Blogger Widgets
Sporty Magazine official website | Members area : Register | Sign in

ค้นหาบล็อกนี้

คลังไฮไลท์แมตช์

โปรโมชั่นใหม่ ซุปเปอร์นัมเบอร์เกมส์ 12BET

วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555


ซุปเปอร์ นัมเบอร์เกม
พบสาวนัมเบอร์เกมของเราพร้อมโบนัสฟรี! รับโบนัส 12% จากยอดฝากเงินครั้งแรก สูงสุดถึง 12,000 บาท!!

ขั้นตอนการรับโบนัส

  1. ทำการฝากเงินระหว่างวันที่ 8 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 24 มีนาคม 2555
     
  2. เพื่อที่จะได้รับโบนัสนี้ คุณจะต้องส่งอีเมลล์ขอรับในช่วงเวลาที่โปรโมชั่นกำหนดเท่านั้น โดยส่งมาที่ promo@12csd.com กรุณาระบุยูสเซอร์เนมและหมายเลขการฝากเงินตามตัวอย่างตารางด้านล่างนี้
     
  3. หัวข้ออีเมลล์ ซุปเปอร์ นัมเบอร์เกม
    12BET ยูสเซอร์เนม
    หมายเลขการฝากเงิน
  4. โบนัสจากยอดฝากเงินจะเครดิตเข้าบัญชีคุณภายใน 48 ชั่วโมง หลังจากทางเราได้อีเมลล์และยอดฝากของคุณอนุมัติเรียบร้อยแล้ว

กติกาและเงื่อนไข

  1. โปรโมชั่นนี้ สำหรับสมาชิกทุกท่านที่สมัครภายใต้ สกุลเงิน THB, MYR, RMB, IDR และ VND ในช่วงโปรโมชั่นกำหนดเท่านั้น
     
  2. โปรโมชั่นนี้ เริ่มเวลา 00:00:00 (GMT+8) ของวันที่ 8 มีนาคม 2555 จนถึง เวลา 23:59:59 (GMT+8) ของวันที่ 24 มีนาคม 2555
     
  3. สมาชิกสามารถขอเครมโบนัสได้หนึ่งครั้งเท่านั้น
     
  4. สมาชิกจะต้องหมดเงื่อนไขยอดวางเดิมพันของการรับโบนัสอื่นๆ ตามที่กำหนดก่อน จึงจะสามารถขอเครมโบนัสนี้ได้
     
  5. คุณต้องมียอดการเล่นสะสมนับจากยอดฝากครั้งแรกรวมโบนัส คูณ 6 เท่า ในการเดิมพัน 12BET นัมเบอร์เกม ครบตามกำหนดก่อนเท่านั้น จึงจะสามารถทำการถอนเงินได้ หากเดิมพันรายการอื่นจะไม่นับเป็นยอดเล่นสะสมในการรับโบนัส
     
  6. การวางเดิมพันจะไม่นับเป็นยอดสะสมการวางเดิมพัน ก็ต่อเมื่อผลเสมอและคืนเงินเดิมพัน, การโมฆะเดิมพัน, หรือยกเลิกการเดิมพัน เป็นต้น
     
  7. เงินโบนัสและเงินรางวัลที่เล่นได้ทั้งหมดจะถูกยึด คืน หากยอดเงินฝากและโบนัสเทรินโอเวอร์ไม่ครบ ภายใน 30 วันตามที่กำหนด นับจากวันเครดิตโบนัส
     
  8. 12BET ขอสงวนสิทธิ์ที่จะยกเลิกโปรโมชั่นนี้ได้ตลอดเวลา สำหรับสมาชิกทั้งหมด หรือสมาชิกบางท่าน
     
  9. ให้ยึดหลักข้อกำหนดเงื่อนไขและกติกามาตราฐาน ของ 12BET เป็นหลักในการตัดสินและบังคับใช้

ไฮไลท์คลิป อซาเรนก้าวางแร็คเก็ตมาฝึกมวยUFC 12bet 24/03/2555



วิคตอเรีย อซาเรนก้า นักเทนนิสสาวสวยมือ 1 ของโลกจากเบลารุส เปลี่ยนอารมณ์จากการไล่หวดลูกสักหลาดไปเยี่ยมชมค่ายมวย MMA ในรัฐไมอามี ได้รับการต้อนจาก ราแชด อีแวนส์ นักต่อสู้อดีตแชมเปียนศึก ยูเอฟซี 






โดยนักหวดสาวชาวเบลารุสเดินชมการฝึกซ้อมนักมวยในค่าย พร้อมยังแนะวิธีการสวิงแร็คเก็ตที่ถูกต้องให้อีแวนส์อีกต่างหาก นอกจากนี้สาวเจ้ายังได้เตะต่อยล่อเป้ากับอดีตแชมป์ให้เป็นบุญตาหนุ่มๆในค่ายอีกด้วย

ไฮไลท์คลิป เนยมาร์จวกแข้งอัวร์ริชเตะทั้งคนทั้งบอล 12bet 12bet 24/03/2555



เนย์มาร์ กองหน้าดาวรุ่งของซานโต๊ส  ไม่ไหวจะทนออกโรงจวกผู้เล่นฮวน อัวร์ริชที่เล่นกันอย่างรุนแรงในเกมโคปา ลิเบอร์ตาดอเรสที่ทีมของเขาเอาชนะไป 2-0 โดยเหน็บว่าเหมือนเป็นการแข่งการต่อสู้ UFC ซะมากกว่า





ดาวเตะวัย 20 ปีเป็นหนึ่งในบรรดานักเตะของซานโต๊สที่โดนเข้าปะทะอย่างหนักหน่วงโดยที่ผู้ตัดสินแทบไม่ได้ปกป้องอะไรเลยหลังแจกใบเหลืองให้แข้งฮวน อัวร์ริชแค่สองใบเท่านั้น

"เกมนี้ดูเหมือนเป็นการแข่ง UFC อัลติเมท ไฟท์ติ้ง แชมเปี้ยนชิพ มากกว่าฟุตบอล" เนย์มาร์สำล้กแข้ง

"ฮวน อัวร์ริชเอาแต่เล่นเกมรับแล้วก็ไล่หวดฝ่ายตรงข้าม ถ้าผมไม่กระโดดหลบไป 5 ครั้งนั้น แน่นอนว่าผมได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลแน่"

ไฮไลท์แมตช์ โวล์ฟสบวร์ก VS ฮัมบูร์ก Bundesliga - หมาป่าขึ้นที่ 8 หลังเปิกรังเชือดสิงห์เหนือ 2-1 12bet 24/03/2555



"หมาป่า" โวล์ฟบวร์ก เปิดรังโฟล์คสวาเกน อารีนาเก็บ 3 แต้มต่อโอกาสลุ้นตั๋วไปทัวร์ยูโรปา ลีก ฤดูกาลหน้า หลังเอาชนะ ฮัมบูร์ก 2-1 จากประตูของ มาร์เซล เชเฟอร์ ก่อนเบียดขึ้นที่ 8 ของตารางในศึกฟุตบอลบุนเดสลีกา  คืนวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา


วันศุกร์ที่ 23มีนาคม 2555


ฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน
โวล์ฟวบวร์ก 2-1 ฮัมบูร์ก 




       
เกมนัดสุดสัปดาห์ของศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี ที่สนามโฟล์คสวาเกน อารีนา โวล์ฟบวร์ก ทีมอันดับ 9 ของตาราง เปิดบ้านต้อนรับ ฮัมบูร์ก ทีมอันดับ 14 สุ่มเสี่ยงหล่นไปอยู่โซนตกชั้น ส่วนเจ้าบ้านหากกำชัยได้ก็จะมีสิทธิ์เก็บแต้มลุ้นโควตาไปเล่นถ้วยยุโรป
       
ครึ่งแรก โวล์ฟบวร์ก เดินเกมบุกอยู่ฝั่งเดียว จนมาได้ลุ้นประตูแบบจะจะนาที 13 จากลูกยิงด้วยซ้ายของ ปาทริค เฮลเมส กองหน้าของทีม แต่ไปติดบล็อคแนวรับของทีมเยือน ส่วนฮัมบูร์ก 


กว่าจะได้ลุ้นต้องรอนาที 19 และเป็น มาร์เซล แยนเซน ยิงนอกกรอบแต่บอลลอยเหินข้ามคาน จากนั้นนาที 33 ทีมหมาป่าน่าได้ประตู เมื่อ มานด์ซูคิช โหม่งตั้งให้ เฮลเมส ซัลโวเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายติด ยาโรสลาฟ ดร็อบนี่ย์ นายทวาร


ท้ายเกมนาที 42 มาร์เซลล์ ยานเซ่น ผ่านนบอลให้ มาร์คุส เบิร์ก ยิงเผาขนตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสิน ดร.เฟลิกซ์ ไบรช์ ไม่เป่าให้ สิงห์เหนือ ได้ประตู โดยชี้ว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0
       
ครึ่งหลัง แฟนบอล "หมาป่าเมืองเบียร์" ได้เฮนาที 46 แอชคาน เดจากาห์ วางบอลโด่งให้ มาริโอ มานดรูซกิช กองหน้าโหม่งระยะไม่เกิน 5 หลาเข้าไปเป็น 1-0 ทว่าคล้อยหลังไม่นาน มาร์คุส เบิร์ก ทำแสบตีเสมอด้วยลูกยิงเท้าขวา ทำให้สกอร์กลับมาเสมอ 1-1
       
อย่างไรก็ตาม นาที 75 มาร์เซล เชเฟอร์ กองกลางเจ้าบ้าน กลายเป็นฮีโร่ของทีมในเกมนี้หลังซัดฟรีคิกเยื้องเสาแรกด้านขวาเข้าไปเป็น 2-1 ส่งผลให้โวล์ฟบวร์ก เก็บ 3 แต้มสำคัญ เบียดสตุ๊ดการ์ต ขึ้นอันดับ 8 มี 37 แต้ม ยังมีลุ้นพื้นที่ไปเล่นยูโรปา ลีก ฤดูกาลหน้า


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


โวล์ฟสบวร์ก : ดีเอโก้ เบนาโญ่ - มาโกโตะ ฮาเซเบะ, มาร์โค รุสส์, เฟลิเป้ โลเปส, ริคาร์โด้ โรดริเกซ - แยน โพลัค (อเล็กซานเดอร์ ม้าดลุง น.83), โชซูเอ้ (ปีเตอร์ ยีราเช็ค น.65) - อัสคัน เดยากาห์, มาร์เซล เชเฟอร์ - พาทริค เฮลเมส, มาริโอ มานด์ซูคิช

ฮัมบูร์ก : ยาโรสลาฟ ดร็อบนี่ย์ - เดนนิส ดีคไมเออร์, ไมเคิ่ล มานเซียน, ไฮโค เวสเทอร์มันน์, เดนนิส อาโอโก้ - ดาวิด ยาโรลิม (กอจโก คาซาร์ น.83), โทมัส รินคอน - อิโว อิลิเซวิช (ก็อคฮาน โตเร่ น.80), มาร์เซลล์ ยานเซ่น (ฮ็อง-มิน ซอน น.75) - มาร์คุส เบิร์ก, มลาเดน เพทริช

ไฮไลท์คลิป ช็อตหมูบินยิงบอลใส่จนหนูน้อยข้อมือหัก 12bet 24/03/2555



คลิประหว่างที่ขุนพล "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำการซ้อมกันที่โมลินิว กราวนด์ บ้านของวูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอร์เรอร์ส ที่เวนย์ รูนีย์ ซ้อมยิงจนพลาดมาโดนเจมี่ โธมัส เด็กชายวัย 9 ขวบ จนข้อมือหัก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา






อย่างไรก็ตามเจ้าหมูบินแห่งผีแดง ได้ทำการทวิตข้อความขอโทษแล้วบนทวิตเตอร์ของเขาเอง และโฆษกสมโสรกล่าวว่าเจ้าตัวจะทำการเขียนจดหมายขอโทษ และเตรียมมอบเสื้อพร้อมลายเซ็นให้เป็นของขวัญอวยพรให้เจ้าหนูอีกด้วย

ไฮไลท์คลิป รวมประตูบุรีรัมย์ บุกอัด กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ 2-1 12bet 23/03/2555

วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555



บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นม้ามืดที่ใครก็ประมาทไม่ได้หลังจากหักปากกาเซียนบุกไปโค่น กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ทีมมหาเศรษฐีแชมป์ลีกจีนถึงถิ่น 2-1 พร้อมทั้งขึ้นนำเป็นจ่าฝูงกลุ่มเอช หลังจบนัดที่ 2 ในศึกเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก 2012 รอบแบ่งกลุ่ม 





"ดีใจมากที่เราทำให้คนไทยมีความสุขกับชัยชนะที่นำมาฝาก รวมถึงปลื้มมากที่สร้างชื่อให้ฟุตบอลลีกไทยได้รับการยกย่องและยอมรับจากทั้งเอเชีย ตอนนี้พูดได้เลยว่าไม่กลัวศักดิ์ศรีของทีมใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแทบตะวันออกกลาง ลีกจีน หรือ ลีกญี่ปุ่น นักเตะทุกคนมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเชื่อว่าสู้ได้แน่นอน"  คุณเนวิน เปิดใจกับสื่อไทย ผู้จัดการออนไลน์


เมื่อถูกถามถึงเป้าหมายจากที่วางไว้ตอนแรกคือรอบแบ่งกลุ่ม เนวิน เผยว่าได้ขยับเป็นรอบ 16 ทีมสุดท้าย เพราะช่วงเลกสองจะเสริมทัพอย่างแน่นอนเพื่อไม่ให้กระทบกับการป้องกันแชมป์ลีกภายในประเทศ 


