Blogger Widgets
Sporty Magazine official website | Members area : Register | Sign in

ค้นหาบล็อกนี้

คลังไฮไลท์แมตช์

บาร์ซ่าลิ่วชนชุดขาว!หลังพลิกแซงโอซาฯ2-1

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

 ฟุตบอลโกปา เดล เรย์ สเปน 
 (รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง)  
วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2555
 โอซาซูน่า (ลา ลีกา) 1 - 2 บาร์เซโลน่า (ลา ลีกา)
 (รวมผลสองนัด บาร์เซโลน่า เข้ารอบด้วยประตูรวม 6-1)
         บาร์เซโลน่า พลิกยิงแซง โอซาซูน่า 2-1 หลังเป็นฝ่ายตามหลังในช่วงครึ่งเวลาแรก แต่ก็กลับมายิงสองลูกรวดจาก อเล็กซิส ซานเชซ และ เซร์จี้ โรเบร์โต้ รวมผลสองนัด บาร์ซ่า ผ่านเข้ารอบไปพบกับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ในศึกโกปา เดล เรย์ สเปน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา
สนาม: เอสตาดิโอ เรย์โน่ เด นาบาร์ร่า, ปัมโปลน่า 

         เจ้าถิ่นออกไปปราชัยในนัดแรกมาด้วยสกอร์ 0-4 โอกาสเข้ารอบยากเหลือเกิน เกมนี้ไม่มีชื่อของ รูเบน กอนซาเลซ, เอนริเก้ โซล่า, จอน เอไชเด้ และ มาซูด โชจาอี ที่มีอาการบาดเจ็บ แต่แนวรุกของทีมยังมี โรเบร์โต้ ตอร์เรส, อัลบาโร่ เซฆูโด้ และ เดยัน เลกิช

         ด้านทีมเยือน โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า กุนซือของทีมไม่สามารถใช้งาน เซย์ดู เกอิต้า กองกลางทีมชาติมาลีที่เดินทางไปช่วยทีมทำศึกแอฟริกันเนชั่นส์คัพ พร้อมทั้งให้ ดาเนียล อัลเวส กับ อันเดรส อิเนียสต้า ได้พัก ทำให้ตัดสินใจใช้ 3 แข้งดาวรุ่งจากชุดเยาวชนอย่าง อิซาอัค เกวนก้า, มาร์ติน มอนโตย่า กับ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ลงเล่นเป็นสิบเอ็ดคนแรก

         เริ่มเกมมา5 นาที เป็น บาร์เซโลน่า ที่ได้ลุ้นขึ้นนำเร็วจากลูกยิงของ เปโดร โรดริเกซ แต่ อาเซียร์ เรียสโก้ พุ่งปัดออกไปได้

         เล่นไปได้แค่ 14 นาที บาร์เซโลน่า ก็ต้องมาเสีย อันเดรว ฟอนตาส กองหลังดาวรุ่งที่ได้รับบาดเจ็บต้องหามออกจากสนาม โดย โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า ตัดสินใจส่ง เอริก อบิดัล ลงมาเล่นแทน

         นาทีที่ 16 โอซาซูน่า ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะที่ อัลบาโร่ เซฆูโด้ ได้ยิงเต็มข้อในกรอบเขตโทษ แต่ โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ นายทวารทีมเยือนยังไวทุบบอลออกหลังไปได้

         นาทีที่ 36 เอเนโก้ ซาตรูสเตกี แบ็กซ้ายวางบอลยาวไปให้ เดยัน เลกิช สับไกเต็มข้อแบบไม่ต้องจับ โฆเซ่ ปินโต้ ผู้รักษาประตูบาร์ซ่าได้แต่ยืนมองแล้ว แต่บอลกลับพุ่งถากเสาออกไปชนิดได้ลุ้น

         นาทีที่ 40 เดยัน เลกิช คนเดิมลากบอลหลบ เอริก อบิดัล ก่อนยิงด้วยซ้าย โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ ปัดโดนบอลแต่ด้วยความแรงทำให้บอลปลิ้นเข้าประตูไป โอซาซูน่า ออกนำ 1-0

         นาทีที่ 43 อัลบาโร่ เซฆูโด้ ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย แต่เจ้าตัวดันล้มตัวยิงบอลไม่โดน เลยพลาดโอกาสได้ประตูที่สองอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก โอซาซูน่า เจ้าถิ่นขึ้นนำ บาร์เซโลน่า อยู่ 1-0

         กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลังได้เพียง 3 นาที บาร์เซโลน่า ก็ตาามตีเสมอได้สำเร็จ อาเดรียโน่ คอร์เรอา บรรจงเปิดบอลเข้าไปหน้าเขตโทษ บอลเลยผ่านมือ อาเซียร์ เรียสโก้ มาเข้าทาง อเล็กซิส ซานเชซ ที่ทิ้งตัวโหม่งจ่อๆ ให้ บาร์เซโลน่า ตีเสมอเป็น 1-1

         นาทีที่ 58 ลิโอเนล เมสซี่ ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาแทน อเล็กซิส ซานเชซ

         นาทีที่ 72 ลิโอเนล เมสซี่ ก็แทงบอลทะลุช่องให้ เซร์จี้ โรเบร์โต้ หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายบอลพุ่งเรียดเสียบเสาสองเข้าไปแบบเด็ดขาดให้ บาร์เซโลน่า พลกขึ้นนำ 2-1

         หลังเสียประตูรูปเกมของเจ้าบ้านดูแผ่วลงไปอย่างเห็นได้ชัด ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มกันได้ จบเกม บาร์เซโลน่า บุกมาย้ำแค้นถึงถิ่น 2-1 ร่วมผลสองนัด บาร์เซโลน่า เข้ารอบด้วยประตูรวม 6-1 เข้าไปพบกับ เรอัล มาดริด ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม         โอซาซูน่า (4-2-3-1) : อาเซียร์ เรียสโก้ ; มาร์ก เบร์ตราน, มานูเอล เฆซุส ออร์ติซ โลโล่, มิเกล ฟลานโญ่, เอเนโก้ ซาตรูสเตกี ; ฟรานซิสโก้ ปูนญาล, เซดริค โลเอ้ ; โรเบร์โต้ ตอร์เรส, ฮาเวียร์ กัลเลย่า,อัลบาโร่ เซฆูโด้ ; เดยัน เลกิช

         บาร์เซโลน่า (4-3-3) : โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ ; มาร์ติน มอนโตย่า, อันเดรว ฟอนตาส , เคราร์ด ปิเก้, อาเดรียโน่ คอร์เรอา ; ติอาโก้ อัลกันตาร่า, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, เซร์จี้ โรเบร์โต้  ; อเล็กซิส ซานเชซ, เปโดร โรดริเกซ, อิซาอัค เกวนก้า

         ผู้ตัดสิน : การ์ลอส เบลาสโก้ การ์บาโย่

gif animator

สมัครสมาชิก 12BET วันนี้รับโบนัสวันนี้สิคะ!! 
รหัสรับโบนัส  12TH12100  ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

เจิดซัดโทษ!หงส์เฮบุกคว่ำเรือ1-0คาร์ลิ่งนัดแรก

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

คาร์ลิ่งคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก
วันพุธที่ 11 มกราคม 2555
แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) 0 - 1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
        สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ซัดลูกจุดโทษและเป็นประตูชัยในเกมนี้ช่วยให้ทีมบุกมาเอาชนะ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงถิ่น 1-0 คว้าชัยนัดแรก ในศึกคาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันพุธที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

        ศึกยักษ์ชนยักษ์เกมแรกหาทีมลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศที่ เวมบลีย์ในรังของทีมแมนฯ ซิตี้เจ้าถิ่นไม่มีดาบิด ซิลบาที่เจ็บข้อเท้า แต่ได้มาริโอ บาโลเตลลี่ฟิตสมบูรณ์กลับมา และใช้งานสเตฟาน ซาวิชแทนแว็งซ็อง ก็องปานีที่ติดโทษแบนโดยที่ไมกาห์ ริชาร์ดส์ได้รับบทกัปตัน

        นอก จากนี้โจ ฮาร์ทก็กลับมาเป็นตัวจริงเช่นเดียวกับกาแอล กลิชี่ และแกเร็ธ แบร์รี่รวมแล้วมีการปรับทัพห้ารายจากเกมปราชัยแมนฯ ยูไนเต็ด 3-2 ในศึกเอฟเอคัพรอบสาม

        ด้านลิเวอร์พูลส่งแอนดี้ แคร์โรลล์ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงหลังหอกร่างยักษ์ลุกจากม้านั่งไปยิงประตู โอลด์แฮมได้ในศึกเอฟเอคัพ และมีการเปลี่ยนนักเตะทั้งหมดหกรายด้วยกันโดยใช้งานเกล็น จอห์นสันเป็นแบ็คซ้าย

