ทีมชาติไทย 0 - ทีมชาติญี่ปุ่น 0
ไอ้หนูเยาวชน 19 ปี ทีมชาติไทย โชว์ฟอร์มได้ประทับใจแฟนบอลไทยทั่วประเทศ ด้วยการเสมอกับทีมชาติญี่ปุ่น 0-0 ในศึกเยาวชน 19 ปี ชิงแชมป์เอเชียรอบคัดเลือก กลุ่ม อี โดยทีมไทยผ่านไปเล่นในรอบสุดท้ายอย่างแน่นอนแล้ว ขณะที่ ส.ส.ชาดาฉีดอีก 1 แสน นอกจากนี้ก็ยังมีแมวมองจากต่างประเทศมาซุ้มดูฟอร์มของนักเตะในเกมนี้ด้วย
การแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 19 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2012 รอบคัดเลือก กลุ่ม อี ประจำวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา
ที่สนามเทพหัสดิน เป็นการพบกันระหว่าง ทีมชาติไทย ที่มี 9 คะแนนจากการลงสนาม 3 เกม ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายแน่นอนแล้ว พบกับทีมชาติญี่ปุ่น ที่ลงสนาม 2 เกมเก็บได้ 6 คะแนน และเกมนี้ต้องการชัยชนะเพื่อเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย โดยเกมล่าสุดของทั้ง 2 ทีม ไทยเอาชนะกวมมาได้ 13-0 ขณะที่ญี่ปุ่นเอาชนะไต้หวันมา 5-0
สำหรับเกมการแข่งขันในนัดนี้ได้รับความสนใจจากแฟนฟุตบอลชาวไทยเป็น จำนวนมาก โดยแม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมยังคงกระจายไปทั่วเมืองกรุง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาของแฟนบอลที่เกมนี้เดินทางเข้าชมเกมในสนามมากกว่า 3.5 พันคน ตั้งใจมาให้กำลังใจไอ้หนูนักเตะเยาวชนทีมชาติไทย
โดยเกมนี้แฟนบอลไทยต่างก็หวังที่จะเห็นไทยเอาชนะ หรือเสมอญี่ปุ่นให้ได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็เล่นแบบสู้ได้ เพราะการเจอกับชาติมหาอำนาจลูกหนังของเอเชียถือเป็นการวัดมาตรฐานของฟุตบอล ไทย
เกมนี้ทีมชาติไทยจัดทัพใหญ่ลงสู้กับญี่ปุ่น โดยหวัง 1 คะแนนเป็นอย่างน้อยในเกมนี้ โดย "น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม จัดแผน 4-5-1 เพื่อเน้นเกมรับ โดยผู้รักษาประตูเป็น วัชระ บัวทอง ขณะที่กองหลังมี ธนากร สายปัญญา, นฤบดินทร์ วีระวัฒน์โนดม, พีระวัฒน์ โน้ตชัยยา, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์
ขณะที่เกมในแดนกลาง 5 รายประกอบไปด้วย นิติพงษ์ เสลานนท์, อดิศร พรหมรักษ์, อดิศักดิ์ กลิ่นโกสุม, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธนาบูรณ์ เกษารัตน์ ขณะที่ศูนย์หน้าตัวเป้าเป็นหน้าที่ของ จตุรงค์ พิมพ์คูณ
ขณะที่ ญี่ปุ่นส่งรายชื่อ โอชิมะ แข้งที่ได้รับการจับตาว่าจะก้าวขึ้นมาเป็น ชุนซุเกะ นากามูระ 2 ในอนาคต ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บอยู่ และยังไม่ได้ลงสนามในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ผู้เล่นที่ส่งลงสนามก็ล้วนแต่น่ากลัวทั้งสิ้น โดยผู้รักษาประตูเป็น คูชิบูกิ กองหลังมี เอ็นโดะ และ คูชิบิกิ เป็นแกนหลักที่คอยป้องกันแนวรับ ขณะที่เกมในแดนกลางมี กาคูโตะ และ ฮาราคาวะ ร่วมทำเกมในแดนกลาง ส่วนคู่ศูนย์เป็น คอนโดะ และ คูโบะ ที่ฟอร์มกำลังฮอต ลงล่าตาข่ายในแดนหน้า