"เป้าหมายของเราตอนนี้มองไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทว่า 6 แต้มตอนนี้ยังไม่การันตีเข้ารอบแต่อย่างใดต้อง 10 แต้มถึงจะอุ่นใจได้ เกมนัดต่อไปวันที่ 4 เมษายนจะรับการมาเยือนของ ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส จากเกาหลีใต้ เราจึงต้องเก็บ 3 แต้มให้ได้เพื่อโอกาสเข้ารอบที่มีมากขึ้น แต่ถ้าแมตช์เพิ่มมากขึ้นเราก็จะต้องเสริมทัพช่วงเลกสองเพื่อที่จะมีนักเตะหมุนเวียนใช้งานให้ได้มากพอ"
       
"จากนั้นพอผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้ก็เรียกได้ว่าบ้านใครบ้านมันเราไม่กลัวอีกแล้ว เพราะแมตช์เหย้า-เยือนแบบนี้ใครดีใครได้ ส่วนโอกาสคว้าแชมป์ยังไม่มองถึงขนาดนั้นเพราะมีความพร้อมแค่ 80 เปอร์เซนต์ แต่เมื่อใดหากสามารถดึง 20 เปอร์เซนต์ที่เหลือออกมาได้ก็มีลุ้น" เนวิน เผย

ไฮไลท์คลิป กำลังประมวลผล! โดนบอลอัดไป 1 วิค่อยล้ม 12bet 23/03/2555



เราๆคงเคยเห็นแต่ลีลามารยาแกล้งล้มจากนักฟุตบอลกันมาจนชินตาลองเปลี่ยนบรรยากาศมาดูนักบาสเกตบอลความรู้สึกช้าล้มนอนกลางคอร์ตบาสฯกันดูบ้างเป็นภาพจากการแข่งขันบาสเกตบอลที่ฟิลิปปินส์ 






เมื่อ วิลล์ แม็คโดนัลด์ ผู้เล่นทีมเปตรอน เบรซ ปะทะเบียดแย่งลูกบาสฯกันไปมากับ มิค เพนนิซี ผู้เล่นของ บาราโก บูลล์ ซึ่งเป็นผู้เล่นหุ่นยักษ์ไซส์ใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ ก่อนที่ วิลล์ แม็คโดนัลด์ จะระเบิดอารมณ์ฉุนขาดขว้างลูกบาสฯ อัดเข้าที่ศรีษะ มิค เพนนิซี อย่างจัง โดยที่เจ้าตัวยืนนิ่งใช้เวลาคิดอยู่ประมาณ 1 วินาที ก่อนที่จะคิดได้ขอทิ้งตัวล้มลงนอนกับพื้นเพื่อเรียกฟาวล์จากผู้ตัดสินจนเป็นเหตุให้ แม็คโดนัลด์ ถูกไล่ออกจากเกมไป

ไฮไลท์แมตช์ มาลาก้า VS ราโย บาเยกาโน่ La Liga - มาลาก้าเร่งเครื่องพลิกยิงราโย่ 4-2 12bet 23/03/2555



มาลากา เร่งเครื่องยิง ราโย บาเยกาโน เอาชนะไปได้อย่างสนุก 4-2  แม้จะตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน โดยยึดอันดับ 5 บนตารางคะแนน ลา ลีกา สเปน อย่างเหนียวแน่น พร้อมทั้งรักษาโอกาสลุ้นตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า



วันพฤหสับดีที่ 22 มีนาคม 2555

ฟุตบอลลา ลีกา สเปน 
มาลาก้า 4-2 ราโย่ บาเยกาโน่





       
ฟุตบอลลีกสูงสุดแดนกระทิงดุ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา มาลากา ทีมอันดับ 5 ลงเล่นในสนามลา โรซาเลดา ของตัวเองต้อนรับ ราโย บาเยกาโน ทีมอันดับ 10 


เริ่มเกมมาได้แค่ 5 นาที เอมิเลียโน อาร์เมนเตรอส ของทีมเยือนถูก เฆซุส กาเมซ ทำฟาวล์ในเขตโทษก่อนที่ ดิเอโก คอสตา จะสังหารจุดโทษเข้าไปเป็น 1-0 สำหรับ ราโย บาเกาโน่ ทีมเยือน 
       
อย่างไรก็ตาม เจ้าบ้านมาตีเสมอ 1-1 ได้ในนาทีที่ 35 เมื่อ เอลิซิว หลุดขึ้นไปถึงเส้นหลังฝั่งขวาก่อนหยอดเข้ากลางให้ ซาโลมอน รอนดอน ศูนย์หน้าทีมชาติเวเนซูเอลาโขกจ่อๆ เข้าไป โดยในครึ่งแรกสกอร์ยังค้าเติ่งอยู่ที่ 1-1


จากนั้นนาทีที่ 58 เอลิซิว ก็จ่ายเข้าเขตโทษให้ รอนดอน เจ้าเก่ายิงตุงตาข่ายพร้อมทั้งแซงนำเป็น 2-1 ก่อนที่ เฆซุส กาเมซ จะเปิดจากด้านขวาเข้ากลางให้ เอ็นโซ มาเรสกา โขกเพิ่มเป็น 3-1 ในนาทีที่ 70
       
ราโย ไม่ยอมแพ้ตีตื้นขึ้นมาเป็น 2-3 ในนาทีที่ 84 หลังจาก ดิเอโก คอสตา ถูก วิลลี กาบาเยโร นายทวารมาลาการวบล้มลงในเขตโทษ คราวนี้ โรเบร์โต ตราชอร์ราส รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าไป ทว่า ดูดา ตัวสำรองที่ลงมาแทน ซานติ กาซอร์ลา ก็จัดการยิงไกลเสียบเสาแรกในนาทีที่ 86 ช่วยปิดบัญชีให้ มาลากา เอาชนะไปอย่างเด็ดขาด 4-2 เก็บเพิ่มเป็น 44 คะแนน รั้งอันดับ 5 ลุ้นแย่งโควตาไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซีซันหน้ากับ เลบานเต ต่อไป ส่วน ราโย มี 37 คะแนนเท่าเดิม อยู่อันดับ 10
       
ผลฟุตบอลลา ลีกา สเปน คืนวันพฤหัสบดี
ราซิง ซานตานเดร์ แพ้ เซบียา 0-3
รีล เบติส เสมอ เอสปันญอล 1-1
มาลาก้า ชนะ ราโย บาเยกาโน 4-2

ไฮไลท์แมตช์ ราซิ่ง ซานตานเดร์ VS เซบีย่า La Liga - เซบีย่าแหล่มบุกอัดราซิ่งถึงถิ่น 3-0 12bet 23/03/2555



เซบีย่า เก็บสามแต้มเต็มตุงกระเป๋า หลังยิงเหนาะๆ สามเม็ด ถล่มราซิ่ง ซานตานเดร์ ยับ 3-0 ในเกมลา ลีกาประเทศสเปน เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา



วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2555


ฟุตบอลลา ลีกา สเปน
ราซิ่ง ซานตานเดร์ 3-0 เซบีย่า








เจ้าบ้าน ราซิ่ง ซานตานเดร์ อยู่ในโซนท้าย ตารางที่ต้องหนีตกชั้น เปิดบ้านรับมือเซบีย่า โดยเกมนี้ใส่ คริสเตียน สตูอานี่ ลงเป็นหอกตัวเป้า ขณะที่แนวรับใช้ ออสมาร์ ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่ มาร์ก ตอร์เรฆอน ริมเส้นได้ เอดู บาเดีย กลับมาลากเลื้อย 


ขณะที่เซบีย่านั้นได้ อัลบาโร่ เนเกรโด้ กองหน้าอีซ้ายตัวเก๋า กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง โดยได้ มานู เดล โมราล ปั้นเกมรุก และมีเฆซุส นาบาส กับเปร็อตติ ประจำการที่ปีกสองข้าง


เริ่มเกมไปได้เพียง 15 นาที แฟนๆราซิ่งได้ลุ้น หลังจากเอดูซัดไปติดกองหลังเซบีย่า มาเข้าทางสตูอานี่โหม่งจังหวะแรกติดปาล็อป ก่อนโหม่งซ้ำเข้าไป แต่มีธงล้ำหน้าชูอยู่ก่อนแล้ว


กระทั่ง นาที 34 เปร็อตติพาบอลมาตรงกลางก่อนไหลออกซ้ายให้เนเกรโด้ตะบันติดไซด์ก้อย มาริโอปัดออกมาไม่พ้น นาบาสวิ่งมาซ้ำที่เสาไกลไม่พลาด เซบีย่าออกนำ 1-0


นาที 39 ราซิ่งส่งบอลตุงตาข่ายเป็นครั้งที่สอง แต่ไม่ได้ตามเคย สตูอานี่เปิดฟรีคิกเข้าเขตโทษ คริสเตียนสอดมาจากข้างหลัง ก่อนจิ้มด้วยซ้ายเข้าไป แต่มีธงล้ำหน้าอีกครั้ง ซึ่งจากภาพช้าแล้วเห็นว่า ไม่ล้ำหน้า เจ้าบ้านชวดได้อย่างน่าเสียดาย


ช่วงทดเจ็บ ราซิ่งเกือบได้ เบเดียเปิดฟรีคิกไปหน้าประตู กอลซ่าเทกขึ้นขวิด จะเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ปาล็อปบินปัดออกหลังไปได้ จบครึ่งแรก เซบีย่านำอยู่ 1-0


กลับมาเล่นครึ่งหลังกันใหม่ นาที 52 เซบีย่าขยับหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่เรเยสผ่านบอลให้มานูทางฝั่งซ้ายเขตโทษ มานูดึงจังหวะหลอกกองหลัง ก่อนลากตัดเข้าใน แล้วตะบันด้วยขวาเต็มเหนี่ยวไปที่เสาแรก มาริโอล้มตัวรับพลาด บอลลอดแขนเข้าไปกองก้นตาข่าย


ทีมเยือนเกือบได้อีก จากจังหวะชุลมุนหน้าประตู มานูซัดไปแฉลบอัลบาโร่ บอลกระเด้งไปชนเสา ก่อนมาริโอหันไปคว้าไปได้ อีก 2 นาที เซบีย่าเฮเก้อ มานูลุยเข้าเขตโทษ แตะบอลยาว มาริโอพุ่งมาคว้า แต่มานูปั๊มบอลจากมือ บอลกลิ้งเข้าทางเรเยสแปเข้าไป แต่ผู้ตัดสินให้เป็นลูกฟาวล์ก่อนแล้ว


ราซิ่งยังสู้ นาที 72 เอดู เบเดีย จ่ายทะลุช่องให้บาบาการ์ดีดด้วยขวาแบบเฉือนๆ ปาล็อปบินปัดพ้นคานทีมเยือนมาได้ประตูปิดกล่องห่าง 3-0 นาทีที่ 93 จาก มานู และนับเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมอีกด้วยจบเกม เซบีย่าที่เป็นฝ่ายคุมสถานการณ์ไว้ได้โดยตลอด จึงเป็นฝ่ายบุกชนะราซิ่ง 3-0  




รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ราซิ่ง : มาริโอ เฟร์นานเดซ - อัลบาโร่ กอนซาเลซ, ออสมาร์, มาร์ก ตอร์เรฆอน, คริสเตียน - ปาป้า กูลี่ ดิย็อป, กอนซาโล่ กอลซ่า - เอดู เบเดีย, อาเดรียน กอนซาเลซ, เปโดร มูนิติส  - คริสเตียน สตูอานี่


เซบีย่า : อันเดรส ปาล็อป - โกเก้ อันดูฆาร์, ฌูเลียง เอสกูเด้, เฟเดริโก้ ฟาซิโอ, เฟร์นานโด นาบาร์โร่ - ปีโอเตอร์ โทรชอฟสกี้, การี เมเดล - เฆซุส นาบาส, มานู เดล โมรัล, ดีเอโก้ เปร็อตติ - อัลบาโร่ เนเกรโด้

ไฮไลท์แมตช์ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส VS ซันเดอร์แลนด์ Premier League - กุหลาบเปิดรังเสียบแมวดำ 2-0 12bet 21/03/2555

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555



แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เล่นในถิ่นคว้าชัยเหนือ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 โดยได้ประตูจาก เดวิด ฮอยเล็ตต์ และ ยาคูบู อเย็กเบนี เมื่อคืนวันอังคารที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมาพร้อมทั้งขยับหนีโซนตกชั้น มีโอกาสอยู่รอดต่อไปในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากขึ้น



วันอังคารที่ 20 มีนาคม 2555


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แบล็คเบิร์น 2 -0 ซันเดอร์แลนด์


แบล็คเบิร์น เจ้าถิ่น ใช้งานผู้เล่นชุดเดิมจากนัดบุกไปพิชิตวูล์ฟส์ 2-0 ในเกมต้อนรับซันเดอร์แลนด์ซึ่งยังขาดสเตฟาน แซสซิงยงที่โดนแบนสามนัดเป็นเกมสุดท้าย รวมถึงลี แคตเตอร์โมลที่ชดใช้โทษแบนเกมที่สามจากสี่เกม


นอกจากนี้จอห์น โอเชก็บาดเจ็บทำให้ฟิล บาร์ดสลีย์ที่เช็คฟิตผ่านได้สวมปลอกแขนกัปตันแทนโดยที่โซติริออส คีร์เกียคอสปราการหลังร่างยักษ์ที่ยืมมาจากโวล์ฟสบวร์กได้ประเดิมสนามให้แบล็คแคตส์เป็นนัดแรก