        เริ่มเกมมาได้ 5 นาทีหงส์แดงก็น่าจะคลำเป้าได้เมื่อแคร์โรลล์ได้ลูกแทงทะลุจากสจ๊วร์ต ดาวนิ่งเบียดหนีซาวิชหลุดเข้าเขตโทษไปง้างยิงจาก 16 หลา ทว่าฮาร์ทขยับออกมาปัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

        เกมในช่วงต้นยัง เป็นของทีมเยือน และนาทีที่ 10 ดาวนิ่งก็ไหลบอลจากกราบซ้ายมาหน้าเขตโทษให้สตีเว่น เจอร์ราร์ดยิงปั่นเข้าเสาไกล แต่ฮาร์ทกระโจนปัดได้อย่างเหนียวหนึบ

        และ จากลูกเตะมุมด้านขวาที่เจอร์ราร์ดสาดออกมาหน้าเขตโทษ ดาวนิ่งก็ตะบันแบบไม่ต้องจับแฉลบเข้าหากรอบประตู ทว่าฮาร์ทยังหนึบพุ่งปัดได้สำเร็จ

        กระนั้นอีกสามนาทีต่อมา ลิเวอร์พูลก็ได้ลูกโทษเมื่อดาเนี่ยล แอ็กเกอร์เข้าถึงบอลก่อนแล้วโดนซาวิชยกเท้าสูงยันใส่หัวเข่าจนล้ม เจอร์ราร์ดจึงรับหน้าที่สังหารเสียบมุมพาเร้ด แมชีนนำหน้า 1-0

        นับ จากนั้นเจ้าบ้านก็เริ่มคุมเกมเอาไว้ได้ ขณะที่ลิเวอร์พูลเน้นตั้งรับต่ำแล้วรอโอกาสโต้กลับเร็วตามสูตรหลังบุกมาตุน สกอร์ได้แล้ว

        จากนั้นในนาทีที่ 23 เจย์ สเปียริ่งมิดฟิลด์หงส์แดงก็เกิดมีอาการบาดเจ็บรบกวน จึงต้องเดินออกไปโดยมีชาร์ลี อดัมถูกส่งลงไปแทน

        ถึง นาทีที่ 35 ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์หวิดได้ประตูเพิ่มจากลูกโยนทางด้านขวาของมาร์ติน เคลลี่ที่แคร์โรลล์ได้โขกาก 12 หลาสะบัดไปเสาไกล แต่บอลเฉี่ยวกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น

        ล่วงมาอีกสี่นาที บาโลเตลลี่ที่เริ่มมีอาการบาดเจ็บกำเริบก็ต้องเดินออกจากสนาม ทำให้ซามีร์ นาสรี่ถูกปล่อยลงไปแทน

        ผ่าน มาถึงนาทีที่ 43 นาสรี่ก็ลากบอลจากกราบซ้ายหนีเคลลี่เข้ามาซัลโวแถวริมเขตโทษ ทำเอาโฆเซ่ เรน่าต้องพุ่งปัดที่เสาไกล จบครึ่งแรกทีมตราเรือใบจึงตกเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ 0-1 เช่นเดิม

        เริ่มครึ่งหลังเจ้าบ้านเดินหน้าลุยทันที แต่ลิเวอร์พูลไม่สนใจถอยลงต่ำมาปักหลักตั้งรับหน้าเขตโทษอย่างแน่นหนา

        กระทั่ง นาทีที่ 56 เคลลี่ก็ทำพลาดจ่ายบอลคืนเข้าเขตโทษโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำให้เซร์คิโอ อาเกวโร่โฉบเข้าหาบอลแล้วโยกหนีเรน่า แต่จังหวะสับไกส่งบอลโด่งออกไป

        เรือใบเริ่มมั่นใจแล้ว และจากลูกเตะมุมด้านซ้ายในนาทีที่ 59 ริชาร์ดส์ก็โถมโขกระยะหกหลาเต็มหน้าผาก  แต่บอลพุ่งไปให้เรน่าปัดได้พอดี

        นาที ต่อมาหงส์แดงเปลี่ยนตัวสำรองอีกโดยใช้งานโฆเซ่ เอ็นริเก้แทนดาวนิ่ง และถึงนาทีที่ 66 ทีมมหาเศรษฐีก็เปลี่ยนอดัม จอห์นสันออกให้เอดิน  เชโก้ลงสนาม

