วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2555
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ
เชลซี 5-2 เลสเตอร์ ซิตี้
เจ้าบ้านเชลซีไม่มีเทอร์รี่ทั้งตัวจริงและม้านั่งสำรอง นอกนั้นถือว่าสำรองไม่น้อยมีทั้งเบอร์ทรานด์, เมเรเลส, มิเกลและกาลู โดยพวกเขาเคยเจอกับเลสเตอร์ในรายการลีก คัพเมื่อปี 2007 และเอาชนะไปได้ 4-3 อีกทั้ง 4 เกมหลังที่พวกเขาเจอกับเลสเตอร์ในเอฟเอ คัพยังผ่านเข้ารอบได้ตลอด
ด้านทีมเยือนมีคอนเชสกี้อดีตแบ็คลิเวอร์พูลลงสนามได้หลังพ้นโทษแบน นอกนั้นเกมรุกมาครบทั้งนูเจนท์, กัลลาเกอร์และเบ็คฟอร์ด นอกจากนี้การเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีด้วย
เปิดฉากมาได้ผลัดบุกเข้าใส่กันเลยและเจ้าบ้านก็ได้ลองส่องก่อนจากจังหวะที่โต้กลับขึ้นมาตอร์เรสพาบอลจากกลางสนามมาจนถึงเขตโทษก่อนหักเข้ากลางให้กับมาต้าจับบอลก่อนแล้วเลี้ยงหาช่องสับไกแต่ยังติดบล็อก
แล้วนาที 12 "สิงห์บลูส์"ก็ทำประตูจนได้จากจังหวะเตะมุมทางขวา มาต้าเป็นคนเปิดเข้ามาถึงเสาสองให้กับเคฮิลล์ที่วิ่งมาเทคตัวได้สูงกว่าบัมบ้าก่อนจะโขกประตูแรกของเขากับทีมเข้าไปไม่เหลือพร้อมกับดีใจด้วยการถกเสื้อโชว์ข้อความอวยพรถึงฟาบริช มูอัมบ้าเพื่อนร่วมทีมเก่าเขาด้วย เชลซีขึ้นนำแล้ว 1-0
อีก 5 นาทีให้หลังเจ้าบ้านก็มาได้ประตูเพิ่มแล้วจากจังหวะโต้กลับทางริมเส้นขวาโดยตอร์เรสที่ควบตะบึงจากแดนตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆก่อนจะหักเข้ากลางให้กับกาลูที่เติมขึ้นมาได้บอลไปโล่งๆแล้วขยับหลอกชไมเคิ่ลทีนึงก่อนจะยิงแบบนิ่มๆผ่านเข้าไป เชลซีนำห่างเป็น 2-0
เชลซีน่าจะได้ประตูเพิ่มอีกลูกเสียจริงเป็นลูกวางยาวจากแนวรับโดยอิวาโนวิชขึ้นมาให้กับสเตอร์ริดจ์ทางขวาพาบอลไปถึงเส้นหลังก่อนจะลากผ่านตัวประกบเข้ากลางมา มีตอร์เรสยืนรอขอบอลตรงกลางโล่งๆแต่ไม่จ่ายเลือกชิปผ่านมือชไมเคิ่ลแต่หลุดเสาไปทำเอาตอร์เรสเซ็งกันไป
เชลซียังคงกดดันอยู่เรื่อยๆจนตอร์เรสมีโอกาสน่าเป็นประตูถึงสองครั้ง โดยลูกแรกเป็นการเปิดของมาต้าเข้ามาให้ตอร์เรสตรงกรอบหกหลาโขกเต็มๆแต่ดันตรงตัวชไมเคิ่ล ส่วนอีกจังหวะที่ลูกที่ได้ยิงหน้าเขตโทษด้วยขวาแต่ก็เจอเซฟอยู่
ผ่านครึ่งชั่วโมงไปเลสเตอรืเกือบจะได้ไล่ตีตื้นขึ้นมาแล้วเช่นกันจากเคฮิลล์ที่ไปเลี้ยงบอลหน้าเขตโทษแต่ลื่นเสียบอลให้กับดายเออร์ก่อนจะเจอพาไปยิงแต่เช็คยังคงบินปัดออกหลังไปได้ทัน