เริ่มเกมไปไม่ถึงห้านาที ดาวิด ฮอยเล็ตต์ลากบอลขึ้นมาอันตรายแล้วไหลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ไอเย็กเบนี่ ยาคูบูทะลุไปซัดระยะหกหลาผ่านซิมงต์ มิลโญเลต์แล้ว แต่บาร์ดสลีย์ตามไปกระโดดเตะบอลทิ้งที่เสาแรกได้อย่างหวุดหวิด


ถัดมาในนาทีที่ 10 กุหลาบไฟลุยขึ้นมาทางซ้ายแล้วมาร์ติน โอลส์สันกระชากบอลไปถึงเส้นหลังก่อนจะเข่นมุมแคบติดบล็อคของมิลโญเลต์ที่ปิดเสาแรกได้มิดชิด


 ผ่านมาถึงนาทีที่ 17 เจ้าบ้านได้ลูกฟรีคิกริมเขตโทษด้านซ้ายหลังจากคีร์เกียคอสทำฟาวล์ยาคูบู มอร์เท่น กัมพส์ พีเดอร์เซ่นจึงสาดเข้าเขตโทษให้กรานท์ แฮนลีย์โขกหลุดกรอบไป


เกมยังเป็นของแบล็คเบิร์นแบบวันเวย์ และนาทีที่ 27 เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์กองหน้าทีมเยือนก็จ่ายบอลพลาดโดนมาร์ติน โอลส์สันดักได้แล้วลากขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษทำให้แคมป์เบลล์ต้องไล่กวดเข้าเสียบล้มพร้อมรับใบเหลือง แต่ฮอยเล็ตต์ซัดลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษด้านซ้ายติดกำแพง


นับจากนั้น สถานการณ์ของซันเดอร์แลนด์ก็เริ่มกระเตื้อง ทำเกมบุกขึ้นหน้าได้บ้างแต่ยังไม่มีทีเด็ด จบครึ่งแรกทั้งคู่จึงเสมอกันไปแบบจืดชืด 0-0


ครึ่งหลังแบล็คเบิร์นได้เสียวก่อนในนาทีที่ 53 เมื่อกัมพ์ส พีเดอร์เซ่นเปิดบอลจากกราบซ้ายกระดอนไปเสาไกลทำให้เมาโร ฟอร์มิก้าได้วอลเลย์ระยะ 16 หลาอย่างถนัดถนี่  ทว่ามิลโญเลต์พุ่งปัดได้เยี่ยม


กระนั้นนาทีที่ 58 แฟนกุหลาบก็ได้ไชโยจากลูกทุ่มไกลด้านซ้ายของกัมพ์ส พีเดอร์เซ่นซึ่งมิลโญเลต์ชกออกมา แต่เข้าทางให้ฮอยเล็ตต์ตะบันจาก 16 หลาตุงตาข่ายเป็นสกอร์นำ 1-0 ของเจ้าถิ่น


เจ้าบ้านมาได้ประตูตอกฝาโลง แมวดำอย่างเด็ดขาดในนาทีที่ 86 จากการถ่ายบอลไปมาก่อนที่ แบรดลีย์ ออร์ จะเปิดจากริมเส้นด้านขวาเข้ากลางให้ ยาคูบู อเย็กเบนี ดาวยิงชาวไนจีเรียโขกผ่านมือ ซิมง มิโญเลต์ เข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้เกมจบลงด้วยชัยชนะ 2-0




รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


แบล็คเบิร์น : พอล โรบินสัน , มาร์ติน โอลส์สัน , สก็อตต์ แดนน์ , กรานท์ แฮนลีย์ , เมาโร ฟอร์มิก้า , มอร์เท่น กัมพ์ส พีเดอร์เซ่น , สตีเว่น เอ็นซองซี่ , มาร์คุส โอลส์สัน , เจสัน โลว์ , ดาวิด ฮอยเล็ตต์ , ไอเย็กเบนี่ ยาคูบู


ซันเดอร์แลนด์ : ซิมง มิลโญเลต์ , ฟิล บาร์ดสลีย์ ,เวย์น บริดจ์ , ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์ , โซติริออส คีร์เกียคอส , เซบาสเตียน ลาร์สสัน ,เคร็ก  การ์ดเนอร์ , เดวิด วอห์น ,  เจมส์ แม็คคลีน , เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ , นิคลาส เบนด์เนอร์

ไฮไลท์แมตช์ บาร์เซโลน่า VS กรานาด้า La Liga - เมสซี่เบิ้ลทะลุดาวซัลโวช่วยบาร์ซ่าอัด 5-3 12bet 21/03/2555



ลีโอเนล เมสซี่ ทำสถิติเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรแซง เซซาร์ โรดริเกซ ที่ทำไว้ 232 ลูก หลังทำคนเดียวสองประตูช่วยให้บาร์เซโลน่า เปิดคัมป์นู เอาชนะ กรานาด้า ไปแบบหืดจับ 5-3 ในศึกลา ลีกา เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้บาร์ซ่าไล่หลังเรอัล มาดริดมาเหลือ 5 แต้มแล้วเท่านั้น แต่ก็แข่งมากกว่า 1 นัดเช่นกัน



วันอังคารที่ 20 มีนาคม 2555 


ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
บาร์เซโลน่า 5-3 กรานาด้า 








เริ่มมาแค่ 5 นาทีเจ้าบ้านบาร์เซโลน่าก็ขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่กูเอนก้าได้บอลทางริมเส้นซ้ายก่อนกระชากแล้วเปิดยาวไปเสาไกลให้กับเมสซี่โหม่งชงกลับมาตรงกลางให้ชาบี้วิ่งเข้ามาวอลเล่ย์บอลกระทบพื้นทีนึงก่อนเข้าประตูไปแบบเซซาร์ไม่ต้องขยับตัวเซฟ บาร์ซ่านำแล้ว 1-0

บาร์เซโลน่ายังคงได้บุกอย่างต่อเนื่องแล้วก็ได้ลุ้นอีกจากจังหวะที่เคาะกันขึ้นมาแล้วซานเชซจ่ายให้กับเมสซี่ได้อยู่โล่งๆในเขตโทษก่อนจะเลือกยิงไปทางขวาแต่เซซาร์ยังล้มตัวเซฟเอาไว้ได้ทัน

นาที 17 "ต่างดาว"ก็บวกประตูที่สองเพิ่มได้แล้วจากกูเอนก้าคนเดิมที่ได้บอลทางซ้ายก่อนจะแตะหลบมาหนึ่งแล้วสับขากหลอกผ่านตัวที่สองก่อนจะเปิดเข้ากลาง แนวรับกรานาด้าโหม่งสกัดได้แต่บางไปเลยหลุดมาถึงเมสซี่แปสวนเข้าไปบอลเรียดชนเสาไกลเข้าประตูไป บาร์เซโลน่านำเป็น 2-0 ส่วนเมสซี่ก็ทำประตูเท่าเซซาร์ โรดริเกซดาวยิงสูงสุดของสโมสรแล้วที่ 232 ประตู


เจ้าบ้านยังคงครองบอลบุกเข้าใส่เรื่อยๆคราวนี้เกือบได้อีกแล้วจากกูเอนก้าที่ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนจะเลือกหยอดเข้าเขตโทษทางขวาให้กับซานเชซพักออกเอาบอลหนีตัวประกบมาก่อนจะวอลเลย์แต่ข้ามคาน

โอกาสยิงประตูยังมาเรื่อยๆคราวนี้เป็นลูกเตะมุมจากทางขวาเลือกเล่นลูกสูตรจ่ายมาหน้าเขตโทษให้กับอัลเวสวิ่งมายิงบอลพุ่งแรงแต่หลุดเสาไกลออกหลังไป

เกมผานครึ่งชั่วโมงรูปเกมยังไม่มีเปลี่ยนแปลงเจ้าบ้านครองบอลมากกว่าตามสไตล์พยายามจะเจาะด้วยลูกหยอดข้ามแนวรับแต่ก็ยังโดนดักล้ำหน้าเอาไว้ จะไหลเข้าเขตโทษก็เริ่มเจอดัก

ช่วงท้ายครึ่งแรกจนแล้วจนรอดก็ยังหาโอกาสจบไม่ได้ต่อบอลเข้าไปยังเจอสกัดออกมาหมดทำให้จบครึ่งแรกบาร์เซโลน่ายังนำอยู่ 2-0

กลับมาเริ่มครึ่งหลังรูปเกมยังคงเป็นเช่นเคยจนนาที 52 บาร์ซ่าได้ลุ้นอีกแล้วจากการขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายโดยกูเอนก้าคนเดิมดึงจังหวะรอก่อนจะแตะทีนึงแล้วเปิดเรียดเข้ากลางไปให้กับเมสซี่ได้ตวัดยิงแต่ไม่ดีพอบอลกลิ้งหลุดเสาไกลไปไม่น้อย

ถัดมาอีก 3 นาทีทีมเยือนมีโอกาสได้ลุ้นประตูครั้งที่สองของเกมแล้วก็สามารถทำได้จากลูกตั้งเตะทางซ้ายโยนเข้ามาตรงกลาง ไมนซ์สอดเข้ามาเบียดขึ้นโหม่งกับปิเก้แล้วขึ้นได้สูงกว่าโหม่งบอลย้อยข้ามมือบัลเดสเข้าประตูไป กรานาด้าไล่มาเป็น 1-2 แล้ว

บาร์ซ่าก็เกือบจะได้เพิ่มอีกลูกบ้างจากลูกตั้งเตะเช่นเดียวกันโดยเป็นฟรีคิกทางริมเส้นซ้ายโดยชาร์บี้ หยอดเข้าไปตรงกลางถึงหัวของปิเก้ได้โขกแต่บอลเบาเกินไปอีกทั้งยังตรงตัวเซซาร์เลยไม่ใช่ปัญหา

แล้วนาที 62 งานเข้าเจ้าบ้านซะแล้วหลังอัลเวสวิ่งตามกอนซาเลสมาด้านหลังก่อนจะเข้าไปเบียดจนล้มลงไปในเขตโทษกรรมการเลือกให้เป็นจุดโทษแล้วเป็นซีเกร่าวิ่งเข้ามายิงไ่ม่เหลือบัลเดสพุ่งผิดทางไปเลย กรานาด้าไล่ตีเสมอเป็น 2-2 เฉย

บาร์เซโลน่าเกือบจะกลับมานำคืนได้ทันควันบ้างจากลูกฟรีคิกเปิดเข้าไปในเขตโทษบอลตกโดนแขนไมนซ์แต่กรรมการเป่า บอลเคลียร์ออกมาเป็นธิอาโก้วิ่งเข้ามายิงแต่ก็ยังหลุดเสา

เจ้าบ้านกลับมาโล่งใจได้พร้อมกับมีสถิติใหม่เกิดขึ้นด้วยหลังมาได้ประตูนำอีกครั้งจากจังหวะที่อัลเวสได้บอลมาก่อนมองในเขตโทษแล้วเปิดข้ามแนวรับไปให้กับเมสซี่วิ่งทะลุแนวรับมาก่อนจะจับบอลลงด้วยซ้ายก่อนจะกระดกบอลข้ามหัวเซซาร์ต่อทันทีค่อยๆลอยเข้าประตูไป บาร์เซโลน่ากลับมานำอีกครั้ง 3-2 พร้อมกับการเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรให้กับเมสซี่รวมถึงขึ้นมาเป็นดาวซัลโวของลาลีก้าในตอนนี้ด้วยจำนวน 33 ประตู

บาร์ซ่าเกือบได้จบอีกครั้งแล้วจากเตโญ่ที่ลงมาใหม่โชว์ฝีเท้าวิ่งทะลุแนวรับเหมือนจะล้ำแต่ไม่มีธงสอดเข้าเขตโทษรับบอลก่อนจะแตะหลบเซซาร์ไปแล้วแต่ยาวเกินก่อนเจอแข้งกรานาด้ามาแซะ

ท้ายเกมนาที 82 "ต่างดาว"ก็ทิ้งห่างเพิ่มออกไปอีกหจากอิเนียสต้าที่ทะลุขึ้นมาเจอเบียดไว้เลยหยุดบอลก่อนจะพลิกตัวแล้วจ่ายเข้าเขตโทษให้กับเมสซี่สอดเข้าไปยิงมุมแคบติดเซฟมาเข้าทางเตโญ่ยิงซ้ำแบบเน้นๆบอลพุ่งเข้าเสาไกลไปสบาย บาร์เซโลน่าทิ้งห่างอีกเป็น 4-2

แค่นั้นยังไม่พออีก 4 นาทีเมสซี่ก็ทำแฮตทริกได้สำเร็จจากอัลเวสอีกแล้วที่แทงทะลุช่องให้อย่างงามก่อนจะไปแตะหนีเซซาร์ลงไปก่อนจะแต่งให้เข้าซ้ายถนัดๆ แม้มีแนวรับกรานาด้าสองคนลงมาบังประตูก็เอาไม่อยู่เจอยิงเสียบเสาไกลไม่เหลือ บาร์เซโลน่านำห่าง 5-2

