ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554
เรอัล มาดริด 1 - 3 บาร์เซโลน่า
วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554
เรอัล มาดริด 1 - 3 บาร์เซโลน่า
"เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า โชว์ฟอร์มสุดแจ่มหลังบุกยิงแซงเก็บชัยเหนือ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด 3-1 ทั้งที่ถูกเจ้าถิ่นนำไปก่อนในนาทีแรก 1-0 เก็บสามแต้มสุดสำคัญได้สำเร็จมี 37 คะแนนเท่ากับชุดขาวแซงขึ้นนำจ่าฝูงตารางลีกเมืองกระทิงด้วยผลต่างประตูได้ เสียที่ดีกว่าแต่บาร์ซ่าแข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด ในศึก "เอล กาลาซิโก้" ยกที่หนึ่ง ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา
สนาม : ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว
ศึก "เอล กาลาซิโก้" ยกที่หนึ่งประจำฤดูกาล 2011-12 โดย "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ทีมจ่าฝูงของตารางที่กำลังอยู่ในฟอร์มการเล่นสุดร้อนแรงหลังจากชนะรวด 15 นัดติดต่อกันในทุกรายการ ส่วนผลงานในลีกนั้นชนะรวด 10 เกมภายใต้การคุมทัพของยอดกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ จะเปิดซานติอาโก้ เบอร์นาเบว รับการมาเยือนของ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า แชมป์เก่าและรองจ่าฝูงภายใต้การนำทัพของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์สมองเพชร ก่อนเริ่มเกม ชุดขาวมีแต้มห่างบาร์ซ่าอยู่ 3 แต้มและยังแข่งน้อยกว่าอีก 1 นัด เพราะฉะนั้นเจ้าบุญทุ่มพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
ราชันชุดขาว จะใช้ระบบการเล่น 4-2-3-1 โดยวาง คาริม เบนเซม่า ยืนศูนย์หน้าตัวเป้า และเสริมแนวรุกด้วยสามประสานนำโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกหหาเทพจอมสับหลอก อังเคล ดิ มาเรีย และ เมซุต โอซิล ด้าน อีเกร์ กาซียาส ยอดนายทวารจอมหนึบจะสวบปลอกแขนกัปตันทีม
ขณะที่ บาร์ซ่า จะใช้ระบบการเล่น 4-3-3 โดยสามประสานในแผงแนวล่าตาข่ายนำโดย ลีโอเนล เมสซี่ เจ้าของฉายา "อีซ้ายดาวยิงนอกโลก" จะผนึกคมเกือก กับ เชส ฟาเบรกาส และ อเล็กซิส ซษานเชซ ด้านกัปตันทีม การ์เลส ปูโยล จะบัญชาทัพแนวปราการหลัง
เริ่มเกมเป็นบาร์ซ่าที่ได้เขี่ยบอลเล่นก่อนและเริ่มเกมได้เพียง 25 วินาที บิคตอร์ บัลเดส เปิดบอลพลาดเป็น อังเคล ดิ มาเรีย ตัดบอลได้ก่อนส่งให้ เมซุต โอซิล ยิงไปติด เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ แข้งบาร์ซ่าแต่ไม่พ้นทางบอลกระดอนมาเข้าทางปืน คาริม เบนเซม่า ยืนโล่งๆ เข้าไปไม่เหลือซาก ชุดขาวขึ้นนำ 1-0
