กองหลังตัวหลักกลับมาประจำการ ที่ซุ้มม้านั่งสำรอง ส่วนแผงหน้ายังคงเป็นชุดเก่งอยางรูเบน กาสโตร โมลีน่า และมอนเตโร่ เจ้าประจำ

ยังไม่ถึง 15 นาทีแรกดี เอเซบาร์เรีย กระชากกบอลมาถึงเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนตบเข้ากลางให้โมลีน่ายิงจ่อๆ เพียง 6 หลาจากปากประตู แต่ว่าบอลไปตรงตัวโรเบร์โต้ ฆิเมเนซ นายทวารซาราโกซ่าพอดิบพอดี จากนั้นเกมแทบจะเป็นของเบติสอยู่ตลอด แต่ประตูแรกก็ยังไม่บังเกิด


จนช่วงท้ายครึ่งแรก ทีมเยือนก็ออกนำจนได้ เป็นโมลีน่าที่กระดกบอลให้กับกาสโตร เข้าไปปั่นโค้งหนีมือฆิเมเนซ ที่เสาสองอย่างสวยงาม และเป็นประตูเดียวในครึ่งแรก ในนาทีที่ 41


ในครึ่งหลังซาราโกซ่า พยายามเอาใจแฟนบอลเปิดเกมบุกบ้าง แต่บอลยังไม่สามรรถเคลื่อนเข้าสู่โซนอันตรายของเบติสได้เลย อารันด้า เกือบจะได้แอสซิสในเกมนี้ หลังจากผ่านบอลให้โอริโอลซัดในกรอบ ทว่าติดบล็อกแนวรับของเบติส


อย่างไรก็ตาม นาที 68 เจ้าบ้านก็ไม่พ้นเสียเม็ดที่สอง โรเบร์โต้ซัดลูกแทงทะลุของโมลิน่าไปติดเซฟของฆิเมเนซ แต่ก็ไม่รอด โดนกาสโตร ที่จมูกไวตามเข้ามาซ้ำดาบสองเข้าไปให้เบติสเอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-0 ในเกมนี้

ไฮไลท์แมตช์ เชเซน่า VS เอซี มิลาน Italy Serie A - มิลานคืนจ่าฝูง!อัดเชเซน่า3-1 12BET 20/02/2555

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555




        "รอสโซเนรี่" เอซี มิลาน ทวงบัลลังค์จ่าฝูงคืนได้ หลังโชว์ฟอร์เฉียบบุกไล่อัด เชเซน่า แบบมันเท้า 3-1 แซง ยูเว่ 1 คะแนน ขณะที่ "หมาป่า" โรม่า เปิดสนามเฉือนหวิว ปาร์ม่า 1-0 ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา 

ฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555
เชเซน่า 1     -     3 เอซี มิลาน 
สนาม:ดิโน่ มานุซซี่ 
 



         เช เซน่า เจอศึกหนักในการเปิด สตาดิโอ ดิโน่ มานุซซี่ รอรับ เอซี มิลาน เจ้าถิ่นยังคงฝากความหวังไว้ที่คู่หัวหอก วินเชนโซ่ ยาควินต้า และ อาเดรียน มูตู ส่วนทีมเยือนเจอปัญหาที่ตัวเจ็บเพียบ แถม ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยังติดโทษแบน แต่ประเดิมส่ง ซัลลีย์ มุนตารี่ ลงเล่นเป็นนัดแรก พร้อมมี มักซี่ โลเปซ ลงล่าตาข่ายกับ โรบินโญ่          

"ปีศาจแดง-ดำ" บุกใส่ทันที อินยาซิโอ อบาเต้ ครอสจากขวาเข้ากลาง มักซี่ ไหลต่อให้ มุนตารี่ กลับตัวยิงบอลพุ่งหลุดกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น
         นาทีที่ 8 อูร์บี้ เอมานูเอลสัน ลองส่องไกลด้วยซ้ายจากระยะประมาณ 25 หลา แต่ ฟรานเชสโก้ อันโตนิโอลี่ ยังชกข้ามคานได้ทัน          ผู้ มาเยือนยังไม่เพลาเกม โรบินโญ่ จ่ายเข้าเขตโทษ มุนตารี่ ชิ่งเร็วให้ มัสซิโม่ อัมโบรซินี่ สอดเข้ามาดวลเดี่ยวยิงไปติดเซฟ อันโตนิโอลี่ อย่างน่าเสียดาย          

มิลาน มาได้เฮสมใจในนาทีที่ 29 เมื่อมาได้ฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ ติอาโก้ ซิลวา วิ่งเข้ามาอัดเต็มข้อ อันโตนิโอลี่ รับพลาดไม่ติดมือ และเป็น มุนตารี่ ตามซ้ำไม่เหลือ ขึ้นนำ 1-0 พร้อมเป็นประตูแรกของเจ้าตัวนับตั้งแต่ย้ายมาจาก อินเตอร์ มิลาน ด้วย
         2 นาทีต่อมา พลพรรค "รอสโซเนรี่" บวกเพิ่มได้อีกเม็ด จากจังหวะโต้กลับเร็วที่ โรบินโญ่ จ่ายให้ เอมานูเอลสัน กระชากเข้าไปกระหน่ำด้วยซ้ายจากระยะ 20 หลา บอลพุ่งเช็ดเสาในเข้าไปอย่างสวยงาม หนีห่างเป็น 2-0          "ม้า น้ำ" พอจะตอบโต้บ้าง จานลูก้า โคม็อตโต้ โยนจากฝั่งขวาให้ ยาควินต้า เทกตัวโหม่ง แต่ คริสเตียน อับเบียติ ยังปัดออกหลังได้หวุดหวิด จบ 45 นาทีแรก มิลาน ออกนำไปก่อน 2-0          

เริ่มครึ่งหลังไม่กี่ วินาที เชเซน่า พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อ โคม็อตโต้ โยนให้ มูตู สอดทะลุขึ้นมาคนเดียวโล่งๆ แต่กลับโหม่งข้ามคานไปเฉย
         อย่าง ไรก็ตาม สกอร์มาไหลเป็น 3-0 ในนาทีที่ 55 คราวนี้เป็น อบาเต้ ไหลทะลุช่องให้ โรบินโญ่ กระชากเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ สุดปัญหาสำหรับ อันโตนิโอลี่          ลูกทีมของ ดานิเอเล่ อาร์ริโกนี่ ไม่ถอดใจไล่ขึ้นมาเป็น 1-3 ในอีก 10 นาทีต่อมา จากจังหวะที่ มาร์โก ปาโรโล่ ครอสจากขวาเข้าเขตโทษ ดานิเอเล่ โบเนร่า โหม่งสกัดไม่ดีมาเข้าทาง ดาเนี่ยล ปูดิล ที่สวนบอลเสียบเสาไกลเข้าไป          

เกมดำเนินมาถึงนาที ที่ 80 กิเยร์โม่ โรดริเกซ และ โยอัน เบอนาลูยาน ไม่เข้าใจกัน ทำให้ สเตฟาน เอล ชาราวี ที่เพิ่งลงมาเป็นสำรอง หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงติดเซฟ อันโตนิโอลี่ ฉิวเฉียด
         จากนั้น มูตู จ่ายให้ ยาควินต้า หลุดกัปดักล้ำหน้าตวัดยิงเร็วในกรอบเขตโทษแบบไม่ต้องจับ กระนั้น อับเบียติ ยังเซฟได้เยี่ยม จบเกม มิลาน บุกมาชนะ เชเซน่า 3-1 แซง ยูเวนตุส กลับขึ้นไปเป็นจ่าฝูงด้วยการนำ 1 คะแนน แต่ลงเล่นมากกว่าอยู่ 1 นัด โดยทั้งสองทีมมีโปรแกรมที่จะเจอกันในวันเสาร์หน้าด้วย