ประตูยังไม่หยุดแค่นั้นหลังทีมเยือนมาได้จุดโทษอีกแล้วจากอัลเวสที่ทำเสียฟาวล์คนเดิมบอลไปโดนแขนเจอแฮนด์บอลไม่พอได้เหลืองสองโดนไล่ออกไปอีกก่อนเซกีร่าคนเดิมรับหน้าที่สังหารแบบเหนือๆยิงหลอกบัลเดสพุ่งผิดทางอีกแล้ว กรานาด้าได้เพิ่มมาอีกเป็น 5-3

จบเกมบาร์เซโลน่าก็เอาชนะกรานาด้าไปได้ 5-3 จี้เรอัล มาดริดเหลือ 5 แต้มไปก่อน ส่วนเมสซี่ก็กลายเป็นตำนานของทีมด้วยการครองสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาล 234 ประตูและยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 
บาร์เซโลน่า : บิคตอร์ บัลเดส, การ์เลส ปูโญล, เกราร์ด ปิเก้, อาเดรียโน่ (มาสเคราโน่ น.45), ดานี่ อัลเวส , ชาบี้ เอร์นานเดซ, เซย์ดู เกอิต้า, ธิอาโก้ (อเนียสต้า น.72), อิซาค กูเอนก้า, ลิโอเนล เมสซี่, อเล็กซิส ซานเชซ (เตโญ่ น.72)


กรานาด้า : ฮูลิโอ เซซาร์, บอร์ฆ่า โกเมซ, ไมนซ์, กิลเลอร์เม่ ซิเกร่า, ดาวิด คอร์เตส, โมเรโน่ มิเกล ริโก้, โมเซส ฮูร์ตาโด้ (อเบล น.70), ดาเนียล กอนซาเลส, ฟรังโก้ ฆาร่า (อูเช่ น.45), โอดิออน อิกฮาโล่ (เกโฆ่ น.79), คาร์ลอส มาร์ตินส์

ไฮไลท์แมตช์ กรอยเธอร์ เฟือร์ธ VS โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ DFB Pokal- เสือเหลืองทะลุชิงดำ กุนโดแกนฮีโร่ซัดทดเจ็บ 1-0 12bet 21/03/2555



อิลลาย กุนโดแกน กลายเป็นฮีโร่ พา "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ หลังซัดประตูชัยช่วยทีมเอาชนะกรอยเธอร์ เฟือร์ธ จากบุนเดสลีกาสอง ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ในเกมบอลถ้วยประเทศเยอรมัน เดเอฟเบ โพคาล เมื่อคืนวันอังคารที่ 20 มีนาคม ผ่านมา 



วันอังคารที่ 21 มีนาคม 2555 


ฟุตบอลเดเอฟเบ โพคาล เยอรมัน รอบรองชนะเลิศ
กรอยเธอร์ เฟือร์ธ 0-1 ดอร์ทมุนด์ 






เกมเดเอฟเบ โพคาลรอบรองชนะเลิศดอร์ทมุนด์แม้ว่าจะเจอกับทีมที่อยู่ในลีกต่ำกว่าแต่ก็ไม่ประมาทส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงครบเลยและก็เกือบเสียจุดโทษในนาทีที่ 6 เมื่อบอลไปโดนหัวไหล่ของเคห์ลผู้เล่นเฟือร์ธประท้วงกันใหญ่แต่ผู้ตัดสินก็ไม่ได้ว่าอะไร

เกมในช่วงแรกทั้ง 2 ทีมยังจ่ายบอลผิดพลาดกันเยอะทำให้ครองบอลกันไม่ได้ทั้งคู่และดูเป็นเจ้าบ้านที่ได้ครองบอลมากกว่าอยู่หน่อยๆด้วย พาบอลขึ้นมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆเขตโทษของดอร์ทมุนด์ได้บ่อยครั้งแต่จังหวะออกบอลสุดท้ายยังไม่ค่อยมีจินตนาการกันเท่าไหรนัก

นาทีที่ 17 ดอร์ทมุนด์ก็มีโอกาสได้ลุ้นประตูครั้งแรกของเกมนี้เมื่อเคห์ลข้ามบอลไปให้กับชเมลเซอร์ที่เติมขึ้นมาทางซ้ายก่อนที่ตัวเองจะวิ่งเข้าไปโหม่งที่เสาแรกแต่ก็ไปตรงตัวของกรุนรับไว้ได้พอดี

ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมทีมเยือนก็น่าจะได้ประตูขึ้นนำสุดๆเมื่อเบนเดอร์ครอสบอลไปให้กับเลวานดอฟสกี้ที่เสาสองก่อนที่หัวหอกโปลจะโหม่งตั้งกลับมาหน้าประตูและคากาวะที่ยื่นอยู่โล่งกลับโหม่งบอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย ไม่รู้พลาดได้ไงลูกนี้สำหรับเพลย์เมคเกอร์เจแปนนีส

ดอร์ทมุนด์เริ่มตั้งเกมได้แล้ว นาทีที่ 41 บลาสซีคอฟสกี้ก็ได้โอกาสยิงด้วยเท้าซ้ายข้างไม่ถนัดบอลพุ่งไปชนเสาอย่าน่าเสียดายหลังจากนัก"เสือเหลือง"เป็นฝ่ายบุกเข้าใส่เจ้าถิ่นอยู่ฝ่ายเดียวแต่ก็ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำ จบครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0


เริ่มครึ่งหลังเฟือร์ธก็เกือบได้ลุ้นจากจัวหวะที่ซาราเรอร์เปิดบอลมาจากทางซ้ายให้กับเนห์ริกที่เกือบจะได้ยิงแล้วแต่ชเมลเซอร์ก็วิ่งเข้ามาสกัดไว้ได้ทันแบบเฉียดฉิว

นาทีที่ 56 เลวานดอฟสกี้ก็ได้บอลบริเวณกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนจะเปิดไปให้กับโกรสครอยซ์ได้โหม่งที่หน้าประตูแต่กรุนก็ยังไวพุ่งปัดออกหลังไปได้ 2 นาทีต่อมาคากาวะก็เล่นกับโกรสครอยซ์ก่อนที่คากาวะจะได้ปั่นโค้งบอลเหินข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น

ผ่านครึ่งชั่วโมงตอนนี้ทั้งเจ้าถิ่นเริ่มเปิดเกมแลกแบบไม่เกรงกลัวแชมป์เก่าเลย นาทีที่ 61 โอคเชี่ยนก็ได้โหม่งบอลที่เปิดมาจากกราบซ้ายลอยข้ามคานไปนิดเดียว นับเป็นโอกาสได้เสียวเต็มๆครั้งแรกของเจ้าถิ่นหลังจากก่อนหน้านี้ทำเกมกันขึ้นมาได้ดีหลายครั้งแต่จบกันไม่ได้ซักที

เล่นไปเล่นมากลายเป็นเจ้าถิ่นที่ได้ครองบอลบุกเข้าใส่ดอร์ทมุนด์อย่างต่อเนื่องนาทีที่ 78 ชเมลเซอร์ประกบหลวมไปหน่อยปล่อยให้เนห์ริกได้ตั้งป้อมเปิดจากทางขวาและก็เป็นโอคเชี่ยนได้โหม่งแต่กดไม่ลงบอลลอยข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น

ช่วงท้ายเกมดอร์ทมุนด์พยายามทำเกมบุกแต่ก็เจาะเกมรับของเจ้าถิ่นไม่ได้ จบ 90 นาทียังเสมอกันอยู่ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที

ช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งแรกทั้งคู่ผลัดกันเป็นฝ่ายครองบอลและนาทีที่ 96 เฟือร์ธก็เกือบได้ประตูนำแชมป์เก่าเมื่อชมิดท์กัลเปิดบอลข้ามไวเดนเฟลเลอร์ไปที่เสาสองให้กับโอคเชี่ยนได้โหม่งแต่บอลก็หลุดกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น น่าเสียดายจริงๆจังหวะนี้สำหรับเจ้าถิ่น ต้องบอกว่าวันนี้ตลอดทั้งเกมเจ้าถิ่นสู้กับจ่าฝูงบุนเดสลีกาได้ดีมากทีเดียว

ต่อเวลาพิเศษครึ่งหลังคล็อปป์เปลี่ยนตัวสำรองคนสุดท้ายเปริซิชลงมาแทนเลวานดอฟสกี้ นาทีที่ 107 เนห์ริกก็ลองส่องไกลจากระยะประมาณ 20 หลาบอลเหินข้ามคานไป 4 นาทีต่อมาโอคเชี่ยนก็ได้ยิงในกรอบเขตโทษแต่ก็ข้ามคานเหมือนเดิม

2 นาทีสุดท้ายเจ้าถิ่นเปลี่ยนเอาเฟจซิชโกล์สำรองลงมาแต่ดอร์ทมุนด์ก็มายิงประตูชัยในช่วง 3 วินาทีสุดท้ายก่อนจะครบ 120 นาทีเมื่อกุนโดกานได้โอกาสยิงในกรอบเขตโทษบอลชนเสาเข้าประตูไป จบเกมดอร์ทมุนด์ต้องเหนื่อยถึง 120 นาทีก่อนที่จะเฉือนเอาชนะกรอยเธอร์ เฟือร์ธไปได้ 1-0 เข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลเดเอฟเบ โพคาลโดยจะรอพบผู้ชนะระหว่างบาเยิร์น มิวนิคกลับกลัดบัคที่จะเตะกันในวันพรุ่งนี้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
กรอยเธอร์ เฟือร์ธ : แม็กซ์ กรุน(เฟจซิช น.119), เมร์จิม มาฟราจ, โธมัส ไคลน์, ไฮน์ริช ชมิดท์กัล, แบร์น เนห์ริก, เอ็ดการ์ ไพร์บ, สเตฟาน เฟอร์สท์เนอร์, เซร์คาน ซาราเรอร์, เฟลิกซ์ เคล้าซ์(อซาโมอาห์ น.85), คริสโตเฟอร์ โนเท่(ซิลเนอร์ น.69), โอลิวิเยร์ โอคเชี่ยน

ดอร์ทมุนด์ : โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์, แม็ท ฮุมเมิลส์, เนเว่น ซูโบติช, มาร์เซล ชเมลเซอร์, ลูคัสซ์ พิสซ์เซ็ค, เซบาสเตียน เคห์ล, สเวน เบนเดอร์(กุนโดกาน น.82), เควิน โกรสครอยซ์, ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้(เปริซิช น.106), ชินจิ คากาวะ(บาร์ริออส น.70)

ไฮไลท์แมตช์ ยูเวนุตส VS เอซี มิลาน Coppa Italia - ม้าลายชิงโคปปาฯ หลังเจ๊ามิลานเดือด 2-2 12bet 21/03/2555



"เจ้าม้าลาย" ยูเวนตุส เกือบเอาตัวไม่รอดตามตีเสมอ เอซี มิลาน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที 2-2 จากประตูของมิร์โก้ วูชินิช ทำให่ยูเว่หักอกปีศาจ แดงดำ เข้ารอบชิงโคปปา อิตาเลีย ไปในที่สุดเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา



วันอังคารที่ 20 มีนาคม 2555 


ฟุตบอลโคปปา อิตาเลีย
ยูเวนุตส 2-2 เอซี มิลาน รวมผลสองนัดเสมอ 3-3 ยูเว่ ผ่านเข้าชิงชนะต่อเวลา 4-3  






เปิดฉาก มิลาน ที่สกอร์เป็นรองในเลกแรกตามอยู่ 1-2 ต้องเปิดเกมบุกเข้าใส่กระทั่งนาที 20 อิบราฮิโมวิช หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษทางซ้ายจิ้มแบบฉีดยา สโตรารี่ นายด่านยุเว่ยังไม่พลาดพุ่งปัดทิ้งเป็นลูกเตะมุมเปิดเข้ามา ซิลวา โหม่งข้ามคาน

ยูเว่ยังคงเน้นรับถอยร่นลงไปออแถวหน้าปากประตูทำให้ มิลาน เจาะยากต้องอาศัยลูกยิงไกลจากแถวสอง เซดอร์ฟ ตะบัน 20 หลาบอลพุ่งส่ายหลุดกรอบออกไปในนาที 25 


แม้ตั้งรับเป็นส่วนใหญ่แต่ ยูเว่ บุกครั้งแรกกลับได้ประตูขึ้นนำทันที 1-0 ในนาที 28 จากจังหวะทุ่มริมเส้นฝั่งขวา ลิชท์สไตเนอร์ กระชากลากเกือบสุดเส้นหลังก่อนจ่ายหักย้อนมาเสาใกล้ เดล ปิเอโร่ ยิงจังหวะแรกติดเซฟ อเมเลีย ก่อนตามซ้ำดาบสองไม่เหลือ

พอพังประตูได้ ยูเว่ คึกใหญ่เปิดเกมบุกจะเอาประตูเพิ่มอีก 2 นาทีถัดมา จาคเครินี่ จ่ายไปทางซ้ายเข้าเท้า วูชินิช เลี้ยงตัดเข้าในก่อนสับไกบนเส้นเขตโทษเข้าซอง อเมเลีย

หลังจากเสียประตูเกมบุกของ มิลาน ตื้อไปเลยแทบไม่มีพิษสงนาทีสุดท้ายครึ่งแรก ยูเว่ เกือบจะได้ประตุเพิ่ม วูชินิช ชงให้ เดล ปิเอโร่ พุ่งหลาวโหม่งจ่อๆแค่หลาเดียวแต่วืดไม่โดน จบครึ่งแรก ยูเว่ รักษาความได้เปรียบตุนอยู่หนึ่งเม็ด

กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ผ่านไปแค่ 5 นาทีเท่านั้น มิลาน อาศัยแผงหลังยุเว่เครื่องยังไม่ร้อนตามตตีเสมอ 1-1 เม็กแซส เซนเตอร์ฮาล์ฟหนุนขึ้นสูงวางยอลยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษ เมสบาห์ โผล่จากไหนไม่รู้พุ่งตอร์ปิโดบกโหม่งโล่งๆเสียบตาข่าย

พอตีเสมอได้ มิลาน ดูมีกำลังขึ้นเยอะดาหน้นาบุกต่อนาที 64 ซิลวา เติมขึ้นสูงเปิดบอลลึกเข้าไปถึงหน้ากรอบเขตโทษ มุนตารี่ พยายามพุ่งเข้าชาร์จจ่อๆไม่โดนไม่งั้นตุงไปแล้ว

เกมอยู่ในคอนโทรล มิลาน หมดแล้วจนในที่สุดนาที 81 พลิกแซงเป็น 2-1 จากความสามารถเฉพาะตัว มักซี่ โลเปซ ยืนหันหลังให้ประตูแต่ยังพลิกหมุนตัวกระชากแหวกผ่านแนวรับที่รุมถึงสามคนก่อนยิงเต็มข้อบอลพุ่งเป็นจรวดแหวกหอากาศเสียบตาข่าย

หลังจากพลิกแซงนำ มิลาน ได้ใจเดินหน้าลุยต่อแต่ ยูเว่ ปล่อยโอกาสทองพังประตูตีเสมอหลุดลอยไปเองในนาที 86 จากจังหวะสวนกลับบอลยาวมาถึง บอร์ริเอลโล่ หลุดเดี่ยวกระชากดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตูแต่กลับยิงไม่ดีเองไปติดเซฟผู้รักษประตู

ท้ายเกมตกเป็นของ ยูเว่ ลุยแหลกหวังตีเสมอให้ได้ทดเจ็บจากจังหวะเตะมุม วูชินิช รอเก็บตกจากแถวสองสับไกเต็มข้อระยะ 25 หลาบอลกำลังจะเสียบใต้คานแต่ อเมเลีย ปัดทิ้ง จบเกม มิลาน ชนะ 2-1 รวมผลสองนัดเสมอ 3-3 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที

ต่อเวลาพิเศษ ยูเว่ เล่นด้วยแรงกระตุ้นกว่าเดิมดาหน้าบดขยี้ตั้งแต่นาทีแรกเกือบตามตีเสมอ วูชินิช หลุดเข้าไปยิงเน้นๆในกรอบเขตโทษทางขวาแต่ อเมเรีย ซูเปอร์เซฟล้มตัวปัดได้ทัน

นาที 92 "ม้าลาย" พลาดโอกาสทองจะได้ประตูตีเสมออีกครั้ง จาคเครินี่ ไหลทะลุแนวรับ วูชินิช หลุดเดี่ยวโล่งๆพยายามแตะหลบผู้รํกษาประตูแต่ อเมเลีย พุ่งออกมาเซฟได้จากเท้า

หลังจากพลาดโอกาสทองไปอย่างเหลือเชื่อ วูชินิช แก้ตัวได้สำเร็จจากจังหวะ ปิร์โล่ จ่ายให้ วูชินิช คอนโทรบอลอยู่กับเท้าก่อนสับไกเต็มข้อบอลพุ่งแหวกอากาศเสียบตาข่าย ยูเว่ ตามเจ๊า 2-2 ก่อนเวลาที่เหลือแม้ มิลาน หันมาเปิดเกมบุกอีกครั้งแต่เจาะไม่ผ่านจบเกมเสมอ 2-2 และเป็น ยูเว่ ผ่านเข้าชิงชนะเลิศโคปปา อิตาเลีย เป็นทีมแรก

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
ยูเวนตุส: สโตรารี่,ลิชท์สไตเนอร์(คาเซเรส น.90),โบนุชชี่,คิเอลลินี่,เด เชเย่,วิดาล,ปิร์โล่,จาคเครินี่,เปเป้(มาร์คิซิโอ น.63),เดล ปิเอโร่(บอร์ริเอลโล่ น.74),วูชินิช

เอซี มิลาน:อเมเลีย,อันโตนินี่,เม็กแซส,ธิอาโก้ ซิลวา,เมสบาห์,อาควิลานี่(โนเชริโน่ น.68),เซดอร์ฟ,มุนตารี่,เอมานูเอลสัน,อิบราฮิโมวิช(มักซี่ น.46),เอล ชาราวี(อินซากี้ น.78)

ไฮไลท์แมตช์ เอสปันญ่อล VS ราซิ่ง ซานตานเดร์ La Liga - นกแก้วเปิดรังจิกราซิ่ง 10 ตัว 3-1 12bet 20/03/2555

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555



"เจ้านกแก้ว" เอสปันญ่อล ยังคงฟอร์มแกร่งทั่วแผ่นในบ้าน โดยต้อนราซิ่ง ซานตานเดร์ ที่ต้องเหลือผู้เล่น 10 คน ได้ 3-1 ในศึกลา ลีกา ประเทศสเปน ในคืนวันจันทร์ที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา



วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม 2555


ฟุตบอลลา ลีกา สเปน
เอสปันญ่อล 3-1 ราซิ่ง ซานตานเดร์








เอสปันญ่อล เกมนี้ชวดใช้งานราอูล บาเอน่า กองกลางที่ติดโทษแบน จากการได้ใบเหลืองสะสมครบ 5 ใบ ตามโควตาพอดี รวมไปถึง คริสเตียน อัลวาเรซ นายทวารชาวอาร์เจนไตน์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน เช่นเดียวกับ เฟลิเป้ มัตติโอนี่ แต่ได้ ฮวน ฟอร์ลิน พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้แล้ว


โดยในแดนหน้าได้ คาลู อูเช่ กองหน้าชาวไนจีเรีย ที่ทำแฮตทริคในเกมล่าสุด และ ยิงไป 4 ประตู จาก 5 นัด นับตั้งแต่มาอยู่กับไอ้นกแก้ว ลงล่าตาข่าย


ขณะที่ ราซิ่ง ซานตานเดร์ ปราชัยสองเกมติดต่อกันแล้ว และ ไม่ชนะใครมา 8 นัดแล้ว ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นต่อไป เกมนี้ได้ตัว อันโตนิโอ โตนโญ่ นายทวารมือหนึ่ง พ้นโทษแบน 1 นัด กลับมาลงเฝ้าเสาได้แล้ว ในแดนหน้าวาง คริสเตียน สตูอานี่ หัวหอกตัวเก่งลงขยี้สกอร์


เริ่มเกมยังไม่ถึงห้านาที เจ้าบ้านได้ลุ้นก่อน จากจังหวะที่ เซร์คิโอ การ์เซีย ผ่านจากขวามาให้กับ โจน เบร์ดู วิ่งมาแปด้วยขวาเล่นทาง แต่ อันโตนิโอ โตนโญ่ นายทวารของราซิ่ง ซานตานเดร์ ยังรับไว้ได้


อย่างไรก็ตาม กลายเป็น ราซิ่งฯ มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะที่ อาเดรียน กอนซาเลซ ปาดจากซ้ายเข้ามาในให้กับ คริสเตียน สตูอานี่ วิ่งเข้ามาแปด้วยซ้ายระยะแค่ 6 หลาตุงตาข่ายให้ทีมเยือนพลิกนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 11


สองนาทีให้หลัง เอสปันญ่อล ได้ฟรีคิก เซร์คิโอ การ์เซีย ปั่นด้วยขวาบอลเข้ากรอบ ทว่า อันโตนิโอ โตนโญ่ นายทวารราซิ่ง ซานตานเดร์ รับไว้ได้


ผ่านมา 16 นาที ทีมเยือนเกือบได้เพิ่มจากจังหวะที่ อาเดรียน กอนซาเลซ หลุดไปกระดกบอลข้ามหัว กาซีย่า เข้าไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อนเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 24 ไอ้นกแก้ว เร่งเครื่องบุก เซร์คิโอ การ์เซีย ไหลให้กับ คาลู อูเช่ ซัดด้วยซ้าย แต่ โตนโญ่ ยังรับไว้ได้อีกครั้ง


ถัดมา 2 นาที เอสปันญ่อล ตีเสมอเป็น 1-1 จนได้เมื่อ โจน เบร์ดู ไหลบอลขึ้นหน้าให้กับ เซร์คิโอ การ์เซีย พิงกับกองหลังแล้วไหลคืนให้กับ โจน เบร์ดู ตามมาปั่นด้วยขวาเล่นทางบอลโค้งเข้าเสาไกลไปสุดคลาสสิค เป็นประตูที่ 4 ของเบร์ดู ในลา ลีกา ซีซั่นนี้


กระเถิบมานาทีที่ 32 เจ้าบ้านได้ประตูแซงนำ เมื่อ เซร์คิโอ การ์เซีย ครอสจากขวาเข้าไปกองหลังราซิ่ง ซานตานเดร์ โหม่งสกัดออกมาเข้าทางของ ฟิลิปป์ คูตินโญ่ พักอกแล้ววอลเลย์ด้วยขวาจากหน้ากรอบเขตโทษบอลแฉลบผู้เล่นราซิ่งฯเปลี่ยนทางเข้าประตูไปอย่างสุดสวยให้ เอสปันญ่อล ขยับขึ้นนำ 2-1 และเป็นประตูที่ 3 ของคูตินโญ่ ในลา ลีกา ซีซั่นนี้ หมดครึ่งแรก เอสปันญ่อล นำก่อน 2-1


กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้แค่ 6 นาที ราซิ่งฯ ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ มาร์กอส กูยอน กองกลางไปเสียบทางด้านหลังใส่ โจน เบร์ดู อย่างน่าเกลียด เลยโดนใบเหลือง-แดง ไล่ออกไป


นาทีที่ 62 ราซิ่งฯ ได้ลุ้นจากจังหวะที่ อาเดรียน กอนซาเลซ ได้กดเน้นๆหน้าเขตโทษ ฟรานซิสโก้ กาซีย่า นายทวารเอสปันญ่อล ปัดไว้ได้ ก่อนที่ เอคตอร์ โมเรโน่ จะช่วยสกัดทิ้งออกมาได้


 นาทีที่ 80 เจ้าถิ่นมาได้ประตูย้ำชัยเป็น 3-1 จาก เอคตอร์ โมเรโน่ เวลาที่เหลือทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม เอสปันญ่อล เปิดบ้านเอาชนะ ราซิ่ง ซานตานเดร์ ที่เหลือแค่ 10 คนไปได้ 3-1 เก็บสามแต้มเต็มขึ้นมาอยู่ที่ 6 ส่วน ราซิ่งฯ แพ้สามนัดติดต่อกันแล้ว ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นอย่างหนัก


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
 เอสปันญ่อล: ฟรานซิสโก้ กาซีย่า - ฆาบี โลเปซ, จอร์ดี้ อามัต, เอคตอร์ โมเรโน่, ดีดัค บีล่า - ฮวน ฟอร์ลิน, คริสเตียน โกเมซ - เซร์คิโอ การ์เซีย, โจน เบร์ดู, ฟิลิปป์ คูตินโญ่ - คาลู อูเช่


ราซิ่ง ซานตานเดร์: อันโตนิโอ โตนโญ่ - ฟรานซิส เปเรซ, เบร์นาร์โด้ เอสปิโนซ่า, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, คริสเตียน เฟร์นานเดซ - ไฆโร ซามเปรีโอ, กอนซาโล่ โกลซ่า - มานูเอล อราน่า, มาร์กอส กูยอน, อาเดรียน กอนซาเลซ - คริสเตียน สตูอานี่

ไฮไลท์แมตช์ โรม่า VS เจนัว Series A - หมาป่าเชือดเจนัวหวิว 1-0 12bet 20/03/2555



โรม่าเก็บสามแต้มเต็มในบ้านได้สำเร็จ หลังเปิดสนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก้ เชือดเจนัว ได้อย่างหวุดหวิด 1-0 ในเกมกัลโช่ เซเรีย อา เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา 


วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม 2555


ฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี่
โรม่า 1-0 เจนัว








"หมาป่า" โรม่า ของหลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือสเปนขาดสามตัวหลังอย่าง ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ดาวยิงกัปตันทีม, มิราเล็ม ปานิช จอมทัพบอสเนียฯ และฮวน กองหลังแซมบ้า ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนโดยส่งเอริค ลาเมล่า ลงยืนหน้าต่ำคู่ ปาโบล ออสวัลโด้ ที่พ้นโทษแบนกลับมา เช่นเดียวกับมาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก นายทวารมือหนึ่ง


ฟากเจนัว ทีมเยือนขาดสามตัวเก่งอย่างยูราย คุชก้า มิดฟิลด์สโลวัก, เกวิน กงสต็องต์ และจูเซ็ปเป้ สคูลลี่ ที่เจ็บเช่นเดียวกัน ทำให้ปาสกวาเล่ มาริโน่ ต้องใช้ดาวิเด้ บิออนดินี่ ลงสนาม โดยกองหน้ายังเป็นโรดริโก้ ปาลาซิโอ กับ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่


เริ่มเกมขึ้นมาได้แค่ 3 นาทีเท่านั้นเจ้าถิ่นขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็วเมื่อ เลอันโดร เกรโก้ วางยาวจากริมเส้นฝั่งขวาเข้าไปที่หน้าประตูเป็น ออสวัลโด้ ที่เอาบอลลงก่อนโยกหลอกมาร์โก้ รอสซี่ ก่อนซัดเสียบเสาไกลเข้าไปให้ โรม่า นำ 1-0