ช่วงท้ายครึ่งแรกเกมเพลาลงไปกว่าเดิมแต่"สิงห์บลูส์"ก็ยังได้ลุ้นอยู่จากจังหวะที่สเตอร์ริดจ์โยกมาอยู่ทางซ้ายก่อนจะได้โอกาสสับไกจากนอกเขตโทษแต่แฉลบ บอลที่จะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์เจ้าบ้านนำ 2-0
กลับมาเริ่มครึ่งหลังเล่นไป 6 นาทีรูปเกมยังคล้ายๆกับครึ่งแรกและเป็นเชลซีที่ได้ลุ้นเสียก่อนจากจังหวะยิงไกลประมาณ 28 หลาโดยมาลูด้าแต่ชไมเคิ่ลยังล้มตัวปัดเอาไว้ได้
ยังได้ลุ้นต่อไปสำหรับเจ้าบ้านจากมาลูด้าคนเดิมอีกแล้วที่ได้ลูกจ่ายของตอร์เรสก่อนจะเลี้ยงเข้าเขตโทษรอจังหวะแตะหนีตัวประกบเข้าในก่อนจะยิงด้วยซ้ายแต่บอลยังพุ่งหลุดเสาแรก
ทางเลสเตอร์เองก็มีลุ้นได้ประตูไล่มาอีกครั้งเช่นกันเป็นดายเออร์ที่ได้บอลทางริมเส้นซ้ายก่อนจะลากจี้เข้าเขตโทษแตะหนีเคฮิลล์ไปก่อนจะยิงเน้นไปเสาไกลแต่บอลก็ยังหลุดออกหลังอยู่
นาที 67 เสียงเชียร์ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์เฮกันดังลั่นหลัง"สิงห์บลูส์"มาได้ประตูเพิ่มจนได้และคนทำก็ไม่ใช่ใครที่ไหนตอร์เรสนี่เองจากเมเรเลสที่ทำชิ่งกับสเตอร์ริดจ์หลุดขึ้นมาเข้าเขตโทษ ก่อนจะหักเข้ากลางให้หัวหอกที่ฝืดไปนานได้ยิงผ่านมือชไมเคิ่ลบอลเบาๆแต่ยังดีพอที่ค่อยๆกลิ้งเข้าประตูไปหยุดสถิติไม่ทำประตูเอาไว้ที่ 25 ชั่วโมง เชลซีบวกเพิ่มเป็น 3-0
แล้วตอร์เรสน่าทำเพิ่มอีกแล้วจากสเตอร์ริดจ์ที่พาบอลขึ้นมาทางซ้าย ดึงจังหวะรอสับขาหลอกไปเรื่อยล่อตัวประกบก่อนจะไหลกลับมาบริเวณกลางเขตโทษให้กับตอร์เรสยิงแบบไม่ต้องจับแต่บอลข้ามคานไปนิดเดียว
นาที 77 ทีมเยือนทำประตูไล่ขึ้นมาแล้วจากแดนน์ที่พาบอลขึ้นมาตรงกลางก่อนเห็นว่างๆเลยจัดการยิงไกล บอลกระดอนพื้นไปชนเสาเต็มๆแต่ยังเป็นใจเข้าทางเบ็คฟอร์ดยิ่งซ้ำเข้าไปไม่มีเหลือ เลสเตอร์เอาคืนมาเป็น 3-1
ก่อนหมดเวลาอีก 5 นาทีเจ้าบ้านมาบวกประตูเพิ่มได้อีกจากตอร์เรสคนเดิมเป็นจังหวะเปิดเตะมุมทางซ้ายเข้ามาโดยเมเรส ก่อนที่หัวหอกค่าตัว 50 ล้านปอนด์จะโฉบมาโหม่งเช็ดเสาแรกส่งบอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่ายที่เสาสอง เชลซีทิ้งออกไปอีกเป็น 4-1
ท้ายเกมแล้วแต่ประตูยังมาเรื่อยคราวนี้เป็นของ"จิ้งจอก"บ้างจากจังหวะที่มาร์แชลล์ได้เบ็คฟอร์ดจ่ายให้กับมาร์แชลล์พาบอลตัดจากซ้ายเข้ามาก่อนจะง้างเท้ากดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลสวยงามหมดจดแบบที่เช็คนต้องยอม เลสเตอร์ไล่มาเป็น 4-2