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เชเซน่า : ฟรานเชสโก้ อันโตนิโอลี่; จานลูก้า โคม็อตโต้, โยอัน เบอนาลูยาน, กิเยร์โม่ โรดริเกซ, มาร์โก รอสซี่; มาริโอ ซานตาน่า (ฮอร์เก้ มาร์ติเนซ น.84), จูเซ็ปเป้ โคลุชชี่ (โรแบร์โต้ กัวน่า น.70), มาร์โก ปาโรโล่, ดาเนี่ยล ปูดิล; วินเชนโซ่ ยาควินต้า, อาเดรียน มูตู

เอซี มิลาน : คริสเตียน อับเบียติ; อินยาซิโอ อบาเต้, ดานิเอเล่ โบเนร่า, ติอาโก้ ซิลวา, จาเมล เมสบาห์; อันโตนิโอ โนเชริโน่, มัสซิโม่ อัมโบรซินี่ (มาร์ค ฟาน บอมเมล น.52), ซัลลีย์ มุนตารี่; อูร์บี้ เอมานูเอลสัน; มักซี่ โลเปซ (ฟิลิปโป้ อินซากี้ น.90), โรบินโญ่ (สเตฟาน เอล ชาราวี น.77)

ชาลเก้โหด!เปิดรังถล่มโวล์ฟสบวร์ก4-0

ฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน
วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์  2555
ชาลเก้   4    -   0   โวล์ฟสบวร์ก

        "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก้ 04 ระเบิดฟอร์มโหดหลังเปิดบ้านไล่ถล่ม "หมาป่าแห่งเบียร์" โวล์ฟสบวร์ก ไปแบบไม่ไว้หน้า 4-0 รั้งอันดับ 4 ของตารางยังอยู่ในวงโคจรลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองเบียร์ต่อไป ในศึกฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา


สนาม : เฟลตินส์ อารีน่า  ผู้ชม : 60,511 คน

        ฮูบ สตีเฟ่นส์ เทรนเนอร์ดัตช์ของ "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก้  หมดสิทธิ์ใช้งาน เบเนดิกท์ เฮอเวเดส กองหลังกัปตันทีม และ ชิเนดู โอบาซี่ ดาวรุ่งไนจีเรียนที่ติดโทษแบนทั้งคู่ ส่งผลให้การจัดคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟส่ง คริสตอฟ เม็ตเซลดอร์ ลงมายืนคู่กับ คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส พร้อมกับดัน โฌแอล มาติป ขึ้นมายืนมิดฟิลด์คู่กลางกับ มาร์โค เฮอเกอร์

        แนวรุกส่ง เจฟเฟร์สัน ฟาร์ฟาน ลงมาทำเกมริมเส้นฝั่งขวา ซ้ายเป็น ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ โดยมี ราอูล กอนซาเลซ ยืนหน้าต่ำ วาง คลาส ยาน ฮุนเตลาร์ ยืนหน้าเป้าคอยจบสกอร์

        ด้านทัพ "หมาป่าเมืองเบียร์" โวล์ฟสบวร์ก ภายใต้การคุมทีมของ เฟลิกซ์ มากัธ ปรับทัพมาเน้นความรัดกุมส่ง อเล็กซานเดอร์ มาดลุงก์ ลงมายืนเป็นตัวตัดเกมร่วมกับ พีเตอร์ ยิราเซ็ค แนวรุกส่ง โยอันดรี โอรอซโก, มาโกโตะ ฮาเซเบะ และ มาร์เซล เชเฟอร์  ยืนจากขวาไปซ้ายตามลำดับ วาง มาริโอ มันด์ซูคิช ยืนหน้าเป้า

        เขี่ยบอลเริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 10 แฟนบอลเจ้าบ้านได้เฮกันอย่างรวดเร็ว เจฟเฟร์สัน ฟาร์ฟาน โยนลูกเตะมุมเข้ามาให้ โฌแอล มาติป โขกชงต่อมาให้ ราอูล กอนซาเลซ ตวัดยิงด้วยขวาตุงตาข่าย ชาลเก้ ขึ้นนำ 1-0

        และอีกเพียง 5 นาทีต่อมา ชาลเก้ หนีห่างเป็น 2-0 คริสเตียน ฟุคส์ พาบอลขึ้นมาทางซ้ายก่อนสายตาไวโยนบอลให้ "ฮันเตอร์" ฮุนเตลาร์ สลัดหนีตัวประกบไปกดบอลเข้าประตูไป

        นาที 23 หมาป่าเมืองเบียร์ หวิดตีไข่แตกไล่ขึ้นมา มาร์เซล เชเฟอร์ บรรจงครอสบอลให้ มาริโอ มันด์ซูคิช เทกขึ้นโหม่งบอลเน้นๆไปชนคานน่าเสียดาย

        ถัดมาอีก 12 นาที ราชันสีน้ำเงิน มาได้ลูกจุดโทษเมื่อ เฟลิเป้ โลเปส ไปจงใจทำแฮนด์บอลชัดเจนในเขตโทษ แต่ ฮุนเตลาร์ กลับสังหารพลาดซัดไปติดเซฟ ดีเอโก้ เบนาโญ่ ซะอีก

        นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ฮันเตอร์ ได้โอกาสจบอีกครั้ง ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ พลิกตัวมาโยนบอลเข้ากลางให้ ฮุนเตลาร์ เอี้ยวตัวยิงตามน้ำไปตรงตัว เบนาโญ่ รับไว้ไม่มีกระฉอก จบ 45 นาทีแรก ชาลเก้ ออกนำอยู่ 2-0

        กลับลงสนามมาสู้กันต่อเจ้าบ้านไม่ยอมผ่อนเกมลง และนาที 49 มาฝังทีมเยือนลงหลุมสนิท จากลูกเตะมุมถึง คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส โขกชงคืนมาให้ มาติป ชาร์จยิงจ่อๆเข้าประตูไป ชาลเก้ ฉีกไกล 3-0

        โวล์ฟสบวร์ก พยายามฮึดสู้ นาที 66 มาได้โอกาสลุ้นตีไข่แตก โยอันดรี โอรอซโก พลิกตัวโยนบอลให้ เซบาสเตียน พอลเทอร์ ตัวสำรองโหม่งบอลไปเข้าซอง ทิโม ฮิลเดบรันด์ นายด่านสำรองที่ยืนถูกตำแหน่ง

        กระทั่งนาที 72 ทีมเยือนมาถูกตอกตะปูลงโลงสนิท จากการขึ้นเกมมาของ ฟุคส์ ก่อนครอสบอลให้ ฮุนเตลาร์ สอดเข้ามายิงบอลเสียบมุมสุดเฉียบขาด ชาลเก้ หนีไกล 4-0 และเป็นประตูที่สองของ ฮันเตอร์ ในเกมนี้ด้วย

        ช่วงท้าายเกมเจ้าถิ่นผ่อนเกมลงไปเปิดโอกาสให้อาคันตุกะรุก เข้าใส่ แต่ก็ได้แต่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา จบเกม ชาลเก้ เปิดบ้านไล่ถล่ม โวล์ฟสบวร์ก เละเทะ 4-0

