วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2555
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เชลซี 6-1 ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส
เจ้าถิ่น เชลซีเปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ต้อนรับการมาเยือนของควีนส์ ปาร์ค โดยสิงห์บลูส์ให้ตอร์เรสยืนเป็นหัวหอก หลังจากทำประตูในเกมกับบาร์เซโลน่ามาได้ พร้อมกับคู่หูรู้ใจกันอย่างมาต้า
แค่ 46 วินาทีเท่านั้น เชลซีก็ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วสุดๆ เมื่อสเตอร์ริดจ์พาบอลตัดผ่านเฟอร์ดินานด์ไป ก่อนที่จะล็อกเป้าแล้วจัดการปั่นโค้งส่งบอลพุ่งจากนอกกรอบเขตโทษเข้าไปเสียบเสาอย่างงาม เชลซีนำแล้วในตอนนี้
ยังไม่ถึงสิบห้านาทีดี เชลซีก็มาได้ประตูนำห่างออกไปถึง 2 ลูก จากจังหวะแรกที่แลมพาร์ดชิบอย่างสวย โดนเคนนี่ปัดทิ้งออกหลังไปได้ ก่อนที่จะเตะมุมแล้วเป็นเทอร์รี่ที่สอดขึ้นไปโขกแบบเน้นๆ ส่งบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม สกอร์เขยิบเป็น 2-0 นาทีที่ 14
นาทีที่ 19 ดูแล้วความมั่นใจกลับมาจริงๆสำหรับตอร์เรส เมื่อกาลูจ่ายบอลทะลุไปให้กับตอร์เรสที่วิ่งเข้าหาบอล ก่อนที่จะแตะหนีเคนนี่ด้วยน้ำหนักที่คุ้นเคย ก่อนที่ะแปบอลผ่านเข้าประตูไป เห็นแล้วชื่นใจแทนแฟนๆ เชลซีทิ้ง 3-0
นาทีที่ 25 กองหลังควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์สมอบของขวัญสุดแจ่มให้กับตอร์เรสไปแบบเต็มๆ เมื่อโอนูโอฮาพยายามที่จะวิ่งเอาตัวกันแล้วโหม่งบอลคืนให้กับเคนนี่ แต่สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เลยกลายเป็นบอลไม่เข้าจังหวะ หลุดไปโดนตอร์เรสฉก ก่อนที่จะแปด้วยซ้ายเข้าไปตุงตาข่าย ตอร์เรสเบิ้ล เชลซีทิ้ง 4-0
เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม ตอนนี้เชลซีเล่นกันด้วยความมั่นใจสุดๆ ต่อบอลกันได้เป็นอย่างดี แม้ว่าสนามจะลื่นจากฝนตกก็ตาม ดูแล้วชื้นใจแทนโรมัน อับราโมวิชที่่นั่งชมดูบอลแสตนด์พร้อมรอยยิ้มที่บานไม่หุบ
นาทีที่ 41 เจ็บฟรีเลยสำหรับมาต้า ที่ไปเจอขาใหญ่อย่างบาร์ตันเข้าสกัดบอล แต่ไม่ใช่แค่ธรรมดา เพราะมีของแถมด้วยการย่ำสตั๊ดลงไปที่หลังเท้าเต็มๆจนลุกแทบไม่ขึ้น แต่หลังจากปฐมพยาบาลไปก็ลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง
ช่วงเวลาที่เหลือก็ไม่ได้มีจังหวะทำประตูอะไรเพิ่มเติม มีแต่ช๊อตยิงของตอร์เรสที่หลุดกรอบออกไป เชลซีถล่มไปก่อนเลย 4-0 อีก 45 นาทีที่เหลือค่อยว่ากัน
นาทีที่ 51 ต้องทำได้ดีกว่านี้มากๆเลยสำหรับมาต้า ในจังหวะที่โคลสายตาเฉียบมองเห็นช่องก่อนจะจ่ายทะลุยาวให้มาต้าหลุดเข้าไปดวลเดี่ยวในกรอบเขตโทษ แต่เขากลับเลือกตวัดยิงด้วยซ้ายตั้งแต่จังหวะแรก เลยทำให้บอลไหลเบาหวิวเข้ามือของเคนนี่ไป