นาทีที่ 6 บาร์ซ่าเกือบได้ประตูตีเสมอจากความผิดพลาดของ เซร์คิโอ รามอส และเป็น ลีโอเนล เมสซี่ที่ตัดบอลได้ก่อนกระชากหลบแข้งชุดขาวถึง 3 คนหลุดเจ้าไปยิงแต่เป็น อิเกร์ กาซียาส นายด่านเจ้าถิ่นพุ่งปัดออกไปได้
นาทีที่ 7 ชุดขาวโต้กลับเร็วจากเป็น โรนัลโด้ กระชากจากกลางสนามก่อนส่งให้ คาริม เบนเซม่า ต่อบอลอีกทีให้ ดิ มาเรีย ซัดไม่เต็มเท้าเลยไปเข้ามือของ บัลเดส
ล่วงเลยมาครบ 10 นาที เป็นชุดขาวที่ครองเกมบุกได้มากกว่าจน บาร์ซ่าตั้งเกมยังไม่ได้และเกือบมาเสียอีกประตูจากการขึ้นโขกของ เบนเซม่า แต่บอลลอยไปตรงตัว บัลเดส รับไว้สบาย
นาทีที่ 13 เป็น บัลเดส นายด่านบาร์ซ่าที่ออกมาแปบอลไม่ดีไปเข้าทาง ชาเบียร์ อลอนโซ่ แข้งชุดขาวที่ตัดสินใจซัดไกลจากครึ่งสนามแต่บอลไม่ตรงกรอบประตู
นาทีที่ 14 เกมหยุดไปชั่วขณะเนื่องมากจาก อังเคล ดิ มาเรีย ลื่นล้มในเขตโทษบาร์ซ่าเพราะมีเม็ดฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย จนแพทย์สนามต้องเข้ามาดูอาการแต่ก็สามารถกลับเข้ามาเล่นต่อไปได้
ผ่านพ้นมาถึงนาทีที่ 19 ชุดขาวได้หวาดเสียวอีกครั้งจกาการกระชากลากเลื้อยของ โรนัลโด้ จากกลางสนามก่อนซัดเต็มข้อกลาง 18 หลา บอลพุ่งด้วยความแรงเข้ากรอบแต่ บัลเดส ยังโชว์เซฟทุบบอลทิ้งออกไปได้
บาร์ซ่าได้ลุ้นประตูตีเสมอจากจังหวะได้ฟาวน์บริเวณกรอบเขตโทษ 18 หลาเป็น ชาบี เอร์นานเดซ ที่ปั่นเข้ากรอบไปตรงตัว กาซียาส ทุบออกไปได้
นาทีที่ 25 ชาเบียร์ อลอนโซ่ ถูกใบเหลืองจากการทำตัดบอลฟาวน์ เมสซี่ และจากจังหวะต่อเนื่องชุดขาวพลาดประตูนำห่างอย่างน่าเสียดายเมื่อตัดบอลได้ แล้วเล่นเร็วก่อนที่ เบนเซม่า จะหักข้อต่อให้ โรนัลโด้ วิ่งมาแปเน้นๆ บอลหลุดออกกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 27 อเล็กซิส ซานเชซ เข้าไปตัดบอลฟาวน์ใส่ ดิ มาเรีย กลิ้งลงไปนอนกองกลางสนาม เฟอร์นันเดซ เบอร์บาลาน ตัดสินใจชักใบเหลืองแรกให้ ซษนเชซทันที
เกมเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ และนาทีที่ 30 บาร์ซ่ามาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จนได้ จากการแทงาบอลหลุดกับดักล้ำหน้าให้ อเล็กซิส ซานเชซ เข้าไปซัดด้วยเท้าขวาเสียบมุมด้านไกล ผ่านมือ กาซิยาส เข้าไปตุงตาข่าย
หลังจากได้ประตูตีเสมอกลับเป็นบาร์ซ่าที่ครองเกมได้มากกว่าจวบจน นาทีที่ 35 อเล็กซิส ซานเชซ กระชากบอลไปริมกรอบเขตโทษของชุดขาว และถูก เปเป้ ตัดฟาวน์ แต่เป็น เมสซี่ ที่ถูกกรรมการให้ใบเหลืองเนื่องจากไปต่อว่าจากจังหวะดังกล่าวที่กรรมการไม่ ยอมให้ใบเหลืองเปเป้