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

        ชาลเก้  :
ลาร์ส อุนเนอร์ชตัลล์ (ทิโม ฮิลเดบรันด์ น.46)- อัตสึโตะ อุจิดะ, คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส, คริสตอฟ เม็ตเซลดอร์, คริสเตียน ฟุคส์ - มาร์โค เฮอเกอร์, โฌแอล มาติป - เจฟเฟร์สัน ฟาร์ฟาน (ชิเปรียน มาริก้า  น.80), ราอูล กอนซาเลซ, ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ (ทิมู พุคกี้ น.68) - คลาส ยาน ฮุนเตลาร์

        สำรองไม่ได้ใช้ :
ทิม ฮูกลันด์, คริสตอฟ มอริทซ์, อเล็กซานเดอร์ เบาม์โยฮันน์, โฆเซ่ มานูเอล ฆูราโด้

        โวล์ฟสบวร์ก :
ดีเอโก้ เบนาโญ่ - คริสเตียน เทรช, มาร์โค รุสส์, เฟลิเป้ โลเปส, ริคาร์โด้ โรดริเกซ - อเล็กซานเดอร์ มาดลุงก์ (เซบาสเตียน พอลเทอร์ น.55), พีเตอร์ ยิราเซ็ค - โยอันดรี โอรอซโก, มาโกโตะ ฮาเซเบะ (โจวานนี่ ซิโอ  น.29)มาร์เซล เชเฟอร์ - มาริโอ มันด์ซูคิช (ฮาซาน ซาลิมิดซิช น.81)

        สำรองไม่ได้ใช้ :
มาร์วิน ฮิทซ์, ราสมุส ยอห์นสัน, โชซูเอ้, อัสคัน เดยากาห์


        ผู้ตัดสิน : พีเทอร์ ซิพเพิ่ล







ไฮไลท์แมตช์ บาร์เซโลน่า VS บาเลนเซีย Spain Primera Division - เมสซี่คืนฟอร์มกด4ตุง!บาร์ซ่าอัดค้างคาว5-1 12BET 20/02/2555





        ลิโอเนล เมสซี่ จัดการซัดคนเดียว 4 ลูกช่วย บาร์เซโลน่า เปิดรังอัด บาเลนเซีย แบบไม่ไว้หน้า 5-1 เก็บเพิ่ม 3 แต้ม ทำคะแนนกลับมาตามหลัง เรอัล มาดริด เหลือ 10 แต้มเท่าเดิม โดยเหลือการแข่งขันอีก 15 นัด ในศึกฟุตบอล ลา ลีกา สเปน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

 

 ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน 
วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555  
บาร์เซโลน่า
5     -     1 บาเลนเซีย
สนาม : เอสตาดิโอ คัมป์ นู, บาร์เซโลน่า



           เริ่มเกมได้เพียง 3 นาที ดาบิด อัลเบลด้า ก็รับใบเหลืองแรกของเกมจากการไปเตะ ลิโอเนล เมสซี่ หน้ากรอบเขตโทษ          นาทีที่ 9 โซฟียาน เฟกูลี่ เปิดบอลเข้ามา ปาโบล ปิอัตติ วิ่งเข้าชาร์จโล่งๆ บอลลอยข้ามตัว บิคตอร์ บัลเดส เข้าประตูไปให้ บาเลนเซีย ทีมเยือนออกนำ 1-0          นาทีที่ 11 เปโดร โรดริเกวซ ได้ลองส่องจากระยะ 18 หลา แต่บอลไปตรงตัว ดีเอโก้ อัลเวส รับเข้าซองสบาย         

นาทีที่ 21 เปโดร โรดริเกวซ เปิดบอลเข้าไปในกรอบ 6 หลา อาดิล รามี่ สกัดบอลไม่ดีไปเข้าทาง ลิโอเนล เมสซี่ ที่หลุดเข้าไปยิงรอดตัว ดีเอโก้ อัลเวส เข้าไป บาร์เซโลน่า ตามตีเสมอเป็น 1-1          ถัดจากนั้น 6 นาที เอริก อบิดัล เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ เฌเรมี่ มาติเยอ ล้มตัวสกัดบอลไม่ดีบอลปลิ้นจะเข้าประตู ดีเอโก้ อัลเวส พุ่งปัดออกมา แต่ไม่รอดบอลไปเข้าทาง ลิโอเนล เมสซี่ ที่ยืนรอซ้ำจ่อๆหลาเดียว ไม่เหลือ บาร์เซโลน่า พลิกนำ 2-1         

นาทีที่ 29 อเล็กซิส ซานเชซ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงเต็มแรงแต่ ดีเอโก้ อัลเวส พุ่งออกมาปัดมือเดียวเอาไว้ได้          นาทีต่อมา เชส ฟาเบรกาส ลากบอลหลบแนวรับทีมเยือนหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ได้ยิงด้วยขวาแต่บอลก็ยังไปติดขา ดีเอโก้ อัลเวส ออกไปอีก          นาทีที่ 40 อันเดรส อิเนียสต้า วางบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ เชส ฟาเบรกาส กระโดดพลิกตัวยิงบอลผ่านตัว ดีเอโก้ อัลเวส ไปแล้วแต่โชคไม่ดีไปโดนคานกระดอนออกมา         

ช่วงเวลาที่เหลือ บาร์เซโลน่า รุกหนักแต่ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ จบครึ่งแรก บาร์เซโลน่า ขึ้นนำ 2-1          เริ่มเกมครึ่งหลังได้ไม่ถึงนาที บาร์ซ่าก็เกือบหนีห่างเป็น 3-1 อเล็กซิส ซานเชซ ได้หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษอีกครั้ง แต่ก็ไปติดตัว ดีเอโก้ อัลเวส ออกหลังไป          นาทีที่ 54 อันเดรส อิเนียสต้า ลองปั่นบอลจากหน้ากรอบเขตโทษบอลโค้งเกือบเสียบสามเหลี่ยมออกไปนิดเดียว         

นาทีที่ 61 มาร์ติน มอนโตย่า ครอสบอลเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ ลิโอเนล เมสซี่ ขึ้นโขกคนเดียวโล่งๆระยะ 6 หลา แต่ ดีเอโก้ อัลเวส ที่วันนี้โชว์ฟอร์มเหนียวเหลือเกินโดดปัดบอลไปชนคาน ทำให้ เจ้าบุญทุ่มยังนำอยู่แค่ 2-1          นาทีที่ 62 บาร์เซโลน่า ยังไม่เพลาเกมบุก อเล็กซิส ซานเชซ กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไป ดีเอโก้ อัลเวส พุ่งปัดเอาไว้ได้ บอลมาเข้าทาง เชส ฟาเบรกาส ที่วิ่งเข้าซ้ำข้ามคานออกไปไกลแบบไม่น่าเชื่อ          นาทีที่ 66 บาเลนเซีย ได้ลุ้นตีเสมอบ้าง โชนาส คอนซัลเวส เปิดบอลเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ เคราร์ด ปิเก้ โหม่งบอลไม่ดี บอลลอยมาเข้าทาง โซฟียาน เฟกูลี่ ที่ยิงเต็มข้อ แต่ยังไม่ผ่านมือ บิคตอร์ บัลเดส ที่ล้มตัวเซฟไว้ได้         