เปิดเกมมาเป็นทีมชาติญี่ปุ่นได้เขี่ยลูกเริ่มเกมก่อน โดยรูปเกมในช่วงแรกยังคงผลัดกันครองบอลทั้งสองฝั่ง โดยญี่ปุ่นก็ยังไม่กล้าทำเกมรุกขึ้นมามากนัก โดยเน้นเกมรับแล้วสวนกลับ นาที 7 ญี่ปุ่นได้ลุ้นก่อนจากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา ยามานากะปั่นด้วยซ้ายเข้ามาตรงกลางก่อน วัชระ บัวทอง จะพุ่งปัดออกมาไว้ได้อย่างสวยงาม
นาที 10 ไทยได้ลุ้นบ้างในจังหวะที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้เปิดฟรีคิกจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าไปที่กลางประตูก่อน คูชิบิกิ พุ่งทุบออกมาเข้าทาง นิติพงษ์ เสลานนท์ วอลเลย์จังหวะแรกด้วยซ้าย แต่บอลเหินข้ามคานไป นาที 15 ญี่ปุ่นเริ่มแสดงศักยภาพให้เห็นในจังหวะที่ โนทซึดะ กระชากบอลหลุดกองหลังไปที่ริมเส้นฝั่งซ้ายแล้วเปิดเข้ามาตรงเขตโทษให้กับ คอนโดะ โหนตัวโหม่งข้ามคานออกไป ญี่ปุ่นพลาดโอกาสขึ้นนำ
นาที 18 ไทยได้ฟรีคิกระยะ 30 หลาจากการที่ยามานากะไปขวาง จตุรงค์ พิมพ์คูณ ก่อน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ รับหน้าที่ยิงด้วยขวา แต่บอลแรงเหินข้ามคานออกหลังไปอีก นาที 22 จากเกมโต้กลับเร็วของไทย ชนาธิป สรงกระสินธ์ ลากบอลหลบกองหลังแล้วสปีดหนีไปทางริมเส้นฝั่งขวาแล้วหักเข้ากลางให้ จตุรงค์ พิมพ์คูณ แตะหนี เอ็นโดะ วาตารุ หนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยขวา แต่แรงเกินไปบอลข้ามคานออกไปอีกครั้ง
หลังจากนั้นรูปเกมยังคงเป็นไทยที่ช่วยกันวิ่งไล่ตัดบอลกลับมาเล่น ได้หลายต่อหลายจังหวะ นาที 32 อดิศักดิ์ กลิ่นโกสุม เก็บบอลได้ทางขวาแล้วไหลให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เปิดจังหวะแรกเข้ามาด้านในก่อน คูชิบิกิจะออกมารับแต่ทำพลาดบอลเกือบผ่านตัว แต่ยังดีที่ติดหน้าอกกระดอนออกหลังไป ไทยพลาดโอกาสขึ้นนำอีกครั้ง
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงญี่ปุ่นยังคงเน้นรูปแบบการรับแล้วโต้กลับ เร็ว แต่ว่าในจังหวะสุดท้ายก็ยังทำได้เพียงเฉี่ยวไป-มาเท่านั้น และยังคงเป็นไทยที่ได้สวนกลับบ้าง นาที 39 กองเชียร์ทีมชาติไทยได้ลุ้นกันตัวโก่งในจังหวะที่ นิติพงษ์ เสลานนท์ ได้บอลตรงนอกเขตโทษแล้วล็อกเข้าขวาก่อนไหลให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ วิ่งเข้ามายิงด้วยซ้ายเต็มแรง แต่บอลก็แรงข้ามคานไปอีกครั้ง
นาที 42 จตุรงค์ พิมพ์คูณ มารับใบเหลืองแรกของเกมในจังหวะที่ไปกระโดดโถมแย่งโหม่งใส่ยามานากะ ผู้ตัดสิน อัล โดซารี่ ชาวกาตาร์ ควักกระเป๋าแจกให้อย่างไม่ลังเล เข้าสู่ช่วงท้ายเกมเป็นทีมไทยที่ครองบอลบุกได้ดีกว่าญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ในจังหวะสุดท้ายยังทำได้ไม่ดีพอ และในช่วงเวลาที่เหลือก็ยังไม่มีทีมใดทำประตูได้ จบครึ่งแรกทีมไทยยังเสมอกับญี่ปุ่นอยู่ 0-0
เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง นาที 46 ญี่ปุ่น ได้ลุ้นก่อนบ้างในจังหวะที่ คอนโดะ เก็บบอลได้ตรงกลางสนามก่อนยิงไกลระยะ 26 หลาด้วยขวาเต็มข้อแต่บอลตรงตัว วัชระ บัวทอง รับไว้ได้สบายๆ หลังจากนั้นเกมยังคงสู้กันในกลางสนามเป็นส่วนใหญ่โดยญี่ปุ่นพยายามทำเกมรุก ขึ้นมาแต่ว่ากองหลังของไทยที่วันนี้ตั้งรับกันได้อย่างเหนียวแน่นสามารถตัด บอลกลับมาได้หลายครั้งก่อนที่จะทำให้จังหวะสุดท้ายพลาดเป้าไปหมด
นาที 70 ไทยมาได้เหลืองที่ 2 จากจังหวะที่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ไปยกเท้าสูงใส่ วาตารุ เอ็นโดะ บริเวณน่อง เวลาผ่านไปถึงช่วง 15 นาทีสุดท้าย "น้าฉ่วย" โค้ชทีมไทยส่งผู้เล่นศูนย์หน้าตัวสำรองฮีโร่ในเกมกับเกาหลีใต้อย่าง ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ลงมาแทน อดิศักดิ์ กลิ่นโกสุมภ์ และเปลี่ยนแผนการเล่นเป็น 4-4-2 เปิดฉากเล่นเกมรุกเต็มตัว ในขณะที่ญี่ปุ่นเริ่มทำเกมกลับมาได้บ้างแต่ก็ทำได้เพียงเปิดออกหลังโดยยัง ไม่สามารถหาโอกาสยิงประตูกันได้เลยทั้งสองทีม
เข้าสู่ช่วงท้ายเกมหลังจากที่ ทีมไทย ทำเกมบุกอย่างต่อเนื่องก็เริ่มผ่อนเกมลง และญี่ปุ่นก็ดูเหมือนว่าจะพอใจกับผลเสมอทั้งคู่ โดยทำแค่เพียงผ่านบอลกันไปมาซึ่งก็ไม่มีทีมใดพยายามทำประตูกันสักจังหวะ เดียว ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน ญี่ปุ่นเสมอกับไทย 0-0
ทำให้โอกาสเข้ารอบของ ญี่ปุ่น ค่อนข้างสดใสก่อนจะไปพบกับ เกาหลีใต้ ในเกมสุดท้าย ส่วนทีมชาติไทย เข้ารอบสุดท้าย 100 เปอร์เซ็นต์แล้วโดยแข่ง 4 นัดชนะ 3 เสมอ 1 ไม่แพ้ใครและทำสถิติคลีนชีตได้โดยไม่เสียประตูให้กับคู่แข่งแม้แต่ลูกเดียว ในรอบนี้
ที่สนามเทพหัสดิน เป็นการพบกันระหว่าง ทีมชาติไทย ที่มี 9 คะแนนจากการลงสนาม 3 เกม ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายแน่นอนแล้ว พบกับทีมชาติญี่ปุ่น ที่ลงสนาม 2 เกมเก็บได้ 6 คะแนน และเกมนี้ต้องการชัยชนะเพื่อเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย โดยเกมล่าสุดของทั้ง 2 ทีม ไทยเอาชนะกวมมาได้ 13-0 ขณะที่ญี่ปุ่นเอาชนะไต้หวันมา 5-0
สำหรับเกมการแข่งขันในนัดนี้ได้รับความสนใจจากแฟนฟุตบอลชาวไทยเป็น จำนวนมาก โดยแม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมยังคงกระจายไปทั่วเมืองกรุง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาของแฟนบอลที่เกมนี้เดินทางเข้าชมเกมในสนามมากกว่า 3.5 พันคน ตั้งใจมาให้กำลังใจไอ้หนูนักเตะเยาวชนทีมชาติไทย
โดยเกมนี้แฟนบอลไทยต่างก็หวังที่จะเห็นไทยเอาชนะ หรือเสมอญี่ปุ่นให้ได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็เล่นแบบสู้ได้ เพราะการเจอกับชาติมหาอำนาจลูกหนังของเอเชียถือเป็นการวัดมาตรฐานของฟุตบอล ไทย