        เกมตกเป็นของแมนฯ ซิตี้เต็มตัวแล้ว และส่งอเล็กซานเดอร์ โคลารอฟลงไปแทนไนเจล เดอ ย็องก์เป็นตัวสำรองรายสุดท้ายในนาทีที่ 73

        อย่าง ไรก็ดี จนแล้วจนรอดแมนฯ ซิตี้ก็ได้แค่เสียว ไม่อาจพังประตูตีเสมอได้ หมดเวลาจึงพ่ายคารัง 0-1 ก่อนบุกไปเยือนแอนฟิลด์ในเกมหน้า


สมัครสมาชิก 12BET วันนี้รับโบนัสวันนี้สิคะ!! 
รหัสรับโบนัส  12TH12100  ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

ไก่ตีปีก!เปิดรังทุบทอฟฟี่2-0รั้งที่3แต้มเท่าผี

ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
(นัดตกค้าง ฤดูกาล 2011-12)
วันพุธที่ 11 มกราคม 2555
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 2 - 0 เอฟเวอร์ตัน 

        อารอน เลนน่อน ควง เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ ซัดคนละลูกช่วยให้ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เปิดรังบดเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 โดยทำแต้มเท่า "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว แต่ประตูได้เสียเป็นรอง ในศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อวันพุธที่ 11 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา
สนาม : ไวท์ ฮาร์ท เลน, ลอนดอน

        เกมตกค้างจากนัดแรกที่ต้องเลื่อนออกมาเพราะเกิดเหตุจลาจลใน กรุงลอนดอนตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หากไก่เดือยทองเก็บชัยชนะได้จะทำแต้มเท่า แมนฯ ยูไนเต็ด และตามหลังผู้นำแมนฯ ซิตี้ แค่ 3 คะแนนทันที

        เกมนี้ สเปอร์ส ไม่มี เล็ดลี่ย์ คิง เซนเตอร์ฮาล์ฟกัปตันทีมเกิดเอ็นหลังหัวเข่าฉีก ชวดบู๊เช่นเดียวกับ วิลเลี่ยม กัลลาส และ ซานโดร ที่เจ็บน่อง ส่วน สกอตต์ พาร์เกอร์ เจ็บเข่าพลาดลงช่วยทีม เลยต้องให้ เจค ลิเวอร์มอร์ ดาวรุ่งลงสนามมายืนเป็นกองกลางตัวรับแทน

        แผงหลังได้ ไมเคิ่ล ดอว์สัน ฟิตสมบูรณ์กลับมาคุมเกมรับร่วมกับ ยูเนส กาบุล ขณะที่แดนกลางได้ อารอน เลนน่อน กลับมาจี๊ดจ๊าดตามริมเส้นกราบขวา อีกฟากเป็น แกเร็ธ เบล โดยมี ลูก้า โมดริช คุมเกม

        แนวรุกให้ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ยืนเป็นหน้าต่ำคอยสนับสนุน เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ หัวหอกตัวเป้าในการเข้าทำสกอร์

        ทาง ด้าน "ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ต้องขาด ฟิล จากีลก้า เซนเตอร์ฮาล์ฟคนสำคัญเจ็บเข่าพักนานถึง 6 สัปดาห์ รวมทั้งไม่มี แจ็ค ร็อดเวลล์, โทนี่ ฮิบเบิร์ต, รอสส์ บาร์คลี่ย์ และ เชมัส โคลแมน ที่เจ็บทั้งหมด แต่ได้ มารูยาน เฟลไลนี่ ฟิตกลับคืนทีม

        เกมรุกวาง แลนดอน โดโนแวน ที่ยืมตัวมาลงมาปั้นเกมสนับสนุน หลุยส์ ซาฮา และ วิคเตอร์ อนิเชเบ้ ในการเข้าทำสกอร์

        เปิด เกมขึ้นมาได้แค่นาทีเดียว ท็อฟฟี่ ได้ลุ้นก่อนเมื่อกองหลัง สเปอร์ส สกัดบอลไม่ขาด หลุยส์ ซาฮา ตามไปตวัดยิงด้วยซ้ายระยะ 18 หลา แต่บอลเฉี่ยวเสาไกลออกไปไม่ถึงคืบ