นาทีที่ 76 คริสเตียน เตโย่ ตัวสำรองได้โอกาสสับไกในกรอบโทษ ดีเอโก้ อัลเวส ปัดเอาไว้ได้แต่ไม่รอด เพราะ ลิโอเนล เมสซี่ ตามซ้ำไม่เหลือ บาร์เซโลน่า หนีห่างเป็น 3-1 พร้อมทั้งเป็นแฮตทริกของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย          นาทีที่ 85 ลิโอเนล เมสซี่ หลุดเดี่ยวเข้าไปชิพเหนือชั้นข้ามตัว ดีเอโก้ อัลเวส เข้าประตู บาร์เซโลน่า หนีห่างไปไกล 4-1         

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เจ้าบ้านมาได้ประตูทิ้งทวนจาก ชาบี เอร์นานเดซ ที่กระดกบอลข้ามหัว ดีเอโก้ อัลเวส เข้าประตูไป จบเกม บาร์เซโลน่า เปิดบ้านเอาชนะ บาเลนเซีย 5-1 เก็บเพิ่ม 3 แต้ม ลดช่องว่างระหว่าง เรอัล มาดริด จ่าฝูงกลับมาอยู่ที่ 10 แต้มเท่าเดิม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม         

บาร์เซโลน่า (4-3-3) :
บิคตอร์ บัลเดส ; มาร์ติน มอนโตย่า, การ์เลส ปูโยล, เคราร์ด ปิเก้, เอริก อบิดัล ; เชส ฟาเบรกาส, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า ; อเล็กซิส ซานเชซ, ลิโอเนล เมสซี่, เปโดร โรดริเกวซ         

บาเลนเซีย (4-2-3-1) : ดี เอโก้ อัลเวส ; มิเกล มอนเตยโร่, อาดิล รามี่, บิคตอร์ รูอิซ, เฌเรมี่ มาติเยอ ; อัลเบร์โต้ "ตีโน่" คอสต้า , ดาบิด อัลเบลด้า ; โซฟียาน เฟกูลี่, โชนาส คอนซัลเวส, ปาโบล ปิอัตติ ; โรเบร์โต้ โซลดาโด้         
ผู้ตัดสิน : ฆาเบียร์ ตูเรียนโซ่ อัลบาเรซ

สรุปผลฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
- กรานาด้า ชนะ เรอัล โซเซียดาด  4 - 1
- แอธ.บิลเบา ชนะ มาลาก้า  3 - 0
- สปอร์ติ้ง คิฆอน เสมอ แอต.มาดริด  1 - 1
- เรอัล มายอร์ก้า ชนะ บียาร์เรอัล  4 - 0
- เลบันเต้ แพ้ ราโย บาเยกาโน่  3 - 5
- บาร์เซโลน่า ชนะ บาเลนเซีย  5 - 1

ไฮไลท์แมตช์ ลิเวอร์พูล VS ไบรท์ตัน FA Cup -หงส์ขั้นเทพ!ถล่มไบรท์ตัน6-1ฉลุย8ทีมเอฟเอ 12BET 20/02/2555



        "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ระเบิดฟอร์มเก่งเปิดแอนฟิลด์ ไล่ถล่ม ไบรท์ตัน แบบเละเทะ 6-1 โดยสามตุงจากหกเม็ดของเจ้าถิ่นเป็นฝั่งทีมเยือนที่ทำเข้าประตูตัวเอง ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ ต่อไป
 

ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 5
วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555
ลิเวอร์พูล
(พรีเมียร์ลีก)  6      -     1 ไบรท์ตัน
(แชมเปี้ยนชิพ)
สนาม : แอนฟิลด์




         "หงส์ แดง" ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ ทำศึกเอฟเอคัพ ต้อนรับการมาเยือนของ ไบรท์ตัน ทีมจากลีกแชมเปี้ยนชิพ โดยเกมนี้ เจ้าถิ่นเน้นส่งชุดใหญ่ครบครัน นำทัพโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด ส่วนแนวกรุกใช้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม ,สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง ประสานงานสนับสนุน หลุยส์ ซัวเรซ และ แอนดี้ แคร์โรลล์ ที่ลงตัวจริงล่าตาข่าย      เริ่มเกมมาเพียง4นาที เป็นฝ่าย ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นก่อน จากการพลิกยิงในกรอบเขตโทษของ สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง บอลแฉลบกองหลัง ไบรท์ตัน เกือบจะฮุคเสียบคานแต่ ปีเตอร์ เบรโซแวน บินปัดไว้ได้     

 อย่าง ไรก็ตามจากจังหวะต่อเนื่อง ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดทางฝั่งซ้ายของสนาม มาที่จุดนัดพบตรงเสาแรก มาร์ติน สเคอร์เทล วิ่งโฉบมาโหม่งเป็นประตูให้ทีมหงส์แดง ขึ้นนำแต่ไก่โห่ 1-0        นาทีที่ 15 ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษระยะ 25 หลา สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง เล่นเร็วไหลบอลให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้ยิงเต็มข้อแต่บอลไม่เข้ากรอบ      
 นาที ที่ 17 ไบรท์ตัน ได้ฟรีคิกระยะ 28 หลา คาเซนก้า ลัวลัว วิ่งเข้ายิงเต็มข้อ บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างสุดสวย ให้ทีมเยือนตามตีเสมอ 1-1       หลังเสียประตู เจ้าถิ่นโหมเกมบุกอย่างหนัก แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่สามารถหาทางเข้าไปจบสกอร์ได้       นาทีที่ 25 โฆเซ่ เอ็นริเก้ ตัดบอลได้กลางสนามก่อนลากหลบแนวรับ ไบรท์ตัน เข้าไปสับไกยิงด้วยขวา แต่บอลถากเสาออกไป       นาทีที่ 27 หลุยส์ ซัวเรซ ได้โอกาสเลี้ยงเข้าไปในกรอบเขตโษ ก่อนดีดด้วยขวาบอลผ่านตัว ปีเตอร์ เบรโซแวน ไปแล้ว แต่ อินยิโก้ กัลเดรอน กองหลังยืนถูกที่สกัดทิ้งออกหลังไปได้       นาทีที่ 30 สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตักบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ ได้โขกเต็มๆ แต่บอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย       นาทีที่ 41 ไบรท์ตัน ได้โต้กลับบ้าง คาเซนก้า ลัวลัว ลากผ่านกองหลังลิเวอร์พูลก่อนล็อกเข้ากรอบเขตโทษ ได้ยิงแบบดีดๆ แต่บอลเข้าข้างตาข่าย      

 นาที ที่ 44 จากลูกเตะมุมของลิเวอร์พูล ปีเตอร์ เบรโซแวน นายทวารทีมเยือนชกบอลออกมาไม่ดี บอลมาเข้าทาง หลุยส์ ซัวเรซ ที่ล็อกหลบหนึ่งจังหวะก่อนยิงแต่บอลไปโดนตัวผู้รักษาประตูมาเข้าหัว เกล็น จอห์นสัน ที่โหม่งโล่งๆ แต่แนวรับ ไบรท์ตัน เคลียร์กันไม่ดีไปโดนตัว เลียม บริดคัตต์ เข้าประตูตัวเอง ลิเวอร์พูล ออกนำอีกครั้ง 2-1       จบครึ่งเวลาแรก ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายนำอยู่ 2-1      

 เริ่มเกมในครึ่งหลังเป็นทีมเยือนที่เปลี่ยนตัวก่อนโดยส่ง เคร็ก นูน ลงมาเล่นแทน วิล บัคลี่ย์      