ทดเจ็บแล้วก็ยังมีประตูอยู่เช่นเดิมคราวนี้เป็นบอลวางยาวจากหลังขึ้นมาให้กับตอร์เรสทางซ้ายพาบอลจี้เข้าเขตโทษก่อนล็อกหลบบัมบ้าทำหลังหักมีโอกาสยิงเองแล้วแต่ใจกว้างเป็นแม่น้ำแยงซีเกียงเลือกส่งให้กับเมเลเรสที่เติมมตรงกลางยิงเข้าไปง่ายๆ เชลซีบวกอีกนำ 5-2
จบเกมตอร์เรสกลับมาหาประตูได้อีกครั้งช่วยให้เชลซีเอาชนะเลสเตอร์ไป 5-2 ผ่านเข้าไปรอในรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพรอลุ้นจับสลากในคืนนี้
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ค 5.5, โจเซ่ โบซิงวา 6.0, แกรี่ เคฮิลล์ 7.0, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช (ลูอิช น.76 -) 6.5, ไรอัน เบอร์ทรานด์ 6.0, ราอูล เมเลเรส 7.0, จอห์น โอบี มิเกล 5.5, ซาโลมง กาลู 7.0 (เอสเซียง น.63 5.5), ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ 5.5, ฆวน มาต้า 7.5 (มาลูด้า น.45 7.0), เฟร์นานโด ตอร์เรส 8.5*
เลสเตอร์ ซิตี้ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล 7.0, พอล คอนเชสกี้ 5.0, เวส มอร์แกน 6.5, ฌอน เซนต์ เลดเจอร์ 5.0 (ชลูปป์ น.63 6.0), ซูเลย์มาเน่ บัมบ้า 5.0, ริชาร์ด เวลเลนส์ 5.0 (มาร์แชลล์ น.83 -), ลอยด์ ดายเออร์ 5.5, นีล แดนน์ 6.5, เดวิด นูเจนท์ 5.0, พอล กัลลาเกอร์ 4.5 (เพลเทียร์ น.43 6.0), เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด 6.5
ลิเวอร์พูล 2-1 สโต๊ค ซิตี้
ด้านหงส์แดงเริ่มมาได้ไม่นานก็ลุ้นก่อนจะลูกเปิดของเจอร์ราร์ดให้มักซี่ แต่ตัวจี๊ดจากอาร์เจนติน่าก็โหม่งสะบัดข้ามคานออกไป
นาที 23 "หงส์แดง"ก็มาได้ประตูขึ้นนำจนได้จากเจอรราร์ดที่จ่ายให้กับซัวเรสพาบอลขึ้นมา ก่อนจะออกต่อให้มักซี่แล้วชิ่งกลับมาเร็วสุดท้ายหัวหอกฟันไม่เข้าก็ได้ง้างเท้ายิงจากหน้าเขตโทษบอลพุ่งโค้งผ่านมือโซเรนเซ่นเบียดเสาไกลเข้าไปอย่างหมดจด ลิเวอร์พูลออกนำแล้ว 1-0
แต่อีกไม่กี่จังหวะถัดมาก็ทำเอาเดอะค็อปเซ็งไปทั้งแอนฟิลด์หลัง"ช่างปั้นหม้อ"ได้ประตูตีเสมอกลับมาอย่างรวดเร็วจากจังหวะเตะมุมทางขวาโดยเอเธอริงตันเปิดเข้ามาที่เสาแรกและเป็นเคราช์ศิษย์เก่าได้ขวิดโล่งๆไม่มีเหลือ สโต๊คไล่ตีเสมอทันควัน 1-1 ในนนาทีที่ 26