        ถัดมานาทีเดียว ไก่เดือยทอง ได้ลุ้นจากจังหวะที่ แกเร็ธ เบล ได้โอกาสส่งบอลไปกองก้นตาข่าย ทว่า ไลน์แมนยกธงล้ำหน้า

        เจ้า บ้านครองเกมได้หมดมีโอกาสอีกครั้ง เอ็มมานูเอล เดบายอร์ เลี้ยงบอลหลบ จอห์น ไฮติงก้า มาได้ ก่อนยิงด้วยซ้ายบอลข้ามคานไปในนาทีที่ 12

        จาก นั้นหกนาที ไก่เดือยทอง ขึ้นเกมมาทาง เอก็อตโต้ ล็อคตัดจากซ้ายเข้าในแล้วไหลขึ้นหน้าให้ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท สอดมายิงไม่ถึง

        เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 26 เจ้าบ้านสวนกลับเร็วขึ้นมา ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เปิดยาวขึ้นมาให้กับ แกเร็ธ เบล ไหลจากขวามาหน้าประตูให้ อเดบายอร์ ยกบอลหนี ทิม ฮาวเวิร์ด ไปแล้วแต่บอลยาวออกหลังไปชวดยิงประตูไปอย่างน่าเสียดาย

        กระเถิบ มาถึงนาทีที่ 34 ไก่เดือยทอง ได้ลุ้นต่อเนื่อง ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท มีโอกาสยิงโค้งด้วยเท้าซ้ายบอลไปตกบนหลังคาประตู

        อย่างไร ก็ตาม สเปอร์ส มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจนได้ในนาทีที่ 35 จากจังหวะที่ เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ แบ็คซ้ายวางบอลยาวจากครึ่งสนามข้ามฟากมาทางขวาให้กับ อารอน เลนน่อน ใช้หน้าอกชนบอลหนี เลห์ตัน เบนส์ แบ็คซ้ายทีมเยือนไปได้ ก่อนจะยิงด้วยซ้ายหักข้อบอลไปแฉลบขาของ ซิลแว็ง ดิสแต็ง กองหลังเอฟเวอร์ตัน เข้าประตูไปให้ไก่เดือยทอง นำก่อน 1-0 และเป็นประตูที่ 4 ของเลนน่อน ในฤดูกาลนี้

        ก่อนหมดครึ่งแรกแค่สองนาที เอฟเวอร์ตัน ได้โอกาส กาบูล เคลียร์บอลมาเข้าทาง ดินิยาร์ บิลยาเล็ตดินอฟ ยิงสวนตูมเดียวระยะ 12 หลา บอลแรงข้ามคานไป ครบ 45 นาทีแรก สเปอร์ส นำอยู่ 1-0

        เข้าสู่ครึ่งหลังได้แค่ 5 นาที จากจังหวะสวนกลับ แกเร็ธ เบล กระชากขึ้นมากดด้วยซ้ายเต็มเท้าบอลแฉลบ ไฮติงก้า นิดหนึ่ง ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารเอฟเวอร์ตัน ปัดไว้ได้ ก่อนที่ ซิลแว็ง ดิสแต็ง ช่วยสกัดทิ้งไปในจังหวะสุดท้าย

        ข้ามมาถึงนาทีที่ 53 เจ้าบ้านขึ้นมาทาง เอก็อตโต้ โยนมาหน้าประตูบอลตกพื้นเด้งมาทาง อารอน เลนน่อน สอดมาโหม่งโดนไม่เต็มบอลผ่านหน้าปากประตูไป

        ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ยังสู้อยู่ แลนดอน โดโนแวน ครอสให้กับ มารูยาน เฟลไลนี่ โหม่งข้ามคานไปในนาที 58

        นาที ต่อมา ทีมเยือนต้องเปลี่ยนเอา ซิลแว็ง ดิสแต็ง ปราการหลังตัวหลักที่มีอาการบาดเจ็บออกแล้วให้ เชน ดั๊ฟฟี่ ดาวรุ่งลงประเดิมสนามในพรีเมียร์ ลีก เป็นนัดแรก

        ทัพไก่ เดือยทอง ยังเดินหน้าบดหนัก ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท จ่ายจากทางขวาเข้าในให้กับ เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ ล็อคหาช่องนิดหนึ่ง ก่อนตัดสินใจยิงไกลด้วยซ้ายจากระยะกว่า 30 หลาบอลพุ่งราวกับลูกกระสุนแฉลบตัว ทิม เคฮิลล์ นิดหนึ่ง ก่อนเสียบมุมเข้าไปอย่างงดงามช่วยให้ สเปอร์ส หนีห่าง 2-0 ในนาทีที่ 63

