ราอูล เมยเรเลส ตัวสำรองที่ลงมาซัดประตูชัยให้ "สิงห์บลูส์" เชลซี หนึ่งเดียวจากเกาะอังกฤษ เฉือนชนะ เบนฟิก้า 10 ตัวหวิว 2-1 ยังสามารถเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบไปเจอ "แชมป์เก่า" บาร์เซโลน่า ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ 4 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ฤดูกาล 2011-12
วันพุธที่ 4 เมษายน 2555
เชลซี (อังกฤษ) 2 - 1 เบนฟิก้า (โปรตุเกส)
(รวมผลสองนัด เชลซี ชนะ 3-1)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ฤดูกาล 2011-12
วันพุธที่ 4 เมษายน 2555
เชลซี (อังกฤษ) 2 - 1 เบนฟิก้า (โปรตุเกส)
(รวมผลสองนัด เชลซี ชนะ 3-1)
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
เชลซีถือความได้เปรียบอยู่พอสมควรหลังบุกไปชนะมาก่อน 1-0 และได้ดาวิด ลุยซ์หายเจ็บข้อเท้าทันเวลา แต่ปรับทัพจากเกมแรกสองรายให้แฟร้งค์ แลมพาร์ดและบรานิสลาฟ อิวาโนวิชที่พลาดนัดก่อนเนื่องจากเดี้ยงกลับมาเป็นตัวจริง ส่วน เบนฟิก้าบุกมาเยือนในสภาพที่น่าเป็นห่วงไม่มีสองเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักทั้ง ชาร์เดล และลุยเซากัปตันที่บาดเจ็บทำให้มักซี่ เปเรยร่าได้สวมปลอกแขน แถมต้องใช้งานฆาบี้ การ์เซียมิดฟิลด์สวมบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็น ทีม เหยี่ยวลิสบอนเน้นเกมรุกทันทีที่มีเสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น แต่เกือบโดนดีก่อนจากลูกเตะมุมด้านซ้ายของเจ้าบ้านในนาทีที่ 9 ซึ่งลุยซ์ได้ตะบันเหน่งๆที่เสาไกล ดีที่ว่าโจน กัปเดบิล่าแหย่ขาสกัดบอลเปลี่ยนทิศให้หลุดกรอบได้ทัน จาก นั้นอีกสามนาที สิงห์บลูส์ก็ได้เสียวอีกเมื่อซาโลมง กาลูแทงบอลจากแถวสองให้ฆวน มาต้าหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปซัดผ่านอาร์ตูร์เสียบเสาไกล แต่ไม่เป็นสกอร์เนื่องจากขุนพลทีมชาติสเปนล้ำหน้า
ล่วงมา ถึงนาทีที่ 19 ออสการ์ คาร์โดโซ่ก็โดนจดชื่อในจังหวะทำฟาวล์ลุยซ์ และนาทีต่อมาจากการวางบอลยาวของเชลซี แอชลีย์ โคลก็ตามไปเก็บในเขตโทษด้านซ้ายได้แล้วโดนการ์เซียชนล้ม ผู้ตัดสินจึงมอบลูกโทษให้เจ้าบ้านและแจกใบเหลืองให้กองหลังจำเป็นของเบนฟิ ก้าก่อนที่แลมพาร์ดจะสังหารผ่านมืออาร์ตูร์อย่างเฉียดฉิวพาตัวแทนหนึ่งเดียว จากอังกฤษนำ 1-0 โดยบรูโน่ เซซาร์ และมักซี่ เปเรยร่ารับใบเหลืองเช่นกันจากการโวยใส่เชิ้ตดำที่เป่าเป็นลูกโทษ
ดวล กันมาถึงนาทีที่ 27 ปาโบล ไอมาร์ก็รับใบเหลืองอีกรายจากการทำฟาวล์ แต่อีกสามนาทีต่อมา ไอมาร์ถูกจอห์น โอบี มิเกลแซะล้มจนเป็นลูกฟรีคิก ทีมเยือนจึงโยนเข้าเขตโทษแล้วแอ๊กเซล วิทเซลโขกตั้งให้คาร์โดโซ่วอลเลย์เต็มๆจาก 15 หลาถูกจอห์น เทอร์รี่ที่คุมเสาอยู่เตะทิ้งได้แม้บอลจะผ่านมือปีเตอร์ เช็กไปแล้ว
กระทั่ง นาทีที่ 38 อิวาโนวิชก็ได้ใบเหลืองข้อหาเกี่ยวนิโกลัส ไกตานล้มพร้อมทั้งเป็นลูกฟรีคิกระยะ 25 หลาหน้าเขตโทษด้านซ้าย แต่ไอมาร์ซัดติดกำแพง และแล้วอีกสองนาทีต่อมา งานของเชลซีก็ง่ายขึ้นเป็นกองเมื่อมักซี่ เปเรยร่าได้ใบเหลืองอีกใบในจังหวะทำฟาวล์โอบี มิเกลแถวกลางสนาม เบนฟิก้าจึงเหลือแค่สิบคน ขยับมาถึงนาทีที่ 44 รามิเรสเหยียบใส่คู่แข่งจึงมีใบเหลืองเป็นของแถมอีกราย จบครึ่งแรกสิงห์บลูส์จึงนำไปก่อน 1-0