นาทีที่ 43 เมสซี่ที่โดนใบเหลืองไปแล้วเข้าสะกัดบอลฟาวน์ อลอนโซ่ กลางสนาม กรรมการเป่าให้เป็นบอลของชุดขาว แต่บรรดาผู้เล่นเจ้าถิ่นพยายามเข้าประท้วงของใบเหลืองที่สองให้กับเมสซี่
ครบ 45 นาทีแรกทั้งสองฝ่ายต่างเปิดเกมรุกแลกกันอย่างเต็มตัวและจบลงด้วยผลเสมออย่างสุดมันส์ที่ 1-1
มาเริ่มระเบิดศึกกันต่อในครึ่งเวลาหลัง นาทีที่48 เคราร์ด ปีเก้ ปราการหลังของบาร์ซ่าถูกกรรมการแจกใบเหลืองและนับเป็นใบที่ 3 ของแข้งบาร์ซ่าในเกมแล้ว จากจังหวะยกขาสะกัดฟาวน์ โรนัลโด้ที่กระชากเดี่ยวบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อน โรนัลโด้ จะรับหน้าที่ซัดเต็มข้อไปติดกำแพงมาเข้าทาง เปเป้ และถูกตัดฟาวน์ชุดขาวได้โอกาสซัดฟรีคิกอีกครั้งและเป็นเจ้าเก่าคนเดิม โรนัลโด้ ที่รับหน้าที่ก่อนซัดผ่านกำแพงไปตรงตัว บัลเดส รับไว้ได้
เกมทวีความเดือดมากขึ้นต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันเข้าบอลถึงลูกคนคน นาทีที่ 52 บาร์ซ่ามีโอกาสปั้นเกมและมาได้ประตูแซงนำ 2-1 จากจังหวะซัดไกลของ ชาบี เอร์นานเดซ บอลดันไปถูก มาร์เชโล่ วิเอยร่า บอลเปลี่ยนทางชนเสาเข้าไป โดย กาซียาส ที่หลงทางไปแล้วพยายามพุ่งกลับมารับแต่ไม่ทัน
นาทีที่ 55 เบนเซม่า มีโอกาสหลุดเข้าไปซัดด้วยขวาในกรอบจาการทำชิ่งสุดสวยแต่ไปติดต่อผู้เล่นบาร์ซ่าออกไป
นาทีที่ 58 ชุดขาวแก้เกมโดยตัดสินใจเปลี่ยน ริคาร์โด้ กาก้า ลงมาแทน เมซุต โอซิล
นาทีที่ 61 และ 62 แข้งมาดริดถูกสองใบเหลืองจากผู้เล่นสองคนเริ่มจาก ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า และ เปเป้ ที่ตัดฟาวน์เมสซี่ทั้งคู่
นาทีที่ 62 บาร์ซ่าโหมบุกอย่างหนักและเกือบได้ประตูอีกครั้งจากการจ่ายทะลุช่องของเม สซี่ ให้ อเล็กซิส ซานเซซ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบ แต่ กาซียาส ป้องกันเอาไว้ได้
นาที่ถัดมา ชุดขาวเปลี่ยนผู้เล่นอีกคนโดยถอด ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า ออกและส่ง ซามีร์ เคดิร่า ลงมาแทน
นาทีที่ 65 บาร์ซ่าได้ประตูนำห่างเป็น 3-1 จากจังหวะเปิดบอลด้านข้างของ ดาเนียล อัลเวส เลยไปเข้าหัว เชส ฟาเบรกาสที่เบียดโหม่งได้ก่อนบอลพุ่งไปตุงก้นตาข่าย
นาที่ที่ 67 ราชันชุดขาวตัดสินใจส่งไผ่ใบสุดท้ายโดยเปลี่ยนผู้เล่นคนที่สาม เป็น กอนซาโล่ อิกวาอิน ลงมาแทน อังเคล ดิ มาเรีย
บาร์ซ่าเริ่มครองเกมได้มากขึ้นกว่าเดิมและมาเรียกได้อีกหนึ่ง เหลืองจากชุดขาวนาทีที่ 70 จากจังหวะที่ เมสซี่กระชากบอลด้านข้างและเป็น รามอส ที่พุ่งเข้ามาเสียบเต็มตัวกรรมการเป่าฟาวน์และชักใบเหลืองให้ทันที