        สามนาทีต่อมา เจ้าถิ่นขึ้นเกมเร็วมาทาง แกเร็ธ เบล ลากจี้เข้ามาก่อนกระหน่ำด้วยซ้ายบอลข้ามคานไป

        ทีม เยือนได้ลุ้นบ้างจากลูกเตะมุม เชน ดั๊ฟฟี่ โขกจ่อๆข้ามคานไปในนาทีที่ 67 ถัดมานาทีเดียว เอฟเวอร์ตัน ให้ รอยสตัน เดรนเธ่ เล่นแทน อนิเชเบ้

        เกม ของสเปอร์ส ยังเหนือกว่า มีโอกาสอีกในยนาทีที่ 71 ถ่ายบอลกันมาสวย จังหวะสุดท้ายเป็น ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท สับด้วยซ้ายติดบล็อคของ ไฮติงก้า ออกหลังไป

        ช่วงที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ ได้อีก จบเกม สเปอร์ส เปิดบ้านเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ไปได้ 2-0 เก็บสามแต้มได้ตามเป้าหมาย เขยิบทำแต้มขึ้นมาเท่ากับ แมนฯยูไนเต็ด รองจ่าฝูง เป็นที่เรียบร้อย มี 45 แต้มจาก 20 นัด แต่ประตูได้-เสียของผีแดง ดีกว่า 


สมัครสมาชิก 12BET วันนี้รับโบนัสวันนี้สิคะ!! 
รหัสรับโบนัส  12TH12100  ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

พี่เสือโชว์เหนือ!ยกพลอุ่นขย้ำโรตีสบาย4-0

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

ฟุตบอล อุ่นเครื่องระหว่างทีมชาติ-สโมสร
วันอังคารที่ 10 มกราคม 2555
ทีมชาติอินเดีย 0      -      4 บาเยิร์น มิวนิค 
        "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมจากลีกสูงสุดเมืองเบียร์โชว์ฟอร์มสุดแจ่มยกพลอุ่นเครื่องต้อนเก็บชัย เหนือ "เมืองโรตี" ทีมชาติอินเดีย 4-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา
สนาม : ชวาฮาร์ลาล เนห์รู สเตเดี้ยม, นิว เดลี อินเดีย


        บา เยิร์น มิวนิค ยอดทีมดังแห่งศึก บุนเดสลีกา เยอรมนี บินมาอุ่นแข้งนัดพิเศษกับทีมชาติอินเดีย ในเกมอำลาสนามของ ไบซุง บูเตีย ตำนานดาวยิงของทัพ "โรตี" ที่เคยไปค้าแข้งกับ บิวรี่ ในลีกอังกฤษ มาแล้ว

        การจัดทัพของ "เสือใต้" จุ๊ปป์ ไฮย์เกส เทรนเนอร์จอมเก๋ายึดระบบเก่ง 4-2-3-1 และส่งชุดใหญ่เต็มสูบ มี อนาโตลี ติมอสชุค ยืนมิดฟิลด์คู่กลางกับ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ แนวรุกจัด โธมัส มุลเลอร์, โทนี่ โครส และ อาร์เยน ร็อบเบน ยืนจากขวาไปซ้ายตามลำดับ วาง มาริโอ โกเมซ ยืนหน้าเป้าคอยจบสกอร์

        เขี่ยบอลเริ่มเกมมาเป็นอาคันตุกะเดินหน้าบุกหนักทันที และมาได้ประตูเบิกร่อง 1-0 ในนาที 14 จากการยิงของ มาริโอ โกเมซ ดาวซัลโวประจำทีม

        รูปเกมเป็น เสือใต้ ปูพรมขย่มใส่เจ้าบ้านข้างเดียว และมาได้สกอร์ 2-0 และ 3-0 ในนาที 29 และ 38 ตามลำดับ จากการเหมายิงของ โธมัส มุลเลอร์ ดาวรุ่งทีมชาติเยอรมนี และก่อนจบครึ่งแรก 2 นาทีสกอร์บอร์ดฝั่งทีมเยือนหนีไปไกลเป็น 4-0 เมื่อ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ห้องเครื่องตัวเก่งสบโอกาสซัดเต็มข้อตุงตาข่าย จบ 45 นาทีแรก บาเยิร์น มิวนิค ฉีกไปไกล 4-0

