วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2555
ฟุตบอลพรึเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ดาร์บี้แมตช์ เมืองแมนเชสเตอร์เริ่มขึ้นในเกมที่ 36 ของฤดูกาล ก่อนเกมปีศาจแดงมีแต้มนำเรือใบสีฟ่้าอยู่ 3 คะแนน ทว่าลูกได้เสียยังเป็นรองอยู่ถึง 7 ประตู
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จัดทัพแปลกสุดๆ โดยดร็อปทั้งแอชลีย์ ยัง และอันโตนิโอ วาเลนเซีย สองผู้เล่นริมเส้นที่ฟอร์มการเล่นใช้ได้ และเลือกส่งนานี่ กับพาร์ค จี ซอง ที่ร้างสนามในระยะหลังลงมาแทน
ด้านซิตี้ ไม่ได้ใช่้บริการความเกรียนของมาริโอ บาโลเตลลี่ แต่ใช้กองหน้ามะขามป้อมสองหน่ออย่างกุน เอวเกวโร่ และคาร์ลอส เตเวซ ดูโอ อาร์เจนไตน์นำทัพลงมา
เปิดเกมมาไม่มีกั๊กเลยสำหรับทั้งสองทีม เมื่อพยายามที่จะเอาบอลมาครองแล้วบุกใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที เริ่มจากแมนฯยูไนเต็ดทีได้กดดันก่อนที่เจ้าบ้านจะได้ไปยาวๆถึงหน้าประตู แต่โอกาสจะๆยังไม่มี
นาทีที่ 16 หวิดจะเสียประตูตั้งแต่แรกไปก่อนแล้วสำหรับจ่าฝูงแมนฯยูไนเต็ด เมื่อโซนรับของพวกเขาเปิดช่อง โดนนาสรี่วิ่งเลี้ยงตี้ลากบอลผ่านทะลุเข้าไปดื้อๆ ก่อนที่จะแทงทะลุช่องให้เตเบซหลุดไปเปิดควัดผ่านเด เกอาหมายให้อเกวโร่ยิงจ่อๆ แต่เป็นโจนส์ที่ไปยืนดักสกัดทิ้งออกมาได้ทัน
อีกสี่นาทีต่อมากอมปานี พยายามจะเข้าไปตัดจังหวะการเล่นสวนกลับของแมนฯยูไนเต็ด แต่ไปเข้าบอลเช้ากว่ารูนี่ย์ที่ปล่อยบอลออกไปได้แล้ว แม้ว่าเกมจะเล่นกันต่อ แต่สุดท้ายมาร์ริเนอร์ก็มาให้ใบเหลืองย้อนหลังกับกัปตันทีม "เรือใบ"
นาทีที่ 25 พลาดเต็มๆเลยสำหรับเกมรับของแมนฯยูไนเต็ด เมื่อรูนี่ย์พยายามจะสกัดบอลแบบหวดเต็มแรงดักจังหวะโยนเข้าในเขตโทษของซิลบา แต่ดันหวดไม่ไปไหน เลยโดนหนุนสวนกลับเข้าไปอีกที บอลเข้าทางอเกวโร่ที่ไม่ต้องพูดมาก ยิงมันจังหวะแรกเลย ติดที่โดนไม่เต็มใบ เลยพุ่งข้ามคานออกหลังไปไกลลิบ
ผ่านครึ่งชั่วโมงเกมนี้ตรงกลางสัปดาห์มันแน่นสุดๆไปเลย มีหลายครั้งที่นักเตะแมนฯยูไนเต็ดต้องพยายามเลี่ยงโยนบอลยาวไปข้างหน้า ทำให้ไม่แม่นและเสียบอลกลับไปง่าย ส่วนแมนฯซิตี้ใช้ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะผสานกับการต่อบอลที่รวดเร็ว ทำให้กดดันแนวรับของแมนฯยูไนเต็ดได้อยู่หลายช่วง
นาทีที่ 36 แนวรับทางซ้ายแมนฯยูไนเต็ดมีปัญหาน่าดู เพราะโดนเจาะครั้งแล้วครั้งเล่า คราวนี้โดนแมนฯซิตี้เล่นชิ่งกันจนนาสรี่หลุดเข้าไปเปิดให้อเกวโร่กระดกบอลขึ้นก่ะวอลเล่ย์เต็มๆ แต่มีเฟอร์ดินานด์เข้าไปแหย่เท้าสกัด เลยต้องอัดเบี่ยง บอลหลุดกรอบออกไป
เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย เกมมีการเปิดแลกกันขึ้นมาหน่อย หลังจากแมนฯยูฯโดนกดอยู่นาน ก็มีสวนมีโต้ขึ้นไปบ้าง แต่พวกเขาก็เกือบโดนจากจังหวะที่เตเบซพาบอลควบหนีสองผู้เล่นทีมเยือน ก่อนที่จะจ่ายต่อจนบอลไปถึงอเกวโร่ทางซ้าย ติดตรงตัวบล็อกเพียบ เลยยิงแฉลบออกหลังไป
ช่วงเวลานาทีแรก แมนฯซิตี้มาได้ประตูสุดสำคัญขึ้นนำไปแบบเฮกันลั่นสนาม หลังจากเล่นคอนเนอร์อยู่หลายต่อหลายครั้งก็มาสำเร็จ เมื่อซิลบาบรรจงโยนบอลโค้งเข้าไปในเขตโทษ สมอลลิ่งพลาดหลุดจากการประกบตัวของกอมปานี เลยทำให้กัปตันทีม "เรือใบ" สบช่องโถมตัวขึ้นโขกตรงจุดนัดพบพอดิบพอดี แสกหน้าเด เกอาเข้าไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ขึนนำก่อน 1-0 ก่อนที่จะจบ 45 นาทีแรก ลุ้นกันต่อไปในครึ่งหลัง แต่ดูจากรูปเกมในครึ่งแรกแล้ว บอกได้เลยว่าแมนฯซิตี้สมควรเป็นผู้นำไปก่อนโดยแท้