นาทีที่ 74 ชุดขาวน่าจะได้ประตูตีตื้นจาก เบนเซม่า ที่กระชากบอลไปริมเส้นหลังก่อนหลอก ปูโยล และกึ่งยิงกึ่งผ่านไปเสาไกลด้วยความแรง กอนซาโล่ อิกวาอิน วิ่งเข้าชาร์ทไม่ทันบอลเลยออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 78 เจ้าบุญทุ่มเปลี่ยนผู้เล่นคนแรกโดยส่ง เซย์ดู เกอิต้า ลงมาแทนและให้ เชส ฟาเบรกาส ที่ซัดประตูที่สามออกไปพัก
เกมเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายก่อนทดเวลาบาดเจ็บเป็นชุดขาวที่พยายามโหมบุกอย่างหนักโดยเน้น ขึ้นเกมด้านข้างทาง โรนัลโด้ และ กาก้า แต่ยังไม่ผ่านแนวรับของบาร์ซ่าไปได้
นาทีที่ 83 บาร์ซ่าเปลี่ยนผู้เล่นคนที่สองของทีมโดยส่ง ดาวิด บีย่า ซานเชส ลงมาแทน อเล็กซิส ซานเชซ
นาทีถัดมาชุดขาวหวิดได้ประตูที่สองจากจังหวะที่ หลุดเดียวเข้าไปซัดด้วยเท้าซ้ายเต็มแรงแต่ยังไม่ผ่าน บัลเดส ที่ป้องกันเอาไว้ได้อีกหน
บาร์ซ่าได้โอกาสโต้กลับเร็วอีกครั้งและเกือบได้อีกประตูนาทีที่ 85 เป็น เมสซี่ จ่ายบอลให้ อิเนียสต้า หลุดเข้าไปยิงเสาแรก กาซียาส นายด่านเจ้าถิ่นยังป้องกันเอาไว้ได้
นาทีที่ 88 บาร์ซ่าเปลี่ยนผู้เล่นคนสุดท้ายโดยเปลี่ยน อันเดรส อิเนียสต้า ออกและส่ง เปโดร โรดริเกซ ลงมาแทน
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายชุดขาวได้ลุ้นทำประตูอีกครั้งจากการ ซัดลูกฟรีคิกกลางกรอบเขตโทษของบาร์ซ่า เป็น โรนัลโด้ ที่ยังคงรับหน้าที่สังหารแต่ไปติดกำแพงทีมเยือนจบเกมบาร์เซโลน่า บุกมาย้ำรอยแค้นได้อีกคราถึงถิ่น เรอัล มาดริด 3-1 เก็บสามแต้มสุดสำคัญได้สำเร็จมี 37 คะแนนเท่ากับชุดขาวแซงขึ้นนำจ่าฝูงตารางลีกเมืองกระทิงด้วยผลต่างประตูได้ เสียที่ดีกว่าแต่บาร์ซ่าแข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด
สนาม : ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว
ศึก "เอล กาลาซิโก้" ยกที่หนึ่งประจำฤดูกาล 2011-12 โดย "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ทีมจ่าฝูงของตารางที่กำลังอยู่ในฟอร์มการเล่นสุดร้อนแรงหลังจากชนะรวด 15 นัดติดต่อกันในทุกรายการ ส่วนผลงานในลีกนั้นชนะรวด 10 เกมภายใต้การคุมทัพของยอดกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ จะเปิดซานติอาโก้ เบอร์นาเบว รับการมาเยือนของ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า แชมป์เก่าและรองจ่าฝูงภายใต้การนำทัพของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์สมองเพชร ก่อนเริ่มเกม ชุดขาวมีแต้มห่างบาร์ซ่าอยู่ 3 แต้มและยังแข่งน้อยกว่าอีก 1 นัด เพราะฉะนั้นเจ้าบุญทุ่มพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
ราชันชุดขาว จะใช้ระบบการเล่น 4-2-3-1 โดยวาง คาริม เบนเซม่า ยืนศูนย์หน้าตัวเป้า และเสริมแนวรุกด้วยสามประสานนำโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกหหาเทพจอมสับหลอก อังเคล ดิ มาเรีย และ เมซุต โอซิล ด้าน อีเกร์ กาซียาส ยอดนายทวารจอมหนึบจะสวบปลอกแขนกัปตันทีม