 นาทีที่ 52 อลัน นาวาร์โร่ รับใบเหลืองคนแรกของเกม หลังไปเตะ สตีเว่น เจอร์ราร์ด       นาทีที่ 52 ปีเตอร์ เบรโซแวน นายทวารทีมเยือน ออกมาเตะบอลพลาด หลุยส์ ซัวเรซ จับบอลหนึ่งจังหวะแต่ดันไม่ยิง กองหลัง ไบรท์ตัน เคลียร์อกมาได้ทัน      

 นาที ที่ 57 ลิเวอร์พูล หนีห่างเป็น 3-1 จากจังหวะที่ สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง เปิดจากริมเส้นเข้าไปในกรอบเขตโษ แอนดี้ แคร์โรลล์ วิ่งเข้ายิงด้วยซ้าย ปีเตอร์ เบรโซแวน ล้มตัวปัดไม่ทัน บอลตุงตาข่าย ลิเวอร์พูล นำห่าง 3-1      

 นาทีที่ 69 ไบรท์ตัน เปลี่ยนตัวหวังแก้เกมโดยส่ง เคร็ก แม็คเกล-สมิธ และ บิเชนเต้ โรดริเกซ ลงเล่นแทน แซม โว้คส์ กับ อดัม เอลอับด์      

 นาที ที่ 71 สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้โอกาสหลุดเข้าไปยิงแต่บอลไปติดเซฟ ปีเตอร์ เบรโซแวน ออกข้าง  เจอร์ราร์ด ตามไปซ้ำจากมุมแคบ บอลโดน เลียม บริดคัตต์ เข้าประตูไป ให้ ลิเวอร์พูล หนีห่าง 4-1       นาทีที่ 74

 สถานการณ์ ของทีมเยือนย่ำแย่ไปใหญ่ เมื่อ ลูอิส ดังค์ กองหลังไม่ยอมเคลียร์บอลทิ้ง กลับไปเดาะบอลหน้าประตูตัวเอง แต่บอลปลิ้นเข้าประตูไปอย่างเหลือเชื่อ ลิเวอร์พูล หนีห่างสุดกู่ 5-1      

 ลิ เวอร์พูลเปลี่ยนตัวที่เดียวสามตัวรวด โดยถอด สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง,  จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ออกและส่ง มักซี่ โรดริเกซ, จอนโจ เชลวี่ และ เดิร์ก เค้าท์ ลงแทน      

 นาทีที่ 80 ลิเวอร์พูลได้ลูกจุดโทษ แต่ หลุยส์ ซัวเรซ ดันแปไปติดเซฟของ ปีเตอร์ เบรโซแวน อย่างน่าเสียดาย      

 นาที ที่ 85 ลิเวอร์พูล โต้กลับเร็ว โฆเซ่ เอ็นริเก้ เปิดบอลเข้าไปเสาสองให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ โขกตั้งมาให้ หลุยส์ ซัวเรซ ได้โขกจ่อๆหลาเดียวไม่เหลือ ลิเวอร์พูล นำไปเป็น 6-1       จบเกม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน ไปได้ 6-1 ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับ สโต๊ค ซิตี้

11นักเตะของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล:
โฆ เซ่ เรน่า,เกล็น จอห์นสัน,เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, โฆเซ่ เอ็นริเก้,สตีเว่น เจอร์ราร์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม ,สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง,หลุยส์ ซัวเรซ,แอนดี้ แคร์โรลล์
สำรอง:อเล็กซานเดอร์ โดนี่,มักซี่ โรดริเกซ,เซบาสเตียน โกอาเตส,เดิร์ก เค้าท์,เจย์ สเพียร์ริ่ง,จอนโจ เชลวี่,มาร์ติน เคลลี่

ไบรท์ตัน:
ปี เตอร์ เบรโซแวน,อินยิโก้ กัลเดรอน,กอร์ดอน เกรียร์,ลูอิส ดังค์,อดัม เอลอับด์,วิล บัคลี่ย์,เลียม บริดคัตต์, อลัน นาวาร์โร่, คาเซนก้า ลัวลัว,แซม โว้คส์,แอชลี่ย์ บาร์นส์
สำรอง:แคสเปอร์ อันเคอร์เกร็น,เคร็ก นูน,เคร็ก แม็คเกล-สมิธ,โรดริเกซ บิเชนเต้,ไรอัน ฮาลี่ย์,โรแมง วินเชลอต,ทอร์บยอร์น แอคเดสแตง

ผู้ตัดสิน
:
อังเดร มาร์ริเนอร์

สรุปผล ฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 5
- ครอลี่ย์ ทาวน์ แพ้ สโต๊ค  0 - 2
- สตีฟเนจ เสมอ สเปอร์ส  0 - 0
- ลิเวอร์พูล ชนะ ไบรท์ตัน  6 - 1

ไฮไลท์แมตช์ สตีฟเนจ โบโร่ VS สเปอร์ FA Cup -ไก่ต้องรีเพลย์!ตีปีกไม่ออกบุกเจ๊าสตีฟเนจ0-0 12BET 20/02/2555



        "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส ฝืดบุกเจาะเจ้าถิ่น สตีฟเนจ ทีมจากลีกวันไม่เข้า เจ๊ากันไปแบบโนสกอร์ 0-0 ต้องไปวัดกันใหม่ แมตช์รีเพลย์ ที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ขณะที่ สโต๊ค บุกอัด ครอว์ลี่ย์ ทาวน์ ทีมลีก ทู สบาย 2-0 เข้ารอบ8ทีม ในศึกเอฟเอคัพ อังกฤษ รอบ 5 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา    
 

ฟุตบอล เอฟเอคัพ อังกฤษ รอบ 5
วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555
สตีฟเนจ โบโร่ (ลีกวัน) 0     -     0 สเปอร์ (พรีเมียร์ลีก)
สนาม : บรอดฮอลล์ เวย์
 



         สตี ฟเนจ ทีมจากลีกวัน ทะลุเข้าสู่รอบ 5 แบบเซอร์ไพรส์ เกมนี้ยังคงยึดนักเตะชุดเดิมจากเกมลีกล่าสุดที่เอาชนะ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ เมื่อกลางสัปดาห์ลงสนามทั้งหมด
         ทางฝั่ง ไก่เดือยทอง ทดลองแท็กติกใหม่ ใช้สามกองหลัง ไมเคิ่ล ดอว์สัน, ไรอัน เนลเซ่น, ยูเนส กาบุล และวิงแบ็กสองข้าง ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ แดนนี่ โรส ส่วนแดนหน้าใช้หอกคู่ เจอร์เมน เดโฟ กับ หลุยส์ ซาฮา
         ครึ่ง แรก โอกาสลุ้นประตูของทั้งสองทีมยังเนือยๆ นาทีที่ 16 ไก่เดือยทอง ขึ้นเกมทางกราบซ้ายจาก แดนนี่ โรส โยกหลบได้สวยแล้วเปิดเรียดไปที่เสาแรก เจอร์เมน เดโฟ ล้มตัวแปด้วยขวาหลักไม่ดีหลุดเสาแรกออกไป
         นาที ที่ 24 สเปอร์ส ยังมีจังหวะลุ้นประตูที่ได้น้ำได้เนื้อมากกว่า หลุยส์ ซาฮา เก็บบอลได้แล้วพลิกยิงเท้าซ้ายในกรอบโทษด้านซ้าย บอลเรียดแรงแต่หลุดเสาสองออกไปพอสมควร
         บอลของทีมเยือน ถูกถ่ายขึ้นทางกราบซ้ายบ่อยครั้งทีเดียว นาทีที่ 34 แดนนี่ โรส สับขาหลอกสวยๆ อีกครั้ง แล้วหยอดโด่งไปหน้าประตู ไคล์ วอล์คเกอร์ สอดขึ้นมาเทกตัวโหม่ง แต่โดนเฉี่ยวๆ เท่านั้น บอลไม่เข้ากรอบ
         นาที ต่อมา ก็ยังเป็น สเปอร์ส ที่เกือบได้จบสกอร์อีกครั้ง หลุยส์ ซาฮา พักอกเอาบอลลงในเขตโทษกลางประตูสวยแล้ว แต่จังหวะจะยิงถูกแซนด์วิชพอดี เลยล้มตัวซัดด้วยซ้ายโดนไม่เต็ม
         สตีฟเนจ เพิ่งมีจังหวะใกล้เคียงในนาทีที่ 39 จากฟรีคิกทางฝั่งซ้าย ลุค ฟรีแมน เปิดให้ สกอตต์ แลร์ด โหม่งย้อยๆ โดนไม่ดีแล้ว แต่บอลยังหล่นลงหากรอบประตูพอดี คาร์โล คูดิชินี่ ต้องปัดข้ามคานเพื่อความปลอดภัย จบครึ่งแรกยังเสมอจืดๆ 0-0
        