อีก 3 นาทีต่อมา เป็นโอกาสลุ้นครั้งแรกที่น่ากลัวเลยทีเดียวสำหรับควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส เมื่อแม็คกีย์เลี้ยงพาบอลป้วนเปี้ยนหน้ากรอบเขตโทษของเชลซี ก่อนจะตัดสินใจตะบันเต็มตีนเตี่ย บอลแฉลบเท้าของเทอร์รี่ที่เข้ามาบล็อกนิดหนึง แต่พุ่งอย่างกับมีแรงดูดเข้าเสียบเสา แต่เป็นเช็กที่บินมาสุดตัวปัดทิ้งเอาไว้ได้ทัน
นาทีที่ 59 ก่ะว่าจะลุ้นแฮทริกสักหน่อย แต่ขาดความมุมไปนิด เมื่อตอร์เรสแตะหาโอกาสจังหวะยิง ประจวบเหมาะกับกองหลังควีนส์ ปาร์คไปลื่นพอดี ทำให้ตอร์เรสได้โอกาสรีบจัดการยิงเน้นๆ แต่บอลไม่หนีมือเท่าไหร่ ทำให้เคนนี่ทุบทิ้งออกมาไว้ได้
นาทีที่ 64 เป็นวันของเขาจริงๆสำหรับตอร์เรสในวันนี้ เมื่อชิงจังหวะฉีกหนีกองหลังหลุดกับดักล้ำหน้าไปได้ ก่อนที่จะเข้าไปเดี่ยวกับเคนนี่ เอี้ยวตัวยิงสุดเฉียบผ่านมือของเคนนี่ที่ทำได้แค่ปัดโดนนิดเดียว ก่อนจะเสียบเสาสอง ตอร์เรสระเบิดแฮทริกได้สำเร็จ เชลซีถล่ม 5-0
อีก 4 นาทีต่อมา เริ่มพักนักเตะตัวหลักกันแล้วสำหรับเชลซี เมื่อพวกเขาจัดการถอดมาต้าที่เป็นผู้จ่ายให้ตอร์เรสซัดแฮทริกได้ออกไปพัก แล้วส่งมาลูด้าลงไปเล่นแทน
นาทีที่ 74 ทยอยพักกันต่อเนื่องมาเลยสำหรับเชลซี เมื่อถอดเอากาลูออก แล้วส่งรามิเรสที่ปกติจะเป็นตัวจริงลงไปเรียกกำลัง เพราะยังไงเกมนี้ก็ 3 คะแนนชัวร์อยู่แล้ว
นาทีที่ 80 พอดิบพอดี เมื่อเชลซีมาทำครบครึ่งโหลในจังหวะที่ขึ้นเกมทางด้านข้าง กองหลังของควีนส์ ปาร์คพยายามสกัดทิ้ง แต่ดันไปเข้าเท้าของมาลูด้าที่ยืนจังก้าอยู่ เลยจัดการซัดเข้าไปไม่มีเหลือ เชลซีถล่มแหลก 6-0
อีก 5 นาทีต่อมา ถือว่าสมาธิเสียไปเหมือนกันสำหรับกองหลังของเชลซี เมื่อไปสกัดไม่ขาดในจังหวะที่โดนเจาะทางข้าง จนทำให้ซิสเซ่ได้บอลในเขตโทษ ก่อนที่จะยิงยัดเต็มๆ ผ่านมือของเช็กที่เจอแบบนี้ยากนักจะรับได้ สกอร์เป็น 6-1 ปลอบใจแฟนบอลทีมเยือนไปเบาๆ
จบ 90 นาที เชลซีโชว์ฟอร์มสุดหรูถล่มเอาชนะควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์สไปขาดลอย 6-1 ทำให้พวกเขามีเพิ่มเป็น 61 คะแนนจี้หลังนิวคาสเซิ่ลในอันดับที่ 4 อยู่เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, จอห์น เทอร์รี่, โจเซ่ โบซิงวา(ฮัทชินสัน น.82), แอชลี่ย์ โคล, เปาโล แฟร์เรร่า, แฟรงค์ แลมพาร์ด, มิคาเอล เอสเซียง, ซาโลมอง กาลู(รามิเรส น.74), ดาเนียล สเตอร์ริดจ์, เฟร์นานโด ตอร์เรส, ฆวน มาต้า(มาลูด้า น.68)
ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส : แพทริก เคนนี่, คลินท์ ฮิลล์, อันทอน เฟอร์ดินานด์, ทาเย ไทอิโว่, เนดุม โอนูโอฮา, เอกอส บูซ์ซากี้(ตราโอเร่ น.65), ฌอน เดอร์รี่, เจมี่ แม็คกีย์, โจอี้ บาร์ตัน, บ๊อบบี้ ซาโมร่า(ไรท์ ฟิลลิปส์ น.78), ฌิบริล ซิสเซ่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น