ขณะที่ บาร์ซ่า จะใช้ระบบการเล่น 4-3-3 โดยสามประสานในแผงแนวล่าตาข่ายนำโดย ลีโอเนล เมสซี่ เจ้าของฉายา "อีซ้ายดาวยิงนอกโลก" จะผนึกคมเกือก กับ เชส ฟาเบรกาส และ อเล็กซิส ซษานเชซ ด้านกัปตันทีม การ์เลส ปูโยล จะบัญชาทัพแนวปราการหลัง
เริ่มเกมเป็นบาร์ซ่าที่ได้เขี่ยบอลเล่นก่อนและเริ่มเกมได้เพียง 25 วินาที บิคตอร์ บัลเดส เปิดบอลพลาดเป็น อังเคล ดิ มาเรีย ตัดบอลได้ก่อนส่งให้ เมซุต โอซิล ยิงไปติด เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ แข้งบาร์ซ่าแต่ไม่พ้นทางบอลกระดอนมาเข้าทางปืน คาริม เบนเซม่า ยืนโล่งๆ เข้าไปไม่เหลือซาก ชุดขาวขึ้นนำ 1-0
นาทีที่ 6 บาร์ซ่าเกือบได้ประตูตีเสมอจากความผิดพลาดของ เซร์คิโอ รามอส และเป็น ลีโอเนล เมสซี่ที่ตัดบอลได้ก่อนกระชากหลบแข้งชุดขาวถึง 3 คนหลุดเจ้าไปยิงแต่เป็น อิเกร์ กาซียาส นายด่านเจ้าถิ่นพุ่งปัดออกไปได้
นาทีที่ 7 ชุดขาวโต้กลับเร็วจากเป็น โรนัลโด้ กระชากจากกลางสนามก่อนส่งให้ คาริม เบนเซม่า ต่อบอลอีกทีให้ ดิ มาเรีย ซัดไม่เต็มเท้าเลยไปเข้ามือของ บัลเดส
ล่วงเลยมาครบ 10 นาที เป็นชุดขาวที่ครองเกมบุกได้มากกว่าจน บาร์ซ่าตั้งเกมยังไม่ได้และเกือบมาเสียอีกประตูจากการขึ้นโขกของ เบนเซม่า แต่บอลลอยไปตรงตัว บัลเดส รับไว้สบาย
นาทีที่ 13 เป็น บัลเดส นายด่านบาร์ซ่าที่ออกมาแปบอลไม่ดีไปเข้าทาง ชาเบียร์ อลอนโซ่ แข้งชุดขาวที่ตัดสินใจซัดไกลจากครึ่งสนามแต่บอลไม่ตรงกรอบประตู
นาทีที่ 14 เกมหยุดไปชั่วขณะเนื่องมากจาก อังเคล ดิ มาเรีย ลื่นล้มในเขตโทษบาร์ซ่าเพราะมีเม็ดฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย จนแพทย์สนามต้องเข้ามาดูอาการแต่ก็สามารถกลับเข้ามาเล่นต่อไปได้
ผ่านพ้นมาถึงนาทีที่ 19 ชุดขาวได้หวาดเสียวอีกครั้งจกาการกระชากลากเลื้อยของ โรนัลโด้ จากกลางสนามก่อนซัดเต็มข้อกลาง 18 หลา บอลพุ่งด้วยความแรงเข้ากรอบแต่ บัลเดส ยังโชว์เซฟทุบบอลทิ้งออกไปได้
บาร์ซ่าได้ลุ้นประตูตีเสมอจากจังหวะได้ฟาวน์บริเวณกรอบเขตโทษ 18 หลาเป็น ชาบี เอร์นานเดซ ที่ปั่นเข้ากรอบไปตรงตัว กาซียาส ทุบออกไปได้
นาทีที่ 25 ชาเบียร์ อลอนโซ่ ถูกใบเหลืองจากการทำตัดบอลฟาวน์ เมสซี่ และจากจังหวะต่อเนื่องชุดขาวพลาดประตูนำห่างอย่างน่าเสียดายเมื่อตัดบอลได้ แล้วเล่นเร็วก่อนที่ เบนเซม่า จะหักข้อต่อให้ โรนัลโด้ วิ่งมาแปเน้นๆ บอลหลุดออกกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 27 อเล็กซิส ซานเชซ เข้าไปตัดบอลฟาวน์ใส่ ดิ มาเรีย กลิ้งลงไปนอนกองกลางสนาม เฟอร์นันเดซ เบอร์บาลาน ตัดสินใจชักใบเหลืองแรกให้ ซษนเชซทันที
เกมเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ และนาทีที่ 30 บาร์ซ่ามาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จนได้ จากการแทงาบอลหลุดกับดักล้ำหน้าให้ อเล็กซิส ซานเชซ เข้าไปซัดด้วยเท้าขวาเสียบมุมด้านไกล ผ่านมือ กาซิยาส เข้าไปตุงตาข่าย
หลังจากได้ประตูตีเสมอกลับเป็นบาร์ซ่าที่ครองเกมได้มากกว่าจวบจน นาทีที่ 35 อเล็กซิส ซานเชซ กระชากบอลไปริมกรอบเขตโทษของชุดขาว และถูก เปเป้ ตัดฟาวน์ แต่เป็น เมสซี่ ที่ถูกกรรมการให้ใบเหลืองเนื่องจากไปต่อว่าจากจังหวะดังกล่าวที่กรรมการไม่ ยอมให้ใบเหลืองเปเป้
นาทีที่ 43 เมสซี่ที่โดนใบเหลืองไปแล้วเข้าสะกัดบอลฟาวน์ อลอนโซ่ กลางสนาม กรรมการเป่าให้เป็นบอลของชุดขาว แต่บรรดาผู้เล่นเจ้าถิ่นพยายามเข้าประท้วงของใบเหลืองที่สองให้กับเมสซี่
ครบ 45 นาทีแรกทั้งสองฝ่ายต่างเปิดเกมรุกแลกกันอย่างเต็มตัวและจบลงด้วยผลเสมออย่างสุดมันส์ที่ 1-1
มาเริ่มระเบิดศึกกันต่อในครึ่งเวลาหลัง นาทีที่48 เคราร์ด ปีเก้ ปราการหลังของบาร์ซ่าถูกกรรมการแจกใบเหลืองและนับเป็นใบที่ 3 ของแข้งบาร์ซ่าในเกมแล้ว จากจังหวะยกขาสะกัดฟาวน์ โรนัลโด้ที่กระชากเดี่ยวบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อน โรนัลโด้ จะรับหน้าที่ซัดเต็มข้อไปติดกำแพงมาเข้าทาง เปเป้ และถูกตัดฟาวน์ชุดขาวได้โอกาสซัดฟรีคิกอีกครั้งและเป็นเจ้าเก่าคนเดิม โรนัลโด้ ที่รับหน้าที่ก่อนซัดผ่านกำแพงไปตรงตัว บัลเดส รับไว้ได้
เกมทวีความเดือดมากขึ้นต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันเข้าบอลถึงลูกคนคน นาทีที่ 52 บาร์ซ่ามีโอกาสปั้นเกมและมาได้ประตูแซงนำ 2-1 จากจังหวะซัดไกลของ ชาบี เอร์นานเดซ บอลดันไปถูก มาร์เชโล่ วิเอยร่า บอลเปลี่ยนทางชนเสาเข้าไป โดย กาซียาส ที่หลงทางไปแล้วพยายามพุ่งกลับมารับแต่ไม่ทัน
นาทีที่ 55 เบนเซม่า มีโอกาสหลุดเข้าไปซัดด้วยขวาในกรอบจาการทำชิ่งสุดสวยแต่ไปติดต่อผู้เล่นบาร์ซ่าออกไป
นาทีที่ 58 ชุดขาวแก้เกมโดยตัดสินใจเปลี่ยน ริคาร์โด้ กาก้า ลงมาแทน เมซุต โอซิล
นาทีที่ 61 และ 62 แข้งมาดริดถูกสองใบเหลืองจากผู้เล่นสองคนเริ่มจาก ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า และ เปเป้ ที่ตัดฟาวน์เมสซี่ทั้งคู่
นาทีที่ 62 บาร์ซ่าโหมบุกอย่างหนักและเกือบได้ประตูอีกครั้งจากการจ่ายทะลุช่องของเม สซี่ ให้ อเล็กซิส ซานเซซ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบ แต่ กาซียาส ป้องกันเอาไว้ได้
นาที่ถัดมา ชุดขาวเปลี่ยนผู้เล่นอีกคนโดยถอด ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า ออกและส่ง ซามีร์ เคดิร่า ลงมาแทน