ครึ่ง หลัง ไก่เดือยทอง กลับมาเน้นเกมรุกมากขึ้น เพียงแค่นาทีแรก แกเร็ธ เบล พาบอลเข้าหาระยะ 25 หลาแล้วซัดด้วยซ้ายเต็มแรง บอลพุ่งหาเสาไกลแล้ว แต่ คริส เดย์ พุ่งปัดออกไปได้
         นาทีที่ 55 สเปอร์ส ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายจนได้ แดนนี่ โรส สับขาทางกราบซ้ายแล้วเปิดเรียดเข้ากลาง คริส เดย์ ตะปบพลาดแล้ว หลุยส์ ซาฮา เลยดีดด้วยซ้ายจ่อๆ เข้าไป แต่กลายเป็นว่ามีธงล้ำหน้ายกขึ้นมา เพราะบอลสุดท้ายแฉลบ สกอตต์ พาร์เกอร์ ที่ยืนอยู่บนเส้นประตูพอดี
         กอง เชียร์เจ้าบ้านเกือบได้เฮในนาทีที่ 61 โจเอล บิรอม ตะบันเท้าซ้ายเต็มเหนี่ยวจากระยะ 22 หลา บอลพุ่งเฉียดสามเหลี่ยมออกไปนิดเดียว หลังจากนั้น 2 นาที บิรอม คนเดิม ก็กดด้วยซ้าย 25 หลา คูดิชินี่ ถึงกับรับบอลไม่อยู่มือ
         จาก นั้น แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ จึงตัดสินใจปรับระบบ สเปอร์ส กลับมาใช้ 4-4-2 อีกครั้ง โดยส่ง นิโก้ ครานชาร์ ลงแทน ไคล์ วอล์คเกอร์ แล้วขยับเอา ยูเนส กาบุล ไปยืนแบ็กขวา
         นาทีที่ 75 ไก่เดือยทอง น่าได้ประตูขึ้นนำอีกหน แกเร็ธ เบล กระชากหลุดเข้าเขตโทษด้านขวา แล้วผ่านเข้ากลาง หลุยส์ ซาฮา โฉบเข้าเปลี่ยนทางบอลโดนไม่เต็มเท้า ทั้งที่มี สกอตต์ พาร์เกอร์ สอดขึ้นมารออยู่ด้านหลังโล่งๆ
         
ท้าย เกม ทีมเยือนส่ง อารอน เลนน่อน ลงแทน แดนนี่ โรส อีกคนในนาทีที่ 81 แต่ก็ยังเจาะประตูไม่ได้อยู่ดี จบเกม สตีเนจ ยันเสมอ สเปอร์ส สำเร็จ 0-0 ต้องไปเตะรีเพลย์กันที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
 

สตีฟเนจ :
คริส เดย์, รอนนี่ เฮนรี่, จอน แอชตัน, มาร์ค โรเบิร์ตส์, สกอตต์ แลร์ด, ลอว์รี่ วิลสัน, โจเอล บิรอม, ไมเคิ่ล บอสต์วิค, ลุค ฟรีแมน (ฟิล เอ็ดเวิร์ดส์ น.88), ดาริอุส ชาร์ลส์ (ดอน โคแวน น.73), คริส เบียร์ดสลี่ย์ (เบน เมย์ น.67)
 สำรองไม่ได้ใช้ : อลัน จูเลี่ยน, สเตซี่ ลอง, เคร็ก รีด, เจนนิสัน ไมรี่-วิลเลี่ยมส์
 
สเปอร์ส :
คาร์โล คูดิชินี่, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, ไรอัน เนลเซ่น, ยูเนส กาบุล, ไคล์ วอล์คเกอร์ (นิโก้ ครานชาร์ น.64), เจค ลิเวอร์มอร์, สกอตต์ พาร์เกอร์, แกเร็ธ เบล, แดนนี่ โรส (อารอน เลนน่อน น.81), เจอร์เมน เดโฟ, หลุยส์ ซาฮา
 สำรองไม่ได้ใช้ : แบร๊ด ฟรีเดล, เลดลี่ย์ คิง, บอนกานี่ คูมาโล่, มัสซิโม่ ลูออนโก้, ไซม่อน ดอว์กิ้นส์
 
ผู้ตัดสิน :
ฟิล ดาวด์

เมสซี่คืนฟอร์มกด4ตุง!บาร์ซ่าอัดค้างคาว5-1

 ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน  
วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555  
บาร์เซโลน่า   5   -   1   บาเลนเซีย

        ลิโอเนล เมสซี่ จัดการซัดคนเดียว 4 ลูกช่วย บาร์เซโลน่า เปิดรังอัด บาเลนเซีย แบบไม่ไว้หน้า 5-1 เก็บเพิ่ม 3 แต้ม ทำคะแนนกลับมาตามหลัง เรอัล มาดริด เหลือ 10 แต้มเท่าเดิม โดยเหลือการแข่งขันอีก 15 นัด ในศึกฟุตบอล ลา ลีกา สเปน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา


สนาม : เอสตาดิโอ คัมป์ นู, บาร์เซโลน่า

         เริ่มเกมได้เพียง 3 นาที ดาบิด อัลเบลด้า ก็รับใบเหลืองแรกของเกมจากการไปเตะ ลิโอเนล เมสซี่ หน้ากรอบเขตโทษ

         นาทีที่ 9 โซฟียาน เฟกูลี่ เปิดบอลเข้ามา ปาโบล ปิอัตติ วิ่งเข้าชาร์จโล่งๆ บอลลอยข้ามตัว บิคตอร์ บัลเดส เข้าประตูไปให้ บาเลนเซีย ทีมเยือนออกนำ 1-0

         นาทีที่ 11 เปโดร โรดริเกวซ ได้ลองส่องจากระยะ 18 หลา แต่บอลไปตรงตัว ดีเอโก้ อัลเวส รับเข้าซองสบาย

         นาทีที่ 21 เปโดร โรดริเกวซ เปิดบอลเข้าไปในกรอบ 6 หลา อาดิล รามี่ สกัดบอลไม่ดีไปเข้าทาง ลิโอเนล เมสซี่ ที่หลุดเข้าไปยิงรอดตัว ดีเอโก้ อัลเวส เข้าไป บาร์เซโลน่า ตามตีเสมอเป็น 1-1