        กลับลงสนามมาสู้กันต่อ เสือใต้ ผ่อนเกมลงไป แต่ทัพ โรตี ก็ไม่สามารถพาบอลเข้าไปสร้างความหนักใจให้กับ มานูเอล นอยเออร์ ได้เลย จบเกม บาเยิร์น มิวนิค บุกมาไล่ถล่มทีมชาติอินเดีย สบายเท้า 4-0

        ทั้งนี้ บาเยิร์น มิวนิค ที่คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ครึ่งซีซั่นแรก มีคิวเปิดสนามเกมลีกครึ่งซีซั่นหลังด้วยการบุกไปเยือน มึนเช่นกลัดบัค ทีมฟอร์มแรง  ณ สนามสตาดิโอน อิม โบรุสเซีย-พาร์ค

รายชื่อผู้เล่นของ บาเยิร์น มิวนิค  : มานูเอล นอยเออร์ - ราฟินญ่า, เยโรม บัวเต็ง, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ (ลุยซ์ กุสตาโว่ น.61), ฟิลิปป์ ลาห์ม - อนาโตลี ติมอสชุค (ดาวิด อลาบา น.61) , บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ - โธมัส มุลเลอร์, โทนี่ โครส, อาร์เยน ร็อบเบน - มาริโอ โกเมซ



สมัครสมาชิก 12BET วันนี้รับโบนัสวันนี้สิคะ!! 
รหัสรับโบนัส  12TH12100  ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

การ์ดเนอร์โขก!พาเลซเฉือนคาร์ดิฟฟ์หวิว1-0

ฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก
วันอังคารที่ 10 มกราคม 2555
คริสตัล พาเลซ  1   -  0 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 
        แอนโธนี่ย์ การ์ดเนอร์ โขกประตูช่วย คริสตัล พาเลซ เปิดบ้านชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ไปแบบเฉียดฉิว 1-0 พร้อมกับกุมความได้เปรียบไว้ได้ ก่อนที่จะกลับไปเล่นที่บ้านของคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ อีกครั้งในวันอังคารที่ 24 มกราคม ในศึกฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา
 
สนาม : เซลเฮิร์สต์ พาร์ค

        เกมรอบรองชนะเลิศนัดแรก คริสตัล พาเลซ ที่ต่อเวลาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบที่แล้วเข้ามาได้ปรับทีมจากเกมแพ้ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในเอฟเอ คัพเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาถึง 10 ตำแหน่งโดยเรียกผู้เล่นตัวจริงกลับมาลงสนามทั้งหมดทั้ง ฮูเลี่ยน สเปโรนี่ นายทวารมือหนึ่ง รวมถึงผู้เล่นตำแหน่งอื่นๆ

        ด้านคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เช่นเดิมกันก็ปรับทีม 10 ตำแหน่งจากเกมแพ้ เวสต์บรอมวิช ในรอบ 3 เอฟเอ คัพ เหมือนกันโดยเรียกตัวจริงกลับมาทั้งหมดนำโดย ปีเตอร์ วิตติ้งแฮม และ เคนนี่ มิลเลอร์ ดาวยิงประจำทีม

        เริ่มเกมมา 6 นาทีทีมเยือนได้ลุ้นก่อนจากลูกฟรีคิกทางฝั่งขวาของเขตโทษ และเป็น ปีเตอร์ วิตติ่งแฮม ยิงไปติดกำแพงก่อนที่ สเปโรนี่ จะพุ่งเข้าไปตะครุบเอาไว้ได้

        นาทีที่ 11 ยังเป็น คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ที่ได้ลุ้นอีกครั้งคราวนี้เป็น โจ ราล์ส ที่ได้ยิงแต่ก็ยังติดเซฟของ สเปโรนี่ นายทวารอาร์เจนไตน์ อีกครั้ง

        เกมยังคงสูสีจนเข้าสู่นาทีที่ 27 เจ้าบ้านน่าได้ประตูขึ้นนำอย่างที่สุดเมื่อซาฮา เปิดบอลเรียดเข้ามาให้ เมอร์เรย์ ในเขตโทษก่อนไหลต่อให้ ดิคกาชอย วิ่งเข้ายิงแต่ทอม ฮีตัน ปัดทิ้งไว้ได้ทันเวลา