เกมนี้ทีมชาติไทยจัดทัพใหญ่ลงสู้กับญี่ปุ่น โดยหวัง 1 คะแนนเป็นอย่างน้อยในเกมนี้ โดย "น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม จัดแผน 4-5-1 เพื่อเน้นเกมรับ โดยผู้รักษาประตูเป็น วัชระ บัวทอง ขณะที่กองหลังมี ธนากร สายปัญญา, นฤบดินทร์ วีระวัฒน์โนดม, พีระวัฒน์ โน้ตชัยยา, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์
ขณะที่เกมในแดนกลาง 5 รายประกอบไปด้วย นิติพงษ์ เสลานนท์, อดิศร พรหมรักษ์, อดิศักดิ์ กลิ่นโกสุม, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธนาบูรณ์ เกษารัตน์ ขณะที่ศูนย์หน้าตัวเป้าเป็นหน้าที่ของ จตุรงค์ พิมพ์คูณ
ขณะที่ ญี่ปุ่นส่งรายชื่อ โอชิมะ แข้งที่ได้รับการจับตาว่าจะก้าวขึ้นมาเป็น ชุนซุเกะ นากามูระ 2 ในอนาคต ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บอยู่ และยังไม่ได้ลงสนามในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ผู้เล่นที่ส่งลงสนามก็ล้วนแต่น่ากลัวทั้งสิ้น โดยผู้รักษาประตูเป็น คูชิบูกิ กองหลังมี เอ็นโดะ และ คูชิบิกิ เป็นแกนหลักที่คอยป้องกันแนวรับ ขณะที่เกมในแดนกลางมี กาคูโตะ และ ฮาราคาวะ ร่วมทำเกมในแดนกลาง ส่วนคู่ศูนย์เป็น คอนโดะ และ คูโบะ ที่ฟอร์มกำลังฮอต ลงล่าตาข่ายในแดนหน้า
เปิดเกมมาเป็นทีมชาติญี่ปุ่นได้เขี่ยลูกเริ่มเกมก่อน โดยรูปเกมในช่วงแรกยังคงผลัดกันครองบอลทั้งสองฝั่ง โดยญี่ปุ่นก็ยังไม่กล้าทำเกมรุกขึ้นมามากนัก โดยเน้นเกมรับแล้วสวนกลับ นาที 7 ญี่ปุ่นได้ลุ้นก่อนจากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา ยามานากะปั่นด้วยซ้ายเข้ามาตรงกลางก่อน วัชระ บัวทอง จะพุ่งปัดออกมาไว้ได้อย่างสวยงาม
นาที 10 ไทยได้ลุ้นบ้างในจังหวะที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้เปิดฟรีคิกจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าไปที่กลางประตูก่อน คูชิบิกิ พุ่งทุบออกมาเข้าทาง นิติพงษ์ เสลานนท์ วอลเลย์จังหวะแรกด้วยซ้าย แต่บอลเหินข้ามคานไป นาที 15 ญี่ปุ่นเริ่มแสดงศักยภาพให้เห็นในจังหวะที่ โนทซึดะ กระชากบอลหลุดกองหลังไปที่ริมเส้นฝั่งซ้ายแล้วเปิดเข้ามาตรงเขตโทษให้กับ คอนโดะ โหนตัวโหม่งข้ามคานออกไป ญี่ปุ่นพลาดโอกาสขึ้นนำ
นาที 18 ไทยได้ฟรีคิกระยะ 30 หลาจากการที่ยามานากะไปขวาง จตุรงค์ พิมพ์คูณ ก่อน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ รับหน้าที่ยิงด้วยขวา แต่บอลแรงเหินข้ามคานออกหลังไปอีก นาที 22 จากเกมโต้กลับเร็วของไทย ชนาธิป สรงกระสินธ์ ลากบอลหลบกองหลังแล้วสปีดหนีไปทางริมเส้นฝั่งขวาแล้วหักเข้ากลางให้ จตุรงค์ พิมพ์คูณ แตะหนี เอ็นโดะ วาตารุ หนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยขวา แต่แรงเกินไปบอลข้ามคานออกไปอีกครั้ง
หลังจากนั้นรูปเกมยังคงเป็นไทยที่ช่วยกันวิ่งไล่ตัดบอลกลับมาเล่น ได้หลายต่อหลายจังหวะ นาที 32 อดิศักดิ์ กลิ่นโกสุม เก็บบอลได้ทางขวาแล้วไหลให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เปิดจังหวะแรกเข้ามาด้านในก่อน คูชิบิกิจะออกมารับแต่ทำพลาดบอลเกือบผ่านตัว แต่ยังดีที่ติดหน้าอกกระดอนออกหลังไป ไทยพลาดโอกาสขึ้นนำอีกครั้ง