         ถัดจากนั้น 6 นาที เอริก อบิดัล เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ เฌเรมี่ มาติเยอ ล้มตัวสกัดบอลไม่ดีบอลปลิ้นจะเข้าประตู ดีเอโก้ อัลเวส พุ่งปัดออกมา แต่ไม่รอดบอลไปเข้าทาง ลิโอเนล เมสซี่ ที่ยืนรอซ้ำจ่อๆหลาเดียว ไม่เหลือ บาร์เซโลน่า พลิกนำ 2-1

         นาทีที่ 29 อเล็กซิส ซานเชซ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงเต็มแรงแต่ ดีเอโก้ อัลเวส พุ่งออกมาปัดมือเดียวเอาไว้ได้

         นาทีต่อมา เชส ฟาเบรกาส ลากบอลหลบแนวรับทีมเยือนหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ได้ยิงด้วยขวาแต่บอลก็ยังไปติดขา ดีเอโก้ อัลเวส ออกไปอีก

         นาทีที่ 40 อันเดรส อิเนียสต้า วางบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ เชส ฟาเบรกาส กระโดดพลิกตัวยิงบอลผ่านตัว ดีเอโก้ อัลเวส ไปแล้วแต่โชคไม่ดีไปโดนคานกระดอนออกมา

         ช่วงเวลาที่เหลือ บาร์เซโลน่า รุกหนักแต่ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ จบครึ่งแรก บาร์เซโลน่า ขึ้นนำ 2-1

         เริ่มเกมครึ่งหลังได้ไม่ถึงนาที บาร์ซ่าก็เกือบหนีห่างเป็น 3-1 อเล็กซิส ซานเชซ ได้หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษอีกครั้ง แต่ก็ไปติดตัว ดีเอโก้ อัลเวส ออกหลังไป

         นาทีที่ 54 อันเดรส อิเนียสต้า ลองปั่นบอลจากหน้ากรอบเขตโทษบอลโค้งเกือบเสียบสามเหลี่ยมออกไปนิดเดียว

         นาทีที่ 61 มาร์ติน มอนโตย่า ครอสบอลเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ ลิโอเนล เมสซี่ ขึ้นโขกคนเดียวโล่งๆระยะ 6 หลา แต่ ดีเอโก้ อัลเวส ที่วันนี้โชว์ฟอร์มเหนียวเหลือเกินโดดปัดบอลไปชนคาน ทำให้ เจ้าบุญทุ่มยังนำอยู่แค่ 2-1

         นาทีที่ 62 บาร์เซโลน่า ยังไม่เพลาเกมบุก อเล็กซิส ซานเชซ กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไป ดีเอโก้ อัลเวส พุ่งปัดเอาไว้ได้ บอลมาเข้าทาง เชส ฟาเบรกาส ที่วิ่งเข้าซ้ำข้ามคานออกไปไกลแบบไม่น่าเชื่อ

         นาทีที่ 66 บาเลนเซีย ได้ลุ้นตีเสมอบ้าง โชนาส คอนซัลเวส เปิดบอลเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ เคราร์ด ปิเก้ โหม่งบอลไม่ดี บอลลอยมาเข้าทาง โซฟียาน เฟกูลี่ ที่ยิงเต็มข้อ แต่ยังไม่ผ่านมือ บิคตอร์ บัลเดส ที่ล้มตัวเซฟไว้ได้

         นาทีที่ 76 คริสเตียน เตโย่ ตัวสำรองได้โอกาสสับไกในกรอบโทษ ดีเอโก้ อัลเวส ปัดเอาไว้ได้แต่ไม่รอด เพราะ ลิโอเนล เมสซี่ ตามซ้ำไม่เหลือ บาร์เซโลน่า หนีห่างเป็น 3-1 พร้อมทั้งเป็นแฮตทริกของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย

         นาทีที่ 85 ลิโอเนล เมสซี่ หลุดเดี่ยวเข้าไปชิพเหนือชั้นข้ามตัว ดีเอโก้ อัลเวส เข้าประตู บาร์เซโลน่า หนีห่างไปไกล 4-1

         ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เจ้าบ้านมาได้ประตูทิ้งทวนจาก ชาบี เอร์นานเดซ ที่กระดกบอลข้ามหัว ดีเอโก้ อัลเวส เข้าประตูไป จบเกม บาร์เซโลน่า เปิดบ้านเอาชนะ บาเลนเซีย 5-1 เก็บเพิ่ม 3 แต้ม ลดช่องว่างระหว่าง เรอัล มาดริด จ่าฝูงกลับมาอยู่ที่ 10 แต้มเท่าเดิม


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
         บาร์เซโลน่า (4-3-3) : บิคตอร์ บัลเดส ; มาร์ติน มอนโตย่า, การ์เลส ปูโยล, เคราร์ด ปิเก้, เอริก อบิดัล ; เชส ฟาเบรกาส, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า ; อเล็กซิส ซานเชซ, ลิโอเนล เมสซี่, เปโดร โรดริเกวซ

         บาเลนเซีย (4-2-3-1) : ดี เอโก้ อัลเวส ; มิเกล มอนเตยโร่, อาดิล รามี่, บิคตอร์ รูอิซ, เฌเรมี่ มาติเยอ ; อัลเบร์โต้ "ตีโน่" คอสต้า , ดาบิด อัลเบลด้า ; โซฟียาน เฟกูลี่, โชนาส คอนซัลเวส, ปาโบล ปิอัตติ ; โรเบร์โต้ โซลดาโด้

         ผู้ตัดสิน : ฆาเบียร์ ตูเรียนโซ่ อัลบาเรซ

หงส์ขั้นเทพ!ถล่มไบรท์ตัน6-1ฉลุย8ทีมเอฟเอ

ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 5
วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555

ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)   6    -   1  ไบรท์ตัน (แชมเปี้ยนชิพ)

        "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ระเบิดฟอร์มเก่งเปิดแอนฟิลด์ ไล่ถล่ม ไบรท์ตัน แบบเละเทะ 6-1 โดยสามตุงจากหกเม็ดของเจ้าถิ่นเป็นฝั่งทีมเยือนที่ทำเข้าประตูตัวเอง ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ ต่อไป



สนาม : แอนฟิลด์


         "หงส์ แดง" ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ ทำศึกเอฟเอคัพ ต้อนรับการมาเยือนของ ไบรท์ตัน ทีมจากลีกแชมเปี้ยนชิพ โดยเกมนี้ เจ้าถิ่นเน้นส่งชุดใหญ่ครบครัน นำทัพโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด ส่วนแนวกรุกใช้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม ,สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง ประสานงานสนับสนุน หลุยส์ ซัวเรซ และ แอนดี้ แคร์โรลล์ ที่ลงตัวจริงล่าตาข่าย


     เริ่มเกมมาเพียง4นาที เป็นฝ่าย ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นก่อน จากการพลิกยิงในกรอบเขตโทษของ สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง บอลแฉลบกองหลัง ไบรท์ตัน เกือบจะฮุคเสียบคานแต่ ปีเตอร์ เบรโซแวน บินปัดไว้ได้

     อย่าง ไรก็ตามจากจังหวะต่อเนื่อง ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดทางฝั่งซ้ายของสนาม มาที่จุดนัดพบตรงเสาแรก มาร์ติน สเคอร์เทล วิ่งโฉบมาโหม่งเป็นประตูให้ทีมหงส์แดง ขึ้นนำแต่ไก่โห่ 1-0 

