วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2555
ฟุตบอลอุ่นเครื่องทีมชาติ
สวิตเซอร์แลนด์ 5-3 เยอรมนี
เยอรมันใช้ผู้เล่นชุดใหญ่ลงบู๋เกมนี้ โดยในแผงหลังนำโดยแพร์ มาร์แตซัคเกอร์ ของอาร์เซน่อล และ มัท ฮุมเมิลส์ ของโบรุสเซีย ดอร์มุนด์ กองกลางเป็นเมซุต โอซิล และซามี่ เคห์ดิ่ร่า จากเรอัล มาดริด ส่วนในกองหน้าใช้โคลเซ่ ยืนค้ำคู้กับ ลูคุส โพดอลสกี้
ต้นเกมเป็นเยอรมนีที่ได้ครองบอลบุกเข้าใส่สวิตเซอร์แลนด์ได้มากกว่าแต่ก็ยังไม่ได้กดดันเจ้าถิ่นมากนัก นาทีที่ 9 ชูร์เลร์ได้บอลริมกรอบเขตโทษก่อนจะวอลเลย์บอลไปเข้ามือเบนาโญ่รับไว้ได้สบาย
นาทีที่ 13 โอกาสได้ลุ้นของเจ้าถิ่นก็มาบ้างเมื่อบาร์เน็ตต้าเปิดลูกฟรีคิกไปให้กับอินแลร์ได้โหม่งแต่บอลก็หลุดกรอบออกไปนิดเดียวเท่านั้น เกือบทำช็อกเหมือนกันหลังจากได้ครองบอลน้อยกว่า
นาทีที่ 21 เยอรมันแม้จะได้ครองบอลมากกว่าแต่ก็ต้องมาเสียประตูไปก่อนเมื่อบาร์เน็ตต้าได้บอลทางซ้ายก่อนจะจ่ายทะลุช่องว่างระหว่างคู่เซ็นเตอร์แบ็คทีมเยือนให้เดร์ดิย็อคหลุดไปซัดไม่เหลือ เจ้าถิ่นนำแล้ว 1-0
2 นาทีต่อมาเกมรับของเยอรมันก็ปล่อยช่องว่างให้เจ้าถิ่นอีกครั้งเมื่อบาร์เน็ตต้าบรรจงเปิดบอลเข้ามาหน้าประตูและก็เป็นเดร์ดิย็อคคนเดิมสอดมาตรงช่องว่างระหว่างแมร์เตซัคเกอร์กับชเมลเซอร์โขกบอลเข้าประตูไป สวิสนำเหลือเชื่อ 2-0 ประกบตัวยังไม่ดีสำหรับเกมรับของทีมเยือน
จากนั้นเกมของเยอรมันก็ดูช็อตๆไปพอสมควรแต่ในช่วงท้ายครึ่งแรก ทีมเยือนก็มาได้ลูกฟรีคิกและก็เป็นโอซิลเปิดโค้งไปที่หน้าประตูให้กับฮุมเมิลส์โถมเข้ามาโขกเต็มบอลเด้งคานข้ามเส้นเข้าประตูไป อินทรีเหล็กไล่มาเป็น 2-1 นี่เป็นประตูแรกของกองหลังดอร์ทมุนด์ในนามทีมชาติด้วย หลังจากนั้นผู้ตัดสินไม่ทดเวลาเลยจบ 45 นาทีแรกสวิตเซอร์แลนด์นำเยอรมันอยู่ 2-1
ครึ่งหลังเยอรมันมีการเปลี่ยนแปลงส่งมาร์โก้ รอยส์ตัวรุกฟอร์มแรงจากกลัดบัคลงมาแทนโอซิล อีกคนคือกิลกาย กุนโดกานลงมาแทนเคห์ดิร่า มาดูว่าแข้งใหม่ของอินทรีเหล็กจะทำได้ดีแค่ไหน
นาทีที่ 48 เยอรมันก็ได้ลูกเตะมุมเปิดเขามากองหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ไม่ขาดบอลลอยมาตกตรงหน้าโคลเซ่ได้ยิงเต็มข้อบอลเรียดไปตรงตัวของเบนาโญ่ล้มตัวรับไว้ได้พอดี
นาทีที่ 50 เจ้าถิ่นก็มาได้ประตูทิ้งห่างออกไปอีกเมื่อมาได้ลูกฟรีคิกและก็เป็นบาร์เน็ตต้าเปิดเข้ามาให้กับเดร์ดิย็อคได้โหม่งเข้าประตูไปแม้ว่าจังหวะสุดท้ายจะก้ำกึ่งว่าโดนผู้เล่นสวิสที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าหรือเปล่าก็ตาม สกอร์ขยับเป็น 3-1