นาทีที่ 53 เก็บอารมณ์ไม่อยู่ไปหน่อยสำหรับยาย่า ในจังหวะที่เขาพยายามจะชิงเบียดกิ๊กส์ที่พยายามแตะบอลหนี แล้วเหมือนเจตนากันโดยตรง ทำให้มาร์ริเนอร์เป่าฟาวล์ เจ้าตัวไม่พอใจเลยทุ่มบอลลงซะเต็มแรง ทำให้โดนใบเหลืองไปตามระเบียบ
อีก 5 นาทีต่อมา จำเป็นแล้วสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อเห็นว่าแผนกองกลางแน่น มันไม่แน่นอย่างที่คิด ซ้ำปาร์คยังเล่นไม่ออก ทำให้ตัดสินใจส่งเวลเบ็คลงไปเล่นแทนมิดฟิลด์เลือดโสม แน่นอนว่าเกมจะต้องเปิดขึ้น
หลังจากทำท่าจะดีขึ้นในต้นๆครึ่งหลัง แล้วก็โดนแมนฯซิตี้กดดันอีก แต่พอเพิ่มกองหน้าลงไปอีกตัว ตอนนี้แมนฯยูไนเต็ดก็พยายามเดินเครื่องเข้าใส่แบบเต็มที่ ถึงอย่างนั้นก็ดูกองหลัง "เรือใบ" ไม่ค่อยระแคะระคายผิวเท่าไหร่
นาทีที่ 68 เขี้ยวน่าดูสำหรับแมนฯซิตี้ เมื่อพวกเขาจัดการส่งเดอ ยองที่ช่ำชองในการเล่นเกมรับลงไปเสริมมิดฟิลด์ แล้วถอดเตเบซที่ดูแล้วเหมือนจะหายๆหมดๆไปเหมือนกันออกไป
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ทั้งจังหวะการจ่ายบอลและการเล่นประสานกัน ดูแล้วทางแมนฯซิตี้ยังคงทำได้ดีกว่าแมนฯยูไนเต็ดอย่างต่อเนื่อง ดีไม่ดีจะยิงเพิ่มได้อีก เพราะแต่ละตัวจัดจ้านเหลือเกิน
นาทีที่ 77 เกือบมีเรื่องมีราวกันที่ข้างสนามแล้ว เมื่อเซอร์ อเล็กซ์ไม่พอใจที่เวลเบ็คโดนเดอ ยองทำฟาวล์เลยไปโวยผู้ตัดสิน ทำให้มันชินี่ปรี่เข้าไปบอกให้เงียบปากได้แล้ว ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตะโกนด่ากันไปมาจนต้องมีคนออกมาแยก
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย บีบหัวใจกันอย่างแรงทั้งสองทีม เพราะเวลางวดเข้ามาทุกทีและอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแม้ว่าแมนฯซิตี้จะนำอยู่ก็ตาม
นาทีที่ 83 มีการปรับเปลี่ยนกันทั้งสองทีม เมื่อแมนฯซิตี้เปลี่ยนเอาริชาร์ดส์ลงไปเสริมความแกร่งในแนวรับ ส่วนแมนฯยูไนเต็ดทำตรงกันข้ามกันไป เมื่อส่งยังลงเล่นแทนนานี่ที่วันนี้แผลงฤทธิ์ไม่ออกเลย
ท้ายเกมแมนเชสเตอร์ ซิตี้กลับมาบดอีกครั้ง กลิชี่วิ่งเข้าไปบวกบอลที่แฉลบออกมา แต่ติดเซฟของเด เกอาที่พุ่งปัดเอาไว้ได้ดี บวกทั้งจังหวะของนาสรี่ที่ได้โอกาสยิงในเขตโทษแล้ว แต่พี่แกยึกหลายจังหวะเกินเลยอด ถึงอย่างนั้นสุดท้ายแล้วจบ 90 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ทำสำเร็จ เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปด้วยสกอร์ 1-0 เพียงพอให้พวกเขาพลิกแซงขึ้นไปนำจ่าฝูงพรีเมียร์ ลีกด้วยประตูได้เสียที่มากกว่า ในขณะที่เหลือการแข่งขันอีกแค่ 2 เกมเท่านั้น
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, โจเลี่ยน เลสค็อตต์, แวนซองต์ กอมปานี , กาแอล กลิชี่, ปาโบล ซาบาเลต้า, แกเร็ธ แบร์รี่, ยาย่า ตูเร่ , ซาเมียร์ นาสรี่(มิลเนอร์ น.90), ดาวิด ซิลบา(ริชาร์ดส์ น.82), แซร์คิโอ้ อเกวโร่, คาร์ลอส เตเบซ(เดอ ยอง น.68)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาวิด เด เกอา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, คริส สมอลลิ่ง, ปาทริซ เอฟร่า, ฟีล โจนส์ , ไมเคิ่ล คาร์ริค , พอล สโคลส์(วาเลนเซีย น.78), ปาร์ค จี ซุง(เวลเบ็ค น.58), ไรอัน กิ๊กส์, เวย์น รูนี่ย์, นานี่(ยัง น.83)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น