วันจันทร์ที่ 2 เมษายน 2555
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เกมนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสำคัญมากเพียงใด เพราะถ้าหากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสามารถเก็บชัยชนะได้ พวกเขาจะมีคะแนนหนีห่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปถึง 5 แต้มบนหัวตารางพรีเมียร์ ลีก
เช่นเดียวกันกับทางแบล็คเบิร์นที่ยังไงก็ต้องพยายามเก็บคะแนนให้ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการหนีตกชั้นให้พ้นในฤดูกาลนี้
ทั้งกองเชียร์ กองแช่ง ก็อาจจะต้องลุ้นกันเต็มที่ว่าเด เกอาจะหลอนมาจากเมื่อเกมแรกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดหรือไม่ หลังจากเขาทำผิดพลาดจนเป็นเหตุให้ทีมพ่ายคาบ้านมา
ปีศาจจแดงางสองศูนย์หน้าอย่างรูนี่ย์และเอร์นานเดซลงล่าตาข่าย เพื่อจะทำลายสถิติที่แทบจะไม่ชนะในอีวู้ด ปาร์คเลย เพราะล่าสุดต้องย้อนไปถึงปี 2008 กันทีเดียวานแบล็คเบิร์นวันนี้ไม่มีกลัวจ่าฝูงแต่อย่างใด ใช้แผนกองหน้าสองตัว ส่งทั้งยาคูบูและฮอยเล็ตต์ลงสนาม
เริ่มเกมมาได้ 6 นาที รูนี่ย์ก็โชว์จังหวะวางบอลสวยๆยาวขึ้นไปข้างหน้า กองหลังแบล็คเบิร์นสกัดไม่ขาด มาถึงชิชาริโต้ที่จ้องบอลเขม็งแล้วตวัดยิงด้วยซ้าย แต่มีโอลส์สันวิ่งเข้ามากัน ทำให้เตะออกหลังไป แถมตัวเองเจ็บด้วย
นาทีที่ 11 นึกว่าหายไปซะแล้วสำหรับจังหวะนี้ที่วาเลนเซียเปิดบอลเร็วจากด้านข้างมาจุดนัดพบที่เสาแรก เอร์นานเดซพุ่งเข้าปาดหน้าตามสูตร แต่บอลมันไปชนเสา แล้วก็โดนมือของโรบินสันที่ล้มลงไปแล้ว ก่อนจะขลุกขลิกคว้าบอลเอาไว้ได้โดยที่ยังไม่ข้ามเส้นประตูเข้าไป
นาทีที่ 17 ยังตื่นตัวได้ดีสำหรับเด เกอา เพราะฮอยเล็ตต์เล่นฉวยโอกาส ลองปั่นไซด์จากระยะไกล บอลพุ่งโค้งวาดจะเสียบเสาแรก แต่เด เกอายังบินไปปัดทิ้งออกหลังได้ทัน
เกมนี้เหมือนจะมีอาการเกร็งไม่ต่างกันของทั้งสองทีม เพราะต้องการชัยชนะเป็นอย่างมาก แม้แมนฯยูไนเต็ดจะภาษีดีกว่า แต่อย่างที่สถิติชี้ไว้ว่าพวกเขามาเยือนที่นี่ทีไรลำบากทั้งครั้ง ส่วนแบล็คเบิร์นยังไงก็ขอมีแต้มในเกมนี้ เลยเน้นเอาฐานชัวร์ไว้ก่อน เกมรุกค่อยหาโอกาสไปเรื่อยๆ
นาทีที่ 34 น่าจะเป็นจังหวะทำเกมที่สวยที่สุดของแมนฯยูไนเต็ดในเกมนี้เลย เมื่อพวกเขาโยกบอลจากซ้าย ถ่ายออกไปขวาในจังหวะสวนกลับ ก่อนที่วาเลนเซียจะเปิดบอลเข้ากลาง แรงไปนิด แต่ก็มีโจนส์ที่สอดไปทางเสาสอง ถึงอย่างนั้นก็โหม่งได้ไม่ถนัดเหมือนสกัดให้เจ้าบ้าน อดีตต้นสังกัดเขาเลย
อีก 3 นาทีต่อมา ก่ะเล่นงานให้หง๋อไปเลยสำหรับเอ็นซองซี่ เพราะจังหวะไม่มีอะไรที่โรบินสันเตะฟรีคิกขึ้นมา แต่เขาที่เบียดอยู่กับโจนส์ตรงกลางสนามกลับใช้แขนเหวี่ยงอดีตเพื่อนร่วมทีมชนิดที่หน้าคว่ำคะมำลงกับพื้น
นาทีที่ 41 แมนฯยูไนเต็ดโวยกันเต็มที่เลย ในจังหวะที่พวกเขาถ่ายบอลจนถ่างช่องในแนวรับของแบล็คเบิร์นได้สำเร็จ ก่อนที่คาร์ริคจะเข้าไปตวัดเปิดบอลในกรอบเขตโทษ แล้วแฮนลี่ย์พุ่งตัวเข้าบล็อกเหมือนจะติดแฮนด์ แต่เมื่อดูจากภาพช้าแล้วก็ไม่น่าให้ เพราะเก็บแขนแนบลำตัวแบบเต็มที่ที่สุดแล้ว
ก่อนหมดเวลา แมนฯยูไนเต็ดเกือบจะพังซะแล้ว เพราะพวกเขามาโดนแบล็คเบิร์นกดดันเอาคืน เริ่มจากจังหวะที่โอลส์สสันได้วอลเล่ย์แถวสอง บอลพุ่งลอดดากกองหลัง กำลังจะเข้าไปเสียบตาข่าย แต่เด เกอาบินมาปัดเอาไว้ได้ ก่อนที่จะมาดีดตัวเซฟด้วยปลายนิ้วจากลูกโหม่งของฉอนลี่ย์ต่อเนื่อง รอดหวุดหวิดเลยสำหรับทีมเยือน ก่อนที่เว็บบ์จะเป่าหมดครึ่งแรก