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงญี่ปุ่นยังคงเน้นรูปแบบการรับแล้วโต้กลับ เร็ว แต่ว่าในจังหวะสุดท้ายก็ยังทำได้เพียงเฉี่ยวไป-มาเท่านั้น และยังคงเป็นไทยที่ได้สวนกลับบ้าง นาที 39 กองเชียร์ทีมชาติไทยได้ลุ้นกันตัวโก่งในจังหวะที่ นิติพงษ์ เสลานนท์ ได้บอลตรงนอกเขตโทษแล้วล็อกเข้าขวาก่อนไหลให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ วิ่งเข้ามายิงด้วยซ้ายเต็มแรง แต่บอลก็แรงข้ามคานไปอีกครั้ง
นาที 42 จตุรงค์ พิมพ์คูณ มารับใบเหลืองแรกของเกมในจังหวะที่ไปกระโดดโถมแย่งโหม่งใส่ยามานากะ ผู้ตัดสิน อัล โดซารี่ ชาวกาตาร์ ควักกระเป๋าแจกให้อย่างไม่ลังเล เข้าสู่ช่วงท้ายเกมเป็นทีมไทยที่ครองบอลบุกได้ดีกว่าญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ในจังหวะสุดท้ายยังทำได้ไม่ดีพอ และในช่วงเวลาที่เหลือก็ยังไม่มีทีมใดทำประตูได้ จบครึ่งแรกทีมไทยยังเสมอกับญี่ปุ่นอยู่ 0-0
เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง นาที 46 ญี่ปุ่น ได้ลุ้นก่อนบ้างในจังหวะที่ คอนโดะ เก็บบอลได้ตรงกลางสนามก่อนยิงไกลระยะ 26 หลาด้วยขวาเต็มข้อแต่บอลตรงตัว วัชระ บัวทอง รับไว้ได้สบายๆ หลังจากนั้นเกมยังคงสู้กันในกลางสนามเป็นส่วนใหญ่โดยญี่ปุ่นพยายามทำเกมรุก ขึ้นมาแต่ว่ากองหลังของไทยที่วันนี้ตั้งรับกันได้อย่างเหนียวแน่นสามารถตัด บอลกลับมาได้หลายครั้งก่อนที่จะทำให้จังหวะสุดท้ายพลาดเป้าไปหมด
นาที 70 ไทยมาได้เหลืองที่ 2 จากจังหวะที่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ไปยกเท้าสูงใส่ วาตารุ เอ็นโดะ บริเวณน่อง เวลาผ่านไปถึงช่วง 15 นาทีสุดท้าย "น้าฉ่วย" โค้ชทีมไทยส่งผู้เล่นศูนย์หน้าตัวสำรองฮีโร่ในเกมกับเกาหลีใต้อย่าง ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ลงมาแทน อดิศักดิ์ กลิ่นโกสุมภ์ และเปลี่ยนแผนการเล่นเป็น 4-4-2 เปิดฉากเล่นเกมรุกเต็มตัว ในขณะที่ญี่ปุ่นเริ่มทำเกมกลับมาได้บ้างแต่ก็ทำได้เพียงเปิดออกหลังโดยยัง ไม่สามารถหาโอกาสยิงประตูกันได้เลยทั้งสองทีม
เข้าสู่ช่วงท้ายเกมหลังจากที่ ทีมไทย ทำเกมบุกอย่างต่อเนื่องก็เริ่มผ่อนเกมลง และญี่ปุ่นก็ดูเหมือนว่าจะพอใจกับผลเสมอทั้งคู่ โดยทำแค่เพียงผ่านบอลกันไปมาซึ่งก็ไม่มีทีมใดพยายามทำประตูกันสักจังหวะ เดียว ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน ญี่ปุ่นเสมอกับไทย 0-0
ทำให้โอกาสเข้ารอบของ ญี่ปุ่น ค่อนข้างสดใสก่อนจะไปพบกับ เกาหลีใต้ ในเกมสุดท้าย ส่วนทีมชาติไทย เข้ารอบสุดท้าย 100 เปอร์เซ็นต์แล้วโดยแข่ง 4 นัดชนะ 3 เสมอ 1 ไม่แพ้ใครและทำสถิติคลีนชีตได้โดยไม่เสียประตูให้กับคู่แข่งแม้แต่ลูกเดียว ในรอบนี้
สมัครสมาชิก 12BET วันนี้รับโบนัสวันนี้สิคะ!!
รหัสรับโบนัส 12TH11100 ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น