ครึ่ง หลังทีมจากแดนฝอยทองจำต้องบุกแหลกแม้จะมีผู้เล่นน้อยกว่า และนาทีที่ 49 ไกตานก็ผ่านบอลจากกราบซ้ายมาให้คาร์โดโซ่ซัลโวระยะ 18 หลาถูกเช็กบินปัดพ้นคานด้วยปลายนิ้ว กระนั้นนาทีต่อมา เจ้าถิ่นก็ตอบโต้ทันควันจนน่าจะได้ประตูเพิ่มจากการสาดบอลยาวทางขวาข้ามฟาก เข้าเขตโทษให้กาลูซัดมุมแคบผ่านอาร์ตูร์ไปเสาไกล แต่รามิเรซเข้าชาร์จเผาขนวืดเหลือเชื่อ เลยถูกเคลียร์ทิ้งได้อย่างหวุดหวิด นาที ที่ 53 สิงห์บลูส์เกือบมีสกอร์อีกหนเมื่อตอร์เรสเก็บบอลได้หน้าเขตโทษแล้วกลับตัว ยิงจาก 18 หลาถูกเอเมอร์สันแหย่ขาสกัดบอลปลิ้นออกนอกกรอบไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
ล่วง มาอีกสี่นาทีตอร์เรสทำชิ่งคืนให้มาต้าทะลุเข้ากดในเขตโทษด้านซ้ายระยะ 16 หลา แต่อาร์ตูร์เซฟได้เยี่ยมก่อนที่ทีมเยือนจะเปลี่ยนเนลสัน โอลิเวียร่าลงไปแทนคาร์โดโซ่ในอึดใจต่อมา ด้านเจ้าบ้านถอด เทอร์รี่ออกในนาทีที่ 60 โดยมีแกรี่ เคฮิลล์ถูกส่งลงไปแทน ขณะที่เบนฟิก้าส่งยันนิค ฌาโล่ลงเล่นอีกรายในนาทีที่ 62 เสียบแทนไกตาน นาที ที่ 70 เชลซีทิ้งโอกาสได้สกอร์เพิ่มไปอีกเมื่อกาลูเลื้อยขึ้นทางซ้ายแล้วจ่ายบอล เข้าเขตโทษคืนให้มาต้าสอดเข้ากระทุ้ง แต่บอลเฉี่ยวเสาสองไปนิดเดียวก่อนที่เบนฟิก้าจะส่งโรดริโก้ลงไปเป็นตัวสำรอง รายสุดท้ายในนาทีที่ 72 แทนบรูโน่ เซซาร์
นาทีที่ 85 โอกาสของทีมเยือนเริ่มกลับมา จากลูกเตะมุมเปิดมาหน้าปากประตูเป็น ฆาบี การ์เซีย ที่โฉบโหม่งตัดหน้า ปีเตอร์ เช็ก เข้าไปให้ เบนฟิก้า ไล่ตามตเสมอเป็น 1-1 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ สิงโตน้ำเงินครามมาได้ประตูชัยจากจังหวะที่ ราอูล เมยเรเลส ตัดบอลได้จากกลางสนาม ก่อนจะลากเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ ซัดด้วยขวาลูกไซด์ก้อยหนีมือผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างสวยงาม จบเกมสิงโตน้ำเงินครามจึงคว้าชัยไป 2-1 รวมผลสองนัดชนะ 3-1 หลุดเข้าไปตัดเชือกกับ "แชมป์เก่า" บาร์เซโลน่านัดแรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์วันที่ 18 เม.ย. ราย
ชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์, จอห์น เทอร์รี่ (กัปตันทีม) (แกรี่ เคฮิลล์ น.60), แอชลี่ย์ โคล - จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - รามิเรส, ฆวน มาต้า (ราอูล เมยเรเลส น.79), ซาโลมง กาลู - เฟร์นานโด ตอร์เรส (ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา น.88)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : รอสส์ เทิร์นบูลล์ (ผู้รักษาประตู), ไมเคิ่ล เอสเซียง, เปาโล แฟร์เรยร่า, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
ใบเหลือง : บรานิสลาฟ อิวาโนวิช น.38, รามิเรส น.44, จอห์น โอบี มิเกล น.79
เบนฟิก้า: อาร์ตูร์ - มักซี่ เปเรยร่า (กัปตันทีม), ฆาบี การ์เซีย, เอแมร์สัน, โจน กัปเดบีล่า - อักเซล วิตเซล, เนมานย่า มาติช, บรูโน่ เซซ่าร์ (โรดริโก้ น.73) - ปาโบล ไอมาร์, ออสการ์ คาร์โดโซ่ (เนลสัน โอลิเวยร่า น.57), นิโคลัส ไกตาน (ยันนิก ฌาโล่ น.61)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : เอดูอาร์โด้ (ผู้รักษาประตู), โนลิโต้, ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า, อันเดร อัลเมยด้า
ใบเหลือง : ออสการ์ คาร์โดโซ่ นง19, บรูโน่ เซซ่าร์ น.21, มักซี่ เปเรยร่า น.21, ปาโบล ไอมาร์ น.27
ใบแดง : มักซี่ เปเรยร่า น.40
ผู้ตัดสิน : ดามีร์ สโคมิน่า (สโลวีเนีย)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น