นาทีที่ 55 จังหวะฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษของแมนฯยูไนเต็ด รูนี่ย์เป็นคนสั่งหาร แต่ก็ยังไม่ผ่านมือของโรบินสันที่วันนี้ดูจะขยับเขยื้อนเคลื่อนที่ได้อย่างมั่นใจไปหมดทุกจังหวะ
อีก 4 นาทีต่อมา เกือบจะโดนด่าเละเทะแล้วสำหรับคาร์ริค ที่เหมือนเสียสมาธิ ไปจ่ายกลับหลังพลาดเข้าเท้ายาคูบู จนเกือบจะโดนเล่นงานเอา แต่ลูกยิงจังหวะสุดท้ายหลุดกรอบออกไป รอดตัวเหมือนกัน
นาทีที่ 61 ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่วันของเขาสำหรับเอร์นานเดซที่วันนี้เล่นไม่ค่อยจะออก ก่อนที่แมนฯยูไนเต็ดจะต้ส่งเวลเบ็คลงไปเล่นแทนเขา ต้องดูว่าเกมรุกจะมีมิติอะไรมากขึ้นหรือไม่
เป็นช่วงเวลาที่ทำผลงานได้ดีทีเดียวสำหรับแบล็คเบิร์น เพราะสามารถทำเกมกดดันทีมเยือนแบบต่อเนื่องไม่ให้ได้หยุดพักหายใจ รวมทั้งจังหวะฟรีคิกของพีเดอร์เซ่นที่ซัดฝ่ากำแพงของแมนฯยูไนเต็ดไปได้ แถมเด เกอายังทำให้แค่ปัดๆบอลจนกระฉอกออกมา ยังดีที่มีเฟอร์ดินานด์ที่ตามมาเคลียร์ทิ้งไปได้ก่อน
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ตอนนี้สลับกลับมาเป็นแมนฯยูไนเต็ดที่ได้กดดันคืนบ้าง เพราะมีโอกาสเปิดเตะมุมหลายครั้งติดต่อกัน แต่ยังไม่เข้าเป้าเลยสักที ดูแล้วมีแววกดดันเพิ่มขึ้นแน่ ถ้าหากเวลาเหลือน้อยลงกว่านี้
นาทีที่ 77 ต้องชมการตัดสินใจของโรบินสันเลย ในจังหวะที่แมนฯยูไนเต็ดเจาะหาช่องได้ กิ๊กส์ถ่ายออกให้รูนี่ย์ในกรอบเขตโทษด้านข้าง ก่อนที่จะตวัดเข้ามาตรงกลาง แต่โรบินสันพุ่งออกมาคว้าเอาไว้ได้แบบเฉียบสุดๆ
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แมนฯยูไนเต็ดยังคงพยายามเดินหน้าทำเกมรุกต่อไป แต่จริงๆเกมนี้คงต้องบอกว่าผลัดกันรุกรับซะมากกว่า เพียงแต่ช่วงท้ายเกมนี้เป็นแมนฯยูไนเต็ดที่บุกกดดันช่วงหลังอย่างหนัก
นาทีที่ 81 โยนมาหลายทีไม่เคยจะเข้าเป้า วาเลนเซียเลยเหลืออดได้บอลทางริมเส้น ก่อนที่จะจี้เข้าหากองหลังแล้วซัดด้วยขวา ส่งบอลปั่นไซด์ก้อยพุ่งโค้งผ่านมือของโรบินสันไปเสียบเสาไกลสวยสุดๆ แมนฯยูไนเต็ดนำแล้ว 1-0
อีก 4 นาทีต่อมา แมนฯยูไนเต็ดมาทิ้งห่างการันตีชัยชนะ จากลูกยิงสุดสวยของยัง ที่เพิ่งจะถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลัง โดยเขาได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะยึดยักหลอกจะจ่ายแล้วตวัดตัวยิงทันที บอลพุ่งผ่านมือโรบินสันเช็ดเสาแรกเข้าไปอย่างสวย แมนฯยูไนเต็ดทิ้ง 2-0 งานนี้ไม่พลาดแน่แล้ว
จบ 90 นาที เป็นแมนฯยูไนเต็ดที่สุขสมหวังเอาชนะแบล็คเบิร์นไปด้วยสกอร์ 2-0 ทำให้พวกเขามีคะแนนฉีกหนีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในอันดับที่ 2 ไปเป็น 5 แต้มเข้าให้แล้วในตอนนี้
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แบล็คเบิร์น : พอล โรบินสัน, สก็อตต์ แดนน์, แกรนท์ แฮนลี่ย์, มาร์ติน โอลส์สัน, แบรดลี่ย์ ออร์, สตีเฟ่น เอ็นซองซี่, เจสัน โลว์, มาร์คุส โอลส์สัน, เดวิด ฮอยเล็ตต์, ยาคูบู อเย็กเบนี่, มอร์เท่น กัมส์ป พีเดอร์เซ่น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาวิด เด เกอา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอนนี่ อีแวนส์, ปาทริซ เอฟร่า, ราฟาเอล, พอล สโคลส์(ยัง น.80), ไมเคิ่ล คาร์ริค, ฟีล โจนส์(กิ๊กส์ น.63), เวย์น รูนี่ย์, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ(เวลเบ็ค น.61)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น