นาทีที่ 65 บาร์ซ่าได้ประตูนำห่างเป็น 3-1 จากจังหวะเปิดบอลด้านข้างของ ดาเนียล อัลเวส เลยไปเข้าหัว เชส ฟาเบรกาสที่เบียดโหม่งได้ก่อนบอลพุ่งไปตุงก้นตาข่าย
นาที่ที่ 67 ราชันชุดขาวตัดสินใจส่งไผ่ใบสุดท้ายโดยเปลี่ยนผู้เล่นคนที่สาม เป็น กอนซาโล่ อิกวาอิน ลงมาแทน อังเคล ดิ มาเรีย
บาร์ซ่าเริ่มครองเกมได้มากขึ้นกว่าเดิมและมาเรียกได้อีกหนึ่ง เหลืองจากชุดขาวนาทีที่ 70 จากจังหวะที่ เมสซี่กระชากบอลด้านข้างและเป็น รามอส ที่พุ่งเข้ามาเสียบเต็มตัวกรรมการเป่าฟาวน์และชักใบเหลืองให้ทันที
นาทีที่ 74 ชุดขาวน่าจะได้ประตูตีตื้นจาก เบนเซม่า ที่กระชากบอลไปริมเส้นหลังก่อนหลอก ปูโยล และกึ่งยิงกึ่งผ่านไปเสาไกลด้วยความแรง กอนซาโล่ อิกวาอิน วิ่งเข้าชาร์ทไม่ทันบอลเลยออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 78 เจ้าบุญทุ่มเปลี่ยนผู้เล่นคนแรกโดยส่ง เซย์ดู เกอิต้า ลงมาแทนและให้ เชส ฟาเบรกาส ที่ซัดประตูที่สามออกไปพัก
เกมเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายก่อนทดเวลาบาดเจ็บเป็นชุดขาวที่พยายามโหมบุกอย่างหนักโดยเน้น ขึ้นเกมด้านข้างทาง โรนัลโด้ และ กาก้า แต่ยังไม่ผ่านแนวรับของบาร์ซ่าไปได้
นาทีที่ 83 บาร์ซ่าเปลี่ยนผู้เล่นคนที่สองของทีมโดยส่ง ดาวิด บีย่า ซานเชส ลงมาแทน อเล็กซิส ซานเชซ
นาทีถัดมาชุดขาวหวิดได้ประตูที่สองจากจังหวะที่ หลุดเดียวเข้าไปซัดด้วยเท้าซ้ายเต็มแรงแต่ยังไม่ผ่าน บัลเดส ที่ป้องกันเอาไว้ได้อีกหน
บาร์ซ่าได้โอกาสโต้กลับเร็วอีกครั้งและเกือบได้อีกประตูนาทีที่ 85 เป็น เมสซี่ จ่ายบอลให้ อิเนียสต้า หลุดเข้าไปยิงเสาแรก กาซียาส นายด่านเจ้าถิ่นยังป้องกันเอาไว้ได้
นาทีที่ 88 บาร์ซ่าเปลี่ยนผู้เล่นคนสุดท้ายโดยเปลี่ยน อันเดรส อิเนียสต้า ออกและส่ง เปโดร โรดริเกซ ลงมาแทน
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายชุดขาวได้ลุ้นทำประตูอีกครั้งจากการ ซัดลูกฟรีคิกกลางกรอบเขตโทษของบาร์ซ่า เป็น โรนัลโด้ ที่ยังคงรับหน้าที่สังหารแต่ไปติดกำแพงทีมเยือนจบเกมบาร์เซโลน่า บุกมาย้ำรอยแค้นได้อีกคราถึงถิ่น เรอัล มาดริด 3-1 เก็บสามแต้มสุดสำคัญได้สำเร็จมี 37 คะแนนเท่ากับชุดขาวแซงขึ้นนำจ่าฝูงตารางลีกเมืองกระทิงด้วยผลต่างประตูได้ เสียที่ดีกว่าแต่บาร์ซ่าแข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด
สมัครสมาชิก 12BET วันนี้รับโบนัสวันนี้สิคะ!!
รหัสรับโบนัส 12TH11100 ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท
รหัสรับโบนัส 12B33 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น