        สามนาทีถัดมาคาร์ดิฟฟ์ ตอบโต้เช่นกันเมื่อ ปีเตอร์ วิตติ้งแฮม ได้บอลทางซ้ายก่อนไหลกลับมาให้ เคนนี่ มิลเลอร์ ยิงปั่นหมายเสียบเสาสองแต่บอลหลุดกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น

        ก่อนหมดเวลา 2 นาทีเป็นเจ้าบ้านที่ได้ประตูขึ้นนำจากลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้ายของ ดาร์เรน อัมโบรส ที่โยนมาหน้าประตูให้ ไมล์ เยดินัค โหม่งเช็ดก่อนที่ ทอม ฮีตัน จะเข้ามาตัดบอลได้บอลเลยไปเสาสองเข้าหัว แอนโธนี่ย์ การ์ดเนอร์ ที่เติมขึ้นมาโขกจ่อๆเข้าไป เจ้าบ้านนำ 1-0 พร้อมจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

        กลับมาเล่นครึ่งหลังเป็นเจ้าบ้านที่บุกได้โดดเด่นกว่า นาทีที่ 50 ดาร์เรน อัมโบรส ได้ลองซัดด้วยขวาแต่บอลหลุดกรอบออกหลังไป

        นาทีที่ 57 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายจากลูกโหม่งของ เคนนี่ มิลเลอร์ แต่ทว่าผู้ตัดสินเป่าว่า โจ เมสัน ไป ฟาวล์ใส่ ฮูเลียน สเปโรนี่ ก่อน

        เกมยังค่อนข้างสูสีและหาจังหวะยิงได้ค่อนข้างน้อย นาทีที่ 67 อัมโบรส ได้โยนฟรีคิกเข้าไปให้ แอนโธนี่ย์ การ์ดเนอร์ โหม่งอีกครั้งแต่คราวนี้บอลหลุดกรอบออกไปเช่นเดิม

        คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ มาได้โอกาสลุ้นประตูบ้างในนาทีที่ 76จากการยิงไกลของ อารอน กุนนาร์สสัน แต่ก็ไม่ผ่านมือของ สเปโรนี่

        ท้ายเกม คริสตัล พาเลซ เน้นครองบอลไว้กับตัวและไม่บุกเข้าใส่ทีมเยือนแถมยังประครองเกมเอาไว้ได้จน จบเกม "ดิ อีเกิ้ลส์" เก็บชัยเหนือ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ได้ก่อนในนัดแรก 1-0 ก่อนที่จะกลับไปเล่นที่บ้านของคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ อีกครั้งในวันอังคารที่ 24 มกราคม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        คริสตัล พาเลซ :
ฮูเลี่ยน สเปโรนี่, ปีเตอร์ ราเมจ, พาทริค แม็คคาร์ธี่ย์, แอนโธนี่ย์ การ์ดเนอร์, โจนาธาน พาร์ วิลเฟร็ด ซาฮา, คากิสโช่ ดิคกาชอย, ไมล์ เยดินัค, ดาร์เรน อัมโบรส, คริส มาร์ติน, เกล็นน์ เมอร์เรย์

        สำรอง
: ลูอิส ไพรซ์, เดวิด ไรท์, โอเว่น การ์เว่น, ณอน สแกนเนลล์, เจอร์เมน อีสต์เตอร์, สจ๊วร์ต โอคีฟี่, คัลวิน แอนดรูว์

        คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ :
ทอม ฮีตัน, เควิน แม็คนอห์ตัน, มาร์ค ฮัดสัน, เบน เทอร์เนอร์, แอนดรูว์ เทยเลอร์, ดอน โควี่, ปีเตอร์ วิตติ้งแฮม, อารอน กุนนาร์สสัน, โจ ราลล์ส, โจ เมสัน, เคนนี่ มิลเลอร์

        สำรอง :
เดวิด มาร์แชลล์, ฟิลิป คิสส์, แอนโธนี่ย์ เจอร์ราร์ด, โรเบิร์ต เอิร์นชอว์, เคร็ก คอนเวย์, ดาร์ซี่ เบล็ค, สตีเฟ่น แม็คเฟล

        ผู้ตัดสิน :
ไมค์ ดีน

สมัครสมาชิก 12BET วันนี้รับโบนัสวันนี้สิคะ!! 
รหัสรับโบนัส  12TH12100  ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท
รหัสรับโบนัส 12B1233 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สุดยอดแมตช์ตลอดกาล