นาที 57 "หงส์แดง"ที่ได้บุกแทบตลอดก็กลับมานำอีกครั้งจนได้จากเคลลี่ที่จ่ายให้กับดาวนิ่งเลี้ยงตัดจากขวาเข้าในแล้วจ่ายต่อให้เจอร์ราร์ดจะพาบอลทะลุเข้าเขตโทษจับบอลพลาดแต่กลายเป็นตั้งบอลให้กับดาวนิ่งวิ่งมาเก็บแล้วพาหลบไปอีกสองคนก่อนจะยิงหักข้อเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลกลับมานำอีกครั้ง 2-1
โอกาสยังคงมาเรื่อยๆสำหรับลิเวอร์พูลคราวนี้เป็นของเคาท์ที่เพิ่งลงสนามมาให้ได้รับบอลระยะประมาณ 28 หลาก่อนจะหาตัวจ่ายต่อไม่เจอเลยจัดการตั้งป้อมยิงไกลซะแต่โซเรนเซ่นก็ยืนตำแหน่งดีรับไว้ได้ไม่มีปัญหา
"หงส์แดง"มีโอกาสได้ลองจบอีกครั้งนึงจากเจอร์ราร์ดที่จ่ายต่อให้กับซัวเรสพาขึ้นมาตรงกลางนิดหน่อยเห็นทางโล่งๆเลยจัดการกดไกลบอลติดไซร้ก้อยเล็กๆและพุ่งเรียดแต่ก็ยังแรงไม่พอโซเรนเซ่นยังล้มตัวเซฟเอาไว้ได้
เข้าช่วง 15 นาทีสุดท้ายกลายเป็นทีมเยือนที่กลับมาได้โอกาสครองบอลมากกว่าแต่ก็ยังไม่ได้ยิงเลยซักจังหวะในครึ่งหลังนี้ ส่วนลิเวอร์พูลก็รอเวลาเล่นโต้กลับ
ท้ายเกมลิเวอร์พูลมีโอกาสจะได้ยิงอีกแล้วจากเคลลี่ที่ทำชิ่งกับเคาท์ทางริมเส้นก่อนหลุดเข้ามาในเขตโทษ วิ่งควบมาสุดแรงเกิดก่อนจะง้างเท้ายิงแต่ชอว์ครอสส์เข้ามาสไลด์ดักเอาไว้ได้ทันทำเอาเจ้าตัวเจ็บไปด้วยแต่ก็ลุกมาเล่นต่อได้
จบเกมลิเวอร์พูลก็ไม่มีปัญหาเอาชนะสโต๊ค ซิตี้ไป 2-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศกลับสู่เวมบลีย์ไปรอลุ้นผู้ชนะระหว่างเอฟเวอร์ตันกับซันเดอร์แลนด์ที่จะต้องเตะรีเพลย์กัน
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า 6.5, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6.5, มาร์ติน สเคอร์เทล 7.5*, โฆเซ่ เอนริเก้ 6.0, มาร์ติน เคลลี่ 5.5 (โคอาเตส น.88 -), สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 6.0, สจวร์ต ดาวนิ่ง 6.5, มักซี่ โรดริเกซ 5.5 (เคาท์ น.61 6.0), เจย์ สเปียริ่ง 7.0, แอนดี้ คาร์โรลล์ 6.0, หลุยส์ ซัวเรส 7.0 (เฮนเดอร์สัน น.89 -)
สโต๊ค ซิตี้ : โทมัส โซเรนเซ่น 6.0, แอนดี้ วิลกินสัน 6.0, โรเบิร์ต ฮูธ 7.0, ไรอัน ชอว์ครอสส์ 7.0, ไรอัน ชอตตัน 6.0 (เพนแนนท์ น.61 6.0), เกล็นน์ วีแลน 6.5, ดีน ไวท์เฮด 6.5 (ดีแลป น.74 5.5), แมตธิว เอเธอริงตัน 5.0 (เจโรม น.72), มาร์ก วิลสัน 6,5, ปีเตอร์ เคราช์ 7.0, โจนาธาน วอลเตอร์ส 6.5
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น