เกมผ่านถึงนาทีที่ 13 เจนัว มีโอกาสลุ้นตีเสมอบ้างเมื่อ โรดริโก้ ปาลาซิโอ เก็บบอลได้ในเขตโทษโรม่า ก่อนแหวกสองกองหลังแต่จังหวะยิงซิมอน เคียร์ ยังเข้ามาแหย่ทำให้บอลพุ่งผ่านหน้าประตูออกหลังไป


โรม่า กลับมาเดินเกมบุกบ้างและมีโอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 19 เมื่อ ลาเมล่า พาบอลมาถึงหน้าเขตโทษก่อนโดนกองหลังสกัดบอลหลุดไปถึง เกรโก้ วิ่งเข้ามาซัดแต่ยังติดเซฟของเฟรย์


ผ่านถึงนาทีที่ 32 เจนัว มีเสียวบ้างเมื่อ เฟร์นานโด เบลลุสคี่ ได้สอดเข้ามาชาร์จด้วยซ้ายหน้าประตูแต่ทว่าบอลพุ่งตรงตัว สเตเคเลนเบิร์ก ซะอีก


ก่อนจบครึ่งแรกเจนัว ได้ลุ้นตีเสมอจากจังหวะที่ ปาลาซิโอ ได้โยนบอลเข้าไปให้ เมสโต้ โขกแต่ก็ยังไม่ผ่านมือสเตเคเลนเบิร์ก เช่นเดิมทำให้เกมจบครึ่งแรกโรม่า นำ 1-0


ในครึ่งหลัง เจนัวแก้เกมส่ง บอสโก้ ยานโกวิช ลงเล่นแทน มาร์โก รอสซี่ นาที 46 แต่สามนาทีต่อมา เป็นฝั่งหมาป่าได้บอล ฟาบิโอ บอรินี่ ทำทางให้ เอริค ลาเมล่า ซัดเท้าซ้ายหน้าประตูไปติด เซบาสเตียง เฟรย์


นาที 62 โรม่าน่าได้ประตูที่สอง เมื่อ ดานิเอเล่  เด รอสซี่ ผ่านบอลแม่นยำให้ โบยาน เกร์กิช ตัวสำรองซัดเท้าซ้ายระยะเผาขน แต่บอลผ่านหน้าประตูออกไป




ทีมเยือนสู้ไม่ถอย นาที 71 ฆอร์เกร่า เปิดบอลมาเข้าทาง โรดริโก้ ปาลาซิโอ ดีดเท้าขวาในกรอบเขตโทษ บอลพุ่งชนคานอย่างจังอย่างไรก็ตาม โรม่าได้ลุ้นยิงประตูติดๆ กันนาที 79 ทั้งจาก มาร์ควินโญ่ และ โบยาน สองผู้เล่นสำรอง ทว่า เฟรย์ เซฟได้หมด  จบเกม โรม่า เฉือนชนะ เจนัว 1-0




รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โรม่า : มาร์เตน สเตเลเคนเบิร์ก, กาเบรียล ไฮน์เซ่, ซิมอน เคียร์, โฆเซ่ อังเคล, โรดริโก้ ตัดเด, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, เลอันโดร เกรโก้, เฟร์นานโด กาโก้, เอริค ลาเมล่า, ฟาบิโอ บอรินี่, ปาโปล ออสวัลโด้
      
เจนัว : เซบาสเตียน เฟรย์, คาค่า คาลัดเซ่, โรเจอร์ คาร์วัลโญ่, เอมิเลียโน่ โมเร็ตติ, จานโดเมนิโก้ เมสโต้, มิเกล เวโลโซ่, เฟร์นานโด้ เบลลุสคี่, ดาวิเด้ บิออนดินี่, มาร์โก้ รอสซี่, โรดริโก้ ปาลาซิโอ, อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่

ไฮไลท์คลิป น่าวร๊ากอะ! แข้งพี่เสือเป่ายิ้งฉุบขอยิงฟรีคิก 12bet 20/03/2555



ศึกบุนเดสลีกาสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคู่ระหว่าง "หญิงชรา" แฮร์ธา เบอร์ลิน เปิดบ้านรับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ช่วงนาที 24 ของครึ่งแรกขณะทีมเยือนทำสกอร์นำขาด 3-0 โทนี โครส กับ ฟรองค์ ริเบรี สองแข้ง "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค กำลังสุมหัวเจรจาหวังอยากจะยิงฟรีคิกด้วยกันทั้งคู่ ก่อนที่สองแข้งจะลงเอยหาวิธีด้วยการเป่ายิงฉุบ โดย ริเบรี เป็นผู้ชนะเมื่อออกกระดาษชนะค้อนของ โครส 








แต่น่าเสียดายลูกยิงฟรีคิกของ ริเบรี ยิงไปติดกำแพงผู้เล่น แฮร์ธา เบอร์ลิน หมดโอกาสลุ้นเพิ่มสกอร์ให้กับทีม แต่สุดท้ายจบ 90 นาที บาเยิร์น มิวนิค ยังคงระเบิดฟอร์มดุถล่มเจ้าบ้าน แฮร์ธา เบอร์ลิน ขาดลอย 6-0

ไฮไลท์แมตช์ เรอัล มาดริด VS มาลาก้า La Liga - ราชันวืดสามแต้ม กานซอร์ล่าซัดทดเจ็บ 1-1 บาร์ซ่่าจี้ 8 แต้ม 12bet 19/03/2555

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555




เรอัล มาดริด พลาดท่าทำได้แต่เสมอกับ มาลาก้า  โดยทีมเยือนมาได้ประตูเจ๊าในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากซานติ กานซอร์ล่า ก่อนจะจบด้วย


สกอร์ 1-1 ทำให้ราชันชุดขาวทิ้งช่องกับบาร์เซโลน่าลดลงมาเหลือ 8 แต้ม ในเกมลา ลีกา สเปนเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม2555 


ฟุตบอลลา ลีกา สเปน
เรอัล มาดริด 1-1 มาลาก้า 








ออกสตาร์ทเกมมาไม่ถึงสี่นาทีคาซิญาสก็มีงานต้องทำแล้วหลังแนวรับเรอัล มาดริดปล่อยให้คาซอร์ล่ากระชากบอลแหวกมาได้จนมีช่องแทง


ให้รอนดอนวิ่งทะลุเข้าไปซัดตามน้ำไปที่โคนเสาขวาแต่นายทวารมือหนึ่งทีมชาติสเปนล้มตัวปัดทิ้งได้ทัน

แต่อีกสองนาทีถัดมา"ราชันชุดขาว"ทักทายคืนด้วยจังหวะที่โอซิลลากจี้เข้าหาเขตโทษก่อนชิพข้ามแนวรับทีมเยือนให้โรนัลโด้หลุดเข้าไป


ขยับหลอกว่าจะยิงในจังหวะแรกแต่ไปกดจริงในจังหวะสองทว่ากาบาเยโร่อ่านเกมเยี่ยมพุ่งออกมาบล็อกได้ทัน

นาที 15 มอนเรอัลโชว์สเต็ปลากผ่านดิยาร์ร่าทางฝั่งซ้ายก่อนงัดบอลข้ามการสไลด์ของเปเป้ให้อิสโก้พริ้วหลุดเข้าไปกระทุ้งใส่คาซิญาสแต่


ดันหักข้อมากไปเลยผ่านหน้าประตูออกหลัง ช็อตนี้เล่นเอาอิเคร์ต้องออกมาโวยเพื่อนกันเลยที่ปล่อยให้คู่แข่งมาจบสกอร์ง่ายไป

ผ่านมาถึงนาที 28 เบนเซม่าพาบอลขึ้นมาทางด้านซ้ายของเขตโทษก่อนทำชิ่งวันทูกับโรนัลโด้จนทะลุแนวรับเข้าเลือกมุมยิงใส่กาบาเยโร่แต่


ดันซัดหนีมือมากไปเลยผ่านหน้าประตูออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม"ราชันชุดขาว"ก็มาได้สิ่งที่พวกเขาต้องการในนาที 35 เมื่อโรนัลโด้เลี้ยงบอลขึ้นมาจนสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนขยับหลบตัว


ประกบแล้วครอสบอลไปที่เสาไกลให้เบนเซม่าที่ดอดไปอยู่ตรงนั่นโหม่งโล่งๆผ่านมือกาบาเยโร่เข้าไปให้ทีมนำ 1-0 เมื่อจบครึ่งแรก

กลับมาเล่นครึ่งหลังจนถึงนาที 51 "โลส บลังโกส"มีโอกาสบวกสกอร์เพิ่มเมื่อเบนเซม่าได้ควบบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษจนมีโอกาสยิง


หรือแม้แต่ผ่านให้โรนัลโด้สังหารทว่าเขากลับเล่นบอลหลายจังหวะจนเปิดช่องให้เวลลิงตันตามมาสกัดบอลได้ทัน

จังหวะจบสกอร์ของเรอัล มาดริดมีมาเรื่อยๆเมื่อในนาที 59 กาก้าเลี้ยงจึ้เข้าหาเขตโทษก่อนจ่ายบอลตัดหลังแนวรับให้โรนัลโด้วิ่งตามเข้าไป


เอียงตัวซัดจังหวะเดียวหมายให้โค้งเข้าเสียบเสาขวาทว่ากาบาเยโร่ยอดเยี่ยมบินปัดออกหลังไปได้

เกมยังตกเป็นของเจ้าบ้านอยู่ข้างเดียวเมื่อในนาที 69 โอซิลกระชากบอลจากกลางสนามมาที่แทงออกซ้ายให้โรนัลโด้รับไปสับขาหลอกตัว


ประกบทีนึงจนหลุดไปถึงเส้นหลังแล้วเปิดกลับไปที่เสาไกลให้กาเญฆ่อนเข้าทำแต่เพราะโดนบีบจากเหล่าผู้เล่นมาลาก้าเลยทำให้โขกหลุด


กรอบ

นาทีถัดมาโอซิลโชว์ความพริ้วเลื้อนยหลบฝูงนักเตะมาลาก้าถึง 5 คนจากแถวหัวกระโหลกไปจนสุดเส้นหลังด้านซ้ายแล้วเปิดเลียดไปให้โร


นัลโด้ข้ามหลอกก่อนเป็นเบนเซม่าที่วางเท้ายิงที่กรอบ 6 หลาลอยไปดวงจันทร์เพราะถ้าไปไม่ถึงก็จะอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว

นาทีสุดท้ายมาร์เซโล่โซโล่บอลขึ้นไปจนสุดส้นหลังด้านซ้ายแล้วเปิดกลับมาหน้าประตูโดนกาบาเยโร่ชกออกมาแต่ยังเข้าทางให้กาเญฆ่อนได้


หวดคืนกลับเข้าไปแฉลบบล็อกมาไธจ์เซ่นทำให้ลูกช้าลงก่อนที่วิลลี่มาตามเก็บบอลไปได้

แต่แล้วมาลาก้าก็มาพังประตูตีเสมอได้สำเร็จในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากฟรีคิกหน้าเขตโทษเยื้องฝั่งซ้ายที่คาซอร์ล่าวิ่งมาปั่นบอลโค้งข้าม


กำแพงไปเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลอย่างงาม จบเกมเรอัล มาดริดเจ๊ามาลาก้า 1-1 ทำให้มีแต้มนำบาร์เซโลน่าเหลือ 8 คะแนนเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
เรอัล มาดริด : อีเคร์ คาซิยาส, ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า, เปเป้ , เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโล่, ชาบี อลอนโซ่, ซามี่ เคห์ดิร่า , ริคาร์โด้ กาก้า (โฆเซ่ 


กาเญฆ่อน น.67), เมซุต โอซิล (เอสเตบัน กราเนโร่ น.85), คริสเตียโน่ โรนัลโด้ , คาริม เบนเซม่า (กอนซาโล่ อิกวาอิน น.86)


มาลาก้า : วิลลี่ กาบาเยโร่, เซร์คิโอ ซานเชซ , ร็อบสัน,โยริส มาไธจ์เซ่น, มาร์ติน เดมิเชลิส, นาโช่ มอนเรอัล, อิ๊กนาซิโอ คามาโช่, ฆัวกิน 


ซานเชซ (เซบาสเตียน เฟร์นานเดซ น.72), อิสโก้ (รุด ฟาน นิสเตลรอย น.58), ซานติ คาซอร์ล่า , ซาโลมอน รอนดอน (อลิเซว น.58)

ไฮไลท์แมตช์ วูล์ฟแฮมป์ตัน VS แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด Primere League - ผีฆ่าโหดหมาป่า 5-0 ทิ้งเรือ 4 แต้ม 12bet 19/03/2555



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉวยโอกาสทำแต้มทิ้งห่าง แมนฯซิตี้ และยิงตุนลูกได้เสียเอาไว้ก่อนเลย โดยบุกไปถล่มวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ไปเน็ตๆ 5-0 ในเกมพรีเมียร์ชิพ คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2555 


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วูล์ฟส์ 0-5 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 






ก่อนเริ่มเกมซึ่งน่าจะเหมือนกับทุกสนาม นักเตะของทั้งสองทีมรวมตัวกันพร้อมกับแฟนบอลและทุกคนในสนามปรบมือกันอย่างกึกก้องนานราว 30 วินาที เพื่อส่งกำลังใจไปให้กับมูอัมบ้าซึ่งตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาลจากอาการภาวะหัวใจล้มเหลว