หลังโดนทิ้งห่างเยอรมันพยายามเร่งเกมขึ้นมาอีกครั้งนาทีที่ 54 โฮเวเดสได้โหม่งโล่งๆแต่มุมแคบไปเลยไม่ครงกรอบ นาทีต่อมาเกิทเซ่เบียดกับกองหลังได้บอลมาก่อนจะถึงบอลก่อนเบนาโญ่แต่จังหวะสุดท้ายโดนกองหลังเจ้าบ้านตามมาเคลียร์ทิ้งไปได้ทัน
นาทีที่ 64 อินทรีเหล็กก็ไล่มาอีครั้งเมื่อกองหลังเจ้าถิ่นโขกเคลียร์บอลมาเข้าทางของชูร์เลร์บริเวณหน้ากรอบเขตโทษก่อนที่สตารจากเลเวอร์คูเซ่นจะแตะข้าขวาแล้วยิงทันทีบอลส่ายตุงตาข่ายเข้าไป เบนาโญ่เหมือนจะพุ่งไปผิดทาง เยอรมันตามมา 3-2
สามนาทีถัดมาสวิสก็มาได้ประตูหนีออกไปอีกครั้งเมื่อเดร์ดิย็อคงัดบอลข้ามแผงกองหลังไปให้กับลิชต์สไตเนอร์วิ่งถึงบอลก่อนเตร์ สเตเก้นที่พยายามจะออกมาตัดก่อนจะโหม่งเข้าประตูไป สกอร์ขยับอีกครั้ง 4-2 ในนาที 67
เกมมันจริงๆ 5 นาทีต่อมาทีมเยือนก็ไม่ละทิ้งความพยายามไล่ตามมาอีกครั้งคราวนี้เป็นแดร็กซ์เลอร์ได้บอลทางซ้ายก่อนจะยิงไปติดเซฟของเบนาโญ่บอลมาเข้าทางของรอยส์วอลเล่ย์เต็มๆเข้าไป เยอรมันไล่มา 4-3
นาทีที่ 77 ทำอะไรก็ได้ประตูจริงๆสำหรับเจ้าถิ่นวันนี้ ได้ลูกฟรีคิกระยะประมาณ 20 หลาก่อนจะเล่นลูกสูตรไหลให้กับซีกเลอร์ยิงไปชนเสาบนมาเข้าทางเมห์เมดี้หน้าประตูยิงเข้าไปสบาย สวิสหนีไปเป็น 5-3 สกอร์มโหฬารจริงเกมกระชับมิตรนี้ หลังจากนั้นสวิสก็มีโอกาสได้ลูกที่หกอีกหลายครั้งแต่ก็พลาดไปจบเกมเยอรมนีบุกมาโดนสวิสเซอร์แลนด์ยำโหด 5-3 ต้องไปปรับปรุงเกมรับกันมาใหม่แล้ว
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
สวิตเซอร์แลนด์ : ดีเอโก้ เบนาโญ่, ฟิลิปป์ เซนเดรอส, สเตฟาน ลิชต์สไตเนอร์, สตีฟ ฟอน เบอร์เก้น, เรโต้ ซีกเลอร์, ตรานกีโญ่ บาร์เน็ตต้า, เกลสัน เฟร์นองเดส(ฌูรู น.90), ก็อกฮาน อินแลร์, กรานิต ซาก้า, เอเรน เดร์ดิย็อค, อัดมีร์ เมห์เมดี้
เยอรมนี : อันเดร เตร์ สเตเก้น, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, แม็ท ฮุมเมิลส์, เบเนดิคต์ โฮเวเดส(เบนเดอร์ น.78), มาร์เซล ชเมลเซอร์, เมซุต โอซิล(รอยส์ น.46), ซามี่ เคห์ดิร่า(กุนโดกาน น.46), อันเดร ชูร์เลร์, มาริโอ เกิทเซ่(เบนเดอร์ น.78), มิโรสลาฟ โคลเซ่(คาเคา น.78), ลูคัส โพโดลสกี้(แดร็กซ์เลอร์ น.62)
ผลฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติที่น่าสนใจ ประจำวันที่ 26 พ.ค.
สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ เยอรมนี 5-3
เดนมาร์ก แพ้ บราซิล 1-3
ไอร์แลนด์ ชนะ บอสเนียฯ 1-0
โปแลนด์ ชนะ สโลวะเกีย 1-0
โปรตุเกส เสมอ มาซิโดเนีย 0-0
สเปน ชนะ เซอร์เบีย 2-0
ฮอลแลนด์ แพ้ บัลแกเรีย 1-2
ตุรกี แพ้ ฟินแลนด์ 2-3
สาธารณรัฐเช็ก ชนะ อิสราเอล 2-1
กรีซ เสมอ สโลวีเนีย 1-1
นอร์เวย์ แพ้ อังกฤษ 0-1
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น