      นาทีที่ 15 ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษระยะ 25 หลา สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง เล่นเร็วไหลบอลให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้ยิงเต็มข้อแต่บอลไม่เข้ากรอบ

       นาที ที่ 17 ไบรท์ตัน ได้ฟรีคิกระยะ 28 หลา คาเซนก้า ลัวลัว วิ่งเข้ายิงเต็มข้อ บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างสุดสวย ให้ทีมเยือนตามตีเสมอ 1-1

      หลังเสียประตู เจ้าถิ่นโหมเกมบุกอย่างหนัก แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่สามารถหาทางเข้าไปจบสกอร์ได้

      นาทีที่ 25 โฆเซ่ เอ็นริเก้ ตัดบอลได้กลางสนามก่อนลากหลบแนวรับ ไบรท์ตัน เข้าไปสับไกยิงด้วยขวา แต่บอลถากเสาออกไป

      นาทีที่ 27 หลุยส์ ซัวเรซ ได้โอกาสเลี้ยงเข้าไปในกรอบเขตโษ ก่อนดีดด้วยขวาบอลผ่านตัว ปีเตอร์ เบรโซแวน ไปแล้ว แต่ อินยิโก้ กัลเดรอน กองหลังยืนถูกที่สกัดทิ้งออกหลังไปได้

      นาทีที่ 30 สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตักบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ ได้โขกเต็มๆ แต่บอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

      นาทีที่ 41 ไบรท์ตัน ได้โต้กลับบ้าง คาเซนก้า ลัวลัว ลากผ่านกองหลังลิเวอร์พูลก่อนล็อกเข้ากรอบเขตโทษ ได้ยิงแบบดีดๆ แต่บอลเข้าข้างตาข่าย

       นาที ที่ 44 จากลูกเตะมุมของลิเวอร์พูล ปีเตอร์ เบรโซแวน นายทวารทีมเยือนชกบอลออกมาไม่ดี บอลมาเข้าทาง หลุยส์ ซัวเรซ ที่ล็อกหลบหนึ่งจังหวะก่อนยิงแต่บอลไปโดนตัวผู้รักษาประตูมาเข้าหัว เกล็น จอห์นสัน ที่โหม่งโล่งๆ แต่แนวรับ ไบรท์ตัน เคลียร์กันไม่ดีไปโดนตัว เลียม บริดคัตต์ เข้าประตูตัวเอง ลิเวอร์พูล ออกนำอีกครั้ง 2-1

      จบครึ่งเวลาแรก ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายนำอยู่ 2-1

       เริ่มเกมในครึ่งหลังเป็นทีมเยือนที่เปลี่ยนตัวก่อนโดยส่ง เคร็ก นูน ลงมาเล่นแทน วิล บัคลี่ย์

       นาทีที่ 52 อลัน นาวาร์โร่ รับใบเหลืองคนแรกของเกม หลังไปเตะ สตีเว่น เจอร์ราร์ด

      นาทีที่ 52 ปีเตอร์ เบรโซแวน นายทวารทีมเยือน ออกมาเตะบอลพลาด หลุยส์ ซัวเรซ จับบอลหนึ่งจังหวะแต่ดันไม่ยิง กองหลัง ไบรท์ตัน เคลียร์อกมาได้ทัน

       นาที ที่ 57 ลิเวอร์พูล หนีห่างเป็น 3-1 จากจังหวะที่ สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง เปิดจากริมเส้นเข้าไปในกรอบเขตโษ แอนดี้ แคร์โรลล์ วิ่งเข้ายิงด้วยซ้าย ปีเตอร์ เบรโซแวน ล้มตัวปัดไม่ทัน บอลตุงตาข่าย ลิเวอร์พูล นำห่าง 3-1

       นาทีที่ 69 ไบรท์ตัน เปลี่ยนตัวหวังแก้เกมโดยส่ง เคร็ก แม็คเกล-สมิธ และ บิเชนเต้ โรดริเกซ ลงเล่นแทน แซม โว้คส์ กับ อดัม เอลอับด์

       นาที ที่ 71 สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้โอกาสหลุดเข้าไปยิงแต่บอลไปติดเซฟ ปีเตอร์ เบรโซแวน ออกข้าง  เจอร์ราร์ด ตามไปซ้ำจากมุมแคบ บอลโดน เลียม บริดคัตต์ เข้าประตูไป ให้ ลิเวอร์พูล หนีห่าง 4-1

      นาทีที่ 74  สถานการณ์ ของทีมเยือนย่ำแย่ไปใหญ่ เมื่อ ลูอิส ดังค์ กองหลังไม่ยอมเคลียร์บอลทิ้ง กลับไปเดาะบอลหน้าประตูตัวเอง แต่บอลปลิ้นเข้าประตูไปอย่างเหลือเชื่อ ลิเวอร์พูล หนีห่างสุดกู่ 5-1

       ลิ เวอร์พูลเปลี่ยนตัวที่เดียวสามตัวรวด โดยถอด สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง,  จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ออกและส่ง มักซี่ โรดริเกซ, จอนโจ เชลวี่ และ เดิร์ก เค้าท์ ลงแทน

       นาทีที่ 80 ลิเวอร์พูลได้ลูกจุดโทษ แต่ หลุยส์ ซัวเรซ ดันแปไปติดเซฟของ ปีเตอร์ เบรโซแวน อย่างน่าเสียดาย

       นาที ที่ 85 ลิเวอร์พูล โต้กลับเร็ว โฆเซ่ เอ็นริเก้ เปิดบอลเข้าไปเสาสองให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ โขกตั้งมาให้ หลุยส์ ซัวเรซ ได้โขกจ่อๆหลาเดียวไม่เหลือ ลิเวอร์พูล นำไปเป็น 6-1

      จบเกม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน ไปได้ 6-1 ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับ สโต๊ค ซิตี้


11นักเตะของทั้งสองทีม


ลิเวอร์พูล:
โฆ เซ่ เรน่า,เกล็น จอห์นสัน,เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, โฆเซ่ เอ็นริเก้,สตีเว่น เจอร์ราร์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม ,สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง,หลุยส์ ซัวเรซ,แอนดี้ แคร์โรลล์
สำรอง:อเล็กซานเดอร์ โดนี่,มักซี่ โรดริเกซ,เซบาสเตียน โกอาเตส,เดิร์ก เค้าท์,เจย์ สเพียร์ริ่ง,จอนโจ เชลวี่,มาร์ติน เคลลี่


ไบรท์ตัน:
ปี เตอร์ เบรโซแวน,อินยิโก้ กัลเดรอน,กอร์ดอน เกรียร์,ลูอิส ดังค์,อดัม เอลอับด์,วิล บัคลี่ย์,เลียม บริดคัตต์, อลัน นาวาร์โร่, คาเซนก้า ลัวลัว,แซม โว้คส์,แอชลี่ย์ บาร์นส์
สำรอง:แคสเปอร์ อันเคอร์เกร็น,เคร็ก นูน,เคร็ก แม็คเกล-สมิธ,โรดริเกซ บิเชนเต้,ไรอัน ฮาลี่ย์,โรแมง วินเชลอต,ทอร์บยอร์น แอคเดสแตง


ผู้ตัดสิน
:
อังเดร มาร์ริเนอร์

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สุดยอดแมตช์ตลอดกาล