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดขอ 3 คะแนนเท่านั้น เพราะนอกเหนือจากการที่จะต้องพยายามการันตีจ่าฝูงไว้ก่อนแมนเชสเตอร์ ซิตี้จะเตะช่วงกลางสัปดาห์ พวกเขายังหวังเรียกขวัญคืนมา หลังร่วงยูโรป้า ลีกมาแบบสดๆร้อนๆ

วันนี้ "ปีศาจแดง" จับคู่รูนี่ย์และเอร์นานเดซเป็นหัวหอกที่คอยล่าตาข่ายในแดนหน้า แม้ว่ารายหลังฟอร์มการทำประตูจะหลุดไปพอสมควรก็ตาม

ส่วนวูล์ฟส์มีตัวทีเด็ดที่หวังพึ่งพาในแดนหน้าอย่างเฟล็ทเชอร์ รวมทั้งจาร์วิสที่คงจะเป็นตัวปั้นเกมคอยป่วนแนวรับของทีมเยือน


นาทีที่ 9 น่ามาก น่าจริงๆสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ต้องได้ประตูขึ้นนำ ในจังหวะที่วาเลนเซียแทงบอลได้สวยต่อไปให้กับราฟาเอลทะลุเข้าในกรอบเขตโทษ มีเอร์นานเดซรอชาร์จแบบเหน่งๆอยู่หน้าประตูแล้ว แต่ราฟาเอลกลับก้มหน้างุดๆกระแทกบอลเข้ากลางโดยไม่มองว่าเพื่อนอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะจ่ายเป๊ะกว่านี้ บอลเลยแรงและห่างเกินกว่าที่เอร์นานเดซจะเหยียดขาชาร์จถึงได้

ผ่านช่วง 15 นาทีแรก ก็ตามเกมกันไปที่แมนฯยูไนเต็ดได้ครองบอลมากกว่าค่อนข้างเยอะ แต่ประเด็นมันอยู่ที่พวกเขาไม่สามารถเจาะแนวรับของวูล์ฟส์เข้าไปได้เลย จะมีนิดหน่อยก็แค่จังหวะของคาร์ริคที่ส่องนอกกรอบ แต่ก็อย่างที่รู้กัน ทั้งเบาและไม่ตรงกรอบ

หมาป่าเกือบเฮง!เฟล็ทเชอร์โหม่งถากนิดเดียว 
อีก 4 นาทีต่อมา เกือบมีลุ้นได้ประตูพลิกนำก่อนแล้วสำหรับวูล์ฟส์ จากจังหวะที่เฟล็ทเชอร์วิ่งอ้อมตัดกองหลังเข้าไปโฉบโหม่ง แม้ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แต่ผู้ตัดสินไม่ยกธงเลยได้โอกาสเหมาะ แต่ก็ดันโหม่งเฉือนเกิน สุดท้ายบอลพุ่งออกหลังแบบเสียวสุดๆ

นาทีที่ 21 ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าผู้ทำประตูเบิกร่องให้กับทีมจะเป็นทยาชายนายนี้ เมื่ออีแวนส์ที่ขึ้นไปเล่นลูกเซ็ตพีชได้ยืนวอลเล่ย์จ่อๆหน้าประตู จากการแปะบอลให้มาแบบถวายพานของคาร์ริค ซัดตูมเดียวเข้าไป พร้อมเสียงเฮลั่นจากเพื่อนๆ เพราะนี่เป็นประตูแรกของเขากับทีม แถมยังเป็นประตูที่ 100 ของลูกทีมเฟอร์กี้รวมทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ด้วย

เข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมง หลังจากได้ประตูขึ้นนำไปแล้ว แมนฯยูไนเต็ดก็เล่นดีขึ้นมาทันต่อ มีจังหวะรับส่งบอลโดยเคลื่อนที่สลับกันได้ดี จนวูล์ฟส์ต้องมีการเข้าฟาวล์หนักๆกันไป

นาทีที่ 39 ทีมอุตส่าห์เล่นดีขึ้นมาจนไล่กดดันแมนฯยูไนเต็ด ทำเอาทีมเยือนตื้อไปพักหนึง แต่ก็ต้องมาเหลือแค่ 10 คนเลยสำหรับวูล์ฟส์ เพราะซูบาร์ที่ก่อนหน้านี้ไปเข้าหนักในรูนี่ย์จนโดนเหลืองแล้ว กลับไปเสียบหนักแบบโฉ่งฉ่างใส่เวลเบ็คอีก ผู้ตัดสินเลยไม่มีทางเลือกต้องควักใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป

นาทีที่ 43 เกมสวนกลับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสำแดงเดชออกมาในช่วงท้ายครึ่งแรก เมื่อเอร์นานเดซต่อบอลไปให้กับรูนี่ย์ ก่อนที่หอกร่างอวบจะแทงยาวไปให้วาเลนเซียควบขึ้นทางริมเส้น แม้ว่าตรงกลางจะมีเวลเบ็ครออยู่ แต่โดนกองหลังกัน ปีกรถด่วนเลยกระชากจี้เข้าไปจนเกือบสุดแล้วแปบอลสวนเฮนเนสนี่ย์เข้าไปตุงตาข่าย "ปีศาจแดง" ทิ้ง 2-0 ครึ่งหลังน่าจะเล่นง่ายขึ้นเยอะ

ช่วงทดเวลานาทีแรก กลายเป็นเกมขาดเลย เมื่ออีแวนส์โชว์เมพขวางบอลยาวยาวไปริมเส้นฝั่งขวาให้กับวาเลนเซียที่จี้เข้าหากองหลัง ก่อนที่จะถวายพานไปให้เวลเบ็ควิ่งเข้ามาตวัดยิง บอลพุ่งเสียบฟุ้บแบบเฮนเนสซี่ย์ได้แค่ยึก ล้มตัวลงไม่ทัน เกมไป 3-0

จบ 45 นาทีแรก แมนฯยูไนเต็ดทำเอาวูล์ฟส์ที่เหลือ 10 คนระบมทั้งตัวและใจ เพราะอัดไปแล้วถึง 3-0 แถมยังเหลืออีกตั้ง 45 นาทีด้วย


นาทีที่ 56 อะไรจะง่ายดายขนาดนี้สำหรับแมนฯยูไนเต็ดที่ได้ประตูถล่ม 4-0 ในจังหวะที่เล่นเตะมุมสั้น ก่อนราฟาเอลจะตักบอลเข้ากลางเขตโทษ เป็นเอร์นานเดซที่ยืนกางมุ้ง 2 ชั้นรออยู่ว่างโล่งโจ้ง ใช้หัวสะกิดบอลนิดๆส่งบอลเข้าประตูไป เกมขาดแล้ว

อีก 1 นาทีต่อมา เอาใจเด็กมันสักหน่อบสำหรับเซอร์ อเล็กซ์ที่จัดการส่งตัวพ็อกบาซึ่งยังยึกยักไม่ยอมต่อสัญญาฉบับใหม่เสียทีลงสนาม แล้วถอดคาร์ริคออกไปพัก

นาทีที่ 61 เกมมันขาดสุดๆเลย เพราะแมนฯยูไนเต็ดได้ประตูทิ้ง 5-0 จากจังหวะที่วาเลนเซียทำชิ่งกับเวลเบ็คได้สวย ทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะตักยาวไปเสาสอง เอร์นานเดซพุ่งเข้ามาแปแบบเต็มตีนเตี่ย ส่งบอลเสยคานเข้าประตูไป "ปีศาจแดง" เอาใหญ่ 5-0

แม้ว่าเกมจะขาดอย่างแรง แต่วูล์ฟส์ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อพวกเขาทำเกมบุกขึ้นไปบ้าง จนได้ลุ้น 2 จังหวะจากไคท์ลี่ย์ที่ตวัดยิงไปติดเซฟของเด เกอา พร้อมกับลูกโหม่งที่นายด่านสแปนิชทำหลุดออกหลังไปอีก

นาทีที่ 75 แมนฯยูไนเต็ดเปลี่ยนเอาสมอลลิ่งที่ต้องใส่เฮดการ์ดป้องกันศรีษะลงเล่น แล้วถอดเอาอีแวนส์ที่วันนี้เล่นได้เด่นทั้งรุกและรับออกไปพัก

นาทีที่ 79 เกือบจะได้บวกประตูเพิ่มตามเอร์นานเดซไปแล้วสำหรับเวลเบ็ค เมื่อเขาทะลุหลุดเข้าไปในเขตโทษ จากการจ่ายของรูนี่ย์ แต่ตอนยิงดันไปติดขาเฮนเนสซี่ย์ซึ่งยื่นสกัดเอาไว้ได้เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ตอนนี้มีแค่ว่าทีมเยือนจะทำประตูเพิ่มได้ไหม โดยเฉพาะรูนี่ย์ที่เพื่อนช่วยกันปั้นเหลือเกิน แต่ก็ยิงติดบล็อกของกองหลังซะส่วนใหญ่

จบ 90 นาทีเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เอาชนะไปได้ตามความคาดหมายแบบสกอร์ขาดสุดๆ 5-0 ทำให้พวกเขามีคะแนนหนีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปเป็น 4 แต้ม แม้ว่าจะเตะมากกว่า 1 นัดก็ตาม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
วูล์ฟส์ : เวย์น เฮนเนสซี่ย์ 6, เซบาสเตียน บาสซง 6, ริชาร์ด สเตียร์แมน 5.5, สตีเฟ่น วอร์ด 4.5, โรนัลด์ ซูบาร์ 4.5, เดวิด เดวิส 6(จอนส์สัน - น.43), เควิน โฟลี่ย์ 5.5, เดวิด เอ็ดเวิร์ดส์ 5.5, แมทธิว จาร์วิส 6.5, เควิน ดอยล์ 6(ไคท์ลี่ย์ 6.5 น.57), สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ 5.5(อีแบงค์-เบล็คส์ - น.78)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด :ดาวิด เด เกอา 6.5, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6.5, จอนนี่ อีแวนส์ 7.5 (สมอลลิ่ง 6 น.75), ปาทริซ เอฟร่า 6(ฟาบิโอ 6 น.63), ราฟาเอล 7, พอล สโคลส์ 6.5, ไมเคิ่ล คาร์ริค 6.5(พ็อกบา 6 น.57), แดนนี่ เวลเบ็ค 7.5, อันโตนิโอ วาเลนเซีย 8, เวย์น รูนี่ย์ 7.5, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ 7.5

ไฮไลท์แมตช์ เชลซี VS เลสเตอร์ ซิตี้ FA Cup -สิงห์ถล่ม 5-2,หงส์ทุบหม้อ2-1 ลิ่วเอฟเอรอบรอง 12bet 19/03/2555



เชลซี ตกเท้าเข้ารอบรองชนะเลิศศึกบอลถ้วยเอฟ เอ คัพ ไปตามความคาดหมาย หลังเปิดรังสแตมฟอร์ดบริดจ์ ถล่มเลสเตอร์ ซิตี้ 5-2 เช่นเดียวกับ"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่แม้จะหืดจับแต่ก็เชือด "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊คซิตี้ เข้าวินไปได้เช่นกัน 


วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2555 


ฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ
เชลซี 5-2 เลสเตอร์ ซิตี้ 






เจ้าบ้านเชลซีไม่มีเทอร์รี่ทั้งตัวจริงและม้านั่งสำรอง นอกนั้นถือว่าสำรองไม่น้อยมีทั้งเบอร์ทรานด์, เมเรเลส, มิเกลและกาลู โดยพวกเขาเคยเจอกับเลสเตอร์ในรายการลีก คัพเมื่อปี 2007 และเอาชนะไปได้ 4-3 อีกทั้ง 4 เกมหลังที่พวกเขาเจอกับเลสเตอร์ในเอฟเอ คัพยังผ่านเข้ารอบได้ตลอด

ด้านทีมเยือนมีคอนเชสกี้อดีตแบ็คลิเวอร์พูลลงสนามได้หลังพ้นโทษแบน นอกนั้นเกมรุกมาครบทั้งนูเจนท์, กัลลาเกอร์และเบ็คฟอร์ด นอกจากนี้การเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีด้วย


เปิดฉากมาได้ผลัดบุกเข้าใส่กันเลยและเจ้าบ้านก็ได้ลองส่องก่อนจากจังหวะที่โต้กลับขึ้นมาตอร์เรสพาบอลจากกลางสนามมาจนถึงเขตโทษก่อนหักเข้ากลางให้กับมาต้าจับบอลก่อนแล้วเลี้ยงหาช่องสับไกแต่ยังติดบล็อก


แล้วนาที 12 "สิงห์บลูส์"ก็ทำประตูจนได้จากจังหวะเตะมุมทางขวา มาต้าเป็นคนเปิดเข้ามาถึงเสาสองให้กับเคฮิลล์ที่วิ่งมาเทคตัวได้สูงกว่าบัมบ้าก่อนจะโขกประตูแรกของเขากับทีมเข้าไปไม่เหลือพร้อมกับดีใจด้วยการถกเสื้อโชว์ข้อความอวยพรถึงฟาบริช มูอัมบ้าเพื่อนร่วมทีมเก่าเขาด้วย เชลซีขึ้นนำแล้ว 1-0

อีก 5 นาทีให้หลังเจ้าบ้านก็มาได้ประตูเพิ่มแล้วจากจังหวะโต้กลับทางริมเส้นขวาโดยตอร์เรสที่ควบตะบึงจากแดนตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆก่อนจะหักเข้ากลางให้กับกาลูที่เติมขึ้นมาได้บอลไปโล่งๆแล้วขยับหลอกชไมเคิ่ลทีนึงก่อนจะยิงแบบนิ่มๆผ่านเข้าไป เชลซีนำห่างเป็น 2-0

เชลซีน่าจะได้ประตูเพิ่มอีกลูกเสียจริงเป็นลูกวางยาวจากแนวรับโดยอิวาโนวิชขึ้นมาให้กับสเตอร์ริดจ์ทางขวาพาบอลไปถึงเส้นหลังก่อนจะลากผ่านตัวประกบเข้ากลางมา มีตอร์เรสยืนรอขอบอลตรงกลางโล่งๆแต่ไม่จ่ายเลือกชิปผ่านมือชไมเคิ่ลแต่หลุดเสาไปทำเอาตอร์เรสเซ็งกันไป


เชลซียังคงกดดันอยู่เรื่อยๆจนตอร์เรสมีโอกาสน่าเป็นประตูถึงสองครั้ง โดยลูกแรกเป็นการเปิดของมาต้าเข้ามาให้ตอร์เรสตรงกรอบหกหลาโขกเต็มๆแต่ดันตรงตัวชไมเคิ่ล ส่วนอีกจังหวะที่ลูกที่ได้ยิงหน้าเขตโทษด้วยขวาแต่ก็เจอเซฟอยู่

ผ่านครึ่งชั่วโมงไปเลสเตอรืเกือบจะได้ไล่ตีตื้นขึ้นมาแล้วเช่นกันจากเคฮิลล์ที่ไปเลี้ยงบอลหน้าเขตโทษแต่ลื่นเสียบอลให้กับดายเออร์ก่อนจะเจอพาไปยิงแต่เช็คยังคงบินปัดออกหลังไปได้ทัน

ช่วงท้ายครึ่งแรกเกมเพลาลงไปกว่าเดิมแต่"สิงห์บลูส์"ก็ยังได้ลุ้นอยู่จากจังหวะที่สเตอร์ริดจ์โยกมาอยู่ทางซ้ายก่อนจะได้โอกาสสับไกจากนอกเขตโทษแต่แฉลบ บอลที่จะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์เจ้าบ้านนำ 2-0


กลับมาเริ่มครึ่งหลังเล่นไป 6 นาทีรูปเกมยังคล้ายๆกับครึ่งแรกและเป็นเชลซีที่ได้ลุ้นเสียก่อนจากจังหวะยิงไกลประมาณ 28 หลาโดยมาลูด้าแต่ชไมเคิ่ลยังล้มตัวปัดเอาไว้ได้

ยังได้ลุ้นต่อไปสำหรับเจ้าบ้านจากมาลูด้าคนเดิมอีกแล้วที่ได้ลูกจ่ายของตอร์เรสก่อนจะเลี้ยงเข้าเขตโทษรอจังหวะแตะหนีตัวประกบเข้าในก่อนจะยิงด้วยซ้ายแต่บอลยังพุ่งหลุดเสาแรก


ทางเลสเตอร์เองก็มีลุ้นได้ประตูไล่มาอีกครั้งเช่นกันเป็นดายเออร์ที่ได้บอลทางริมเส้นซ้ายก่อนจะลากจี้เข้าเขตโทษแตะหนีเคฮิลล์ไปก่อนจะยิงเน้นไปเสาไกลแต่บอลก็ยังหลุดออกหลังอยู่

นาที 67 เสียงเชียร์ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์เฮกันดังลั่นหลัง"สิงห์บลูส์"มาได้ประตูเพิ่มจนได้และคนทำก็ไม่ใช่ใครที่ไหนตอร์เรสนี่เองจากเมเรเลสที่ทำชิ่งกับสเตอร์ริดจ์หลุดขึ้นมาเข้าเขตโทษ ก่อนจะหักเข้ากลางให้หัวหอกที่ฝืดไปนานได้ยิงผ่านมือชไมเคิ่ลบอลเบาๆแต่ยังดีพอที่ค่อยๆกลิ้งเข้าประตูไปหยุดสถิติไม่ทำประตูเอาไว้ที่ 25 ชั่วโมง เชลซีบวกเพิ่มเป็น 3-0

แล้วตอร์เรสน่าทำเพิ่มอีกแล้วจากสเตอร์ริดจ์ที่พาบอลขึ้นมาทางซ้าย ดึงจังหวะรอสับขาหลอกไปเรื่อยล่อตัวประกบก่อนจะไหลกลับมาบริเวณกลางเขตโทษให้กับตอร์เรสยิงแบบไม่ต้องจับแต่บอลข้ามคานไปนิดเดียว

นาที 77 ทีมเยือนทำประตูไล่ขึ้นมาแล้วจากแดนน์ที่พาบอลขึ้นมาตรงกลางก่อนเห็นว่างๆเลยจัดการยิงไกล บอลกระดอนพื้นไปชนเสาเต็มๆแต่ยังเป็นใจเข้าทางเบ็คฟอร์ดยิ่งซ้ำเข้าไปไม่มีเหลือ เลสเตอร์เอาคืนมาเป็น 3-1

ก่อนหมดเวลาอีก 5 นาทีเจ้าบ้านมาบวกประตูเพิ่มได้อีกจากตอร์เรสคนเดิมเป็นจังหวะเปิดเตะมุมทางซ้ายเข้ามาโดยเมเรส ก่อนที่หัวหอกค่าตัว 50 ล้านปอนด์จะโฉบมาโหม่งเช็ดเสาแรกส่งบอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่ายที่เสาสอง เชลซีทิ้งออกไปอีกเป็น 4-1

ท้ายเกมแล้วแต่ประตูยังมาเรื่อยคราวนี้เป็นของ"จิ้งจอก"บ้างจากจังหวะที่มาร์แชลล์ได้เบ็คฟอร์ดจ่ายให้กับมาร์แชลล์พาบอลตัดจากซ้ายเข้ามาก่อนจะง้างเท้ากดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลสวยงามหมดจดแบบที่เช็คนต้องยอม เลสเตอร์ไล่มาเป็น 4-2

ทดเจ็บแล้วก็ยังมีประตูอยู่เช่นเดิมคราวนี้เป็นบอลวางยาวจากหลังขึ้นมาให้กับตอร์เรสทางซ้ายพาบอลจี้เข้าเขตโทษก่อนล็อกหลบบัมบ้าทำหลังหักมีโอกาสยิงเองแล้วแต่ใจกว้างเป็นแม่น้ำแยงซีเกียงเลือกส่งให้กับเมเลเรสที่เติมมตรงกลางยิงเข้าไปง่ายๆ เชลซีบวกอีกนำ 5-2
จบเกมตอร์เรสกลับมาหาประตูได้อีกครั้งช่วยให้เชลซีเอาชนะเลสเตอร์ไป 5-2 ผ่านเข้าไปรอในรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพรอลุ้นจับสลากในคืนนี้



เชลซี : ปีเตอร์ เช็ค 5.5, โจเซ่ โบซิงวา 6.0, แกรี่ เคฮิลล์ 7.0, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช (ลูอิช น.76 -) 6.5, ไรอัน เบอร์ทรานด์ 6.0, ราอูล เมเลเรส 7.0, จอห์น โอบี มิเกล 5.5, ซาโลมง กาลู 7.0 (เอสเซียง น.63 5.5), ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ 5.5, ฆวน มาต้า 7.5 (มาลูด้า น.45 7.0), เฟร์นานโด ตอร์เรส 8.5*

เลสเตอร์ ซิตี้ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล 7.0, พอล คอนเชสกี้ 5.0, เวส มอร์แกน 6.5, ฌอน เซนต์ เลดเจอร์ 5.0 (ชลูปป์ น.63 6.0), ซูเลย์มาเน่ บัมบ้า 5.0, ริชาร์ด เวลเลนส์ 5.0 (มาร์แชลล์ น.83 -), ลอยด์ ดายเออร์ 5.5, นีล แดนน์ 6.5, เดวิด นูเจนท์ 5.0, พอล กัลลาเกอร์ 4.5 (เพลเทียร์ น.43 6.0), เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด 6.5







ลิเวอร์พูล 2-1 สโต๊ค ซิตี้ 






ด้านหงส์แดงเริ่มมาได้ไม่นานก็ลุ้นก่อนจะลูกเปิดของเจอร์ราร์ดให้มักซี่ แต่ตัวจี๊ดจากอาร์เจนติน่าก็โหม่งสะบัดข้ามคานออกไป


นาที 23 "หงส์แดง"ก็มาได้ประตูขึ้นนำจนได้จากเจอรราร์ดที่จ่ายให้กับซัวเรสพาบอลขึ้นมา ก่อนจะออกต่อให้มักซี่แล้วชิ่งกลับมาเร็วสุดท้ายหัวหอกฟันไม่เข้าก็ได้ง้างเท้ายิงจากหน้าเขตโทษบอลพุ่งโค้งผ่านมือโซเรนเซ่นเบียดเสาไกลเข้าไปอย่างหมดจด ลิเวอร์พูลออกนำแล้ว 1-0

แต่อีกไม่กี่จังหวะถัดมาก็ทำเอาเดอะค็อปเซ็งไปทั้งแอนฟิลด์หลัง"ช่างปั้นหม้อ"ได้ประตูตีเสมอกลับมาอย่างรวดเร็วจากจังหวะเตะมุมทางขวาโดยเอเธอริงตันเปิดเข้ามาที่เสาแรกและเป็นเคราช์ศิษย์เก่าได้ขวิดโล่งๆไม่มีเหลือ สโต๊คไล่ตีเสมอทันควัน 1-1 ในนนาทีที่ 26


นาที 57 "หงส์แดง"ที่ได้บุกแทบตลอดก็กลับมานำอีกครั้งจนได้จากเคลลี่ที่จ่ายให้กับดาวนิ่งเลี้ยงตัดจากขวาเข้าในแล้วจ่ายต่อให้เจอร์ราร์ดจะพาบอลทะลุเข้าเขตโทษจับบอลพลาดแต่กลายเป็นตั้งบอลให้กับดาวนิ่งวิ่งมาเก็บแล้วพาหลบไปอีกสองคนก่อนจะยิงหักข้อเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลกลับมานำอีกครั้ง 2-1

โอกาสยังคงมาเรื่อยๆสำหรับลิเวอร์พูลคราวนี้เป็นของเคาท์ที่เพิ่งลงสนามมาให้ได้รับบอลระยะประมาณ 28 หลาก่อนจะหาตัวจ่ายต่อไม่เจอเลยจัดการตั้งป้อมยิงไกลซะแต่โซเรนเซ่นก็ยืนตำแหน่งดีรับไว้ได้ไม่มีปัญหา

"หงส์แดง"มีโอกาสได้ลองจบอีกครั้งนึงจากเจอร์ราร์ดที่จ่ายต่อให้กับซัวเรสพาขึ้นมาตรงกลางนิดหน่อยเห็นทางโล่งๆเลยจัดการกดไกลบอลติดไซร้ก้อยเล็กๆและพุ่งเรียดแต่ก็ยังแรงไม่พอโซเรนเซ่นยังล้มตัวเซฟเอาไว้ได้

เข้าช่วง 15 นาทีสุดท้ายกลายเป็นทีมเยือนที่กลับมาได้โอกาสครองบอลมากกว่าแต่ก็ยังไม่ได้ยิงเลยซักจังหวะในครึ่งหลังนี้ ส่วนลิเวอร์พูลก็รอเวลาเล่นโต้กลับ

ท้ายเกมลิเวอร์พูลมีโอกาสจะได้ยิงอีกแล้วจากเคลลี่ที่ทำชิ่งกับเคาท์ทางริมเส้นก่อนหลุดเข้ามาในเขตโทษ วิ่งควบมาสุดแรงเกิดก่อนจะง้างเท้ายิงแต่ชอว์ครอสส์เข้ามาสไลด์ดักเอาไว้ได้ทันทำเอาเจ้าตัวเจ็บไปด้วยแต่ก็ลุกมาเล่นต่อได้

จบเกมลิเวอร์พูลก็ไม่มีปัญหาเอาชนะสโต๊ค ซิตี้ไป 2-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศกลับสู่เวมบลีย์ไปรอลุ้นผู้ชนะระหว่างเอฟเวอร์ตันกับซันเดอร์แลนด์ที่จะต้องเตะรีเพลย์กัน

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 
ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า 6.5, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6.5, มาร์ติน สเคอร์เทล 7.5*, โฆเซ่ เอนริเก้ 6.0, มาร์ติน เคลลี่ 5.5 (โคอาเตส น.88 -), สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 6.0, สจวร์ต ดาวนิ่ง 6.5, มักซี่ โรดริเกซ 5.5 (เคาท์ น.61 6.0), เจย์ สเปียริ่ง 7.0, แอนดี้ คาร์โรลล์ 6.0, หลุยส์ ซัวเรส 7.0 (เฮนเดอร์สัน น.89 -)


สโต๊ค ซิตี้ : โทมัส โซเรนเซ่น 6.0, แอนดี้ วิลกินสัน 6.0, โรเบิร์ต ฮูธ 7.0, ไรอัน ชอว์ครอสส์ 7.0, ไรอัน ชอตตัน 6.0 (เพนแนนท์ น.61 6.0), เกล็นน์ วีแลน 6.5, ดีน ไวท์เฮด 6.5 (ดีแลป น.74 5.5), แมตธิว เอเธอริงตัน 5.0 (เจโรม น.72), มาร์ก วิลสัน 6,5, ปีเตอร์ เคราช์ 7.0, โจนาธาน วอลเตอร์ส 6.5

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สุดยอดแมตช์ตลอดกาล